เพื่อนร่วมทาง

เที่ยวเรียนรู้ ดูชีวิตช้างไทย ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก เริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ปัจจุบันเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย รวมทั้งเป็นโรงพยาบาลช้าง และจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศเรียนรู้วิถีช้าง วิถีควาญ ได้แก่ การชมช้างอาบน้ำ การแสดงช้าง การนั่งช้างชมวิถีธรรมชาติ การฝึกควาญช้าง บริการบ้านพักแบบอาคารที่พักศูนย์การเรียนรู้ แบบรีสอร์ต แบบโฮมสเตย์และลานกางเต็นท์ การดูแลรักษาช้างเจ็บ การเยี่ยมลูกและแม่ช้าง การผลิตกระดาษจากมูลช้าง รวมทั้งการเยี่ยมชมพลายศักดิ์สุรินทร์ มีบริการร้านอาหาร ที่จอดรถ ห้องน้ำ รถรางอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยือน นักท่องเที่ยวสามารถชมและถ่ายภาพกับช้างได้อย่างใกล้ชิด แต่มีข้อควรระวังเช่นกัน คือ ไม่ควรเข้าหาช้างขณะที่ควาญช้างไม่อยู่ ไม่ใช้แฟลชถ่ายภาพ ไม่เข้าหาช้างทางด้านหลัง ไม่หลอกล่อช้างขณะให้อาหาร ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ช้าง ไม่ส่งเสียงดังทำให้ช้างตกใจ ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่กับช้างเพียงลำพัง ไม่เข้าไปในเขตแนวราวกั้น หากพบปัญหาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และอย่าลืมรักษาความสะอาดด้วยนะคะ ค่าธรรมเนียมการเข้าชมกิจกรรม1. นั่งรถบริการ– ชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 100 บาท เด็ก ราคา 50 บาท2. นำรถเข้าพื้นที่– ชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 100 บาท เด็ก ราคา 50 บาท– ค่านำรถเข้าพื้นที่ ราคา 50 บาท*ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้สูงอายุ ช่วงนี้มีโปรโมชัน “บัตรเดียว เที่ยวทุกที่” โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพียงซื้อบัตรราคา 199 บาท สามารถรับส่วนลดในการเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวได้ถึง 14 แหล่ง บัตร 1 ใบ สามารถใช้ได้ 2 ท่านต่อวัน/สถานที่ท่องเที่ยว สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 รายละเอียดเพิ่มเติม https://thailandelephant.org/onecard/ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 0 5482 9322, 0 5482 9333 e-mail : info@thailandelephant.org Website : www.thailandelephant.org พิกัด : https://maps.app.goo.gl/DY3oV5XteLP962Di8

เที่ยวเรียนรู้ ดูชีวิตช้างไทย ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวกิ่วลม แม่ฮ่องสอน

หากมีโอกาสเดินทางบนถนนสาย 1095 สู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เมื่อเดินทางออกจากตัวอำเภอปายประมาณครึ่งชั่วโมง จะพบกับจุดแวะข้างทางที่มีวิวทิวทัศน์งดงามที่สุดจุดหนึ่งบนถนนสายนี้ ที่นี่คือ “จุดชมวิวกิ่วลม” ที่ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างอำเภอปายกับอำเภอปางมะผ้า เป็นสถานที่ที่นักท่องเทียวที่ใช้เส้นทางสายนี้จะต้องหยุดแวะพัก เนื่องจากมีความสะดวกสบายเพราะอยู่ติดริมถนน และยังมีร้านค้า ห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย แต่ไฮไลต์สำคัญที่สุดของที่นี่ แน่นอนว่าคือวิวสวย ๆ อลังการจากทั้ง 2 ฝั่งถนน โดยเฉพาะช่วงเช้าในช่วงปลายปีที่บนดอยมีอากาศเย็นแบบนี้จะมีโอกาสได้เจอกับทะเลหมอกกว้างไกลสุดสายตาแบบในภาพได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าเป็นวิวหลักล้านที่อยู่ข้างถนน สามารถไปชมได้อย่างง่ายดาย การมาชมวิวที่จุดชมวิวกิ่วลมมีข้อควรระวังเล็กน้อย เนื่องจากเป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ติดถนนที่มีการจราจรตลอดเวลา การข้ามถนนเพื่อไปชมวิวต้องระมัดระวัง และไม่กีดขวางการสัญจรของรถยนต์  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต้องรักษาความสะอาดของสถานที่ให้เรียบร้อยและสวยงามแบบนี้ไปนาน ๆ  พิกัด : https://maps.app.goo.gl/naoLEWhdcFL4LC1V7

จุดชมวิวกิ่วลม แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

ชวนจิบกาแฟ ชมวิวหมอก ที่ ดอยผาฮี้ หรือหมู่บ้านผาฮี้ จ.เชียงราย

ดอยผาฮี้ หรือหมู่บ้านผาฮี้ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สาย รายล้อมด้วยภูเขาสูง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่ต้องไปให้ถึงเมื่อมีโอกาสมาที่เชียงราย ชาวบ้านบนดอยผาฮี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเผ่าอาข่า มูเซอ ที่ยังประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกชาและกาแฟเป็นหลักอยู่ ทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย จนในปี พ.ศ. 2531 โครงการพัฒนาดอยตุงได้เข้ามาให้ความรู้และส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟแทนการปลูกฝิ่น ปัจจุบันดอยผาฮี้ เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของประเทศไทย มีสายพันธุ์กาแฟชื่อดังไปทั่วโลกนั่นคือ กาแฟพันธุ์อาราบิก้า ด้วยความที่ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ ทำให้บริเวณนั้นมีร้านกาแฟเปิดหลายเจ้า นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบต่างได้มาลิ้มลองรสกาแฟแท้ ๆ จากต้นกำเนิดแหล่งเพาะปลูก แถมได้นั่งชมทิวทัศน์บนดอยผาฮี้อีกด้วย กาแฟดอยผาฮี้ มีความโดดเด่นกว่ากาแฟที่อื่นตรงที่มีกลิ่นหอมติดหวานคล้ายผลไม้ แต่รสเข้มกลมกล่อม มีการนำกาแฟมาแปรรูปเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟเคลือบช็อกโกแลต เมล็ดกาแฟสำเร็จรูป พิซซ่า ฯลฯ บรรยากาศแต่ละช่วงบนดอยผาฮี้จะแตกต่างกันไปอย่างในช่วงฤดูฝน จะได้เห็นหมอกหนาจัดพาดผ่านแนวเขา ในฤดูหนาวก็จะมีอากาศหนาวและลมเย็น เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนก็จะสดใส ปลอดโปร่งแต่ยังมีอากาศเย็นอยู่ค่ะ เส้นทางขึ้นไปบ้านผาฮี้ค่อนข้างคดเคี้ยว โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ด้วยนะคะ เมื่อขึ้นมาถึงบนดอยแล้ว เพื่อน ๆ จะเห็นป้าย “บ้านผาฮี้” ขนาดใหญ่มีภาพวาดแปลกตา ที่นี่ได้นำเอาภาพจุดเด่น 4 อย่างของชุมชนมาใส่ไว้ด้วย นั่นก็คือ ประตูผี เมล็ดกาแฟ ชิงช้าอาข่า และใบชา ค่ะ หมู่บ้านผาฮี้ ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายhttps://goo.gl/maps/vNGNqPrJ6XoGMdX49

ชวนจิบกาแฟ ชมวิวหมอก ที่ ดอยผาฮี้ หรือหมู่บ้านผาฮี้ จ.เชียงราย อ่านเพิ่มเติม

วัดราษฎร์ประดิษฐ์ อุบลราชธานี

หากใครได้มาเที่ยวชมที่จังหวัดอุบลราชธานี จะเห็นได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีวัดวาอารามมากมายน่าไปเยี่ยมชมและสักการบูชา มีทั้งวัดพระอารามหลวง ปูชนียสถานที่สำคัญตามความเชื่อทางพุทธศาสนาและความเชื่อของภาคอีสาน ที่จริงแล้ว จังหวัดอุบลราชธานี ยังมีวัดที่มีพุทธศิลป์แตกต่างออกไป เราเรียกว่า “ศิลปะแบบช่างญวน” บัดดี้พาเพื่อน ๆ เดินทางมาชมวัดราษฎร์ประดิษฐ์ เป็นวัดที่ก่อสร้างโดยความร่วมมือของชาวบ้านในชุมชนบ้านกระเดียน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2370 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปะแบบช่างญวนและพื้นถิ่นอีสาน ภายในวัด มีสิ่งที่น่าสนใจหลายจุด อีกทั้งยังมีความเก่าแก่และงดงามอย่างมาก ตามมาอ่านรีวิวในแต่ละภาพได้เลยค่ะ วัดราษฎร์ประดิษฐ์ ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี https://maps.app.goo.gl/8YXJTUaVhrXCSTUT7 หอแจก หรือศาลาการเปรียญ วัดราษฎร์ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นจุดที่เก่าแก่ที่สุด สร้างก่อนจะมีการสร้างอุโบสถของวัด เมื่อปี พ.ศ. 2468 ตัวอาคารก่ออิฐถือปูน ส่วนหลังคาทำด้วยไม้แกะสลัก เชิงชายตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก และฉลุลวดลายที่สวยงาม ในภาคอีสานบางพื้นที่เรียกศาลาการเปรียญว่า ‘หอแจก’ เพราะถือเป็นอาคารที่ใช้บำเพ็ญกุศลแจกบุญ แจกทาน แจกข้าวและน้ำ รวมถึงการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย ด้านหน้าหอแจกวัดราษฎร์ประดิษฐ์ ตกแต่งราวบันไดด้วยประติมากรรมปูนปั้นพื้นถิ่นอีสาน ส่งผ่านโดยฝีมือช่างญวน ซึ่งในสมัยนั้นมีความชำนาญด้านปูนปั้น แต่ด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกัน การสื่อสารอาจไม่ตรงกันและสร้างตามคติของช่างญวน ทำให้รูปแบบศิลปะในวัดค่อนข้างต่างจากวัดอื่น ๆ แต่ทำออกมาได้อย่างงดงามมากทีเดียว ด้านหลังหอแจกวัดราษฎร์ประดิษฐ์ ตกแต่งราวบันไดด้วยปูนปั้นลายมกรคายนาค (มะ-กอน : สัตว์ป่าหิมพานต์ในตำนาน) ที่ฐานของราวบันได ยังปรากฏรูปสัตว์คล้ายเสืออีกด้วย ภายในหอแจก มีธรรมาสน์เก่าแก่ เป็นศิลปะผสมระหว่างศิลปะอีสานกับศิลปะญวน ตรงฐานเป็นอิฐฉาบปูนตกแต่งด้วยลวดลายพรรณพฤกษาหลากสี องค์ธรรมาสน์ทำด้วยไม้ฉลุลายและทาสีด้วยสีจากธรรมชาติ จัดเป็นโบราณวัตถุที่หาดูได้ยากนักในปัจจุบัน อีกอาคารที่อยู่ข้างหอแจก คือ อุโบสถ หรือ ‘สิม’ ในภาษาอีสาน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2478 เป็นอุโบสถก่อด้วยอิฐ ฉาบปูนเรียบทั้งสองด้าน ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยก่ออิฐถือปูน ศิลปะไทยอีสาน และเป็นที่รวบรวมพระพุทธรูปบูชาปางต่าง ๆ มีทั้งที่แกะจากไม้และหล่อด้วยโลหะ สะดุดตากับหน้าบัน มีลวดลายคล้ายมังกรพ่นน้ำเป็นศิลปะแบบช่างญวนเช่นเดียวกัน เมื่อสองวัฒนธรรมร่วมกันสร้าง ทำให้พุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดออกมาแปลกตาแต่งดงามไม่ใช่น้อย บันไดทางขึ้นก็มีศิลปะปูนปั้นเป็นรูปคล้ายพญานาคผสมมังกร เหนือบานประตูทางเข้ามีภาพวาดพระพุทธรูปด้วย ในส่วนบริเวณด้านหลังอุโบสถ หน้าบันเป็นรูปหัสดีลิงค์ในป่าหิมพานต์ ลวดลายงดงาม หากมาชมด้วยตาตัวเองต้องประทับใจสุด ๆ เดินมาด้านหลังอุโบสถ มีกุฏิลายตั้งอยู่ 2 หลังติดกัน จากในรูปฝั่งซ้าย ด้านหน้าจั่วและฝาผนังกุฏิมีการติดประดับด้วยกระจกเพื่อให้เกิดความสวยงาม แกะสลักเป็นลายลูกฟักและทาสีได้อย่างสวยงาม สะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาและฝีมือเชิงช่างพื้นบ้านอีสาน ส่วนทางด้านขวาจากในรูป มีลักษณะโล่ง หน้าจั่วประดับด้วยไม้ลวดลายดวงอาทิตย์ฉายแสงอย่างวิจิตรสวยงาม แม้จะชำรุดและเสียหายลงไปมาก แต่ภายหลังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากรแล้ว ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2556

วัดราษฎร์ประดิษฐ์ อุบลราชธานี อ่านเพิ่มเติม

รวมจุดรับ Vitamin SEA ต้อนรับหน้าร้อน

ช่วงนี้ทุกที่ในไทยถูกอาบไปด้วยแสงแดดของหน้าร้อนแล้ว หลายคนคงวางแผนไปเที่ยวทะเลสวย ๆ ต้อนรับ Summer Vibe กันแน่ บัดดี้เลยถือโอกาสมาแนะนำทะเลที่หากเพื่อน ๆ ไปแล้ว นอกจากจะได้ทั้งเล่นน้ำทะเลใส ๆ ได้ภาพสวย ๆ ปัง ๆ มาลงโซเชียลมีเดียส่วนตัวกันหลายภาพแน่ หากทะเลไหนที่บัดดี้นำเสนอวันนี้สวยกระแทกใจ เพื่อน ๆ ก็เตรียมวางแผนไปกระแทกคลื่นกันได้เลย 1. หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ หมู่เกาะพีพี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ห่างจาก จ.กระบี่ ประมาณ 40 กิโลเมตร แต่เดิมลูกทะเลหลายคนจะเรียกหมู่เกาะแห่งนี้ว่า “ปูเลาปิอาปิ” โดยคำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ ส่วนคำว่า “ปิอาปิ” แปลว่าต้นไม้ทะเลจำพวกแสมและโกงกาง ที่ต่อมาเรียกกันว่า “ต้นปีปี” และเพี้ยนเสียงเป็น “พีพี” ในที่สุด หมู่เกาะพีพี จะประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเล มีลักษณะเป็นเวิ้งโค้ง หาดทรายขาวสวยงาม น้ำทะเลใสสะอาด ที่เกาะพีพีดอนจะมีทั้งที่พัก ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 2 เกาะใหญ่นี้ จะมีเกาะเล็ก ๆ รายรอบ คือ เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก เกาะบิดะใน ซึ่งแต่ละเกาะจะมีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส ถ่ายรูปได้รัว ๆ สำหรับการเดินทางไปเกาะพีพี คือการไปกับเรือโดยสารขนาดใหญ่ (เรือเฟอร์รี่) ซึ่งสามารถเดินทางไปเกาะพีพีได้ทั้งจากท่าเรือคลองจิหลาดจ.กระบี่ และท่าเรือรัษฏา จ.ภูเก็ต ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง หากใครต้องการการเดินทางที่เร็วขึ้น สามารถนั่งเรือสปีดโบ๊ทได้ทั้งจาก จ.ภูเก็ต หรือ จ.กระบี่ ได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 60 นาที มีหลายบริษัทให้บริการบริเวณท่าเรือ 0 7566 1145 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีhttps://maps.app.goo.gl/3VRptYfQA76PoX1s8 2. เกาะระยั้ง จ.ตราด สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว บัดดี้ขอแนะนำ หมู่เกาะระยั้ง (ประกอบไปด้วยเกาะระยั้งในและเกาะระยั้งนอก) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหมาก ที่เกาะนี้มีความเงียบสงบ ปราศจากความวุ่นวาย หาดทรายนุ่มขาวสะอาด น้ำทะเลใส ที่สำคัญบนเกาะมีที่พักแห่งเดียวซึ่งเป็นบ้านเพียง 3 หลัง ตั้งอยู่บนเกาะระยั้งนอก ส่วนเกาะระยั้งใน ไม่มีหาดทราย ไม่มีที่พัก แต่เป็นจุดดำน้ำดูโลกใต้ทะเลที่สวยมาก ถึงแม้ที่นี่จะเป็นอีกเกาะที่หลายคนบอกว่าโอกาสได้มาค่อนข้างน้อยเพราะต้องจองล่วงหน้าแล้วที่นี่ก็เต็มไวเสียเหลือเกิน แต่ถ้าได้มาแล้วคุ้มค่าสุด ๆ ทั้งได้พักผ่อน ได้อยู่กับความสงบท่ามกลางธรรมชาติสวย ๆ ได้ดำน้ำชมปะการัง จนอยากกลับมาซ้ำกันแทบทุกคน สำหรับการเดินทางไป เกาะระยั้ง เพื่อน ๆ ต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือ แหลมงอบ-เกาะหมาก เพราะทางที่พักบนเกาะระยั้งจะส่งมารับที่เกาะหมากเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาโดยรวมจากท่าเรือแหลมงอบไปเกาะระยั้งประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด 09 0948 4849https://maps.app.goo.gl/ozNJwHMEH8NNGvmC9 3. เกาะเสม็ด จ.ระยอง เกาะเสม็ด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อีกหนึ่งเกาะสวยในใจของหลายคน ที่นอกจากทะเลสวย น้ำใสแล้ว หาดทรายขาวนุ่มละเอียดเดินได้สบายเท้าแล้ว ยังมีที่พักต่าง ๆ ให้เลือกตั้งแต่ บังกะโลไปจนถึงโรงแรม 5 ดาว มีร้านอาหารและคาเฟให้เลือกฝากท้องมากมาย แถมยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อย่างการดำน้ำชมปะการัง พายคายัก ตกหมึก ตกปลา พายเรือคายัก ดูการแสดงโชว์ Fire Man Show นวดผ่อนคลาย เรียกได้ว่าการมาที่นี่ทั้งได้สนุก และพักผ่อนครบจบเลยล่ะ การเดินทางไป เกาะเสม็ด เพื่อน ๆ สามารถเลือกขึ้นเรือได้จากหลายท่า ซึ่งแต่ละท่าเรือมีให้บริการทั้งเรือโดยสารธรรมดาและเรือสปีดโบ๊ท แล้วแต่ว่าเพื่อน ๆ อยากลงที่หาดไหน เช่น– ท่าเรือบ้านเพ สามารถลงได้ที่ หาดทรายแก้ว อ่าววงเดือน อ่าวหวาย อ่าวช่อ อ่าวปะการัง– ท่าเรือนวลทิพย์ 1 สามารถลงได้ที่ หาดทรายแก้ว และอ่าวน้อยหน่า– ท่าเรือลุงหวัง อยู่ฝั่งตรงข้ามเทศบาล เรือจะจอดที่อ่าวลุงหวัง– ท่าเรือเสรีบ้านเพ เรือจอดที่ อ่าวพร้าว หาดทรายแก้ว อ่าววงเดือน หน้าด่าน อ่าวหวาย อ่าวกิ่ว– ท่าเรือโชคมานะ จอดตามหาด ตามที่ลูกค้าต้องการ ต.บ้านเพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง 0 3865 3034 อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดhttps://maps.app.goo.gl/U6feeEaRthxV9JbBA 4. ถ้ำมรกต จ.ตรัง หนึ่งในถ้ำสวยที่เป็นผลงานแสนงามจากธรรมชาติ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เป็นส่วนหนึ่งของเกาะมุก โดยถ้ำมรกต ถือเป็นถ้ำทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปข้างในได้จากโพรงถ้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ช่วงที่น้ำลดสามารถนั่งเรือเล็ก ๆ เข้าไปได้ แต่ถ้าช่วงน้ำขึ้นจะต้องลงน้ำ ดึงตัวไปตามเชือกเพื่อเข้าไป หลังจากผ่านถ้ำทะเลไปประมาณ 80 เมตร ก็จะเจอทางออกของอีกด้าน ที่มีโพรงขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลสีเขียวใสและหน้าผาสูง สวยมาก ๆ เลยล่ะ การเดินทางไป ถ้ำมรกต เพื่อน ๆ สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือหาดปากเมง และ ท่าเรือควนตุ้งกู มีเรือหลายเจ้าคอยให้บริการ หากมาเป็นกลุ่มสามารถเหมาลำได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หรือหากอยากให้คุ้ม สามารถซื้อทัวร์เที่ยวเกาะแบบวันเดย์ ที่จะมีคนนำเที่ยวได้แบบหายห่วง ซึ่งมีหลายเจ้าในเมืองตรังให้เลือก ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง 08 0572

รวมจุดรับ Vitamin SEA ต้อนรับหน้าร้อน อ่านเพิ่มเติม

หมู่เกาะสุรินทร์ ฉบับ Backpacker

จุดหมายปลายทางหลักในการท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูร้อนคงหนีไม่พ้น “ทะเล” เชื่อได้ว่าหนึ่งในทะเลที่สวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยและเป็น Dream Destination ของใครหลายคน คือ หมู่เกาะสุรินทร์ (อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์)  ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน (เหนือ) ห่างจากท่าเรือคุระบุรี จังหวัดพังงา ประมาณ 70 กิโลเมตร ในทุก ๆ ปี อุทยานฯ จะประกาศเปิดเกาะระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม เท่านั้น อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯชาวไทย : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 250 บาท สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งแบบค้างคืนบนเกาะสุรินทร์เหนือและแบบเช้าไปเย็นกลับ ในกรณีค้างคืนบนเกาะ ต้องจองที่พัก (บ้านพัก/เต็นท์) ล่วงหน้า และจองเรือสปีดโบ๊ตไปเกาะล่วงหน้ากับบริษัทนำเที่ยวเอกชน โดยสามารถจองเฉพาะเรือไปกลับ หรือซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบรวมเรือและที่พักบนเกาะไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจดำน้ำแบบ One Day Trip ให้บริการอีกด้วย สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร. 0 7647 2145, 0 7647 2146 ใครอยากไปเที่ยว ‘หมู่เกาะสุรินทร์’ แบบฉบับ Backpacker ตามมาดูกันเลย การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์ กรณี Backpack ไปเอง ไม่ได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์– จองที่พักของอุทยานฯ บนเกาะ (บ้านพัก/เต็นท์) >> https://nps.dnp.go.th/reservation.php?option=home– จองเรือไปกลับ– จองเครื่องบิน/รถโดยสารประจำทาง/รถเช่า– จัดเตรียมอุปกรณ์จำเป็นในการเดินทาง อันดับแรกขอเริ่มต้นกันที่ ‘ท่าเรือคุระบุรี’ กันก่อนเลย เรือโดยสาร ปัจจุบันให้บริการโดยบริษัทนำเที่ยวเอกชน (ไม่มีบริการเรือของอุทยานฯ แล้ว) เปิดให้บริการทุกวันในช่วงเปิดเกาะ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-15 พฤษภาคม ของทุกปี เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมจึงจะปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว มีรอบเวลาเดินเรือ ดังนี้ จากท่าเรือคุระบุรี เวลา 09.00 น. ถึงที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ เวลา 11.30 น.จากที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ เวลา 13.00 น. ถึงท่าเรือคุระบุรี เวลา 15.30 น. อัตราค่าโดยสารเรือสปีดโบ๊ตไป-กลับ คนละ 1,500-1,700 บาท แนะนำให้จองที่นั่งบนเรือล่วงหน้าก่อนเดินทางจากบริษัทนำเที่ยวเอกชนที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือคุระบุรี หรือในพื้นที่จังหวัดพังงา ภูเก็ต และระนอง ‘อ่าวช่องขาด’ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ บนเกาะสุรินทร์เหนือ มีบ้านพัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟให้บริการ อ่าวช่องขาดนี้จะเป็นจุดแรกสำหรับจอดเรือเพื่อส่งนักท่องเที่ยว น้ำทะเลและหาดทรายที่อ่าวช่องขาด มีความสวยงามไม่แพ้หาดอื่น ๆ บนเกาะ หนึ่งในจุดแลนด์มาร์กของอ่าวช่องขาด คือ หินแม่ไก่ ซึ่งเป็นโขดหินริมหาดที่มีรูปร่างคล้ายไก่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองเต็นท์ค้างแรมบนเกาะสุรินทร์เหนือ จะต้องต่อเรือหัวโทงตามรูปเพื่อไปยัง “อ่าวไม้งาม” ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของเกาะ และเป็นจุดกางเต็นท์หลักของอุทยานฯ โดยระยะทางระหว่าง อ่าวช่องขาด-อ่าวไม้งาม ใช้เวลานั่งเรือหัวโทง ประมาณ 10 นาที เท่านั้น ‘อ่าวไม้งาม’ เป็นอ่าวที่มีน้ำทะเลสวยใส มีชายหาด 2 แห่ง คือ บริเวณท่าเรือ และอีกด้านของเกาะ ซึ่งเป็นพื้นที่กางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยตรงท่าเรืออ่าวไม้งาม จะพบป้ายบอกทางให้เดินไปอีก 200 เมตร ถึงชายหาดอ่าวไม้งามอีกฝั่ง อ่าวไม้งาม มีโค้งอ่าวยาวประมาณ 800 เมตร มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสวยใสมาก ตามแนวชายหาดของอ่าวไม้งามยังคงความเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ขึ้นขนานไปกับแนวหาดดูร่มรื่น มีไม้โกงกางลำต้นสวยแปลกตาตั้งอยู่ริมหาด ถือเป็นแลนด์มาร์กของอ่าวไม้งาม ที่อ่าวไม้งามมีจุดกางเต็นท์ของอุทยานฯ ให้บริการ โดยต้องจองในเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง ส่วนใครที่เตรียมเต็นท์มาเอง ที่บริเวณอ่าวไม้งามยังมีโซนพื้นที่สำหรับให้กางเต็นท์ที่นักท่องเที่ยวเตรียมมาเองด้วยเหมือนกัน นอกจากอ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งามบนเกาะสุรินทร์เหนือ ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบหมู่เกาะสุรินทร์อีกหลายแห่ง สามารถเช่าเหมาเรือหัวโทงจากทั้งอ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งามไปเที่ยวระหว่างวันได้ หนึ่งในกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ คือ การดำน้ำ เพราะหมู่เกาะสุรินทร์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่สวยอันดับต้น ๆ ของไทย จุดดำน้ำรอบหมู่เกาะสุรินทร์ มีทั้งแบบจุดดำน้ำตื้นและจุดดำน้ำลึก จุดดำน้ำตื้นชมปะการังที่มีชื่อเสียง เช่น อ่าวบอน อ่าวสุเทพ อ่าวแม่ยาย อ่าวจาก เป็นต้นจุดดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงของหมู่เกาะสุรินทร์ เช่น กองหินริเชลิว เกาะตอริลลา เกาะสตอร์ค เป็นต้น จุดเช็กอินน่าสนใจอีกแห่งของหมู่เกาะสุรินทร์ คือ หมู่บ้านชาวมอแกน ซึ่งตั้งอยู่อ่าวบอนใหญ่ เกาะสุรินทร์ใต้ โดยสามารถนั่งเรือหัวโทงจากเกาะสุรินทร์เหนือมาที่นี่ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที  สามารถซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ทั้งแบบค้างคืน/แบบ One Day Tour/แบบ Half Day Tour เพื่อมาเที่ยวที่หมู่บ้านชาวมอแกนได้ เพราะในแพ็กเก็จทัวร์จะพาไปเที่ยวชายหาดบนเกาะสุรินทร์เหนือ จุดดำน้ำต่าง ๆ และเที่ยวหมู่บ้านมอแกนบนเกาะสุรินทร์ใต้ “ชาวมอแกน” หรือ “ยิปซีแห่งท้องทะเล” บนเกาะสุรินทร์ใต้ มีประมาณ 200 คน ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม สร้างกระท่อมยกเสาสูงเป็นที่อยู่อาศัยบริเวณชายหาด ชาวมอแกนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านเป็นหลัก และทำของที่ระลึกขายให้นักท่องเที่ยว บางส่วนเป็นลูกจ้างช่วยงานภายในอุทยานฯ ของที่ระลึกที่ชาวมอแกนทำขายนักท่องเที่ยวบนเกาะ เช่น ผ้าบาติก/เครื่องประดับที่ทำจากหิน ลูกปัด และเชือกถัก/กระเป๋าสานจากเชือกอวนทะเล เป็นต้น ใครมีโอกาสไปเที่ยวหมู่บ้านมอแกน อย่าลืมช่วยกันอุดหนุนของที่ระลึกซึ่งเป็นงานฝีมือน่ารัก ๆ ของชาวมอแกนกันด้วยนะ ท้ายสุด…อย่าลืมช่วยกันรักษาธรรมชาติของท้องทะเลหมู่เกาะสุรินทร์ เช่น ไม่ทิ้งขยะตามแหล่งท่องเที่ยวและพยายามสร้างขยะให้น้อยที่สุด ไม่สัมผัสหรือทำลายปะการังใต้น้ำ เป็นต้น เพื่อที่พวกเราจะมีทะเลที่สวยงามให้ได้เที่ยวกันไปอีกนานแสนนาน

หมู่เกาะสุรินทร์ ฉบับ Backpacker อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวทะเลไทย … ระยอง

ทะเลไทย สวยทุกที่เลยนะ เพื่อน ๆ มีแพลนไปที่ไหนหรือยัง ถ้ายังวันนี้บัดดี้ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวทะเลที่ “ระยอง” ชายหาดระยองเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่งในประเทศไทย มีทั้งที่พักอันหลากหลายระดับราคาและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับท้องทะเล ธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปที่ไหนและไปทำอะไรบ้าง ติดตามกันได้เลย 1. กิจกรรมแรกเตรียมไปลงเล่นน้ำทะเลกัน เตรียมชุด ครีมกันแดด แว่นตาพร้อม ชายหาดที่ระยองมีทรายขาวสวยงามและน้ำทะเลใส สามารถเล่นน้ำ ถ่ายภาพ เช็คอิน ได้ไม่อั้น หรือจะนอนอาบแดดบนชายหาด ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกสัมผัสธรรมชาติได้ ไปที่นี่เลย หาดแสงจันทร์ หาดแหลมสิงห์ ก้นอ่าว หาดแหลมสน หาดพลา หาดพะยูน 2. กิจกรรมดำน้ำ ชมโลกใต้ทะเลระยอง ที่นี่มีแหล่งดำน้ำที่สวยงามมากมายทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถเช่าอุปกรณ์ดำน้ำและสำรวจโลกใต้ทะเลได้ จุดดำน้ำตื้น ได้แก่ เกาะเสม็ด เกาะทะลุ เกาะกรวย เกาะมันใน มันนอก มันกลาง จุดดำน้ำลึก แนะนำเกาะหินเพลิง มีบริษัททัวร์ดำน้ำหลายแห่งในจังหวัดระยอง ที่สามารถให้บริการเรือ อุปกรณ์ดำน้ำ และอาหารกลางวัน เพื่อนสามารถค้นหาบริษัททัวร์ดำน้ำได้ทางออนไลน์ หรือสอบถามที่โรงแรมหรือรีสอร์ตที่เพื่อน ๆ พักได้ 3. ท้าทายตัวเองกับการเล่นกีฬาทางน้ำ พายเรือแคนูและเรือคายัก เล่นเจ็ทสกี เล่นเซิร์ฟ วินด์เซิร์ฟ นิยมไปเล่นที่แหลมแม่พิมพ์ อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางน้ำด้วยนะ 4. กิจกรรมนี้ขาดไม่ได้เลย มาทะเลทั้งทีต้องกินอาหารทะเลและผลไม้เมืองระยองด้วยนะ เพราะมีอาหารทะเลสด ผลไม้อร่อยมาก ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเลือกทำอะไรก็ตาม การเที่ยวทะเลระยองจะทำให้เพื่อน ๆ มีประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง

เที่ยวทะเลไทย … ระยอง อ่านเพิ่มเติม

ไหว้ศาลเจ้าญี่ปุ่น ที่ ศรีราชา

จังหวัดชลบุรี นอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีนักลงทุนชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาลงทุนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือชาวญี่ปุ่น ที่มาทำงานและอาศัยอยู่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี กว่า 10,000 คน จนทำให้เมืองนี้ได้รับการเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Little Osaka ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาชินโตจึงได้สร้าง ศาลเจ้าชินโต ศรีราชา ซึ่งเป็นที่แรกในเมืองไทย เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่นที่มาอยู่ในเมืองไทย ตั้งอยู่บนถนนสุรศักดิ์สงวน ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา แนวคิดของศาสนาชินโต มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าพระเจ้าอาศัยอยู่ในทุกสรรพสิ่ง มีการบูชาบรรพบุรุษ และการบูชาธรรมชาติ และบูชาเทพเจ้าแปดล้านองค์ หรือ ยาโอโยโรสุโนะคามิ เชื่อว่าผู้ตายจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองครอบครัวและลูกหลานในโลกหลังความตาย สามารถเข้าไปขอพรเทพเจ้าอามาเทราสี และเทพเจ้าอุกะโนะมิทามะ ได้ โดยทำตามขั้นตอนตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าจนถึงด้านใน อธิษฐานขอความสุข ความโชคดี ความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญรุ่งเรือง ที่นี่ต้อนรับทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัย ให้มาสักการะ สามารถเช่าเครื่องรางเสริมดวงได้  เปิดบริการ ทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น. รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/profile.php?id=100080350479331 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/3toKEkXwfcKdtRre6

ไหว้ศาลเจ้าญี่ปุ่น ที่ ศรีราชา อ่านเพิ่มเติม

ขนมครก … อันดับ 4 แพนเค้กที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างชาติด้านอาหาร Tasteatlas ได้มีการจัดอันดับขนมตระกูลแป้งบนกระทะร้อน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “แพนเค้ก” ซึ่งขนมครกของไทย ได้คว้าอันดับ 4 จากแพนเค้กทั่วโลก ด้วยคะแนน 4.5 คะแนน อันดับ 1 ของโลก คือ เครป จากฝรั่งเศสอันดับ 2 คือ Kaiserschmarrn หรือแพนเค้กหวาน จากเยอรมนีอันดับ 3 คือ Jianbing (เครปจีน) จากจีน อันดับ 4 ขนมครก จากประเทศไทย “ขนมครก” มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นขนมไทยที่สามารถพบได้แทบจะทุกที่ เกิดจากการนำแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลและกะทิมาผสมกันก่อนนำไปหยอดลงกระทะเหล็กขนาดใหญ่ที่มีหลุมจนสุกก็แคะขึ้นมา จะได้เป็นขนมครกที่แป้งด้านนอกกรอบเนื้อข้างในนุ่ม หวาน มัน เค็ม โรยด้วยต้นหอมซอย เผือก ข้าวโพด ฯลฯ หรือจะกินขนมครกเปล่า ๆ จิ้มน้ำตาลก็อร่อยไม่น้อยเลย

ขนมครก … อันดับ 4 แพนเค้กที่ดีที่สุดจากทั่วโลก อ่านเพิ่มเติม

24 จุดเช็กอิน…ยะลา

“ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” คำว่า “ยะลา” แปลว่า “แห” ในสมัยสุโขทัยจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ยะลาเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลปัตตานี ล่วงเลยมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปรับปรุงการปกครองเป็นแบบเทศาภิบาล แยกออกเป็น 7 หัวเมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก เมืองยะหริ่ง เมืองระแงะ เมืองรามัน และเมืองยะลา ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 มีการยกเลิกมณฑลปัตตานี เมืองยะลาจึงถูกยกเป็นจังหวัด ยะลาเป็นเมืองชายแดนภาคใต้ ที่มีความน่าสนใจทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชนต่างเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และมุสลิม ตัวเมืองยะลามีการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา อำเภอรามัน อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา อำเภอกาบัง อำเภอบันนังสตา อำเภอธารโต และอำเภอเบตง ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ตามมาทำความรู้จัก 24 สิ่งที่ต้องห้ามพลาดของจังหวัดยะลากัน 1. ศาลหลักเมืองยะลา ศาลหลักเมืองยะลาเป็นที่สักการบูชาและเคารพนับถือของชาวจังหวัดยะลา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยอดเสาหลักเมืองให้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2505 สร้างด้วยแก่นไม้ชัยพฤกษ์ พระเศียรยอดเสาเป็นรูปพรหมจตุรพักตร์และเปลวไฟ บริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะ จัดตกแต่งสวนได้อย่างสวยงามและร่มรื่น มีการจัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมืองในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ที่ตั้ง : ตั้งอยู่กลางวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/3W1TAuJAY4WSvELE6 2. วัดคูหาภิมุข ปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ เช่นเดียวกับพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช และพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แสดงถึงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย บริเวณวัดร่มรื่น มีธารน้ำไหลผ่านบันไดขึ้นไปยังปากถ้ำ มีรูปปั้นยักษ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าเขา” สร้างโดยช่างพื้นบ้านเมื่อ พ.ศ. 2484 ภายในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยศรีวิชัย ราวปี พ.ศ. 1300 เชื่อกันว่าเดิมเป็นปางนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพราะมีภาพนาคแผ่พังพานปรกพระเศียร ต่อมาจึงได้ดัดแปลงเป็นพระพุทธไสยาสน์แบบหินยาน และยังมีปล่องที่เพดานถ้ำ ที่เมื่อยามแสงแดดส่องลงมาในโถงถ้ำจะดูงดงามมาก ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/NAqwhFhHVAAgDLga7 3. มัสยิดกลางยะลา เป็นมัสยิดใหญ่ประจำจังหวัด มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “มัสยิดเราฎอตุลยันนะห์” สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2527 เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สอดแทรกเส้นกรอบทรงสุเหร่าไว้ได้อย่างกลมกลืน ด้านหน้าเป็นบันไดกว้าง 30 ขั้น ทอดยาวสู่ลานชั้นบน ลักษณะหลังคาทรงสี่เหลี่ยมมีโดมใหญ่อยู่ตรงกลาง (การเที่ยวชมมัสยิด ควรสำรวมและแต่งกายสุภาพ) ที่ตั้ง : ถนนสิโรรส บ้านตลาดเก่า อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/HTGUaXEvGUh3RC3g8 4. เขื่อนบางลาง เป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอเนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว มีความสูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนบางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2524 บริเวณเหนือเขื่อนมีจุดชมทิวทัศน์ ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ที่ตั้ง : บ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/uWibx4FSxq1mEgMD8 5. ทะเลสาบฮาลาบาลา มีจุดล่องเรือหลักอยู่ที่ ท่าเรือตาพะเยา อําเภอธารโต จังหวัดยะลา ใช้เวลาล่องเรือประมาณครึ่งวัน โดยเรือจะพาแวะเที่ยวชมเกาะแก่งต่าง ๆ ในทะเลสาบ เช่น เกาะทวด เกาะป็อปคอร์น บางจุดจะมีน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินลงมาที่ทะเลสาบ สามารถลงเล่นน้ำได้ สอบถามข้อมูล ท่าเรือตาพะเยา โทร. 08 2675 9053 ที่ตั้ง : ท่าเรือตาพะเยา ตำบลแม่หวาด อําเภอธารโต จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/4sm353sgrfMyPN1j6 6. สะพานโต๊ะกูแช เป็นสะพานข้ามเขื่อนบางลาง เชื่อมต่อเส้นทางจากอำเภอธารโตไปยังอำเภอเบตง เป็นจุดพักรถและชมวิวที่สวยงาม มองเห็นทัศนียภาพของเวิ้งน้ำขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยความเขียวขจีของต้นไม้นานาชนิดแบบป่าดิบชื้นที่คงไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ เป็นจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในการแวะถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ที่ตั้ง : บนทางหลวงหมายเลข 410 ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/NF5rDhz3BZTWvcKM6 7. สะพานแตปูซู เป็นสะพานไม้ที่แขวนยึดด้วยลวดสลิง ใช้สัญจรเฉพาะจักรยานยนต์และเดินเท้าข้ามไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำปัตตานี เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก ที่ตั้ง : หมู่บ้าน กม. 32 ริมทางหลวงหมายเลข 410 (เบตง-ยะลา) ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลาพิกัด : https://maps.app.goo.gl/wATdxxnZxD1DvzSM8 8. จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เป็นพื้นที่ตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ จึงเป็นที่มาของชื่อเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 2,038 ฟุต บนยอดเขามีอากาศเย็นสบาย สามารถชมทะเลหมอกได้ทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก บนเขาไมโครเวฟมีจุดชมวิว 3 จุด คือ จุดที่ 1 สกายวอร์กอัยเยอร์เวง

24 จุดเช็กอิน…ยะลา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top