พังงา

พังงา

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

พังงา หน้าฝน

จังหวัดพังงา เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคใต้ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่นิยมมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน แต่ถ้าหมดร้อนนี้แล้วใครมาเที่ยวไม่ทัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวช่วงฤดูฝนดูบ้าง บอกเลยว่ามีที่เที่ยวสวย ๆ ไม่แพ้กัน บัดดี้หยิบยก 20 พิกัด แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งร้านอาหารบางส่วนในจังหวัดพังงา มาฝากเพื่อน ๆ ใครอยากไปที่ไหนดูรีวิวนี้ไว้แล้วจดลิสต์ไปได้เลย 1. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งที่สองของประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่หากนึกถึงภาคใต้ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ หลายแห่ง เช่น ถ้ำลอด เขาหมาจู เขาตะปู เขาพิงกัน เกาะห้อง เป็นต้น กิจกรรมสุดฮิตในการท่องเที่ยวอ่าวพังงา คือ การล่องเรือเที่ยวรอบอ่าวพังงานั่นเองค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อัตราค่าเข้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ชาวไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท เลขที่ 80 หมู่ 1 ถนนบ้านท่าด่าน ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/nYUDsE1v1nwtG7va7 2. เกาะปันหยี หมู่บ้านเล็ก ๆ บนเกาะ ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวพังงาและบริเวณป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีภูเขาหินปูนที่มีลักษณะสูงใหญ่และแผ่กว้าง สามารถบังคลื่นลมได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จึงนับถือศาสนาอิสลาม และประกอบอาชีพชาวประมงเป็นหลัก เกาะแห่งนี้เริ่มก่อสร้างโดยชาวประมงซึ่งอพยพมาจากอินโดนีเซียโดยเรือ เข้ามาเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 และตกลงกันว่าหากพบพื้นที่เหมาะสมแล้ว ให้ปักธงเป็นสัญลักษณ์ไว้ คำว่า ‘ปันหยี’ (PulauPanji) แปลว่า ‘ธง’ ผ่านเลยเวลามากว่า 300 ปี ที่นี่มีสิ่งปลูกสร้างหลายแห่ง มีทั้งมัสยิดดารุสสลามที่ก่อสร้างเป็นอาคารสูงสองชั้น ยอดโดมมีสีทองโดดเด่นสวยสง่า ภายในอาคารตกแต่งด้วยหินอ่อน มีสนามฟุตบอลลอยน้ำที่มาจากความตั้งใจของเด็ก ๆ บนเกาะที่มีใจรักฟุตบอล ซึ่งเดิมทีอาศัยเล่นตามชายหาดเวลาน้ำลง ต่อมาได้ทำแพเป็นลานกว้าง ๆ เพื่อเล่นฟุตบอล และพัฒนามาเป็นโป๊ะพลาสติกลอยน้ำ ก่อตั้งทีมฟุตบอลในชื่อว่า “ปันหยีเอฟซี” ซึ่งประสบความสำเร็จ สามารถคว้าแชมป์มาแล้วหลายสนาม การมาของนักท่องเที่ยว ช่วยสนับสนุนให้ผู้คนในท้องถิ่นประกอบอาชีพมากขึ้น ได้แก่กิจการร้านอาหาร รับจ้างขับเรือและขายสินค้าที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลตากแห้งและแปรรูป อีกทั้งเกาะปั่นหยียังเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับ ‘มุก’ สร้างรายได้ให้กับชุมชนเป็นอย่างดี ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/pXPdmPUYMoNW6SZA9 ถ้ำลอด อีกหนึ่งสถานที่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นเกาะหินปูนกลางน้ำ มีปากถ้ำ ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของน้ำทะเลจนทะลุอีกด้านหนึ่ง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม มีนักท่องเที่ยวนิยมมาพายเรือแคนู และคายัก และยังสามารถพายลอดผ่านเข้าไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับน้ำขึ้นน้ำลงในแต่ละวันด้วย ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/BNwm8DL3AouYyH5J7 เขาตะปู สถานที่ท่องเที่ยวในภาพจำของจังหวัดพังงา เขาตะปูเป็นภูเขาหินปูนที่มีลักษณะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งเด่นอยู่บริเวณปากอ่าวพังงา ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นคล้ายกับตะปูตัวใหญ่ ไม่แนะนำให้เข้าใกล้เขาตะปูมากเกินไป เนื่องจากส่วนล่างของภูเขาถูกน้ำกัดเซาะตามธรรมชาติจนสึกกร่อน และมึลักษณะคอดกิ่วอย่างที่เห็น ที่แห่งนี้โด่งดังอย่างมากและเป็นหนึ่งในฉากดวลปืนของ ‘โรเจอร์ มัวร์’ ในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ 007 ตอน เพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) จึงทำให้เขาตาปูมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จนได้ชื่อว่า ‘เกาะเจมส์ บอนด์’ ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/eLfP5aEMkfq6TZjVA จุดชมวิวอ่างโต๊ะหลี เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่ง ห่างจากจุดชมวิวเสม็ดนางชีประมาณ 2 กิโลเมตร มีที่พักแบบกางเต็นท์บริการ ค่าธรรมเนียมขึ้นชมจุดชมวิว คนไทย 30 บาท สามารถนำรถขึ้นมาบริเวณจุดชมวิวได้ หมู่ 8 ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/4jEnckcxuAHS5Tgg9 จุดชมวิวเสม็ดนางชี อยู่บ้านเสม็ดนางชี หมู่ที่ 2 ตำบลคลองเคียน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มีชื่อเสียงของพังงา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของอ่าวพังงา มีจุดชมวิวอยู่ 2 จุดคือ จุดแรกระยะทาง 300 เมตร และจุดที่สองระยะทาง 500 เมตร มีที่พักและจุดกางเต็นท์ของเอกชนบริการ ค่าธรรมเนียมขึ้นจุดชมวิว คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปบริเวณจุดชมวิว 90 ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/Wh8WbKZ7qigK8iUv5 เปิดทุกวัน เวลา 07.00–18.00 น. ถ้ำพุงช้าง อยู่ภายในบริเวณวัดประพาสประจิมเขต หลังศาลากลางจังหวัด เป็นถ้ำใหญ่อยู่กลางภูเขาช้างเรียกว่า “พุงช้าง” การเข้าชมถ้ำต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนู ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปแบบแปลกตา เช่น หินงอกหินย้อยรูปช้างร้อยเชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกที่เมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงาม อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย ใช้เวลาเดินชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงาhttps://maps.app.goo.gl/XRwnG8TMCL7JgYC59 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. หาดท้ายเหมือง ชายหาดสวยอีกแห่งในอำเภอท้ายเหมือง ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เป็นชายหาดกว้างและมีความยาวกว่า 13 กิโลเมตร ทอดตัวขนานไปกับแนวถนน ประกอบกับมีต้นสนเรียงรายริมหาดให้ร่มเงาแก่นักท่องเที่ยว ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อน สามารถลงเล่นน้ำได้ ทุก ๆ ปี ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นบริเวณที่เต่ามะเฟืองจะขึ้นมาวางไข่ในเวลากลางคืนเดือนหงาย และหลังจากที่ไข่เต่าฟักเป็นตัวแล้ว ก็จะมีการจัดกิจกรรมปล่อยลูกเต่าลงทะเล อีกด้วย

พังงา หน้าฝน อ่านเพิ่มเติม

เกาะคอเขา … เปิดมุมมองใหม่ทะเลพังงา

เกาะคอเขา เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่ง บริเวณชุมชนบ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า บนเกาะมีสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ มีความเงียบสงบและยังคงความเป็นธรรมชาติ ทางทิศเหนือของเกาะ มีท่าเรือที่สามารถข้ามไปเกาะพระทอง ทางทิศตะวันออกของเกาะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มของชาวบ้าน ปลายแหลมทางทิศใต้คือท่าเรือหลักของเกาะ ที่ใช้ข้ามไปมาระหว่างเกาะคอเขา-บ้านน้ำเค็ม ทางทิศตะวันตกของเกาะเป็นแนวชายหาด เป็นที่ตั้งของที่พักและร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยว ร่มรื่นด้วยแนวต้นสนทะเลและต้นมะพร้าว หาดทรายยาวขาวสะอาด สามารถเล่นน้ำได้ และยังสามารถมองเห็น “เกาะผ้า” ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลและไม่ไกลจากเกาะคอเขามากนัก การคมนาคมบนเกาะสำหรับนักท่องเที่ยว แนะนำให้นำรถยนต์ส่วนตัวหรือเช่ารถยนต์หรือจักรยานยนต์จากบนฝั่งลงแพขนานยนต์เพื่อขับเที่ยวเองบนเกาะ หรือประสานที่พักที่จองไว้บนเกาะให้ช่วยจัดหารถรับส่งพาเที่ยวบนเกาะ การเดินทาง : ลงเรือข้ามไปเกาะคอเขาได้ที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 12 กิโลเมตร มีเรือยนต์รับจ้างและแพขนานยนต์ให้บริการ ตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น. ค่าบริการนำรถยนต์ลงแพขนานยนต์ คันละ 200 บาท จักรยานยนต์ คันละ 50 บาท ผู้โดยสารคนละ 20 บาท ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที พิกัด (ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม) https://maps.app.goo.gl/Mrf784nEcx7e8d2K8พิกัด (ท่าเรือเกาะคอเขา) https://maps.app.goo.gl/LfRhc1znNs7LutB6A สอบถามรอบแพขนานยนต์ข้ามฟากและเรือข้ามฟากได้ที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม โทร. 08 4841 2367

เกาะคอเขา … เปิดมุมมองใหม่ทะเลพังงา อ่านเพิ่มเติม

หมู่เกาะสุรินทร์ ฉบับ Backpacker

จุดหมายปลายทางหลักในการท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูร้อนคงหนีไม่พ้น “ทะเล” เชื่อได้ว่าหนึ่งในทะเลที่สวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยและเป็น Dream Destination ของใครหลายคน คือ หมู่เกาะสุรินทร์ (อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์)  ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน (เหนือ) ห่างจากท่าเรือคุระบุรี จังหวัดพังงา ประมาณ 70 กิโลเมตร ในทุก ๆ ปี อุทยานฯ จะประกาศเปิดเกาะระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม เท่านั้น อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯชาวไทย : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 250 บาท สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งแบบค้างคืนบนเกาะสุรินทร์เหนือและแบบเช้าไปเย็นกลับ ในกรณีค้างคืนบนเกาะ ต้องจองที่พัก (บ้านพัก/เต็นท์) ล่วงหน้า และจองเรือสปีดโบ๊ตไปเกาะล่วงหน้ากับบริษัทนำเที่ยวเอกชน โดยสามารถจองเฉพาะเรือไปกลับ หรือซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบรวมเรือและที่พักบนเกาะไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจดำน้ำแบบ One Day Trip ให้บริการอีกด้วย สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร. 0 7647 2145, 0 7647 2146 ใครอยากไปเที่ยว ‘หมู่เกาะสุรินทร์’ แบบฉบับ Backpacker ตามมาดูกันเลย การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์ กรณี Backpack ไปเอง ไม่ได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์– จองที่พักของอุทยานฯ บนเกาะ (บ้านพัก/เต็นท์) >> https://nps.dnp.go.th/reservation.php?option=home– จองเรือไปกลับ– จองเครื่องบิน/รถโดยสารประจำทาง/รถเช่า– จัดเตรียมอุปกรณ์จำเป็นในการเดินทาง อันดับแรกขอเริ่มต้นกันที่ ‘ท่าเรือคุระบุรี’ กันก่อนเลย เรือโดยสาร ปัจจุบันให้บริการโดยบริษัทนำเที่ยวเอกชน (ไม่มีบริการเรือของอุทยานฯ แล้ว) เปิดให้บริการทุกวันในช่วงเปิดเกาะ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-15 พฤษภาคม ของทุกปี เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมจึงจะปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว มีรอบเวลาเดินเรือ ดังนี้ จากท่าเรือคุระบุรี เวลา 09.00 น. ถึงที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ เวลา 11.30 น.จากที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ เวลา 13.00 น. ถึงท่าเรือคุระบุรี เวลา 15.30 น. อัตราค่าโดยสารเรือสปีดโบ๊ตไป-กลับ คนละ 1,500-1,700 บาท แนะนำให้จองที่นั่งบนเรือล่วงหน้าก่อนเดินทางจากบริษัทนำเที่ยวเอกชนที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือคุระบุรี หรือในพื้นที่จังหวัดพังงา ภูเก็ต และระนอง ‘อ่าวช่องขาด’ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ มีบ้านพัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟให้บริการ อ่าวช่องขาดนี้จะเป็นจุดแรกสำหรับจอดเรือเพื่อส่งนักท่องเที่ยว น้ำทะเลและหาดทรายที่อ่าวช่องขาด มีความสวยงามไม่แพ้หาดอื่น ๆ บนเกาะ หนึ่งในจุดแลนด์มาร์กของอ่าวช่องขาด คือ หินแม่ไก่ ซึ่งเป็นโขดหินริมหาดที่มีรูปร่างคล้ายไก่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองเต็นท์ค้างแรมบนเกาะสุรินทร์เหนือ จะต้องต่อเรือหัวโทงตามรูปเพื่อไปยัง “อ่าวไม้งาม” ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของเกาะ และเป็นจุดกางเต็นท์หลักของอุทยานฯ โดยระยะทางระหว่าง อ่าวช่องขาด-อ่าวไม้งาม ใช้เวลานั่งเรือหัวโทง ประมาณ 10 นาที เท่านั้น ‘อ่าวไม้งาม’ เป็นอ่าวที่มีน้ำทะเลสวยใส มีชายหาด 2 แห่ง คือ บริเวณท่าเรือ และอีกด้านของเกาะ ซึ่งเป็นพื้นที่กางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยตรงท่าเรืออ่าวไม้งาม จะพบป้ายบอกทางให้เดินไปอีก 200 เมตร ถึงชายหาดอ่าวไม้งามอีกฝั่ง อ่าวไม้งาม มีโค้งอ่าวยาวประมาณ 800 เมตร มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสวยใสมาก ตามแนวชายหาดของอ่าวไม้งามยังคงความเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ขึ้นขนานไปกับแนวหาดดูร่มรื่น มีไม้โกงกางลำต้นสวยแปลกตาตั้งอยู่ริมหาด ถือเป็นแลนด์มาร์กของอ่าวไม้งาม ที่อ่าวไม้งามมีจุดกางเต็นท์ของอุทยานฯ ให้บริการ โดยต้องจองในเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง ส่วนใครที่เตรียมเต็นท์มาเอง ที่บริเวณอ่าวไม้งามยังมีโซนพื้นที่สำหรับให้กางเต็นท์ที่นักท่องเที่ยวเตรียมมาเองด้วยเหมือนกัน นอกจากอ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งามบนเกาะสุรินทร์เหนือ ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบหมู่เกาะสุรินทร์อีกหลายแห่ง สามารถเช่าเหมาเรือหัวโทงจากทั้งอ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งามไปเที่ยวระหว่างวันได้ หนึ่งในกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ คือ การดำน้ำ เพราะหมู่เกาะสุรินทร์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่สวยอันดับต้น ๆ ของไทย จุดดำน้ำรอบหมู่เกาะสุรินทร์ มีทั้งแบบจุดดำน้ำตื้นและจุดดำน้ำลึก จุดดำน้ำตื้นชมปะการังที่มีชื่อเสียง เช่น อ่าวบอน อ่าวสุเทพ อ่าวแม่ยาย อ่าวจาก เป็นต้นจุดดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงของหมู่เกาะสุรินทร์ เช่น กองหินริเชลิว เกาะตอริลลา เกาะสตอร์ค เป็นต้น จุดเช็กอินน่าสนใจอีกแห่งของหมู่เกาะสุรินทร์ คือ หมู่บ้านชาวมอแกน ซึ่งตั้งอยู่อ่าวบอนใหญ่ เกาะสุรินทร์ใต้ โดยสามารถนั่งเรือหัวโทงจากเกาะสุรินทร์เหนือมาที่นี่ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที  สามารถซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ทั้งแบบค้างคืน/แบบ One Day Tour/แบบ Half Day Tour เพื่อมาเที่ยวที่หมู่บ้านชาวมอแกนได้ เพราะในแพ็กเก็จทัวร์จะพาไปเที่ยวชายหาดบนเกาะสุรินทร์เหนือ จุดดำน้ำต่าง ๆ และเที่ยวหมู่บ้านมอแกนบนเกาะสุรินทร์ใต้ “ชาวมอแกน” หรือ “ยิปซีแห่งท้องทะเล” บนเกาะสุรินทร์ใต้ มีประมาณ 200 คน ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม สร้างกระท่อมยกเสาสูงเป็นที่อยู่อาศัยบริเวณชายหาด ชาวมอแกนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านเป็นหลัก และทำของที่ระลึกขายให้นักท่องเที่ยว บางส่วนเป็นลูกจ้างช่วยงานภายในอุทยานฯ ของที่ระลึกที่ชาวมอแกนทำขายนักท่องเที่ยวบนเกาะ เช่น ผ้าบาติก/เครื่องประดับที่ทำจากหิน ลูกปัด และเชือกถัก/กระเป๋าสานจากเชือกอวนทะเล เป็นต้น ใครมีโอกาสไปเที่ยวหมู่บ้านมอแกน อย่าลืมช่วยกันอุดหนุนของที่ระลึกซึ่งเป็นงานฝีมือน่ารัก ๆ ของชาวมอแกนกันด้วยนะ ท้ายสุด…อย่าลืมช่วยกันรักษาธรรมชาติของท้องทะเลหมู่เกาะสุรินทร์ เช่น ไม่ทิ้งขยะตามแหล่งท่องเที่ยวและพยายามสร้างขยะให้น้อยที่สุด ไม่สัมผัสหรือทำลายปะการังใต้น้ำ เป็นต้น เพื่อที่พวกเราจะมีทะเลที่สวยงามให้ได้เที่ยวกันไปอีกนานแสนนาน

หมู่เกาะสุรินทร์ ฉบับ Backpacker อ่านเพิ่มเติม

เกาะผ้า พังงา

เราเดินทางมาที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มุ่งหน้ามาที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม เพื่อล่องเรือไปชมความงดงามของ “เกาะผ้า” เกาะไซซ์มินิมอลในทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะคอเขา ความมหัศจรรย์ของเกาะผ้าอันเป็นที่มาของชื่อนั้น เพราะว่าเกาะจะเปลี่ยนรูปร่างราวกับผืนผ้าที่พริ้วไหวไปมาตามระดับน้ำทะเล เดิมทีเกาะแห่งนี้เคยมีพื้นที่ราว ๆ 5 ไร่ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งต้นไม้ใหญ่ ต้นมะพร้าวมากมาย เมื่อเกิดสึนามิในปี พ.ศ. 2547 ทำให้เกาะแห่งนี้ถูกซัดหายไป ปัจจุบันจะมองเห็นเพียงเนินสันทรายสีขาว ในช่วงที่น้ำทะเลลดลง สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือมาถึงเกาะผ้าประมาณ 40 นาที สัมผัสแรกด้วยตา มองเห็นทรายขาวละเอียดกลางทะเล เดินลงจากเรือมาสัมผัสทรายนุ่ม ๆ นั่งเล่น รับลม เพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบ บางทีก็มีฝูงนกบินผ่านมา ช่วยแต่งเติมสีสันของการมาเที่ยวเกาะผ้าได้ดีเชียวล่ะ ใครปักหมุดจะมาที่นี่ มาเที่ยวได้เรื่อย ๆ จนถึงเดือนเมษายนก่อนเข้าหน้ามรสุมเลยนะ ส่วนใครที่พกอุปกรณ์มาด้วย อย่าลืมเก็บกลับกันให้หมด เพื่อช่วยรักษาความสะอาดของแหล่งท่องเที่ยวกันด้วย ช่วงเวลาท่องเที่ยวของแต่ละวันจะไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง เพื่อน ๆ สามารถสอบถามเรือจ้างล่วงหน้าได้ว่าวันที่เราจะเดินทางไปเที่ยวนั้นเหมาะช่วงเวลาไหน เพื่อที่จะสามารถวางแผนเดินทางล่วงหน้าได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมเรือจ้างเกาะคอเขา โทร. 08 4841 2367 ราคาเริ่มต้น 2,500 บาท พิกัดท่าเรือบ้านน้ำเค็ม https://maps.app.goo.gl/4UJQ4cLoUMVwkLC28

เกาะผ้า พังงา อ่านเพิ่มเติม

สิมิลัน สวรรค์แดนใต้

สิมิลัน เปิดแล้วจ้า…หนีกรุงฯ ไปทะเลน้ำใส ๆ เดินเล่นบนหาดทรายขาว ๆ ดำน้ำดูปะการังกันที่ “สิมิลัน” จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่รักทะเลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  ตอนนี้ได้ประกาศเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมูเกาะสิมิลัน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา บรรยากาศของท้องทะเลฝั่งอันดามันในช่วงนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ทะเลสวยสุด ๆ ในรอบปี แบบนี้ห้ามพลาดกันแล้วนะ มารู้จักสิมิลันให้มากขึ้นกันก่อน คำว่า สิมิลัน เป็นภาษายาวี มีความหมายว่า “เก้า” ซึ่งหมายถึงหมู่เกาะย่อย ๆ ทั้งเก้าเกาะ แต่เดิมที่เริ่มจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันนั้นมีแค่ 9 เกาะ ภายหลังก็ได้มีการรวมเกาะบอนและเกาะตาชัย ที่อยู่ขึ้นไปทางทิศเหนือเข้าไปอยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันด้วยเช่นกัน สถานที่ท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ก็มีไฮไลต์หลายแหล่ง แถมยังมีกิจกรรมให้ทำอีกเพียบ ไม่ได้มีแค่หาดสวยอย่างเดียวนะ จุดชมวิวแต่ละเกาะก็มีดีไม่แพ้กัน  เริ่มเลยที่ “เกาะแปด” เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จุดเช็กอินแรกที่ห้ามพลาดเลยคือ “หินเรือใบ” จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นชายหาดสวย ๆ ของเกาะสิมิลันได้จากมุมสูง เดินตามเส้นทางขึ้นไปประมาณ 150 เมตร ก็จะได้เห็นทิวทัศน์สวยงามเกินบรรยาย  ดำน้ำชมปะการังอันสวยงามที่ “เกาะบางู” จุดดำน้ำที่มีทั้งพันธุ์ปลาหายากและฝูงปลาขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นจุดชมปะการังยอดฮิตของสายดำน้ำด้วย หากใครที่ชอบดำน้ำตื้น ที่นี่เหมาะมาก ๆ ค่ะ แต่บัดดี้ขอฝากเพื่อน ๆ ช่วยกันระมัดระวังและรักษาสิ่งแวดล้อมกันด้วยนะคะ  “เกาะบายู” หรือ เกาะเจ็ด ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเต่าทะเล หากโชคดีได้มีโอกาสเจอน้องแวะมาทักทายด้วยนะคะ  “เกาะเมียง” ที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ว่ากันว่าเป็นเกาะที่มีชายหาดอันงดงามถึงสองชายหาดซึ่งสามารถเดินทะลุถึงกันได้ เดินถ่ายรูปกันได้แบบชิล ๆ ค่ะ สำหรับใครที่วางแผนไปเที่ยวสิมิลัน บัดดี้แนะนำให้ติดต่อกับบริษัททัวร์กันได้เลย และที่อุทยานฯ มีที่พักทั้งในส่วนของบ้านพักและจุดกางเต็นท์คอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะ ใครที่ไม่อยากเหนื่อยเกินไปบัดดี้แนะนำว่ามาเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน จะได้มีเวลานอนพักผ่อน ดื่มด่ำบรรยากาศได้อย่างเต็มที่  การเดินทาง ไปยังหมู่เกาะสิมิลัน เพื่อน ๆ สามารถติดต่อกับทางบริษัทเอกชนได้หลายเจ้า โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา และจากท่าเรือจะมีแค่ Speed Boat ของเอกชนเท่านั้นที่ให้บริการนักท่องเที่ยว โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

สิมิลัน สวรรค์แดนใต้ อ่านเพิ่มเติม

🏔🌌ภูตาจอ … หลังคาพังงา🌌🏔

ว่ากันว่าผืนป่าทางภาคใต้ของไทยเป็นป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์ จะดีสักเพียงใดถ้าครั้งหนึ่งในชีวิต ได้พาตัวเองไปสัมผัสธรรมชาติป่าเขาอย่างใกล้ชิด ได้นอนดูดาว ได้ชมทะเลหมอก และอาบสายลมเย็น “ภูตาจอ” ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต ซึ่งมีอาณาเขตเชื่อมต่อกับป่าเขาสก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดพังงา ที่ระดับความสูง 1,350 เมตร จากระดับน้ำทะเล บริเวณนี้แต่เดิมเคยเป็นเหมืองแร่ดีบุกเก่าแก่มีชื่อว่า “เหมืองตาจอ” คนท้องถิ่นจึงเรียกยอดภูแห่งนี้ว่า “ภูตาจอ” ที่ตั้ง : ตำบลเหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงาพิกัดภูตาจอ : https://maps.app.goo.gl/rCMf762e1aQw7PMP9 การเดินทาง : เนื่องจากเส้นทางสู่ยอดภูตาจอเป็นทางวิบาก ต้องอาศัยความชำนาญในเส้นทางและระมัดระวังในการขับรถ แนะนำให้ใช้บริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อนำเที่ยวของชาวบ้านในพื้นที่ มีจุดให้บริการอยู่ที่บ้านช้างเชื่อ ตำบลเหล อำเภอกะปง อยู่ห่างจากยอดภูตาจอ 14 กิโลเมตร พิกัดจุดให้บริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ : https://maps.app.goo.gl/MiHdaSzs44TcHo958 เส้นทางในช่วงแรกจากบ้านช้างเชื่อ ผ่านสวนยางและสวนปาล์มของชาวบ้าน จนถึงบ้านนกฮูก จากนั้นเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต เมื่อเริ่มเข้าสู่แนวป่าเส้นทางจะวิบากมากขึ้น บางช่วงรถต้องลุยข้ามธารน้ำ บางช่วงเป็นทางขึ้นลงเขาสูงชัน นักท่องเที่ยวต้องชำระค่าธรรมเนียมขึ้นลงภูตาจอ คนละ 30 บาท เมื่อถึงภูตาจอจะเห็นว่าพื้นดินบริเวณนั้นเป็นดินปนทรายสีขาว มีร่องรอยการปรับพื้นที่เพื่อทำเหมืองเมื่อครั้งอดีตหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวภูตาจอได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับและแบบค้างคืน สามารถนำเต็นท์และอุปกรณ์มาประกอบอาหารมาพักค้างแรมได้บริเวณพื้นราบก่อนถึงยอดภู ตรงจุดนั้นมีห้องน้ำให้บริการ แต่ต้องใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะน้ำที่ใช้ต่อท่อมาจากการถังเก็บน้ำฝนขนาดใหญ่ที่ทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ สำรองไว้ จากลานกางเต็นท์ต้องเดินเท้าขึ้นเขาระยะทางประมาณ 200 เมตร ถึงยอดภูตาจอ ซึ่งมีลักษณะเป็นลานหินโล่ง ต้นไม้ที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก เช่น เฟิร์น บนยอดภูตาจอสามารถชมทัศนียภาพได้รอบทิศ 360 องศา ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ทะเลหมอกยามเช้าหรือหลังฝนตก ทะเลดาวและทางช้างเผือกยามค่ำคืน ทางทิศตะวันตกของยอดภูตาจอในวันที่ทัศนวิสัยเปิดโล่ง สามารถมองเห็นได้ไกลถึงทะเลอันดามัน และด้วยความที่ภูตาจอมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันอย่างต่อเนื่อง สอบถามข้อมูลการเดินทางและนัดหมายจองรถขับเคลื่อนสี่ล้อล่วงหน้าโทร. 08 1084 8843 (โกอุ่น บ้านช้างเชื่อ)โทร. 09 1321 6126 (คุณกิตติพงศ์ บ้านช้างเชื่อ)โทร. 0 7641 3400-2 (ททท. สำนักงานพังงา)

🏔🌌ภูตาจอ … หลังคาพังงา🌌🏔 อ่านเพิ่มเติม

พลับพลึงธาร…ราชินีแห่งสายน้ำ ✨

พันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของโลกพบได้ที่ระนองและพังงาเท่านั้น “พลับพลึงธาร” เป็นพืชน้ำอยู่ในวงศ์พลับพลึง Amaryllidaceae ชื่อสามัญคือ Water Onion, Water lily, Thai Water Onion, Onion Plant, Yellowish leaves lily. และมีชื่อที่เรียกในแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน เช่น ช้องนางคลี่ หอมน้ำ เป็นต้น เป็นพืชเฉพาะถิ่น (endemic species) ที่พบได้ในจังหวัดระนองและจังหวัดพังงาของประเทศไทยเท่านั้น โดยที่จังหวัดระนองพบมีการกระจายพันธุ์อยู่ในพื้นที่อำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์ และอำเภอสุขสำราญ ส่วนจังหวัดพังงาพบที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอท้ายเหมือง ฤดูกาลออกดอกของพลับพลึงธาร ตั้งแต่เดือนกันยายน – เดือนธันวาคม ของทุกปี ตามมาทำความรู้จักและชมความสวยงามของพลับพลึงธาร … ราชินีแห่งสายน้ำ ด้วยกันในรีวิวค่ะ พลับพลึงธารได้รับฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งสายน้ำ” เนื่องจากเป็นไม้น้ำที่มีดอกชูช่อสวยงาม มีสีขาวเนียนคล้ายดอกพลับพลึง แต่อยู่ในน้ำเป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของโลกพบได้ที่ระนองและพังงาเท่านั้น ได้ขึ้นเป็นบัญชีพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลก (IUCN Redlist) เมื่อปี พ.ศ. 2554 พลึบพลึงธารพบมีการขึ้นกระจายพันธุ์อยู่ในระบบนิเวศเฉพาะ คือ บริเวณลำธารที่มีน้ำสะอาดไหลตลอดเวลา มีพื้นท้องน้ำที่ไม่ลาดชันมาก และพบว่าไม่มีการกระจายพันธุ์บริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง ลักษณะลำต้นเป็นลำต้นใต้ดิน ความสูงเตี้ยของลำต้นขึ้นอยู่กับความตื้นลึกของน้ำ ใบมีสีเขียวอ่อน มีลักษณะแถบยาวปลายใบเรียวแหลมลอยพริ้วตามสายน้ำ ดอกเป็นประเภทดอกสมบูรณ์เพศที่มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน ช่อดอกประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 7-9 ดอก กลีบดอกมีสีขาวลักษณะรูปหอก มีเกสรสีแดง อับเรณูสีเหลืองอ่อน ตามวัฏจักรของพลับพลึงธาร หลังจากงอกเป็นลำต้น จะใช้ระยะเวลาเติบโตราว 3 ปี จึงเริ่มออกดอก เมื่อดอกบานจะส่งกลิ่นหอมเย็นอบอวล การขยายพันธุ์ของพลับพลึงธาร ตามธรรมชาติพลับพลึงธารจะขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ดสีเขียวอ่อนที่อยู่ในผลซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวหอมแดง (ตามภาพ) เมื่อผลแก่จะแตกออกมาเองและเมล็ดสีเขียวอ่อนภายในผลจะไหลไปตามลำคลอง ยึดเกาะตามพื้นดินใต้น้ำหรือกองหินใต้น้ำ จากนั้นงอกเป็นต้นพลับพลึงธารต่อไป พลับพลึงธารจะออกดอกทุกปี คือระหว่างเดือนกันยายน-เดือนธันวาคม ช่วงเวลาที่พบว่าดอกพลับพลึงธารบานพร้อมกันเต็มที่ คือ ราวต้นเดือนพฤศจิกายน จุดชมพลับพลึงธารจุดแรกที่จะพาไปชม คือ บ้านไร่ใน ตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง พิกัด : https://maps.app.goo.gl/J66S3ntAbegH9R9e9  การเดินทาง : จากตัวเมืองระนอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) จนถึงสามแยกตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ (กิโลเมตรที่ 677 ของถนนเพชรเกษม) ให้เลี้ยวซ้ายและตรงไป 8 กิโลเมตร ถึงศูนย์อนุรักษ์พลับพลึงธาร บ้านไร่ใน แนะนำให้โทรไปสอบถามช่วงเวลาการบานของพลับพลึงธารและการเดินทางไปชม ได้ที่  โทร. 08 2808 7548 (คุณอัมรินทร์ ผู้ประสานงานศูนย์อนุรักษ์และเรียนรู้พลับพลึงธารบ้านไร่ใน) หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร (ดูแลพื้นที่จังหวัดชุมพรและระนอง) โทร. 0 7750 2775-6, 0 7750 1831 โดยที่ศูนย์อนุรักษ์พลับพลึงธาร บ้านไร่ใน จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นในชุมชนพาเที่ยวชมพลับพลึงธารที่ขึ้นกระจายอยู่ตามลำธารในหมู่บ้าน ที่บ้านไร่ในมีการเตรียมกิจกรรม “จิบกาแฟ แลพลับพลึงธาร” ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมพลับพลึงธารในหมู่บ้าน เนื่องจากบ้านไร่ในมีการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นของหมู่บ้าน จึงมีการต่อยอดโดยการเปิดเป็นร้านกาแฟวิสาหกิจชุมชนบ้านไร่ใน ให้นักท่องเที่ยวได้มาจิบกาแฟคั่วหอมอร่อยท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น และจากนั้นจะพาไปชมพลับพลึงธารตามจุดต่าง ๆ นอกจากนี้ที่บ้านไร่ใน ยังมีกิจกรรม “พายคายัก คลองนาคา” รองรับนักท่องเที่ยว เป็นการพายคายักระยะ 2 – 4 กิโลเมตร ภายในคลองนาคา ซึ่งเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านในหมู่บ้าน บรรยากาศสองฝั่งของลำคลองแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ เป็นพื้นที่ป่าชุมชนสลับกับสวนปาล์มของชาวบ้าน สอบถามข้อมูลกิจกรรม “จิบกาแฟ แลพลับพลึงธาร” และกิจกรรม “พายคายัก คลองนาคา” ได้ที่  โทร. 08 2808 7548 (คุณอัมรินทร์ ผู้ประสานงานศูนย์อนุรักษ์และเรียนรู้พลับพลึงธารบ้านไร่ใน) จุดที่สองในการแนะนำ คือ คลองตาเลื่อน เลขที่ 117 หมู่ที่ 1 บ้านบางซอย ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QpiocV6ckxVNL2vp7  การเดินทาง : จากตัวเมืองพังงา ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม (พังงา-ระนอง) จนถึงสามแยกอำเภอคุระบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสายรองข้างโรงเรียนคุระบุรี ตรงเข้าไปประมาณ 5.5 กิโลเมตร ถึงจุดชมพลับพลึงธารคลองตาเลื่อน คุณตาเลื่อน มีแสง อายุ 87 ปี (เมื่อปี พ.ศ. 2566) ได้รับฉายาว่าเป็น “องครักษ์ผู้พิทักษ์พลับพลึงธาร” สืบเนื่องจากในลำคลองเล็ก ๆ ช่วงที่ไหลผ่านพื้นที่บ้านและสวนของคุณตาเลื่อน มีต้นพลับพลึงธารขึ้นกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก จากคำบอกเล่าอย่างภาคภูมิใจของคุณตาเลื่อน ทำให้ทราบว่าพลับพลึงธารที่ขึ้นอยู่ในลำคลองข้างบ้านมีให้เห็นมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ของคุณตาแล้ว และคุณตาได้ดูแลอนุรักษ์พลับพลึงธารเหล่านี้ด้วยความรักและผูกพันเสมอมา เมื่อเดินทางไปถึงบ้านคุณตาเลื่อน จะพบคุณตานั่งรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ คุณตาจะพาเดินชมพลับพลึงธารในลำคลองเล็ก ๆ ข้างบ้าน พร้อมบอกเล่าความเป็นมาของพลับพลึงธารที่ตนดูแลด้วยสีหน้าที่มีความสุข การมาเที่ยวชมพลับพลึงธารคลองตาเลื่อน ไม่เสียค่าเข้าชม แต่จะมีกล่องรับบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์พลับพลึงธารตั้งอยู่บริเวณส่วนรับแขกหน้าบ้าน ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคได้แทนค่าเข้าชม แนะนำให้โทรไปสอบถามช่วงเวลาการบานของพลับพลึงธารและการเดินทางไปชมได้ที่ บ้านคุณตาเลื่อน  โทร. 06 1180 8438 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงา โทร. 0 7641 3400-2 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันอนุรักษ์พลับพลึงธาร” ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมขึ้น ณ คลองตาเลื่อน โดยกิจกรรมในงานประกอบด้วย การเปิดให้ชมดอกพลับพลึงธารที่กำลังชูช่อดอกบานสะพรั่งในลำคลอง ร่วมเรียนรู้การเพาะปลูกพลับพลึงธาร การหว่านเมล็ดปลูกพลับพลึงธาร การเสวนาเรื่องการร่วมอนุรักษ์พลับพลึงธาร ชมนิทรรศการจากองค์กรภาคีเครือข่าย การมอบรางวัลการประกวดวาดภาพดอกพลับพลึงธาร การวาดภาพระบายสีบนกระเป๋าผ้า ร่วมชิมอาหารพื้นเมือง สินค้าโอทอป และดนตรีโฟล์คซอง  ข้อแนะนำที่ควรให้ความสำคัญในการเที่ยวชมดอกพลับพลึงธาร ได้แก่– ไม่ควรเดินเหยียบย่ำทุกส่วนของต้นพลับพลึงธาร– ไม่ควรเด็ดหรือสัมผัสดอกพลับพลึงธารแรง ๆ– ไม่ควรทิ้งขยะหรือทำความสกปรกให้กับลำคลองที่มีต้นพลับพลึงธารขึ้นอยู่– ควรเคารพกฎ กติกาที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้กำหนดไว้ ในการท่องเที่ยวและชมพลับพลึงธาร

พลับพลึงธาร…ราชินีแห่งสายน้ำ ✨ อ่านเพิ่มเติม

มัดรวมฟาร์มสเตย์ 🐓ท่องเที่ยวแนวใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ 🏨

หากใครกำลังเล็งหาสถานที่ท่องเที่ยวแนวรักษ์โลก บัดดี้อยากให้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยว ฟาร์มสเตย์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกิจกรรมที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด 🍃 บัดดี้ขอชี้พิกัด 6 ฟาร์มสเตย์ น่าเที่ยวทั่วไทย หัวใจสีเขียว📌 บ้านเกอลิโกล จ.เชียงใหม่📌 บ้านโคกไคร จ.พังงา📌บ้านสวนเส จ.ชัยภูมิ📌 ไออุ่นขุนเขา จ.ราชบุรี📌 Bamboo Pink House บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่📌 MEKIN FARM จ.ขอนแก่น การไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ นอนโฮมสเตย์ ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะมีกิจกรรมดี ๆ น่าทำแตกต่างกันไปในแต่ละที่ รวมถึงมีข้อดี ที่ดีต่อใจมาก ๆ อีกด้วย เช่น 📌 บ้านเกอลิโกล จ.เชียงใหม่ – ชวนสัมผัสอากาศหนาวกับบ้านไม้ไผ่กลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ทานอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย พอตกเย็นอากาศหนาวหมอกลง ชวนนั่งปิกนิกข้างกองไฟ ในยามเช้านั่งชมบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ ที่หน้าระเบียงบ้าน 📌 บ้านโคกไคร จ.พังงา – หมู่บ้านริมทะเลที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ชิมอาหารทะเลที่ชาวประมงหามาเอง เช่น ปลาตัวใหญ่ ๆ นำมาปรุงอาหารอร่อย ๆ ให้เราได้ชิม มีกิจกรรมสปาโคลนแสนผ่อนคลายกับน้ำทะเลอุ่น ทรายร้อน บรรยากาศเงียบสงบ มองออกไปไกล ๆ ขอบทะเลมีภูเขาลูกเล็ก ๆ มากมายเรียงรายสลับกันอยู่ 📌บ้านสวนเส จ.ชัยภูมิ – ฟาร์มสเตย์สวนผักแบบผสมผสาน สนุกกับกิจกรรมปั่นจักรยานชมสวน เก็บไข่ในเล้ามาทำอาหาร ลงนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตแบบพอเพียง 📌 ไออุ่นขุนเขา จ.ราชบุรี – มาสร้างสุขภาพดีที่ฟาร์มออร์แกนิก มีผักแทบทุกชนิดไม่ต้องซื้อ สามารถเก็บในสวนมาทำกินได้เลย บรรยากาศเงียบสงบ จำลองการเป็นชาวสวนย่อม ๆ ปลูกผัก เก็บไข่ และได้รับออกซิเจนจากภูเขารอบข้าง 📌 Bamboo Pink House บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่ – ขึ้นดอยชมนาขั้นบันไดสีเขียว เต็มไปด้วยความงามของต้นกล้า เรียนรู้วิถีชาวบ้าน แนะนำให้นอนโฮมสเตย์บนดอย เปิดหน้าต่างรับแสงอาทิตย์หลังเขาสุดโรแมนติก 📌 MEKIN FARM จ.ขอนแก่น – สวนเล็กแสนธรรมดากับความสุขในการทำเกษตรอินทรีย์ ลองนอนกระท่อมปลายนา ท่ามกลางธรรมชาติที่น่าพักผ่อน ชิมอาหารพื้นบ้านที่อร่อยอย่าบอกใคร

มัดรวมฟาร์มสเตย์ 🐓ท่องเที่ยวแนวใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ 🏨 อ่านเพิ่มเติม

✨ ผจญภัยครั้งใหม่…ในดินแดนเกาะพระทอง : พังงา ✨

คุณรู้หรือไม่ว่า เพียงแค่เราคิดว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ความสุขก็เกิดขึ้นในหัวใจไม่น้อย แล้วถ้าได้ออกเดินทางไปเที่ยวจริง ๆ จะสนุกแค่ไหน วันนี้ บัดดี้จะมาแนะนำเกาะพระทอง ผจญภัยครั้งใหม่ ในดินแดนธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งหาดทราย ชายทะเล ภูเขา ป่าโกงกาง มีทุ่งหญ้าสีทองกับป่าเสม็ดขาวที่กว้างใหญ่ จนได้รับสมญานามว่า “สะวันนาเมืองไทย” บัดดี้อยากให้ทุกคนไปเยือนเกาะพระทอง สักครั้ง พื้นที่กว่า 60,000 ไร่ บนเกาะพระทอง อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1.5 กิโลเมตร ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีระบบนิเวศที่หลากหลายสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลีกหนีความวุ่นวายได้เป็นอย่างดี ยกให้เป็น Unseen Thailand อีกที่ของเมืองไทย วันนี้บัดดี้จึงขอมาแนะนำกิจกรรมไฮไลต์ ดังนี้ กิจกรรมแรกที่บัดดี้อยากแนะนำ ยามเช้า ๆ ออกไปผจญภัยโดยการขึ้นรถสุดเท่ ผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติไปยังกลางเกาะ ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทองอร่าม (ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) แต่ถ้าไปช่วงเวลานี้อาจจะเป็นสีเขียวมากหน่อย หากโชคดีจะได้พบกับสัตว์ป่าหายาก ได้แก่ กวางป่าหรือกวางม้า นกตะกรุม เหยี่ยวขาว นกแก๊ก นกกระแต แย้ ได้เก็บภาพและบรรยากาศสวย ๆ ชมวิวได้ตามสบาย ไม่ต้องเร่งรีบใด ๆ ถัดจากทุ่งหญ้าสีทอง ก็ไปที่ป่าเสม็ดแคระ ที่เรียงรายกันอย่างสวยงาม ราวกับอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ ต้นที่มีเปลือกหนา ๆ อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี หากสังเกตต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ตามพื้นบริเวณนั้น จะพบกับต้นหยาดน้ำค้าง พืชกินสัตว์ ที่น่าทึ่ง สามารถใช้ความหวานของตนเอง ล่อจับและย่อยแมลงได้ กิจกรรมที่สองต้องห้ามพลาด คือการพายคายัก ณ คลองน้ำใส หรือ คลองสีคราม ที่แวดล้อมไปด้วยป่าโกงกาง มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิด โดยเฉพาะปลาตีนคอยแอบเราอยู่ตลอดทาง ได้ออกกำลังกายไปในตัว และยังได้กำลังใจกลับมาอีกมากเลย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเดินชิล ๆ หรือจะนอน เอนกาย ฟังเสียงคลื่น ปิกนิกริมหาด ชมพระอาทิตย์ตกดิน ชิมอาหารซีฟู้ดจุใจ กลางคืน ชมปูไก่ ปูเสฉวน ออกมาเดินเฉิดฉาย หากมีเวลาอีกวัน แนะนำให้ไปดำน้ำดูปะการัง กัลปังหา สวย ๆ ที่เกาะไข่ เกาะร่ม อยู่ไม่ไกลจากเกาะพระทอง การเดินทาง ลงเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้เวลาเดินทางไปเกาะพระทองอีก 1 ชั่วโมง ค่าเรือเที่ยวละ 2,000 บาท ในกรณีที่จองที่พักบนเกาะไว้แล้ว แนะนำให้ทางที่พักช่วยติดต่อจองเรือรับ-ส่งให้ด้วย บน #เกาะพระทอง มีที่พักให้เลือกไม่มาก ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมหาด สร้างแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่มีแอร์ มี WI-FI และมีคลื่นโทรศัพท์ในบางจุดช่วงเวลาที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน ช่วงนี้ถ้าฟ้าฝน ลมพายุ ไม่มี ก็สามารถไปได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ไกด์ดำ โทร. 08 9867 6829 เมื่อจบทริปแล้ว บัดดี้ ได้แรงบันดาลใจอย่างมาก เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ สูดอากาศได้เต็มปอด อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เก็บภาพประทับใจ นึกถึงความทรงจำที่ดี ผู้คนที่ใจดี อาหารอร่อย ๆ วิวสวย ๆ และคิดว่ามีโอกาส จะกลับไปที่ #เกาะพระทอง อีกสักครั้ง เพราะแต่ละฤดู ความสวยงามก็แตกต่างกัน บัดดี้เชื่อว่า #เกาะพระทอง จะเป็น 1 ในทริปผจญภัยถัดไปที่คุณจะวางแผนมาที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน

✨ ผจญภัยครั้งใหม่…ในดินแดนเกาะพระทอง : พังงา ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top