เพื่อนร่วมทาง

Travel Buddy ขอเชิญนักท่องเที่ยวร่วมแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “ททท. ชวนส่อง POV Thailand … บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทย ในมุมมองของคุณ”

Travel Buddy ขอเชิญนักท่องเที่ยวร่วมแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “ททท. ชวนส่อง POV Thailand … บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทย ในมุมมองของคุณ” ชิงตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-สุโขทัย และรางวัลอื่น ๆ รวม 10 รางวัล ✨ ส่งมอบประสบการณ์ความเป็นไทยผ่านการท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากออกเดินทางมาสัมผัสประเทศเรา 🇹🇭 เพียงทำตามกติกาง่าย ๆ 3 ข้อ ดังนี้ 👉 จัดทำคลิปวิดีโอสั้น แชร์ประสบการณ์บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทยในมุมมองของคุณ ความยาวไม่เกิน 2 นาที โดยไม่จำกัดกรอบความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นในมุมการท่องเที่ยวธรรมชาติ, การท่องเที่ยวแนวชุมชน วัฒนธรรม, ทริปกินแบบจุก ๆ, เที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น โดยจะต้องถ่ายทำด้วยตนเองจากสถานที่จริง และไม่เคยเผยแพร่ หรือได้รับรางวัลมาก่อน 👉 โพสต์คลิปวิดีโอสั้นลง Social Media ช่องทาง Facebook หรือ TikTok ที่เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของตัวเอง (ต้องไม่เป็นเพจ หรือแอ็กเคานต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์) ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง และตั้งค่าการเผยแพร่โพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมติด Hashtag #POVwithTAT #Travelbuddy #สุขทันทีที่เที่ยวไทย  👉 เพิ่มเพื่อนใน Line Official: @tatcontactcenter พร้อมกรอกข้อมูลลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ลงใน E-Forms ของ ททท. โดยกดเข้าลงทะเบียนผ่าน E-Forms ได้จาก Rich Menu ใน Line Official: @tatcontactcenter *คลิปวิดีโอสั้นแต่ละคลิป สามารถอัปโหลดและเผยแพร่ได้เพียงช่องทาง Social Media ช่องทางเดียว โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1 คน สามารถส่งคลิปวิดีโอสั้นรวมถึงลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ได้ไม่จำกัดจำนวนคลิป แต่จะมีสิทธิ์รับรางวัลได้เพียงรางวัลเดียวเท่านั้น 📌 ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 20 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. 📌 ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง Rich Menu ใน Line Official: @tatcontactcente กติกาการร่วมสนุกเงื่อนไขในการเข้าร่วมกิจกรรมและรับของรางวัลสำหรับกิจกรรม “ททท. ชวนส่อง POV Thailand … บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทยในมุมมองของคุณ” 1. ผู้ร่วมกิจกรรมทุกท่าน จะต้องยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวตามนโยบายของ ททท. ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะเก็บรวบรวมเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้ร่วมกิจกรรม 2. กติกาการร่วมกิจกรรม      2.1 ผู้ร่วมกิจกรรม จัดทำคลิปวิดีโอสั้น แชร์ประสบการณ์บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทยในมุมมองของคุณ ความยาวไม่เกิน 2 นาที โดยไม่จำกัดกรอบความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นในมุมการท่องเที่ยวธรรมชาติ, การท่องเที่ยวแนวชุมชน วัฒนธรรม, ทริปกินแบบจุก ๆ, เที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น โดยจะต้องถ่ายทำด้วยตนเองจากสถานที่จริง และไม่เคยเผยแพร่ หรือได้รับรางวัลมาก่อน      2.2 โพสต์คลิปวิดีโอสั้นลง Social Media ช่องทาง Facebook หรือ TikTok ที่เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของตัวเอง (ต้องไม่เป็นเพจ หรือแอ็กเคานต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์) ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง และตั้งค่าการเผยแพร่โพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมติด Hashtag #POVwithTAT #Travelbuddy #สุขทันทีที่เที่ยวไทย       2.3 เพิ่มเพื่อนใน Line Official: @tatcontactcenter (https://bit.ly/TATlineoa) พร้อมกรอกข้อมูลลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ลงใน E-Forms ของ ททท. โดยกดเข้าลงทะเบียนผ่าน E-Forms ได้จาก Rich Menu ใน Line Official: @tatcontactcenter      2.4 คลิปวิดีโอสั้นแต่ละคลิป สามารถอัปโหลดและเผยแพร่ได้เพียงช่องทาง Social Media ช่องทางเดียว โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1 คน สามารถส่งคลิปวิดีโอสั้นรวมถึงลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ได้ไม่จำกัดจำนวนคลิป แต่จะมีสิทธิ์รับรางวัลได้เพียงรางวัลเดียวเท่านั้น            ตัวอย่าง 1 นางสาวบัดดี้ จัดทำคลิปวิดีโอสั้นหัวข้อ ตะลุยร้านอร่อยย่านเยาวราช และเลือกอัปโหลดลงช่องทาง Facebook >> กรณีนี้ นางสาวบัดดี้ จะไม่สามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอหัวข้อ ตะลุยร้านอร่อยย่านเยาวราช ลงช่องทาง TikTok ได้อีก เนื่องจากเลือกเผยแพร่ลงช่องทาง Facebook ไปแล้ว            ตัวอย่าง 2 นายเพื่อนร่วมทาง จัดทำคลิปวิดีโอสั้นจำนวน 3 คลิป คือ 1) ปล่อยใจชิล ๆ เกาะสีชัง 2 วัน 1 คืน อัปโหลดลง TikTok 2) พาแม่ตะลุยวัดดัง จ.อยุธยา อัปโหลดลง Facebook 3) ชวนเพื่อนแบ็กแพ็ค เที่ยวดอยอินทนนท์ อัปโหลดลง Facebook >> กรณีนี้ นายเพื่อนร่วมทาง สามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ทั้ง 3 คลิปวิดีโอสั้น […]

Travel Buddy ขอเชิญนักท่องเที่ยวร่วมแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “ททท. ชวนส่อง POV Thailand … บอกต่อสถานที่ท่องเที่ยวไทย ในมุมมองของคุณ” อ่านเพิ่มเติม

 เชิญชมความตระการตาของแสงสีในงาน “VIJITR 5 ภาค @อุบลราชธานี”

ภาพบรรยากาศงานรอบสื่อมวลชน เชิญชมความตระการตาของแสงสีในงาน “VIJITR 5 ภาค @อุบลราชธานี” แสงศิลป์แห่งศรัทธา 13-21 กรกฎาคม 2567 ทุ่งศรีเมือง 6 จุด1.ประเพณีแห่งศรัทธา2.แสงเรืองรองส่องศรัทธา3.แสงศิลป์ยุคสมัย4.สถาปัตยศิลป์ 5.วันวานที่สานศิลป์6.เปลวเทียนส่องศิลป์ ศาลหลักเมือง 1 จุด7. แสงศิลป์ ศิวิไล พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี 4 จุด8. แสงสี ศิลป์ ราชธานี9. รากเหง้าศรัทธาศิลป์10. ศรัทธาที่ผลิบาน11. เจริญศิลป์เรืองรอง วัดสุปัฏนารามวรวิหาร 1 จุด 12. สุปัฏตยศิลป์ วัดทุ่งศรีเมือง หอไตรกลางน้ำ 1 จุด13. แสงศิลป์ยอดพระไตร วัดบูรพาราม 1 จุด14. แสงศิลป์บัวพ้นน้ำ วัดมหาวนาราม 1 จุด15. สวรรค์แสงศิลป์ จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 เชิญชมความตระการตาของแสงสีในงาน “VIJITR 5 ภาค @อุบลราชธานี” อ่านเพิ่มเติม

รักษ์โลก กับ การท่องเที่ยว เกี่ยวกันยังไง

ทุกวันนี้คงต้องยอมรับว่าในแวดวงการท่องเที่ยว มีเทรนด์ใหม่ติดกระแสขึ้นมา นั้นก็คือ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นวิถีท่องเที่ยวใหม่ที่ใคร ๆ ก็อาจเปลี่ยนโลกได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่วิธีที่ไม่ซับซ้อนเลย ในขณะที่โลกร้อนขึ้น สภาพอากาศแปรปรวนขึ้นทุกวัน คุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันต่ำลง การที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดใหม่ ฝุ่น PM และอื่น ๆ อาจจะทำให้บางคนเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เราอยากนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตท่ามกลางความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมเหล่านี้ แล้วยังช่วยคลายความตึงเครียดลงได้อีกด้วยในตัว นั่นคือ กระแสการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถ้าเราเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ อาจจะเป็นคุณก็ได้ที่สามารถปลุกกระแสการท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก ขณะเดียวกัน ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดด เราอาจจะหลงลืมอะไรไว้เบื้องหลัง ทรัพยากรที่เราใช้ไปในระหว่างการท่องเที่ยว เราเองก็สามารถใช้คืนสิ่งเหล่านั้นสู่ธรรมชาติได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่เราอาจมองข้ามไป ครั้งหน้าเมื่อคิดจะเดินทางท่องเที่ยว ขอให้เริ่มต้นจากตัวเรา แล้วต่อยอดไปยังธรรมชาติและชุมชนด้วยการท่องเที่ยวแบบสร้างจิตสำนึก เช่น 1. แทนการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ จากไอเสียรถสันดาป เราลองเปลี่ยนมาใช้รถ EV แบบประหยัดพลังงาน หรืออาจจะเปลี่ยนไปใช้การขี่จักยาน หรือจักรยานไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือก หรือจะออกกำลังกายด้วยการเดิน ใช้สองขาของตัวเองแทนก็ทำได้ ทั้งยังสามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวบริเวณ Park หรือแนวป่าชายเลน ก็เก๋ไปอีกแบบ 2. แทนการซื้อน้ำขวดพลาสติก น้ำอัดลม หรือชา กาแฟที่ใช้ถ้วยพลาสติก เราลองหันมาใช้กระบอกน้ำที่สามารถบรรจุได้ทั้งร้อนและเย็นแทนเมื่อเดินทาง ซึ่งนอกจากจะประหยัดพลังงาน ประหยัดงบแล้ว ยังลดขยะพลาสติกย่อยสลายยากลงได้อีกด้วย เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่ 2 วิธีการง่ายๆ ในการเดินทางท่องเที่ยว ก็สามารถเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนลองทำแล้ว มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะว่ามีอะไรแปลก แตกต่างไปจากที่เพื่อน ๆ เคยท่องเที่ยวมาบ้าง แล้วคราวหน้า เราลองเข้าไปเที่ยวในชุมชนและร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม style ชุมชนกันดูบ้าง แล้วบัดดี้จะมาแนะนำเพิ่มเติมในครั้งต่อ ๆ ไป

รักษ์โลก กับ การท่องเที่ยว เกี่ยวกันยังไง อ่านเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เมื่อเอ่ยถึงหมู่เกาะในทะเลฝั่งอ่าวไทย ภาพจำอันดับต้น ๆ ที่มักพบเห็นผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย น่าจะเป็นภาพหมู่เกาะน้อยใหญ่เรียงรายอยู่กลางทะเลสีเขียวอมฟ้า หนึ่งในทัศนียภาพอันสวยงามของ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง” และเป็นที่มาของคำว่า “เมืองร้อยเกาะ” ซึ่งปรากฎอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหมู่เกาะกลางทะเลอ่าวไทย ห่างจากเกาะสมุยและเกาะพะงันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ กลางทะเลอ่าวไทย 42 เกาะ มีเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า และเกาะพะลวย เป็นต้น ฤดูกาลแนะนำในการท่องเที่ยว : เดือนมีนาคม-เดือนกันยายน วิธีการเดินทาง1. ซื้อแพคเก็จท่องเที่ยวหรือเหมาเรือจากฝั่งอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจากบนฝั่งอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง 2. ซื้อแพกเก็จท่องเที่ยวหรือเหมาเรือจากเกาะสมุยและจากเกาะพะงัน ไปท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง ทั้งนี้สามารถเที่ยวได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Trip) และแบบค้างคืนบนเกาะวัวตาหลับ ซึ่งมีบ้านพักและจุดกางเต็นท์ของอุทยานฯ ให้บริการ โดยจะต้องจองที่พักล่วงหน้าบนเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท วันนี้บัดดี้จะแนะนำการเดินทางไปท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองด้วยการพักค้างคืนบนเกาะสมุย และซื้อแพกเก็จท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Tour) จากบริษัทนำเที่ยวบนเกาะสมุยไปยังหมู่เกาะอ่างทอง ราคาแพกเก็จท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ เริ่มต้นที่ 850-1,800 บาท/คน ขึ้นอยู่กับประเภทเรือนำเที่ยว (เรือยนต์ธรรมดา/สปีดโบ๊ต) สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการต่าง ๆ ระหว่างทริป (ค่าเข้าอุทยานฯ / อาหารและเครื่องดื่ม / อุปกรณ์ดำน้ำ / กิจกรรมพายคายัก ฯลฯ) เรือธรรมดาใช้เวลาเดินทางจากเกาะสมุย-หมู่เกาะอ่างทองประมาณ 1.30 ชั่วโมง ส่วนเรือสปีดโบ๊ตใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที เรือนำเที่ยวจากเกาะสมุย-หมู่เกาะอ่างทอง ส่วนมากจะให้บริการที่ท่าเรือหน้าทอนบนเกาะสมุย และออกเดินทางไปยังหมู่เกาะอ่างทองประมาณ 08.30-09.00 น. พาไปท่องเที่ยวยังเกาะต่าง ๆ ตามโปรแกรมทัวร์ และกลับถึงเกาะสมุยไม่เกิน 17.00 น. แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่มักบรรจุอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Tour) เช่น– พายคายักที่หาดถ้ำร้าง เกาะแม่เกาะ– ชมทะเลใน (ลากูนกลางหุบเขา) เกาะแม่เกาะ– จุดชมวิวผาจันทร์จรัส เกาะวัวตาหลับ “หาดถ้ำร้าง” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะแม่เกาะ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ชายหาดมีความยาวประมาณ 200 เมตร เป็นจุดที่นิยมกิจกรรมพายเรือคายัก ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น เล่นน้ำ และพักผ่อนบริเวณชายหาด “เกาะแม่เกาะ” จะมีสะพานทำจากทุ่นทะเลให้เดินขึ้นเกาะ มีเส้นทางเดินจากชายหาดด้านหน้าเกาะ เป็นบันไดเหล็กและมีราวจับ เพื่อขึ้นไปชมทะเลใน ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ซึ่งมีสีของน้ำเป็นสีเขียวมรกต โอบล้อมด้วยผาหินสูงชันและแมกไม้เขียวขจี เป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก “ทะเลใน” (ทะเลสาบกลางภูเขา) อยู่บนเกาะแม่เกาะ เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยเขาหินปูนที่สูงสลับซับซ้อน แต่มีอุโมงค์ใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับทะเล การกำเนิดของทะเลสาบน้ำเค็มนี้ได้มีการสันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของหินชั้นตามปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ โดยบนจุดชมวิวสูงสุดของทะเลใน สามารถมองเห็นทั้งทะเลใน (ลากูน) และทะเลนอก (ทะเลด้านหน้าเกาะแม่เกาะ) ระหว่างทางเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพทะเลในในมุมสูง จะมีเส้นทางเดินแยกออกมาอีกเส้น ให้เดินลงไปชมทะเลในด้านล่างแบบใกล้ชิด *ทะเลใน ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำนะคะ โดยบนจุดชมวิวสูงสุดของทะเลใน สามารถมองเห็นทั้งทะเลใน (ลากูน) และทะเลนอก (ทะเลด้านหน้าเกาะแม่เกาะ) ระหว่างทางเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพทะเลในในมุมสูง จะมีเส้นทางเดินแยกออกมาอีกเส้น ให้เดินลงไปชมทะเลในด้านล่างแบบใกล้ชิด *ทะเลใน ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำนะคะ “เกาะวัวตาหลับ” เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอ่างทอง เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ มีบ้านพัก จุดกางเต็นท์ ร้านค้าสวัสดิการ และห้องน้ำให้บริการ มีสะพานทำจากทุ่นทะเลให้เดินขึ้นเกาะเช่นเดียวกับที่เกาะแม่เกาะ บนเกาะมีแหล่งน้ำจืดไหลที่มาจากยอดเขา ลงมาตามอุโมงค์ภายในถ้ำ สำหรับใช้อุปโภคบริโภคบนเกาะ บริเวณด้านหน้าของที่ทำการอุทยานฯ มีหาดทรายขาวสะอาด ร่มรื่นด้วยต้นมะพร้าว น้ำทะเลสวยใส เหมาะกับการเล่นน้ำ เกาะวัวตาหลับมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพบนยอดเขา ในระดับความสูงจากน้ำทะเล 222 เมตร ระยะทางเดิน 500 เมตร ลักษณะเป็นทางเดินตามแนวก้อนหินธรรมชาติสลับบันไดหิน มีราวบันไดและแนวเชือกให้ยึดจับตลอดทาง มีจุดแวะพักและชมทิวทัศน์อยู่หลายจุด ระหว่างทางจะพบกับป่าเขาหินปูนที่มีต้นจันทร์ผา สลัดได และยอป่าเป็นพันธุ์ไม้เด่น รวมทั้งยังมีโอกาสพบค่างแว่นถิ่นใต้อีกด้วย แนะนำให้สวมรองเท้าที่กระชับข้อเท้าและกันลื่น พร้อมพกน้ำดื่มไปด้วย เพราะเส้นทางค่อนข้างชันและอากาศร้อน จุดชมวิวบนยอดเขามีชื่อเรียกว่า “จุดชมวิวผาจันทร์จรัส” มองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะอ่างทอง ทั้งเกาะขนาดใหญ่ อย่างเกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ และเกาะเล็กเกาะน้อยอีกมากมาย เรียงรายเป็นแนวยาวกลางผืนน้ำของทะเลอ่าวไทย บริษัทนำเที่ยวบนเกาะสมุยที่ให้บริการพาเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง เช่น 1. สมายล์ สมุย ทัวร์ (Smile Samui Tour)www.smilesamuitour.comโทร. 08 1676 2343 2. สมุย ทัวร์ (Samui Tour)https://samuitour.netโทร. 09 2386 9212 3. ไฮซีทัวร์ (High Sea Tour)https://highseatour.comโทร. 0 7742 1285, 08 1843 1533 4. ทีเอ็นเอส ฮอลิเดย์ (TNS Holiday)www.samuitns.comโทร. 08 6883

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ่านเพิ่มเติม

บ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

บัดดี้จะมาชวนเพื่อน ๆ ไปบ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงของฤดูกาลชมผีเสื้อ หนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งช่วงเทศกาลดูผีเสื้อของที่นี่ จะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน โดยจะมีผีเสื้อมากกว่า 200 สายพันธุ์เลยนะ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการไปชมผีเสื้อคือช่วงเช้า เพราะอากาศไม่ค่อยร้อนมาก บริเวณที่จะพบผีเสื้อ ก็คือบริเวณพื้นที่มีความชื้น มูลสัตว์ ซากผลไม้ ริมลำธาร ดินโป่ง เพราะน้อง ๆ ออกมากินแร่ธาตุนั่นเอง เราสามารถเข้ามาถ่ายรูปผีเสื้อกันได้อย่างเต็มที่แต่ต้องระวังอย่าเหยียบน้อง ๆ กันนะ รีบมากันน้าเพราะน้องจะอยู่แค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้น ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท พิกัด : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรีโทร. 0 3277 2311Facebook : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน – Kaeng Krachan National Park

บ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ่านเพิ่มเติม

วัดพระนางจามเทวี แห่งเมืองละโว้ ลพบุรี

“จังหวัดลพบุรี” ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วัดวาอารามตั้งแต่สมัยโบราณ และยังสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ มาที่นี่เพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อน ๆ ที่เคยมาที่ลพบุรีบ่อย ๆ ก็คงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งแห่งที่น้อยคนนักจะรู้จัก ที่นี่ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่แห่งหนใด เพียงแต่ออกจากโซนในเมืองไปราว ๆ 10 นาที นั่นคือ ‘วัดพระนางจามเทวี’ เดินทางจากตัวเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันตก ข้ามแม่น้ำลพบุรี มุ่งหน้าไปที่ตำบลบางขันหมาก ในอำเภอเมืองฯ “จังหวัดลพบุรี” ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วัดวาอารามตั้งแต่สมัยโบราณ และยังสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ มาที่นี่เพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อน ๆ ที่เคยมาที่ลพบุรีบ่อย ๆ ก็คงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งแห่งที่น้อยคนนักจะรู้จัก ที่นี่ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่แห่งหนใด เพียงแต่ออกจากโซนในเมืองไปราว ๆ 10 นาที นั่นคือ ‘วัดพระนางจามเทวี’ เดินทางจากตัวเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันตก ข้ามแม่น้ำลพบุรี มุ่งหน้าไปที่ตำบลบางขันหมาก ในอำเภอเมืองฯ ที่นี่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์สีน้ำเงิน ฟังแล้วอาจจะฉงนใจกันอยู่ไม่น้อยว่าในภาคกลางมีวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับภาคเหนือ แถมยังเป็นชื่อเดียวกับปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญไชย ที่จริงแล้วยังมีข้อสันนิษฐานว่าพระนางจามเทวีนั้น เป็นพระราชธิดาแห่งเมืองละโว้ หรือลพบุรีในปัจจุบัน วัดนี้ จึงได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้ชาวลพบุรีและผู้ที่มาเยือนจังหวัดลพบุรีได้รำลึกถึง และหากต้องการสักการะพระนางจามเทวี ก็ยังสามารถเดินทางมากราบไหว้ที่นี่ได้อีกด้วย พระอุโบสถสีน้ำเงิน ขาว ตกแต่งลวดลายทองอย่างสวยงาม ประดับประดาประติมากรรมปูนปั้นอย่างประณีต ถูกสร้างโดยฝีมือช่างจากเชียงใหม่และลำพูน ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานจำลองของหลวงพ่อเพชร รอบ ๆ ตกแต่งลายรดน้ำปิดทองได้อ่อนช้อย ด้านขวามีภาพเขียนของพระนางจามเทวี ที่ได้อ้างอิงรูปเขียนตามประวัติศาตร์ จนออกมาเป็นภาพที่งดงามสมจริง นอกจากนี้ ยังมีอาคารด้านหลังอุโบสถ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีลวปุรี และยังมีอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมายังวัดนี้และผู้ที่ศรัทธาได้กราบสักการะกัน หากมาถึงที่แล้วพระอุโบสถปิดก็ไม่ต้องตกใจกันนะ เพื่อน ๆ สามารถโทรศัพท์สอบถามกับทางผู้ดูแลวัดได้เลย วัดพระนางจามเทวี จ.ลพบุรี Wat Phranang Chamadewi Lopburi 09 2797 7844, 06 6059 9707 พิกัด https://maps.app.goo.gl/uNt3Rq5ni8zs3Qwd9

วัดพระนางจามเทวี แห่งเมืองละโว้ ลพบุรี อ่านเพิ่มเติม

 กระราง กับข้าวของชาวระยอง

“กระราง” อาหารโบราณของชาวระยอง ภูมิปัญญาพื้นบ้านของคนเฒ่าคนแก่ จากการนำเมล็ดของต้นกระบกมาทำเป็นอาหารประจำบ้าน พวกเขาจะเก็บเมล็ดกระบกที่ร่วงจากต้นมากะเทาะเปลือกออกเอาเนื้อด้านในสีขาวที่มีลักษณะรูปทรงรีคล้ายเมล็ดอัลมอนด์มาคั่วไฟอ่อนๆ ในกระทะจนเมล็ดเป็นสีเหลืองกรอบ และนำมาตำต่อตอนร้อน ๆ ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อยตำจนเป็นเนื้อเนียนผสมเข้าด้วยกันเสร็จแล้วตักใส่ใบขนุนที่ม้วนเป็นทรงกรวยพักไว้ให้เซตตัวแค่นี้ก็เสร็จแล้วกับข้าวของชาวระยอง กระราง ที่ปรุงเสร็จแล้วสามารถทำเก็บไว้รับประทานได้นานถึง 1 เดือน หากเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับวิธีการรับประทานคลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือหากจะรับประทานภายหลังแค่นำกระรางใส่ในหม้อหุงข้าวตอนสุกใหม่ ๆ ทิ้งไว้สักพักหนึ่งให้คลายตัวและนิ่มลง เพียงแค่นี้ก็สามารถรับประทานกันได้เลย เหมือนทำเสร็จใหม่ทุกครั้ง พร้อมรสชาติยังคงเดิม หวาน มัน เค็มลงตัว กระราง นอกจากกินเป็นกับข้าวแล้ว ยังสามารถนำมาเป็นของหวานกินคู่กับขนมปังแค่เติมช็อกโกแลตหรือน้ำผึ้งตามชอบทาบนขนมปังก็อร่อยแล้ว สำหรับเพื่อนๆ คนไหนได้อ่านแล้วอยากจะไปลิ้มลองรสชาติของ กระราง บัดดี้แนะนำที่นี่เลยจ้า กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมบ้านวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โทร. 08 9913 5800 และ 08 4754 1941 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมบ้านวังหว้า ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง https://maps.app.goo.gl/ApWkLdQcAKCP6GEs5?g_st=ic

 กระราง กับข้าวของชาวระยอง อ่านเพิ่มเติม

ท่องเที่ยวอ่างทอง ที่ราบลุ่มแห่งภาคกลาง

วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวของ จ.อ่างทอง หนึ่งในจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณขึ้นชื่อ และธรรมชาติสวย ๆ ของที่ราบลุ่มภาคกลางอยู่หลายแห่ง ลองตามมาดูกันว่าวันนี้ บัดดี้จะมีที่ไหนมาแนะนำบ้าง วัดนางในธัมมิการาม  ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดศาลเจ้าโรงทอง ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีจุดเด่นอยู่ที่ หอบูรพาจารย์ดั้งเดิม ที่เป็นกุฏิหลังเก่าทรงปั้นหยา ที่อดีตเจ้าอาวาสองค์สำคัญของวัด หลวงพ่อนุ่มและหลวงพ่อชมใช้จำพรรษามาหลายสิบปี ปัจจุบันวัดแห่งนี้ มีทั้งประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้ขอพรที่หอบูรพาจารย์กันอย่างต่อเนื่อง เพราะที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหากพรที่ขอเป็นจริง จะต้องนำน้ำอัดลมมาทำการถวายแก้บนหน้ารูปหล่อบูรพาจารย์เป็นการตอบแทน 99/7 หมู่ 7 บ้านนางใน ตําบลศาลเจ้าโรงทอง อําเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.)https://maps.app.goo.gl/XAtGLD2FNd2m7wZ76 ตลาดเก่าวิเศษชัยชาญ  ตลาดเก่าวิเศษชัยชาญ หรืออีกชื่อคือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อยู่ตรงข้ามกับวัดนางในธัมมิการาม เป็นตลาดกลางชุมชนเก่าแก่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำน้อย มีการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนติดกันเป็นเรือนแถว ภายในตลาดยังมีการจำหน่ายอาหารคาวหวานมากมาย ทั้ง เกสรลำเจียก กาแฟโบราณ ก๋วยเตี๋ยวไส้เนื้อ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ ข้าวห่อใบบัว ขนมสามเกลอ ขนมกล้วยรังผึ้ง กระหรี่พั๊ฟ ปลาริวกิวปิ้ง บะจ่างข้าวเหนียวดำ ขนมสัมปันนี ไปจนถึงร้านขายของสดและร้านขายทองโบราณ ร้านขายยาโบราณ และร้านเครื่องจักสานต่าง ๆ ภายในชุมชนแห่งนี้ ยังมีศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าเก่าแก่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชน มีคำบอกเล่าจากบรรพบุรุษของชาวชุมชนกล่าวไว้ว่า หากลูกหลานย้ายไปหาที่ทำกินต่างถิ่น แล้วพกห่อดินของตลาดศาลเจ้าโรงทองไปด้วย จะทำให้ทำมาค้าขึ้น มีความเจริญรุ่งเรืองในกิจการ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าตี่จู๋เอี๊ย ศาลเจ้าพ่อเล้ง (เจ้าพ่อโรงกระเบื้อง) และศาลเจ้าแม่แก่นจันทน์ให้เคารพบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจอีกด้วย ตําบลศาลเจ้าโรงทอง อําเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. 0 3563 1405 สำนักงานเทศบาลตำบลวิเศษไชยชาญhttps://maps.app.goo.gl/bCQ91LqbBozbQ6AaA SukArrom :สุขอารมณ์ คาเฟ่ ร้านกาแฟสวยสไตล์มินิมอล-โมเดิร์น บนพื้นที่ 3 ไร่ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ภายในร้านมีการจัดสวนที่ให้ทั้งความสวยงาม ความร่มรื่นและความสบายตา เมนูภายในร้านจะเน้นความเป็นโฮมเมด โดยเฉพาะเค้ก วันที่บัดดี้ไปมีเค้กลอดช่องพอดี หอม นุ่ม อร่อยสุด ๆ จากตัวร้าน อยู่ไม่ไกลจากวัดม่วง หากมาช่วงก่อนปลูกนา เพื่อน ๆ จะเห็นทั้งทุ่งนาเขียว ๆ กับหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งมุมนี้ถือเป็นหนึ่งในมุมสวยในการถ่ายหลวงพ่อใหญ่เลยล่ะ สุขอารมณ์ คาเฟ่ 18/7 หมู่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00–18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) 09 8323 9979https://maps.app.goo.gl/9Sczu8T5nsvnu2FT9 วัดม่วง วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองอ่างทองมาอย่างยาวนาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2230 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ณ เมืองวิเศษชัยชาญ เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ภายในวัดมีจุดให้กราบไหว้หลายจุด อย่างเช่น พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วิหารองค์เทพจีน รูปปั้นเกี่ยวกับวรรณคดีไทย เทวดา แดนสวรรค์ แดนนรก รูปปั้นเปรต เพื่อให้ข้อคิดและอุทาหรณ์สอนใจแก่ญาติโยมที่เดินทางมาเที่ยววัด ในช่วงปี พ.ศ. 2551 ได้มีการสร้างหลวงพ่อใหญ่ (พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ) พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าหากได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร และสัมผัสปลายนิ้วหลวงพ่อใหญ่ จะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน โดยที่แต่ละนิ้วของหลวงพ่อก็ประทานพรให้ต่างกันไป คนที่ไปจึงนิยมขอพรให้ครบทุกนิ้ว 19 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 0 3563 1556https://maps.app.goo.gl/ezaLMWkM12S5qSxj6 วัดสังกระต่าย วัดสังกระต่าย เดิมชื่อ วัดสามกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 2 กิโลเมตร สร้างโดยทวดติ จันทนเสวี (เป็นมารดาพระหัสกาล) แต่ก่อนวัดนี้มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาพระสงฆ์เริ่มมีการแตกแยกไม่สามัคคีกัน ชาวบ้านจึงเริ่มเสื่อมศรัทธาจนไม่มีใครมาทำบุญที่วัดนี้จนกลายเป็นวัดร้างในที่สุด ปัจจุบันวัดนี้จึงเหลือเพียงโบสถ์เก่าเท่านั้น หากเพื่อน ๆ ไปที่นี่ จะพบเพียงผนังของโบสถ์ที่มีต้นโพธิ์ 4 ต้น ขึ้นปกคลุมแล้วยึดผนังโบสถ์เอาไว้ 4 มุมพอดี ดูสวยและขลังมาก ๆ ภายในโบสถ์มีทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องกลางเป็นห้องที่ประดิษฐานพระประธาน และพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 2 องค์ ส่วนอีก 2 ห้องจะเป็นห้องหลวงพ่อแก่น พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ ส่วนอีกห้องจะมีปู่โสมและปู่พญานาคให้กราบไหว้บูชา ตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เปิดทุกวันเวลา 08.00–17.00 น.https://maps.app.goo.gl/HSUyamabd4W8A4ZX7 ศาลหลักเมืองอ่างทอง เป็นอาคารจัตุรมุขสูงจากพื้นดิน 1.5 เมตร หลังคายอดปรางค์เป็นปูนซีเมนต์ฉาบสีแดง ในการสร้างศาลหลักเมืองมีการบวงสรวงก่อนตัดไม้มงคลโดยโหรหลวงจากสำนักพระราชวัง ศาลหลักเมืองจังหวัดอ่างทองเป็นศาลหลักเมืองแห่งที่ 2 ที่มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่งทั้ง 4 ด้าน (ศาลหลักเมืองแห่งแรกที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังคือ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร) ด้านทิศเหนือ มีศาลาตรีมุขซึ่งใช้เป็นที่ประทับ ที่นั่งขององค์ประธาน หรือในการประกอบพิธีต่าง ๆ ด้านทิศใต้ มีศาลาทรงไทย 2 หลัง ใช้เป็นสถานที่ให้บริจาคบูชาวัตถุมงคล และดอกไม้ ธูป เทียน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทองhttps://maps.app.goo.gl/XKcJUWkgjbghdXd8A พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งอยู่ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง (หลังเก่า) ที่มีการปรับปรุงซ่อมแซมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อนำเสนอถึงประวัติศาสตร์สถาบันหลักของชาติ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โซนที่ 1 เบญจสุทธคงคา นำเสนอถึงความสำคัญของจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็น 1

ท่องเที่ยวอ่างทอง ที่ราบลุ่มแห่งภาคกลาง อ่านเพิ่มเติม

หนีร้อน…ไป “เกาะเสม็ด” จ.ระยอง

ร้อน ร้อน อย่างนี้เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนกำลังหากิจกรรมทำคลายร้อนกันอยู่แน่ ๆ วันนี้บัดดี้เลยอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เหมาะสำหรับชาวแก๊งเพื่อนเยอะอย่างเรา ๆ เดินทางไปด้วยกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ “เกาะเสม็ด” จังหวัดระยอง ขอเริ่มต้นทริปกันที่จุดท่าเรือเพื่อข้ามไปยังท่าเรือหน้าด่านบนเกาะเสม็ด ซึ่งจะมีเรือให้เลือกตั้งแต่เรือช้า เรือเร็ว หรือ Speed Boat ตามความสะดวก เมื่อข้ามมาถึงแล้ว สิ่งแรกที่คิดว่าทุกคนต้องทำคือ หยิบมือถือขึ้นมาเช็กอินกับรูปปั้นนางยักษ์ หรือที่บางคนเรียกกันว่านางผีเสื้อสมุทร ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ในทะเลบริเวณหัวสะพานท่าเทียบเรือของเกาะ บนเกาะเสม็ดมีกิจกรรมให้เพื่อน ๆ ได้เลือกทำกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นพายเรือคายัก เล่นไคท์เซิร์ฟ ขับมอเตอร์ไซค์ชมอ่าวต่าง ๆ นอนบนหาดทรายสีขาวนุ่น หรือเดินรับลมสัมผัสกลิ่นไอทะเล พอตะวันเริ่มคล้อยแนะนำให้ชวนกันไปชมพระอาทิตย์ตกที่ท้ายเกาะอย่าง อ่าวพร้าว/อ่าวปะการัง ตามที่ชื่นชอบ และปิดท้ายของวันด้วยการกินอาหารทะเลอร่อย ๆ ริมหาด พร้อมชมการแสดงควงกระบองไฟที่หาดทรายแก้ว นอกจากกิจกรรมบนเกาะที่สนุกเพลินจนลืมวันกันแล้ว บัดดี้อยากขอเสนออีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือ กิจกรรมดำน้ำ (Snorkeling หรือ Skin Diving) ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับโลกใต้ทะเล โดยเพื่อน ๆ สามารถเลือกทริปดำน้ำได้ทั้งแบบจอยทริปหรือแบบเหมาลำตามความสนใจผ่านบริษัททัวร์ในพื้นที่ ซึ่งทริปครั้งนี้บัดดี้ได้มีโอกาสไปเยือน 4 เกาะ คือ เกาะทะลุ ที่มีจุดดำน้ำไฮไลต์อยู่ 2 จุด คือ จุดน้ำตื้นบริเวณหน้าหาดและจุดน้ำบริเวณหน้าช่องรูของเกาะทะลุ นอกจากจุดดำน้ำแล้ว เกาะทะลุยังมีจุดชมวิวด้านบนหน้าผาของเกาะให้เก็บภาพวิวทะเลแบบ 360 องศา เกาะค้างคาว จุดดำน้ำอีกหนึ่งจุด เหมาะแก่การดำลงไปชมปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาทั้งหลาย เกาะขาม-เกาะกรวย ไฮไลต์พิเศษแปลกกว่าเกาะอื่น ๆ คือมีทะเลแหวกเป็นทางเดินเชื่อมเข้าหากันระหว่าง 2 เกาะ เหมาะแก่การถ่ายรูปกับชาวแก๊ง หากโชคดีอาจเจอฉลามหูดำที่ว่ายน้ำผ่านมาทักทายให้ตกใจเล่น เกาะกุฏี เกาะสุดท้ายของทริปนี้ ควรค่าแก่การพักเอาแรงหลังจากดำน้ำมาทั้งวัน นั่งชมวิวทะเลหรือนอนฟังเสียงคลื่นก่อนกลับขึ้นฝั่ง บัดดี้คิดว่าเพื่อน ๆ คงอยากจะรีบเก็บกระเป๋าและโทรนัดชาวแก๊งชวนกันออกไปเที่ยวแล้วแน่ ๆ เลยยย เกาะเสม็ด ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยองhttps://maps.app.goo.gl/xNmdtnt43fJeVUuC6

หนีร้อน…ไป “เกาะเสม็ด” จ.ระยอง อ่านเพิ่มเติม

จากขุนเขาสู่ทะเล สวี… ชุมพร

“จังหวัดชุมพร” เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคใต้ มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทั้งภูเขา วิถีชีวิตชุมชน หาดทรายชายทะเล และเกาะน้อยใหญ่ในทะเลอ่าวไทยมากกว่า 40 เกาะ “สวี” เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชุมพร ห่างจากตัวจังหวัดลงไปทางใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของอำเภอนี้มีความน่าสนใจ คือ ฝั่งตะวันตกเป็นแนวภูเขาและพื้นที่ป่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ส่วนใหญ่ทำเกษตรกรรม เช่น สวนผลไม้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด ส้ม) สวนกาแฟโรบัสตา สวนยางพารา และสวนปาล์ม ส่วนพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกติดทะเลอ่าวไทย มีแนวชายหาดยาวต่อเนื่องกันหลายกิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้อำเภอสวีมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก รีวิวนี้จะแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน ในพื้นที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ซึ่งจะพาไปทั้งภูเขา ทะเล และวัด ครบจบในทริปเดียวเลย วัดพระบรมธาตุสวี วัดพระบรมธาตุสวี ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2544 มีตำนานเล่าถึงประวัติการสร้างพระบรมธาตุสวีว่า เมื่อปี พ.ศ. 1803 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเสด็จยกทัพมาพักที่วัดร้างแห่งหนึ่งในบริเวณนี้ ได้พบกาฝูงหนึ่งกระพือปีกและส่งเสียงร้องอยู่บนกองอิฐที่ปรักหักพัง พระองค์จึงสั่งให้รื้อกองอิฐที่ทับถมกันออก และพบฐานเจดีย์ใหญ่ เมื่อขุดลึกลงไปได้พบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงให้ไพร่พลช่วยกันสร้างเจดีย์ขึ้นมาใหม่ พระราชทานนามเจดีย์นั้นว่า “พระบรมธาตุกาวีปีก” ต่อมาคำว่า “ปีก” ถูกตัดหายไปจึงเรียกกันว่า “พระบรมธาตุกาวี” ครั้นนานวันเข้าคำจึงกร่อนลงไปกลายเป็น “พระบรมธาตุสวี” ในที่สุด องค์พระบรมธาตุเป็นเจดีย์สีทองทรงระฆัง มีความสูงประมาณ 70 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหน้าทางเข้าไปสักการะพระบรมธาตุติดกับแม่น้ำสวี มี “ศาลพระเสื้อเมือง” ตั้งอยู่ ภายในมีรูปปั้นคนนั่ง เชื่อกันว่าเป็นทหารในกองทัพสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ที่ได้รับหน้าที่ให้เฝ้าดูแลพระบรมธาตุแห่งนี้ ศาลนี้จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านด้วย นอกจากนี้ยังมี “พิพิธภัณฑ์วัดพระบรมธาตุสวี” ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวัด เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. การเดินทาง : จากสามแยกตัวอำเภอสวี ใช้ทางหลวงหมายเลข 41 เส้นทางไปตัวเมืองชุมพร ประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางให้เลี้ยวซ้ายสู่วัดพระบรมธาตุสวี ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำสวี ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพรพิกัด : https://goo.gl/maps/FrGyz9rm12xbra39A เขาทะลุ ภูเขาสูงคล้ายกำแพงขนาดใหญ่ มีรูขนาดใหญ่ทะลุภูเขาที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล โดดเด่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตำบลเขาทะลุ จุดชมวิวและถ่ายภาพเขาทะลุที่แนะนำ เช่น จุดที่ 1 : บนทางหลวงหมายเลข 4139 ช่วงบริเวณหน้าร้านภักดีสุวรรณ คาร์แคร์ (อยู่ก่อนถึงบ้านเขาทะลุ 7 กิโลเมตร) พิกัด : https://maps.app.goo.gl/8tVM5Gh75MCSruJM7 จุดที่ 2 : บนทางหลวงชนบท รน.5011 เป็นจุดชมและถ่ายภาพถนนเส้นที่มุ่งหน้าไปเขาทะลุ จะมองเห็นถนนทอดยาวเป็นเส้นตรงสลับกับขึ้นลงเนินเป็นระยะ และมีทิวทัศน์ภูเขาตั้งตระหง่านรายล้อมอยู่โดยรอบ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/AyuoLUFChTyWCPnX6 จุดที่ 3 : จากจุดชมวิวลานลมโชย ดอยตาปัง พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UwiPaZDTnAQobVW27 ที่ตั้ง : บ้านเขาทะลุ ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร หุบกาแฟ “หุบกาแฟ” ร้านกาแฟเล็ก ๆ ตั้งอยู่บ้านในหุบ เป็นชุมชนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โอบล้อมไปด้วยภูเขา และมีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน ร้านกาแฟลักษณะเป็นบ้านปูนผสมไม้ มีสองชั้น เป็นทั้งที่อยู่อาศัยของเจ้าของ โรงคั่วกาแฟ และคาเฟ่ มีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่กลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ เหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายมานั่งพักสมองและดื่มด่ำกับกาแฟสดรสชาติดี นอกจากนี้ ทางร้านยังมีกิจกรรมสาธิตการดริปและชงกาแฟ การพาชมไร่กาแฟโรบัสตาซึ่งอยู่บนภูเขาไม่ไกลจากร้านกาแฟมากนัก แต่เนื่องจากร้านมีวันและเวลาเปิดปิดที่ไม่แน่นอน แนะนำให้ผู้สนใจโทรศัพท์หรือ inbox ผ่าน Facebook ของทางร้าน ไปสอบถามล่วงหน้าว่าร้านเปิดหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เดินทางไปเสียเที่ยว สอบถามข้อมูล โทร. 08 9259 9256Facebook : Hubkafae “หุบกาแฟ” ที่ตั้ง : 27/4 หมู่ที่ 9 บ้านในหุบ ตำบลเขาค่าย อำเภอสวี จังหวัดชุมพรพิกัด : https://maps.app.goo.gl/Qzx2H9tR4BJm46qh7 ดอยตาปัง “ดอยตาปัง” มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง ประมาณ 500 เมตร สามารถชมทัศนียภาพได้รอบทิศ 360 องศา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกในยามเช้า ท่ามกลางภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา จากดอยตาปังสามารถมองเห็นเขาทะลุ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกจุดของอำเภอสวี ในการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้า แนะนำให้ออกเดินทางก่อนเวลา 06.00 น. ใช้เวลานั่งรถประมาณ 30 นาที ถึงจุดชมวิวดอยตาปัง การเดินทาง : จากตัวอำเภอสวี ใช้ทางหลวงหมายเลข 41 เส้นทางไปอำเภอทุ่งตะโก จนถึงสามแยกเขาปีบ ให้เลี้ยวขวาผ่านตลาดเขาปีบ เข้าใช้ทางหลวงหมายเลข 4139 ตรงไปจนถึงสี่แยกเขาทะลุ เลี้ยวซ้ายเข้าใช้ทางหลวงหมายเลข 4014 ตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบทางให้เลี้ยวขวาขึ้นดอยตาปัง เส้นทางขึ้นดอยตาปังเป็นทางวิบากและมีความลาดชัน แนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีความชำนาญในเส้นทางมากกว่า และยังสามารถนัดหมายจุดขึ้นรถได้ เช่น ตลาดเขาปีบ หรือที่พักในพื้นที่ตำบลเขาทะลุ ค่าบริการเหมาไป-กลับ คันละ 600 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน สอบถามข้อมูล โทร. 09 8821 9831 (ผู้ใหญ่ประเสริฐ) หรือให้ทางที่พักเอกชนที่จองไว้บริเวณดอยตาปัง

จากขุนเขาสู่ทะเล สวี… ชุมพร อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top