เชียงใหม่

เชียงใหม่

4 พื้นที่สร้างสรรค์ จ.เชียงใหม่

วันนี้บัดดี้มีข้อมูลย่านพื้นที่สร้างสรรค์ของจังหวัดเชียงใหม่มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เหมาะกับเพื่อน ๆ สาย Content Creator สายงานคราฟต์ โดยพื้นที่เหล่านี้ได้มีการจัดรวมรวมสินค้าของท้องถิ่นและงานคราฟต์มาอยู่ด้วยกัน มีการใช้พื้นที่ในชุมชนได้อย่างสร้างสรรค์และมีการจัดการที่ดี อีกทั้งมี Co-Working Space และกิจกรรม Workshop งานศิลปะต่าง ๆ ถ้าอยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง ตามบัดดี้มาได้เลย บ้านข้างวัดเป็นพื้นที่ชุมชนของคนที่รักงานคราฟต์ และงานศิลปะต่าง ๆ มีสินค้าพื้นเมืองขายตามแนวคิดที่ต้องการสร้างชุมชนให้มีวิถีชีวิตคล้ายกับผู้คนในสมัยก่อน มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ภายใต้บรรยากาศ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม Workshop โดยจัดการกับวัสดุเหลือใช้ ให้ออกมาเป็นผลงานพิเศษชนิดใหม่ ด้วยวิธีการจัดการวัสดุหมุนเวียน ทั้ง Recycle, Reuse, และ Upcycling ทำให้งานที่ออกมานั้น มีคุณค่า และสวยงาม พร้อมทั้งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ โหล่งฮิมคาวต้นแบบของชุมชนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งช่วยกันเปลี่ยนพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ให้กลายเป็นชุมชนงานศิลป์ มีการสร้างเรือนล้านนา เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาการสร้างเรือน ภายในชุมชนมีการทำสลุงเงิน มีศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เสื้อผ้าพื้นเมือง และสินค้าชุมชนที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นเฉพาะตัว โดยแต่ละบ้านจะเปิดบ้านเพื่อจำหน่ายสินค้าของตน มีกิจกรรม Workshop มากมาย เปิดต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมทุกวัน เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 16.00 น. กาดบะป๊าวตลาดนัดชุมชนท่ามกลางสวนมะพร้าว ในบรรยากาศร่มรื่นให้เดินเล่นกันแบบชิล ๆ เหมาะสำหรับสายรักธรรมชาติ มีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าท้องถิ่นมากมาย นอกจากนี้ยังมีสินค้าแฮนด์เมดและงานคราฟต์จากคนในชุมชนมาจำหน่ายอีกด้วย เปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-14.00 น. จริงใจมาร์เก็ตพื้นที่สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก และ Creative Share Value เป็นสถานที่ซึ่งทุกคนสามารถมาใช้เวลาอย่างร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง พร้อมทั้งเป็นพื้นที่แห่งการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ มีการจัดแสดงผลงานศิลปะแขนงต่าง ๆ รวมถึงมีการจำหน่วยสินค้างาน DIY ทำด้วยมือนำเสนอด้วยใจ สินค้าแฮนด์เมด ทั้งงานคราฟต์ ของแต่งบ้าน โดยช่างฝีมือคนท้องถิ่นซึ่งออกแบบเองและนำมาขายด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมี ตลาดผักเกษตรอินทรีย์ จำหน่ายพืชผักผลไม้ออร์แกนิกและปลอดสาร จากเกษตรกรตัวจริงในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-21.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-22.00 น.

4 พื้นที่สร้างสรรค์ จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ดอยอินทนนท์ หน้าฝน…ก็น่าเที่ยว

หน้าฝนปีนี้ บัดดี้อยากชวนเพื่อน ๆ มาเที่ยว “ดอยอินทนนท์” ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศชุ่มฉ่ำ ผืนป่าสีเขียวขจี และอากาศเย็น ๆ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนที่นี่ช่วงหน้าฝนกันค่ะ อากาศบนดอยค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิเลขหลักสิบต้น ๆ มีลมเบา ๆ สลับกับหมอกบาง ๆ และละอองน้ำจากความชื้นอากาศเย็นจนหนาว บัดดี้เลยต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่พกติดตัวกันมาสวมใส่กันหนาวเลยทีเดียว ดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย จึงทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 จากจุดเริ่มต้นบนยอดดอยอินทนนท์ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเข้าไปกราบไหว้สถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เดินชมธรรมชาติรอบ ๆ ตามทางเดินไม้ท่ามกลางสายหมอกจาง ๆ ตลอดเส้นทาง สามารถแวะถ่ายรูปตรงหมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม เมื่อเดินมาจนสุดเส้นทางจะเจอศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว ซึ่งภายในจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวของดอยอินทนนท์ ความรู้ทางภูมิศาสตร์ ชีววิทยา ป่าไม้ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดอยฯ ซึ่งบางชนิดหาดูได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในเมืองไทย บัดดี้ยังได้เดินสำรวจเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดของการมาเยือนยอดดอยแห่งนี้ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าต้นน้ำ อยู่ห่างออกมาศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวประมาณ 50 เมตร เส้นทางนี้มีลักษณะเป็นวงกลม ระยะทางประมาณ 320 เมตร ซึ่งไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นผู้สำรวจและออกแบบเส้นทาง ต่อมาได้รับการปรับปรุงเส้นทางเป็นทางเดินไม้ยกระดับที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีป้ายสื่อความหมายอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน กลางผืนป่าอ่างกายังเป็นแอ่งน้ำซับลักษณะเป็นพรุ สภาพป่าเป็นป่าดิบเขาเขตร้อน ประกอบด้วยพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อน พืชที่อาศัยเกาะติดต้นไม้ ซึ่งพรรณไม้เด่นที่พบเห็นเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ข้าวตอกฤๅษี กุหลาบพันปี ช่วงหน้าฝน…ที่นี่จะปกคลุมไปด้วยผืนป่าสีเขียวขจี เมื่อเดินลึกเข้าไปข้างในจะมีละอองน้ำที่เกาะตามกิ่งไม้ ใบไม้ปลิวหล่นลงมากระทบร่างกายให้ความสดชื่น บางครั้งก็มีสายหมอกและลมเย็น ๆ พัดผ่าน เดินเล่นถ่ายรูปไปเพลิน ๆ หยุดเก็บภาพความประทับใจและหยุดพักฟังเสียงร้องของนกนานาชนิดที่อาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นเสน่ห์ตามธรรมชาติที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวดอยอินทนนท์ช่วง Green Season นี้ อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯชาวไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท ด่านที่ 1 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง | ด่านที่ 2 เป็นบริเวณยอดดอยและจุดชมวิว เปิดเวลา 05.00-18.00 น. สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0 5328 6729https://goo.gl/maps/r5ogn7HF9nnCk3af9

ดอยอินทนนท์ หน้าฝน…ก็น่าเที่ยว อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลปี๋ใหม่เมือง หม้อดอกกับ ชุมชนบ้านเหมืองกุง จังหวัดเชียงใหม่

“หม้อดอก” เป็นภาษาพื้นเมือง มาจากสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปหม้อน้ำทรงต่าง ๆ และปากหม้อมีเถาไม้เลื้อยออกมาทั้งสองข้าง ซึ่งมีลักษณะตรงกับคำว่า ปูรณฆฏะ (Purana kalasa)  จึงมีชื่อเรียกว่า “หม้อดอก หรือ หม้อปูรณฆฏะ” ในภาษาสันสกฤต หม้อดอกหมายถึง หม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญงอกงาม ในล้านนาหม้อดอกเป็นพุทธสัญลักษณ์สำคัญแห่งล้านนา โดยถูกนำมาใช้ในทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นเครื่องบูชา สักการะ พระรัตนตรัย โดยจะปรากฏหม้อดอกในสถาปัตยกรรมศาสนสถาน ตามจิตกรรมฝาผนัง  ในวิหารต่าง ๆ ในล้านนาสืบมา ในอดีตหม้อดอก กับเทศกาลปีใหม่เมือง คนล้านนาจะเปลี่ยนหม้อดอกในวันสังขานต์ล่อง ในหม้อจะใส่ทรายและน้ำ ก่อนนำใบหมากผู้หมากเมีย ดอกเอื้องผึ้งมาปักในหม้อดอก และประดับด้วยช่อตุงสีต่าง ๆ ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ในอดีตคงกระทำกันทุกบ้านหลังคาเรือนเพื่อสักการะ เพื่อเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงการเข้าสู่ ปีใหม่เมืองอีกครั้ง ซึ่งในจารีตดังกล่าวแทบจะสูญหายไปแล้วในสังคมคนรุ่นใหม่ ชุมชนบ้านเหมืองกุง ผู้เริ่มต้นในการรื้อฟื้นวัฒนธรรมการใช้หม้อดอกที่สูญหายให้กลับคืนมามีบทบาทและความสำคัญในช่วงปี๋ใหม่เมืองอีกครั้ง ในปี๋ใหม่เมืองปีนี้ ชุมชนบ้านเหมืองกุง ได้เป็นผู้ออกแบบรังสรรค์หม้อดอกด้วยลวดลายพญานาค 9 ลาย จำนวน 18 ใบ ในการประกอบพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แหล่ง เพื่อนำมาสรงน้ำพระธาตุและพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี  การรังสรรค์หม้อดอกด้วยลวดลายพญานาค ได้แรงบันดาลใจจากปีนักษัตร ผนวกกับลวดลายพญานาคตามสถาปัตยกรรม งานสิ่งทอ ของชาวล้านนา เนื่องจากปีนี้ตรงกับปีมะโรง ชาวจีนเรียกว่า ปีมังกรทอง แต่ในล้านนาจะใช้พญานาค ที่เชื่อว่าเป็นสัตว์วิเศษ บันดาลน้ำฝน ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามผนวกกับการอนุรักษ์ศิลปกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่

เทศกาลปี๋ใหม่เมือง หม้อดอกกับ ชุมชนบ้านเหมืองกุง จังหวัดเชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ป่าสนวัดจันทร์ เชียงใหม่

โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เป็นป่าสนที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่อำเภอปาย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอสะเมิง และบางส่วนของอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่กว่า 150,000 ไร่ สามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะที่สุดคือ เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ที่นี่มีบ้านพักกว่า 30 หลัง และมีหลายแบบ พักได้ตั้งแต่ 2-10 คน ราคาหลังละ 800-2,000 บาท ค่าบริการเสริม– ค่าเช่าที่นอนเสริม (ราคา 200 บาท)– ค่าเช่าจักรยาน (ราคา 100 บาท/วัน/คัน)– ค่าอาหารเช้า (ราคา 100 บาท/คน)– ค่าอาหารกลางวัน (ราคา 120 บาท/คน)– ค่าอาหารเย็น (ราคา 150 บาท/คน) มีบริการพื้นที่กางเต็นท์ สามารถรองรับได้ประมาณ 300 หลัง แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง โดยมีค่าธรรมเนียม 50 บาท/คน/คืน และต้องนำอาหารมาเอง แต่ถ้าไม่ได้เตรียมมา ก็สามารถแจ้งทางศูนย์ฯ ให้เตรียมอาหารให้ได้ค่ะ ไฮไลท์ของโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์คงจะหนีไม่พ้นป่าสนที่สวยงาม และบรรยากาศชิล ๆ ริมอ่างเก็บน้ำ หากไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว จะได้เห็นวิวอ่างเก็บน้ำและหมอกสวย ๆ ถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่ง ในตอนกลางคืน เพื่อน ๆ จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เหมาะกับการพาแฟนไปนั่งดูดาว แต่คนโสดก็ไม่ต้องกลัวเหงา พาแก๊งเพื่อนมาถ่ายรูปดาว รับรองได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน และที่นี่ยังมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากชาวบ้าน โมบายที่ทำจากไม้แกะสลัก ผ้าทอของชาวปกาเกอะญอ โปสการ์ด เสื้อยืด ฯลฯ อยู่กลางป่ากลางเขาก็ไม่ต้องกลัวหิว เพราะที่นี่เลี้ยงเราดีมากๆ อาหารแม้จะเป็นเมนูทั่วไป แต่รสชาติอร่อยจนต้องขอเติมรอบสอง กระซิบไว้หน่อยว่า ห้ามพลาดน้ำพริกกะปิ เพราะรสชาติจัดจ้าน เข้มขัน ทานกับผักสดและแคบหมูยิ่งอร่อย ที่ตั้ง : ต.บ้านจันทร์ กม.40 หมู่บ้านห้วยอ้อ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/Mgf8gxcX67f9DWGMA เปิดทำการทุกวัน : 08.00 – 22.00 น. เบอร์โทรศัพท์จองที่พัก : 053 249 349 เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ : 086 181 3388 Facebook : FIO Watchan – ป่าสนวัดจันทร์ อ.อ.ป.

ป่าสนวัดจันทร์ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

อะกิปุ เชียงใหม่

ว่ากันว่า ดอยหลวงเชียงดาวนั้นมีมนต์ขลังที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นถูกสะกด และที่แห่งนี้จะยิ่งทำให้คุณตกหลุมรักดอยหลวงเชียงดาวมากขึ้นกว่าเดิม ครึ่งทางบนทางหลวงสาย 1322 ที่ลัดเลาะภูเขาสูงมากมายจากอำเภอเชียงดาวมุ่งหน้าสู่อำเภอชายแดนอย่างเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตบ้านเลาวู หมู่บ้านเล็ก ๆ อันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาวที่งดงามที่สุดที่หนึ่ง มีคาเฟ่และที่พักเล็ก ๆ ชื่อ “อะกิปุ” ตั้งอยู่ริมถนนคอยต้อนรับผู้สัญจรไปมาให้หยุดแวะพักชิมกาแฟชั้นดีของบ้านเลาวูที่คุณวุฒิและคุณหมัด เจ้าของอะกิปุเป็นผู้รังสรรค์ขึ้น หรือหากใครที่อยากจะสัมผัสวิวดอยหลวงเชียงดาวในมุมพิเศษ ก็สามารถใช้ที่นี่ซึ่งมีทั้งโฮมสเตย์และจุดแคมปิ้งให้บริการเป็นจุดแวะพักค้างแรมได้เช่นกัน หากเลือกมาพักที่อะกิปุ โฮมสเตย์หรืออะกิปุแคมปิ้ง หนึ่งในกิจกรรมที่ทางคุณวุฒิและคุณหมัดภูมิใจนำเสนอคือการพานักท่องเที่ยวขึ้นรถชุมชนเดินทางเข้าไปยัง “อะกิปุนีตีกลู” มุมลับ ๆ ที่ต้องบอกว่าสวยจริงไม่จกตา มุมนี้จะสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาวที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมชมพระอาทิตย์ตกในมุมต่าง ๆ มีอาหารพื้นบ้านสุดแสนอร่อยรวมไว้ให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย นอกจากวิวสวย ๆ แล้ว ด้วยความที่คุณวุฒิและคุณหมัดถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ จึงมีกิจกรรมดริฟกาแฟให้นักท่องเที่ยวชิมอีกด้วย เรียกว่ามาที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบเต็มอิ่ม ทั้งรูปของดอยหลวงเชียงดาว รส กลิ่นของกาแฟชั้นดี เสียงของนก ลม ใบไม้ที่อยู่รอบตัวเรา รวมถึงเสียงการสนทนาของเราและคุณวุฒิคุณหมัดที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ การเดินทางมาอะกิปุ บ้านเลาวู อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงดาว แล้วใช้ทางหลวงสาย 1322 มุ่งหน้าสู่บ้านเลาวูได้ รวมระยะเวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 4-5 ชั่วโมง และจากอำเภอเชียงดาวประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือสามารถใช้บริการรถตู้เชียงดาว-เวียงแหงก็ได้เช่นกัน โดยลงที่หน้าอะกิปุคาเฟ่ได้เลย สำหรับบริการที่พักและกิจกรรมท่องเที่ยว สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง Facebook : Akipu camping อะกิปุแคมป์ปิ้ง และ Akipu Homestay อะกิปุ โฮมสเตย์ เพื่อสอบถามรายละเอียดได้โดยตรง พิกัด อะกิปุ : https://maps.app.goo.gl/saZH9WravmeCWvri9

อะกิปุ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางคราฟต์ เชียงใหม่

วันนี้บัดดี้มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวงานคราฟต์ จังหวัดเชียงใหม่ ให้เพื่อน ๆ ได้ไปสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะ และงานฝีมือที่สร้างสรรค์จากช่างฝีมือท้องถิ่น มีกิจกรรม Workshop ที่ให้ทุกคนสามารถมาใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อีกด้วย จริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ ตลาดนัดยามเช้า เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.30-15.00 น. ตลาดแบ่ง 2 โซน ได้แก่ โซนจริงใจ Farmers Market เชียงใหม่ – จำหน่ายพืชผักผลไม้ออร์แกนิคและปลอดสาร จากเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง ส่งตรงถึงผู้บริโภค รวมไปถึงสินค้าแปรรูป อาหารพร้อมทาน ขนมและเบเกอรี่โฮมเมด โซนรัสติคมาร์เก็ต – รวมสินค้าแฮนด์เมดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จุดนัดพบของคนรักงานศิลปะ มีทั้งงาน DIY งานคราฟต์ ของแต่งบ้าน โดยช่างฝีมือคนท้องถิ่นซึ่งออกแบบและนำมาขายเอง จริงใจแกลเลอรี เปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) – เป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลป์จากหลากหลายแขนง โดยจะมีนิทรรศการหมุนเวียนให้ชมอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับแสดงงานศิลปะเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศิลปินไทย จริงใจวิลเลจ เปิดบริการทุกวัน – เป็นพื้นที่ร้านค้าไอเดียเก๋ คาเฟ่และร้านอาหารโฮมเมด ชุมชนงานคราฟต์ Tops Green สโตร์สีเขียวแห่งแรกในไทย และร้าน Good Goods สินค้าแบรนด์ไทยสไตล์สากล ถนนอัษฎาธร ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่https://maps.app.goo.gl/NnfTfzL7a3KTmvQy8 บ้านข้างวัด เป็นชุมชนคนทำงานคราฟต์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันหลายสิบชีวิต บ้านแต่ละหลังเปิดเป็นร้านขายของทำมือ ของตกแต่งบ้าน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีลานกิจกรรมตรงกลางหมู่บ้าน สำหรับจัดงานและทำกิจกรรมร่วมกัน ที่นี่มีกิจกรรม Workshop ให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้เทคนิคและกระบวนการทำคราฟต์จากช่างฝีมือท้องถิ่น เช่น งานจิตรกรรม งานประติมากรรม งานปักผ้า งานย้อมผ้า เป็นต้น ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ 10.00-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)https://maps.app.goo.gl/9wXNMftSHWsfjy8e7 คลองแม่ข่า ตั้งอยู่ห่างจากประตูท่าแพ 2 กิโลเมตร เป็นคลองโบราณกลางเมืองเชียงใหม่ มีความยาวประมาณ 750 เมตร ตกแต่งด้วยอิฐบล็อกคล้ายกับเมืองโอตารุ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าทั้งงานคราฟต์และงานแฮนด์เมด ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร และสะพานสีเหลืองที่โดดเด่นเป็นจุดไฮไลท์ที่คนนิยมถ่ายรูปกัน ยิ่งช่วงเย็นบรรยากาศดี แสงสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ถนนศรีดอนไชย ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 15.00-22.00 น.https://maps.app.goo.gl/d9fx6Cjkj7AQ7Hey5

เส้นทางคราฟต์ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก

ไหน ๆ ก็ผ่านวันแห่งความรักไปแล้ว บัดดี้ขอถือโอกาสนี้นำเสนอโลเคชั่นหนังรักในไทย มานำเสนอเพื่อน ๆ หลายเรื่องหลากสไตล์ ทั้งสนุก สุข เหงา เศร้า ตลก ลองตามมาดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. The Letter จดหมายรัก (2004) – สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ The Letter จดหมายรัก เป็นหนังที่มอบทั้งความสุขสุดโรแมนติกและความเศร้าของการจากลา จนน้ำตาร่วงผ่านการเขียนจดหมายตามชื่อเรื่อง โดยใช้สถานที่ถ่ายทำเป็นสถานีเกษตรอ่างขาง จ.เชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าหนาว ที่นี่มีทั้งแปลงพืชผลทางการเกษตรและสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ชม ยิ่งช่วงเดือนมกราคมจะมี ดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมสวยให้ชมทั่วทั้งบริเวณ หมู่ 5 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 05 3969 4768 ต่อ 114https://maps.app.goo.gl/wECr81PsEXnGohjZ9 2. รักจัง (2006) – น้ำตกผาดอกเสี้ยว จ.เชียงใหม่ รักจังหนังรักโรแมนติก-คอมเมดี้ เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อและปาปารัซซี่สาว โดยหนึ่งในสถานที่ถ่าย ที่หลายคนน่าจะจำได้ก็คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จนหลายคนเรียกกันติดปากว่า “น้ำตกรักจัง” นอกจากน้ำตกที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวที่จะมีไกด์ท้องถิ่นเดินนำทาง หากใครไปแล้ว จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสีเขียว ความสดชื่นและวิวสวย ๆ แถมยังมีจุดให้ลองชิมกาแฟต้มถ่านที่ปลายเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกด้วย น้ำตกผาดอกเสี้ยว ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/xyjLUBFMNKDwMa5z9 3. Low Season สุขสันต์วันโสด (2020) – กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่ หนังที่บอกเล่าช่วงชีวิตสุดจะ LOW ของเหล่าคนอกหัก รักคุด ที่ต่างก็หนีไปพักใจที่โฮมสเตย์กลางหุบเขา จ.เชียงใหม่ ซึ่งหนังเรื่องนี้ นำเสนอทั้งความหลากหลายของอาการอกหัก ความรัก ความสวยงามของกิ่วแม่ปาน ที่มีทั้งทะเลหมอก ขุนเขา ความเขียวที่สดชื่น จนตัวละครในเรื่องเปลี่ยนฤดู LOW เป็นฤดูเราเลยล่ะ กิ่วแม่ปาน ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 06.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/CMUUvyyuhYyPSnE97 4. One For The Road วันสุดท้ายก่อน…บายเธอ (2022) – ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ หนังที่มีทั้งมิตรภาพ ความรักและดราม่า ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน “หว่อง กาไว” มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง และไปคว้ารางวัล World Dramatic Special Jury Award จาก Sundance Film Festival 2021 ภายในเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของอู๊ด ผู้ป่วยโรคร้ายที่มีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน และบอส เพื่อนสนิทของเขาที่เป็นเจ้าของบาร์ใน New York ซึ่งจะพาผู้ชมร่วมย้อนเรื่องราวในอดีตและกลับไปเจอเหล่าคนสำคัญในชีวิตของอู๊ด เพื่อกล่าวลาและขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอดกาล ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องที่หลายคนตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่อู๊ดทำเรียกว่าความเห็นแก่ตัวไหมแล้ว ทุกฉากของหนังเรื่องนี้ละเมียดมาก ทั้งเสื้อผ้า เพลงประกอบหนัง บรรยากาศ รวมไปถึง ประตูท่าแพ หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย ถ.ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 24 ชั่วโมงhttps://maps.app.goo.gl/iwYNwRLeufu9HShz9 5. The Melody รักทำนองนี้ (2012) – ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ วิน นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่อยู่ในช่วงขาลงจนเขาต้องหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอนและบังเอิญพบกับหมอก นักเปียโนสาวสวยฝีมือดี ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาจนกลายเป็นแรงบันดาลใจและความอบอุ่นของกันและกันท่ามกลางบรรยากาศหนาวบนดอย ถึงแม้ท้ายที่สุดหมอกจะจากไปแบบไม่มีวันกลับด้วยโรคร้าย แต่ความรักและแรงบันดาลใจในดนตรีที่มอบให้วินก็ยังอยู่ในใจของเขาตลอดกาล พูดถึงสถานที่ถ่ายทำ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มอบความสวยงามให้คนที่ได้ดูเรื่องนี้ประทับใจไม่น้อย ยิ่งฉากที่เห็นดอกสีเหลืองทั่วทั้งหุบเขาท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ยิ่งอยากให้ทุกคนไปเห็นของจริงด้วยตัวเอง หากใครว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม บัดดี้แนะนำให้มาที่นี่เป็นอันดับแรก ๆ ดอยแม่อูคอ ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 5361 2983 ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน 0 5361 5987 องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอhttps://maps.app.goo.gl/jnkgcFBaLiest3z6A 6. ตุ๊กแกรักแป้งมาก (2014) – เชียงคาน จ.เลย เรื่องราวที่เล่าผ่านความทรงจำตั้งแต่เด็กของ “ตุ๊กแก” เด็กชายที่เติบโตมากับการคลุกคลีอยู่หลังโรงหนังและวาดคัทเอ้าท์ให้โรงหนัง “เพชรเชียงคาน” และได้สิทธิพิเศษที่สามารถดูหนังฟรีทุกเรื่องที่เข้ามาฉายในโรงหนังแห่งนี้ จนเขาได้มาเรียนที่ กรุงเทพฯ และได้มาช่วยรุ่นพี่ในกองถ่ายและได้พบกับ “แป้ง” ลูกสาวนายอำเภอที่เคยเรียนอยู่ชั้นเดียวกับตุ๊กแก ที่คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน จนตุ๊กแกต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แป้งคนเดิมกลับมา ในด้านของสถานที่ถ่ายทำ หากใครได้ดูเรื่องนี้ จะเห็นกับเสน่ห์ของ เชียงคาน ได้อย่างจุใจ ทั้งบรรยากาศของชุมชน ถนนคนเดินและวิวแม่น้ำโขง ที่สวยและเรียบง่ายชวนให้อยากไปเยือนสุด ๆ ต.ชายโขง อ.เชียงคาน จ.เลย เปิดทุกวันเวลา 16.00-22.00 น.https://maps.app.goo.gl/w7kM6x5du9bbJjuF8 7. รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) – ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) หนึ่งในหนังแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ในตำนานของไทย ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “เหมยลี่” พนักงานบริษัทสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับ “ลุง” วิศวกรรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มาช่วยดูเครื่องยนต์รถที่สตาร์ตไม่ติดให้ และมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากความไม่บังเอิญที่ทำให้ ลุง ได้เจอกับเหมยลี่อยู่เรื่อย ๆ

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top