เพชรบุรี

เพชรบุรี

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

บ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

บัดดี้จะมาชวนเพื่อน ๆ ไปบ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงของฤดูกาลชมผีเสื้อ หนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งช่วงเทศกาลดูผีเสื้อของที่นี่ จะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน โดยจะมีผีเสื้อมากกว่า 200 สายพันธุ์เลยนะ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการไปชมผีเสื้อคือช่วงเช้า เพราะอากาศไม่ค่อยร้อนมาก บริเวณที่จะพบผีเสื้อ ก็คือบริเวณพื้นที่มีความชื้น มูลสัตว์ ซากผลไม้ ริมลำธาร ดินโป่ง เพราะน้อง ๆ ออกมากินแร่ธาตุนั่นเอง เราสามารถเข้ามาถ่ายรูปผีเสื้อกันได้อย่างเต็มที่แต่ต้องระวังอย่าเหยียบน้อง ๆ กันนะ รีบมากันน้าเพราะน้องจะอยู่แค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้น ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท พิกัด : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรีโทร. 0 3277 2311Facebook : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน – Kaeng Krachan National Park

บ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ่านเพิ่มเติม

ตลาดน้ำกวางโจว จ.เพชรบุรี ตลาดน้ำกลางป่าบนน้ำตกแห่งแรกในเมืองไทย

ใครกำลังหาสถานที่พักผ่อน หรือพาครอบครัวไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ วันนี้บัดดี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ช่วยคลายร้อน อิ่มท้อง และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาแนะนำ นั่นก็คือ “ตลาดน้ำกวางโจว” “ตลาดน้ำกวางโจว” ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นตลาดน้ำกลางป่าบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย บรรยากาศคือดีเลิศ เพราะมีร่มเงาไม้ใหญ่นานาพันธุ์ และยังมีแพริมน้ำไว้ให้นั่งเล่น นั่งรับประทานอาหารอีกด้วย ส่วนอาหารนั้นก็มีให้เลือกชิมหลากหลายในราคาหลักสิบ มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะช่วยคลายร้อนแล้วยังอิ่มท้องด้วย นอกจากนี้ที่ตลาดน้ำกวางโจวแห่งนี้ยังมีสวนดอกไม้ให้เราได้ถ่ายรูปสวย ๆ ด้วยนะ  ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เปิดวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ค่าทำเนียมเข้าชมคนละ 25 บาท https://maps.app.goo.gl/ZocwmWankvNEK4di8

ตลาดน้ำกวางโจว จ.เพชรบุรี ตลาดน้ำกลางป่าบนน้ำตกแห่งแรกในเมืองไทย อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก

ไหน ๆ ก็ผ่านวันแห่งความรักไปแล้ว บัดดี้ขอถือโอกาสนี้นำเสนอโลเคชั่นหนังรักในไทย มานำเสนอเพื่อน ๆ หลายเรื่องหลากสไตล์ ทั้งสนุก สุข เหงา เศร้า ตลก ลองตามมาดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. The Letter จดหมายรัก (2004) – สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ The Letter จดหมายรัก เป็นหนังที่มอบทั้งความสุขสุดโรแมนติกและความเศร้าของการจากลา จนน้ำตาร่วงผ่านการเขียนจดหมายตามชื่อเรื่อง โดยใช้สถานที่ถ่ายทำเป็นสถานีเกษตรอ่างขาง จ.เชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าหนาว ที่นี่มีทั้งแปลงพืชผลทางการเกษตรและสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ชม ยิ่งช่วงเดือนมกราคมจะมี ดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมสวยให้ชมทั่วทั้งบริเวณ หมู่ 5 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 05 3969 4768 ต่อ 114https://maps.app.goo.gl/wECr81PsEXnGohjZ9 2. รักจัง (2006) – น้ำตกผาดอกเสี้ยว จ.เชียงใหม่ รักจังหนังรักโรแมนติก-คอมเมดี้ เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อและปาปารัซซี่สาว โดยหนึ่งในสถานที่ถ่าย ที่หลายคนน่าจะจำได้ก็คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จนหลายคนเรียกกันติดปากว่า “น้ำตกรักจัง” นอกจากน้ำตกที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวที่จะมีไกด์ท้องถิ่นเดินนำทาง หากใครไปแล้ว จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสีเขียว ความสดชื่นและวิวสวย ๆ แถมยังมีจุดให้ลองชิมกาแฟต้มถ่านที่ปลายเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกด้วย น้ำตกผาดอกเสี้ยว ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/xyjLUBFMNKDwMa5z9 3. Low Season สุขสันต์วันโสด (2020) – กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่ หนังที่บอกเล่าช่วงชีวิตสุดจะ LOW ของเหล่าคนอกหัก รักคุด ที่ต่างก็หนีไปพักใจที่โฮมสเตย์กลางหุบเขา จ.เชียงใหม่ ซึ่งหนังเรื่องนี้ นำเสนอทั้งความหลากหลายของอาการอกหัก ความรัก ความสวยงามของกิ่วแม่ปาน ที่มีทั้งทะเลหมอก ขุนเขา ความเขียวที่สดชื่น จนตัวละครในเรื่องเปลี่ยนฤดู LOW เป็นฤดูเราเลยล่ะ กิ่วแม่ปาน ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 06.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/CMUUvyyuhYyPSnE97 4. One For The Road วันสุดท้ายก่อน…บายเธอ (2022) – ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ หนังที่มีทั้งมิตรภาพ ความรักและดราม่า ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน “หว่อง กาไว” มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง และไปคว้ารางวัล World Dramatic Special Jury Award จาก Sundance Film Festival 2021 ภายในเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของอู๊ด ผู้ป่วยโรคร้ายที่มีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน และบอส เพื่อนสนิทของเขาที่เป็นเจ้าของบาร์ใน New York ซึ่งจะพาผู้ชมร่วมย้อนเรื่องราวในอดีตและกลับไปเจอเหล่าคนสำคัญในชีวิตของอู๊ด เพื่อกล่าวลาและขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอดกาล ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องที่หลายคนตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่อู๊ดทำเรียกว่าความเห็นแก่ตัวไหมแล้ว ทุกฉากของหนังเรื่องนี้ละเมียดมาก ทั้งเสื้อผ้า เพลงประกอบหนัง บรรยากาศ รวมไปถึง ประตูท่าแพ หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย ถ.ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 24 ชั่วโมงhttps://maps.app.goo.gl/iwYNwRLeufu9HShz9 5. The Melody รักทำนองนี้ (2012) – ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ วิน นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่อยู่ในช่วงขาลงจนเขาต้องหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอนและบังเอิญพบกับหมอก นักเปียโนสาวสวยฝีมือดี ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาจนกลายเป็นแรงบันดาลใจและความอบอุ่นของกันและกันท่ามกลางบรรยากาศหนาวบนดอย ถึงแม้ท้ายที่สุดหมอกจะจากไปแบบไม่มีวันกลับด้วยโรคร้าย แต่ความรักและแรงบันดาลใจในดนตรีที่มอบให้วินก็ยังอยู่ในใจของเขาตลอดกาล พูดถึงสถานที่ถ่ายทำ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มอบความสวยงามให้คนที่ได้ดูเรื่องนี้ประทับใจไม่น้อย ยิ่งฉากที่เห็นดอกสีเหลืองทั่วทั้งหุบเขาท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ยิ่งอยากให้ทุกคนไปเห็นของจริงด้วยตัวเอง หากใครว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม บัดดี้แนะนำให้มาที่นี่เป็นอันดับแรก ๆ ดอยแม่อูคอ ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 5361 2983 ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน 0 5361 5987 องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอhttps://maps.app.goo.gl/jnkgcFBaLiest3z6A 6. ตุ๊กแกรักแป้งมาก (2014) – เชียงคาน จ.เลย เรื่องราวที่เล่าผ่านความทรงจำตั้งแต่เด็กของ “ตุ๊กแก” เด็กชายที่เติบโตมากับการคลุกคลีอยู่หลังโรงหนังและวาดคัทเอ้าท์ให้โรงหนัง “เพชรเชียงคาน” และได้สิทธิพิเศษที่สามารถดูหนังฟรีทุกเรื่องที่เข้ามาฉายในโรงหนังแห่งนี้ จนเขาได้มาเรียนที่ กรุงเทพฯ และได้มาช่วยรุ่นพี่ในกองถ่ายและได้พบกับ “แป้ง” ลูกสาวนายอำเภอที่เคยเรียนอยู่ชั้นเดียวกับตุ๊กแก ที่คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน จนตุ๊กแกต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แป้งคนเดิมกลับมา ในด้านของสถานที่ถ่ายทำ หากใครได้ดูเรื่องนี้ จะเห็นกับเสน่ห์ของ เชียงคาน ได้อย่างจุใจ ทั้งบรรยากาศของชุมชน ถนนคนเดินและวิวแม่น้ำโขง ที่สวยและเรียบง่ายชวนให้อยากไปเยือนสุด ๆ ต.ชายโขง อ.เชียงคาน จ.เลย เปิดทุกวันเวลา 16.00-22.00 น.https://maps.app.goo.gl/w7kM6x5du9bbJjuF8 7. รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) – ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) หนึ่งในหนังแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ในตำนานของไทย ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “เหมยลี่” พนักงานบริษัทสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับ “ลุง” วิศวกรรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มาช่วยดูเครื่องยนต์รถที่สตาร์ตไม่ติดให้ และมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากความไม่บังเอิญที่ทำให้ ลุง ได้เจอกับเหมยลี่อยู่เรื่อย ๆ

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก อ่านเพิ่มเติม

 เส้นทางเบญจภาคีไหว้พระ 5 วัด

ใครกำลังหาที่ทำบุญไหว้พระ บัดดี้จะพาไปไหว้พระใกล้กรุง 5 องค์ 5 จังหวัด หรือที่เรียกกันว่า “เส้นทางเบญจภาคีวารีปาฏิหารย์” เชื่อกันว่า พระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ เป็นพี่น้องกัน จากตำนานหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันมา แต่ไม่ว่าจะตำนานไหน ปัจจุบันเส้นทางนี้ก็เป็นที่นิยมที่ผู้ศรัทธาเดินทางมากราบไหว้ แม้มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาเพียงครั้งหนึ่ง ย่อมถือว่าเป็นการสร้างบุญมงคล บารมี อันจะนำความสุขความเจริญครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิต บัดดี้ขอแนะนำทริป 2 วัน 1 คืน ในการตามรอยเส้นทางนี้ ได้ไหว้พระมากกว่า 5 วัดอีกนะ ได้กินอาหารอร่อย ๆ ตามบัดดี้มาเลย วันที่ 1 กรุงเทพฯ-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-นครปฐม เดินทางไปจังหวัดเพชรบุรี รับประทานอาหารเช้าตามเส้นทางสมุทรสงคราม-เพชรบุรี ไหว้พระหลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัย สุนทรภู่ได้กล่าวไว้ในนิราศเมืองเพชรมีใจความว่า ไปครู่หนึ่งถึงเขาตะคริวสวาท มีอาวาสวัดวามหาเถรมะพร้าวรอบขอบเขตที่บริเวณ พอจวนเพลพักร้อนผ่อนสำราญกับหนูพัดจัดธูปเทียนดอกไม้ ขึ้นไปไหว้พระสำฤทธิ์พิษฐานเขานับถือลือมาแต่บุราณ ใครบนบานพระก็รับช่วยดับร้อนฯ มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องโชคลาภ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่สมัครเรียน สมัครงาน ฯลฯ จากนั้น เดินทางไปไหว้พระหลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรสงคราม หล่อด้วยทองเหลือง แสดงอิริยาบถประทับยืน ปางอุ้มบาตร ส่วนใหญ่ขอพรในเรื่องความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน แคล้วคลาด ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แล้วไปเดินเล่นตลาดร่มหุบ แวะรับประทานอาหารกลางวันบริเวณริมทางรถไฟสถานีแม่กลองได้ รถไฟจะเข้าสถานีเวลา 8.30 น. 11.10 น. 14.30 น. 17.40 น. ออกจากสถานีเวลา 06.20 น. 9.00 น. 11.30 น. 15.30 น. จากนั้น เดินทางไปไหว้พระปฐมเจดีย์และเดินเล่นตลาดโต้รุ่งองค์พระปฐมเจดีย์ รับประทานอาหารเย็นในตลาดโต้รุ่ง หรือร้านใกล้เคียง นอนที่จังหวัดนครปฐม 1 คืน มีที่พักให้เลือกหลายรูปแบบ วันที่ 2 นครปฐม-ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ-กรุงเทพฯ รับประทานอาหารเช้าที่จังหวัดนครปฐม แล้วเดินทางไปไหว้พระหลวงพ่อวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หลวงพ่อจะช่วยทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับความร้อนคลายความทุกข์ให้หมดไป เดินทางต่อไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา รับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางไปวัดหลวงพ่อโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอพรเรื่องการมีบุตร โชคลาภ ธุรกิจ การรักษาพยาบาลและอื่น ๆ ปิดท้ายด้วยไหว้หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขอพรเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพราะเชื่อว่าท่านสามารถขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้หายในเร็ววัน และสามารถคุ้มครองให้ผู้ไปกราบไหว้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย ชมวิวที่หอชมเมืองสมุทรปราการได้ถึง 17.00 น. รับประทานอาหารเย็น บรรยากาศดีดี แถวปากน้ำ-บางปู และเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

 เส้นทางเบญจภาคีไหว้พระ 5 วัด อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 10 วัดหลากสีสัน ✨

สวัสดีทุกคน วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำวัดจากหลายจังหวัด ที่มีสีสันสวยโดดเด่นสะดุดตา จนกลายเป็นทั้งสถานที่ทำบุญและสถานที่ท่องเที่ยว แถมบางวัดยังกลายเป็น Land Mark สำคัญของจังหวัดไปเลยด้วย ลองตามมาอ่านกันดู ว่าวันนี้บัดดี้มีวัดไหนมานำเสนอบ้าง สีขาว 1. วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย วัดร่องขุ่น ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังของไทย ที่สร้างขึ้นจากปณิธานและแรงศรัทธา ด้วยงานศิลปะงดงามสีขาว ทั้งลวดลายปูนปั้น การประดับกระจกและจิตรกรรรมปูนปั้นหลายจุด แรงบันดาลใจในการสร้างวัดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คือการอยากจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ ที่มนุษย์สามารถเดินทางไปสัมผัสได้ ซึ่งหลายจุดในวัด มีการสร้างเป็นสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพุทธศาสนา อย่างทางเข้าด้านหน้าจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีสะพานเป็นทางเดินเข้าสู่ตัววัด หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ครึ่งวงกลมเล็กหมายถึงโลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู เปรียบเหมือนกิเลสในใจ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านเข้าไปนั่นเอง ปัจจุบัน วัดร่องขุ่นเปิดจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 6 ปี นั่นก็คือ “ถ้ำศิลป์วัดร่องขุ่น” เป็นผลงานประติมากรรมของอาจารย์เฉลิมชัย ภายในถ้ำ มีรูปทรงหินงอกหินย้อย พระพุทธรูปทุกขภูมิ ขุมนรกและประตูพระนิพพาน มีเพลงบรรเลงประกอบแสงสีเสียงตลอดเส้นทาง โดยมีค่าเข้าชม 50 บาท/คน มีเวลาประมาณ 10-15 นาที ต่อรอบ รายละเอียด ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.30 น.วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 – 18.00 น. วัดร่องขุ่น 0 5367 3579, ททท.สำนักงานเชียงราย 0 5371 7433, ศูนย์บริหารจัดการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย 0 5371 5690https://goo.gl/maps/sQZ7Q2qq9cyRJhs79เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดร่องขุ่น 2. วัดข่อย จ.เพชรบุรี ตั้งอยู่ติดกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการใช้รูปแบบของยันต์ฉิมพลีมาประกอบสถาปัตยกรรมการสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวอาคาร มี 3 ชั้นประกอบด้วยชั้นที่ 1 ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ คือพระพุทธเศรษฐีมิ่งมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ และพระสิวลีมหาลาภชั้นที่ 2 ผนังด้านนอกเป็นลายอักขระยันต์ฉิมพลี มีฉัตรทองเหลืองดุนลาย 9 ยอด 4 ทิศ ด้านในเป็นไม้สักแกะสลักลวดลายยันต์โภคทรัพย์ชั้นที่ 3 เป็นซุ้มเรือนยอดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในบุษบก 5 ยอดลงรักปิดทอง ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ  ถ.คีรีรัถยา ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. 06 1061 7868, 08 9052 7874https://goo.gl/maps/NQSr5AkQEyy9pvQE7เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ-วัดข่อย สีน้ำเงิน 3. วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย วัดแห่งนี้ในอดีตราว ๆ 80-100 ปีก่อน เคยเป็นวัดร้าง มีสัตว์ป่ามาอาศัย โดยเฉพาะเสือที่มีอยู่มาก และชอบกระโดดข้ามร่องน้ำไปมา ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า ร่องเสือเต้น ภายหลังชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมา จึงเรียกชื่อวัดว่า “วัดร่องเสือเต้น” เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในวันสำคัญต่าง ๆ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน  สิ่งก่อสร้างโดดเด่นที่สุดในวัดนี้ คือ วิหารสีน้ำเงิน ที่สร้างโดย “สล่านก” หรือ นายพุทธา กาบแก้ว ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2559 รวมระยะเวลาถึง 11 ปี ภายในวิหารประดิษฐาน “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” พระประธานสีขาวปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน ซึ่งภายในพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้ประทานให้  ด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้งของเจดีย์ทรงระฆัง สูง 20 เมตร นามว่า “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับประทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย 08 2026 9038 เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.https://goo.gl/maps/ne1JD21wNp12 4. วัดปากน้ำแขมหนู จ.จันทบุรี วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นที่ “โบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน” ซึ่งมีที่มาจาก โบสถ์หลังเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 เริ่มชำรุดทรุดโทรม มีการผุกร่อนมาก เนื่องจากวัดตั้งอยู่ติดกับทะเล ทางวัดและชาวบ้านจึงร่วมกันรื้อโบสถ์หลังเก่าและสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 2534 ประตูโบสถ์ด้านในทั้ง 4 บาน มีการแกะสลักภาพนูนต่ำ เกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า ด้านนอกบานประตูและหน้าต่างมีการลงลายมุข ภาพเทพทวารบาล พื้นผนังด้านในพระอุโบสถมีการประดับภาพลงสีในพื้นเซรามิกเกี่ยวกับวรรณคดีชาดกและพระมหาชนก ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธชินราชองค์จำลอง เป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว  ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.https://goo.gl/maps/imZW46D6sfUbZFDN9 สีเหลือง 5. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จ.อยุธยา วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนเกาะลอย เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ด้านหน้าบริเวณทางเข้าของพระอุโบสถ จะมีมุขเป็นแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถเจาะช่องหน้าต่าง เป็นลักษณะปลายแหลมแบบโกธิก ด้านหลังพระอุโบสถเป็นหอระฆังยอดโดม

✨ รวม 10 วัดหลากสีสัน ✨ อ่านเพิ่มเติม

เพชรบุรี : One Day Trip

หากอยากลองออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แต่อาจจะมีเวลาไม่มากนัก เราอยากให้ลองมองเมืองน่ารักที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่ไม่ว่าจะขับรถมาเอง นั่งรถไฟ หรือใช้บริการรถสาธารณะ ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแบบ One Day Trip ได้แบบง่าย ๆ กันที่จังหวัดเพชรบุรี เมืองสวย ร่ำรวยวัฒนธรรม และที่สำคัญคือมีอาหารการกินที่น่าสนใจรอให้ไปชิมอยู่มากมาย และวันนี้เราจะขอแนะนำทริปท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรีใน 1 วันกัน สำหรับสถานที่แรกของทริปนี้เราอยู่กันที่ “อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี” หรือที่รู้จักในชื่อ “พระนครคีรี” และ “เขาวัง” ที่ตั้งอยู่บนภูเขากลางเมืองเพชรบุรี ที่นี่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน กลุ่มอาคารที่ประกอบด้วยวัง อาคารพระที่นั่ง ศาสนสถาน ป้อมปราการ และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปกรรมแบบไทย จีน และตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเพชรบุรีได้อย่างงดงาม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวชมได้ทั้งการเดินขึ้นบันไดหรือใช้บริการรถรางก็สามารถทำได้ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.30-16.30 น. พิกัด (ทางเข้าที่จอดรถ) https://goo.gl/maps/XkN8Vz45smBkpVRv8 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรี ใจกลางตัวเมือง “วัดมหาธาตุวรวิหาร” มีอาคารสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย ทั้ง พระวิหารหลวง พระปรางค์ 5 ยอดสีขาวขนาดใหญ่ที่เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างยุคอยุธยาตอนปลายและรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยองค์ประธานมีความสูงถึง 55 เมตร และพระพุทธรูปฝีมือของช่างสกุลเพชรบุรีที่เป็นเอกลักษณ์และประณีตงดงามหลายองค์ วัดมหาธาตุวรวิหาร เปิดให้เข้าชมทุกวัน พิกัด https://goo.gl/maps/nrifiVEESY3ySLeX6 นอกจากนี้ ในบริเวณตัวเมืองไม่ไกลจากวัดยังเป็นแหล่งรวบรวมร้านอาหารถิ่นอร่อย ๆ จำนวนมาก ทั้งข้าวแช่ และของหวาน  หรือจะเดินถ่ายรูปสตรีตอาร์ตสวย ๆ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย หรือจะเลือกท่องเที่ยวรอบเมืองด้วยรถจักรยานก็เป็นวิธีเดินทางที่น่าสนใจไม่น้อย  “วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร” อีกหนึ่งสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวบ้านในพื้นที่นิยมเรียกว่า “วัดใหญ่” และยังเป็นสถานที่รวบรวมผลงานเชิงช่างของชาวเพชรบุรีไว้มากมาย ทั้งยังมีกลุ่มสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นหลายอาคาร ทั้งอุโบสถทรงสำเภาที่งดงามทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร เปิดให้เข้าชมทุกวัน พิกัด https://goo.gl/maps/Tm59sHtP76LSSbb97 ถ้าเอ่ยถึงสัญลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี หลายคนน่าจะนึกถึงต้นตาลที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากทั่วจังหวัด และชาวเพชรบุรีเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากพืชชนิดนี้มาตั้งแต่อดีตกาล โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน และเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเดินทางมาถึงเพชรบุรีแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเรียนรู้กรรมวิธีการทำสวนตาลลุงถนอม แหล่งเรียนรู้เรื่องตาลแบบครบวงจรที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่จะอนุรักษ์ต้นตาลเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง ลุงถนอมจึงเริ่มปลูกต้นตาลในพื้นที่สวนของตนจำนวนหลายร้อยต้น และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้กระบวนการทำตาลตั้งแต่การเก็บ การแปรรูปเป็นสินค้าประเภทต่าง ๆ  ที่นี่ยังเป็นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ตาลแปรรูปที่น่าสนใจทั้งขนม น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลสดรสชาติดีให้ซื้อหาเป็นของฝากกลับบ้านกันได้เลย พิกัด https://goo.gl/maps/mzUp8n9PnL9jawFM7

เพชรบุรี : One Day Trip อ่านเพิ่มเติม

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨

เดือนพฤษภาคม บางพื้นที่เริ่มมีฝนพรำ แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ก็เที่ยวได้ เพื่อน ๆ คนไหนยังไม่ได้วางแผนหรือยังไม่มีไอเดียว่าจะไปไหนดี มาชมแหล่งท่องเที่ยวตามพิกัดนี้กันได้เลย  เทศกาลชมผีเสื้อ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว  เมื่อมาเที่ยวจังหวัดสระแก้วช่วงเดือนพฤษภาคม คงไม่มีใครอยากพลาดชมสีสันแห่งปางสีดาอย่างผีเสื้อป่านับร้อยที่กระพือปีกบินอวดโฉมไปทั่วอุทยานฯ โดยจุดที่นิยมไปชมฝูงผีเสื้อนั้นคือบริเวณ ลานน้ำตกปางสีดา และโป่งผีเสื้อ ช่วงที่เหมาะแก่การชมผีเสื้อ คือช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม อย่ารอช้า รีบ ๆ มาชมกันนะ อัตราค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว 0 3724 7948, 08 1862 1511  ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้วhttps://goo.gl/maps/vVYQAna5zocCh9dv5  เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี  พักผ่อนหย่อนใจแบบชิล ๆ กันที่เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ของภาคใต้ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และกักเก็บน้ำเพื่อทำการเกษตร รวมทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดอีกด้วย เดิมเขื่อนนี้ชื่อว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” และภายหลังก่อสร้างเสร็จ จึงได้รับพระราชทานชื่อใหม่จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”  กิจกรรมท่องเที่ยวเขื่อนรัชชประภา นอนแพกลางน้ำ เล่นน้ำเหนือเขื่อน นั่งเรือหางยาวชมทะเลสาบ ล่องแพไม้ไผ่ชมป่าสีเขียว และสัตว์ป่าหายาก เช่น กระทิง กวาง หมูป่า นกเงือก สมเสร็จ เป็นต้น พายเรือคายักกลางธรรมชาติ เดินป่าชมความงามของถ้ำปะการัง ระยะทางประมาณ 1.5 กม. และล่องแพไม้ไผ่อีก 15 นาที ไปยังถ้ำปะการัง  เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมทางน้ำ แนะนำให้สวมชูชีพตลอดเวลาขณะลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์แค่บางจุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก (บริการที่พัก) 0 7739 5154-5การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บริการเรือเที่ยวชม) 0 7724 2560-1  หมู่ 3 ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://goo.gl/maps/wtvxgpPXZeD2  บ้านสลักคอก  พาเพื่อน ๆ มาล่องเรือชมป่าชายเลน สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงที่ชุมชนหมู่บ้านสลักคอก หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบ มีลักษณะเป็นเวิ้งขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยแนวป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ทำกิน แหล่งประมงพื้นบ้าน และยังเป็นที่อนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ  นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือมาด หรือ กอนโดลา  เพื่อชมบรรยากาศของป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเงียบสงบ พร้อมรับประทานอาหารบนเรือแบบชิล ๆ ค่าบริการล่องเรือมาด ลำละ 800 บาท นั่งได้ 4 คน ใช้เวลาล่องเรือราว ๆ 40 นาที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ พายเรือคายัก : อัตราค่าบริการ 200 บาท / 2 คน / 1 ชั่วโมง พายซับบอร์ด : อัตราค่าบริการ 600 บาท / 1 คน / 2 ชั่วโมง (มีเจ้าหน้าที่ของชมรมคอยติดตาม) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้ 08 7748 9497  ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดhttps://goo.gl/maps/FdCnNVFfniCmEkqB7  น้ำตกขุนกรณ์ จังหวัดเชียงราย  เข้าสู่เดือนฝนพรำ น้ำตกก็เริ่มมีน้ำมากแล้ว ที่น้ำตกขุนกรณ์ เป็นน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวที่มาเชียงรายจะนิยมมาที่น้ำตกแห่งนี้เพราะเป็นน้ำตกที่ลำธารใสสะอาด น้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร สองข้างทางเดินเป็นป่าร่มรื่น มีที่พักเหนื่อยเป็นระยะ บางช่วงจะค่อนข้างชันแนะนำให้เดินด้วยความระมัดระวัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก 08 3764 6475  ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายhttps://goo.gl/maps/fpVvuj6Bce4ZZ7fv5  ฤดูกาลชมวาฬบรูดา ทะเลอ่าวไทย  วาฬบรูดา พี่ใหญ่แห่งท้องทะเลไทย อาศัยอยู่ทั่วบริเวณน่านน้ำอ่าวไทย มีลักษณะตัวสีเทาเข้มออกดำอมน้ำเงิน รูปร่างเพรียวยาวกว่า 15 เมตร กินปลาเล็กจำนวนมากเป็นอาหาร ในช่วงนี้ เหล่าวาฬบรูดาก็จะออกมาเผยโฉมอันมหึมาให้เราได้ชมเป็นระยะ ๆ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า ช่วงเวลาที่พบบ่อยคือช่วงเดือนเมษายน – กันยายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีปลากะตักและกุ้งเคยอุดมสมบูรณ์ และเป็นอาหารมื้อใหญ่ของเจ้าวาฬบรูดา กิจกรรมในการไปชมวาฬบรูดานั้น เพื่อน ๆ จะต้องนั่งเรือออกไปกลางทะเล ในบริเวณที่มีวาฬบรูดากำลังหม่ำปลาน้อย ๆ กันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีมรสุม เป็นช่วงที่ไม่เหมาะแก่การออกไปล่องเรือกลางทะเล ดังนั้น หากเพื่อน ๆ อยากไปชม แนะนำให้โทรสอบถามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและศูนย์นำเที่ยวชมวาฬบรูดาก่อน พิกัดจุดล่องเรือทะเลอ่าวไทยชมวาฬบรูดา ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. 08 1488 8618คลองประมง จังหวัดสมุทรสาคร โทร. 09 8589 2550 (ร้านครัวบ้านประมง), 09 8795 4563 (ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล)บ้านบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี โทร. 0 3258 1233, 08 9796 5506, 08 2499 9993 (บางตะบูนเบย์)ชมรมวาฬบรูด้าแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี โทร. 08 1865 4939 

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨ อ่านเพิ่มเติม

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️

🌴 ที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างหาดเจ้าสำราญและหาดชะอำ เป็นชายหาดที่มีเสาหลายต้นตั้งเรียงกันจากหาดลงสู่ทะเล นัยว่าแต่ก่อนคงมีการพยายามจะสร้างสะพานหรือจุดชมวิวยื่นไปในทะเลบริเวณนี้ แต่สุดท้ายก็สร้างไม่เสร็จ พื้นที่บริเวณนี้จึงรกร้างไปตามกาลเวลา รวมทั้งสภาพของเสาแต่ละต้นที่เริ่มเอนเอียงไปตามกระแสลมและคลื่น จนกลายเป็นที่มาของชื่อ “หาดเสาเอียง” ⏱️ ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเที่ยว คือ ช่วงเช้าเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น และช่วงเวลาเย็นยามแดดร่มลมตก บรรยากาศดูสวยงามไปอีกแบบ 🚙 การเดินทาง : จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3177 ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ตรงไปจนถึงสี่แยกวงเวียนปลาหาดเจ้าสำราญ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4028 (ทางไปหาดชะอำ) ตรงไปประมาณ 5.5 กิโลเมตร จะพบทางเลี้ยวเข้าหาดเสาเอียงทางซ้ายมือ จุดสังเกตคือมีหอถังประปาสูงเด่นอยู่บริเวณทางเลี้ยวเข้าหาด เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยทางซ้ายมือจะเป็นตึกแถวร้าง ตรงไปราว 300 เมตร จนสุดทางถนนคือหาดเสาเอียง รวมระยะทางจากตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 24 กิโลเมตร

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️ อ่านเพิ่มเติม

งานพระนครคีรี-เมืองเพชร” ครั้งที่ 36

📌 ททท. ชวนเที่ยว “งานพระนครคีรี-เมืองเพชร” ครั้งที่ 36 งานประจำปีสุดยิ่งใหญ่แห่งเมืองเพชรบุรี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-26 มีนาคม 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) และบริเวณพื้นที่โดยรอบ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ✨ ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม งานหัตถกรรมสกุลช่างเมืองเพชร การออกร้านสินค้าโอทอป อาหารถิ่นและขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองเพชร ✨ ไฮไลต์เด่นอีกอย่างของงานพระนครคีรี-เมืองเพชร คือ จะมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟทุกวัน ระหว่างวันที่ 17-26 มีนาคม 2566 🎆 วันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดงานและมีการจุดพลุ 2 รอบ คือ เวลา 19.00 น. พลุ 500 นัด และเวลา 21.00 น. พลุ 320 นัด รวม 820 นัด 🎇 วันที่ 18 – 26 มีนาคม 2566 จะมีการจุดพลุคืนละ 1 รอบ คือ เวลา 21.00 น. คืนละ 312 นัด 📍พิกัดแนะนำในการถ่ายพลุและดอกไม้ไฟมุมกว้าง ได้แก่วัดวิหารโบสถ์ ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี https://goo.gl/maps/MrtimKy2meuaTv2bAเขาเรดาห์ ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมืองเพชรบุรี https://goo.gl/maps/VyMeAWUgEUr2CThH8 ✨ งานพระนครคีรี-เมืองเพชร จะจัดถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 และด้วยจังหวัดเพชรบุรีอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 1.30-2 ชั่วโมงก็ถึง สามารถจัดทริปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย ๆ หากมีเวลาอยากให้มาเที่ยวชมงานนี้กันนะคะ บรรยากาศของแสงไฟยามค่ำคืนงดงามมากจริง ๆ ค่ะ

งานพระนครคีรี-เมืองเพชร” ครั้งที่ 36 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top