นราธิวาส

นราธิวาส

ปากน้ำบางนรา…นราธิวาส

แม่น้ำบางนราถือเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดนราธิวาส พื้นที่ลุ่มน้ำขนานไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออก มีความยาวของสายน้ำประมาณ 60 กิโลเมตร ไหลผ่านอำเภอเมืองนราธิวาสและอำเภอตากใบ มีปากน้ำไหลออกสู่ทะเล 2 จุด คือ ไหลออกอ่าวไทยตรงปากแม่น้ำที่อำเภอเมืองนราธิวาส และไหลลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก ก่อนออกสู่ทะเลบริเวณอำเภอตากใบ ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย ปากแม่น้ำบางนรา (ตอนบน) ซึ่งอยู่ทางใต้ของหาดนราทัศน์ เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงและสวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัด มีทิวสนทะเลขึ้นเรียงรายทั้งสองฝั่งของปากแม่น้ำ สามารถชมวิถีชีวิตชุมชนประมงชายฝั่งบริเวณปากน้ำบางนรา (ตอนบน) ได้อย่างใกล้ชิด จุดชมทิวทัศน์หลัก มี 2 จุด คือ สะพานปรีดานราทัศน์และสะพานวีระพัฒนา ซึ่งเป็นสะพานข้ามคลองโคกเคียน ลำคลองสาขาของแม่น้ำบางนราและอยู่ใกล้กับปากน้ำบางนรามากที่สุด บริเวณสองฝั่งคลองโคกเคียนเป็นบ้านเรือนของชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง จะพบเห็นเรือกอและจอดเรียงรายตัดกับบ้านเรือนริมน้ำสีสันสดใส มีเรือน้อยใหญ่แล่นเข้าออกคลองแห่งนี้ตลอดทั้งวัน พิกัดสะพานปรีดานราทัศน์https://maps.app.goo.gl/qo4dxj1UbvMpf5VM7 พิกัดสะพานวีระพัฒนาhttps://maps.app.goo.gl/DDhdmY2nLRqRuUBy9 ทางใต้ของหาดนราทัศน์ ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พิกัดปากน้ำบางนราhttps://maps.app.goo.gl/2NtmupbHAGk67X3CA

ปากน้ำบางนรา…นราธิวาส อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅

“นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง หากพูดถึงสัญลักษณ์แห่งรักแท้…เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน❣️ 📣ด้วยพฤติกรรมการครองรักและผสมพันธุ์กับคู่เดิมนี้ จึงยกให้นกเงือกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน ซึ่งในประเทศไทยมีนกเงือกทั้งหมด 13 ชนิด และหลายชนิดอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์นกเงือกมีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของตัวเองคือ ตัวนกจะมีทั้งที่มีขนสีดำ สีขาว บางชนิดอาจจะมีสีอื่น ๆ เช่น สีน้ำตาลหรือสีเทา ส่วนที่ถือว่าฉูดฉาดที่สุดบนตัวนกเงือกจะอยู่ที่บริเวณหนังคอ ไม่ก็ขอบตา มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่มาก นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกจะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก ๆ แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป🌱 🔎แหล่งที่เราสามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ วันนี้เรามีสถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย-เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา-อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส-เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต-ป่าพรุโต๊ะแดง ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร จังหวัดนราธิวาส

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅 อ่านเพิ่มเติม

✨ Wetland ชุ่มฉ่ำใจ ในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ชุ่มน้ำของไทย ✨

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ คือ #วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความสำคัญทางด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก เพราะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายของระบบนิเวศมากที่สุด ปัจจุบัน มีการสำรวจและพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไม่ว่า พื้นที่ชุ่มน้ำในไทยถูกแบ่งกลุ่มตามลำดับความสำคัญตามอนุสัญญา #แรมซาร์ รวม 131 พื้นที่ โดยแบ่งเป็น🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับระหว่างประเทศ (Ramsar Sites)🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ 📌 พื้นที่ชุ่มน้ำที่หลาย ๆ คนรู้จักกัน ประกอบด้วยป่าชายเลน ป่าพรุ หนอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบและแม่น้ำ แต่ถ้าหากแบ่งตามประเภทของพื้นที่ชุ่มน้ำจริง ๆ แล้วแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล และพื้นที่ชุ่มน้ำในแผ่นดิน ที่สำคัญ ยังต้องประกอบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพและความหลากหลายของระบบนิเวศ มีลักษณะเฉพาะ และเกื้อกูลสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่หาพบได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ พื้นที่ชุ่มน้ำยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ศึกษาระบบนิเวศนอกห้องเรียนที่ดีอีกด้วย เพราะจะทำให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจและตระหนักถึงการช่วยกันรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน วันนี้ จึงขอแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ชุ่มน้ำของไทยว่ามีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย 😉 พรุควนขี้เสียน  พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้อยู่เขตพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพัทลุง ที่สำคัญ ยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งแรกในไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีต้นเสม็ดขาวปกคลุมโดยรอบ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด เพื่อน ๆ ที่อยากไปเที่ยวที่นี่ นอกจากจะสามารถล่องเรือชมพรุควนขี้เสียนแล้ว ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ยังมีแหล่งเที่ยวชมอีกหลายจุดได้แก่ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย ทะเลสาบน้ำจืดที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลา ชมทุ่งบัวแดงแห่งภาคใต้ และฝูงกระบือที่ลัดเลาะเล่นน้ำไปตามสายน้ำ คลองปากประ แหล่งท่องเที่ยวและที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่มี “ยอ” อุปกรณ์จับสัตว์น้ำขนาดใหญ่ตั้งเรียงตระหง่านทั่วบริเวณ  ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงhttps://goo.gl/maps/bEk5pi3f8DxNpiS98 ป่าพรุโต๊ะแดง  หรือ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร เป็นป่าพรุผืนสุดท้ายที่ยังมีความสมบูรณ์แห่งเดียวในไทย ครอบคลุมถึง 3 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส มีพรรณไม้และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด แม้จะอยู่ไกล แต่หากมีโอกาสได้ไปแล้วนับเป็นสิ่งคุ้มค่าที่ได้ไปชมด้วยตาตัวเอง ที่นี่มีพรรณไม้มากกว่า 400 ชนิด รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิดอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “นกเงือกดำ” 1 ใน 13 สายพันธุ์นกเงือกที่มีอยู่ในไทย พบในป่าพรุแห่งนี้เพียงแห่งเดียว  เพื่อน ๆ สามารถเดินชมศึกษาเส้นทางธรรมชาติไปบนสะพานไม้ระยะทาง 1,200 เมตร และมีกิจกรรมพายเรือคายัคแก่เพื่อน ๆ ที่สนใจ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้ากันด้วยนะ   ตำบลปูโย๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. (กรณีเที่ยวชมวันเสาร์-อาทิตย์ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่) 098 010 5736 (อาจติดต่อยากบางเวลาเนื่องจากติดภารกิจ)https://goo.gl/maps/DVPpdhWDHP2x61Bt8 อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากแม่น้ำตรัง  ทั้ง 3 พื้นที่นี้ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) ในอาณาเขตเดียวกัน มีพื้นที่อยู่ใกล้กัน มีระบบนิเวศที่หลากหลาย เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์หลายชนิดและเป็นพันธุ์ที่หายาก มีแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล โดยเฉพาะ “พะยูน” พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่นี้ยังครอบคลุมเกาะแก่งต่าง ๆ และแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น หาดต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จุดชมนกบนเกาะลิบง ถ้ำมรกตบนเกาะมุก แหล่งดำน้ำชมปะการังที่เกาะแหวน ล่องเรือชมป่าชายเลนชุมชนบ้านน้ำราบ เป็นต้น  ครอบคลุมอำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรังhttps://goo.gl/maps/KzmgUo19hv5Cy7fa7 (อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม)https://goo.gl/maps/ChnG4YNThkUzvBnp6 (เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง)https://goo.gl/maps/6BoUPxMUrHaKphjD9 (ปากแม่น้ำตรัง)  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี ที่สำคัญยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เกษตรกรรม และการประมง ภายในอุทยานฯ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม  ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงฯ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน ล่องเรือ ตั้งแคมป์ ชมธรรมชาติพืชพรรณต่าง ๆ และยังเป็นแหล่งดูนกที่หาได้ยากหลายชนิดอีกด้วย   คลอบคลุมอำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์https://goo.gl/maps/kNJbPTsSwtLoTbLy9 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก  เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับการจัดลำดับว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ มีสภาพพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำจืด และยังเป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรและประมงท้องถิ่นอีกด้วย ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และเป็นบ้านของนกกระเรียนไทย นกขนาดใหญ่ที่จัดอยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 19 ชนิด และยังเป็นแหล่งวางไข่ของนกตีนเทียนที่อพยพมาในช่วงที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย  เพื่อน ๆ ที่เดินทางมาจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถมาเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำได้ ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับนกกระเรียนไทย และยังมีนกกระเรียนไทยให้ได้ชมกันอีกด้วย นอกจากนี้ เพื่อน ๆ สามารถทำกิจกรรมล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมนกที่โบยบินไปรอบ ๆ ได้ แนะนำให้มาช่วงเช้า ๆ อากาศกำลังดี  ตำบลบ้านบัว อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์https://goo.gl/maps/52y6RFDLBwW8PivF6

✨ Wetland ชุ่มฉ่ำใจ ในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ชุ่มน้ำของไทย ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ แนะนำมัสยิดสวยแดนใต้ ✨

มัสยิดในแดนใต้หลายแห่งขึ้นชื่อว่ามีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการมาก ๆ เท่าที่แอดได้เห็นก็ประทับใจไปหมดทุกที่ หากใครมีโอกาสแวะมาเที่ยวทางใต้ แอดก็อยากให้ลองมาตามรอยเพื่อชมของจริงด้วยตาตัวเองกัน  มัสยิดกลางสงขลา (มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม) จ.สงขลา  เป็นมัสยิดที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายกับทัชมาฮาลที่ประเทศอินเดีย ด้านหน้ามีสระน้ำยาวกว่า 200 เมตร ภายในตกแต่งสวยงาม ประณีตอ่อนช้อย พื้นปูด้วยหินอ่อน มีความโอ่โถง เหมาะกับการทำพีธีกรรมทางศาสนาและทำจิตใจให้สงบ ในช่วงพระอาทิตย์ตก ที่นี่จะสวยเป็นพิเศษ จึงมีเหล่าช่างภาพที่ชอบถ่ายภาพสถาปัตยกรรมสวย ๆ นิยมเดินทางมาเก็บภาพกัน หากเพื่อน ๆ อยากชม “ทัชมาฮาล” แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปประเทศอินเดีย สามารถลองมาที่นี่ก่อนได้นะ : 352 ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 : 08.30-15.30 น. (ปิดวันศุกร์) : 0 7430 5300 : https://goo.gl/maps/AFcrko6qhkZ3XAM7A  มัสยิดกรือเซะ (มัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์) จ.ปัตตานี  เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 มัสยิดกรือเซะมีอีกชื่อว่า “มัสยิดปิตูกรือบัน” ซึ่งมาจากรูปทรงของประตูมัสยิด ที่มีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิค โดยคำว่า ปิตู แปลว่า ประตู ส่วนคำว่า กรือบัน แปลว่า ช่องประตูที่มีรูปโค้ง ส่วนที่มัสยิดสร้างไม่เสร็จนั้น จากการสำรวจของกรมศิลปากร พบว่าโครงสร้างโดมนั้นมีลักษณะไม่แข็งแรง ขาดความสมดุล จึงทำให้พังทลาย ประกอบกับช่วงนั้นผู้ปกครองเมืองได้ย้ายศูนย์กลางเมืองไปยังบานาและจะบังติกอ มัสยิดกรือเซะจึงถูกทิ้งให้ร้างไป  ในปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและทำการบูรณะซ่อมแซม เพื่อให้มัสยิดกรือเซะ ยังคงสภาพเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองปัตตานี และสามารถใช้เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจได้ต่อไป ใครสนใจอยากชมมัสยิดที่มีความสวยงามแบบดิบ ๆ หน่อย แอดแนะนำที่นี่เลย : ตลาดเก่าเทศบาลนคร ถนนสิโรรส อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา 95000 : ทุกวัน 24 ชั่วโมง : https://goo.gl/maps/PahKvFQBTbfEL4mc7  มัสยิดกลางปัตตานี จ.ปัตตานี  นอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจ และแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองปัตตานีแล้ว ที่นี่ยังถือว่าเป็นมัสยิดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยอีกด้วย มัสยิดกลางปัตตานีเป็นอีกแห่งที่มีต้นแบบมาจากทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย โดยผสมผสานกับลักษณะวิหารแบบตะวันตก ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่ มีทางเดินแยก 2 ด้านซ้ายขวา มีโดมบริวาร 4 ทิศ และมีหอคอยสูงอยู่สองข้าง บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มัสยิดแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกกรมศาสนา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ : ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 94000 : ทุกวัน 09.30-15.30 น. (ปิดวันศุกร์) : 08 9654 9496 : https://goo.gl/maps/BZRfPje7HaH9wHDv9  มัสยิดวาดีลฮูเซ็น จ.นราธิวาส  มีอีกชื่อหนึ่งว่า มัสยิดตะโละมาเนาะ (มัสยิด 300 ปี) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2167 โดยผู้อพยพมาจากจังหวัดปัตตานี มัสยิดนี้ จะมีความต่างจากมัสยิดทั่วไปตรงที่ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง รูปทรงอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองผสมผสานด้วยศิลปะจีนและมลายู ก่อสร้างตามแบบภูมิปัญญาโบราณ คือใช้ไม้สลักแทนตะปู หลังคาเป็นกระเบื้องดินเผา ตัวผนังจะใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง มีช่องลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้ ดอกไม้สลับลายจีน ปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานประกอบศาสนกิจ หากต้องการเข้าชมภายในต้องได้รับอนุญาตจากโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้านก่อน โดยทั่วไปจะสามารถเข้าชมได้บริเวณภายนอกเท่านั้น : ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส 96170 : ทุกวัน 08.00-18.00 น. : 0 7352 2411 : https://goo.gl/maps/WQwjwFwWg1FbShBs6  ข้อควรรู้เรื่องการแต่งกายก่อนเข้าชมมัสยิด  เนื่องจากมัสยิดเป็นศาสนาสถานที่สำคัญของศาสนาอิสลาม หลายที่เปิดให้เข้าชมได้แม้จะนับถือต่างศาสนา ดังนั้นควรแต่งกายให้เกียรติสถานที่ โดยแต่งกายให้สุภาพ ไม่ใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้น เสื้อสายเดี่ยว และเสื้อรัดรูป ปัจจุบัน หลาย ๆ แห่งจะมีผ้าคลุมให้นักท่องเที่ยวใช้คลุมเพื่อเข้าชมภายใน 

✨ แนะนำมัสยิดสวยแดนใต้ ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌳 ป่าพรุโต๊ะแดง หนึ่งเดียวในไทย 🌳

ป่าในชายแดนภาคใต้ เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่มีความชื้นสูง ทำให้ป่ามีความเขียวขจีตลอดทั้งปี ในจำนวนป่าภาคใต้ทั้งหมด ป่าที่มีความพิเศษที่แอดอยากจะแนะนำก็คือ “ป่าพรุโต๊ะแดง” ป่าพรุโต๊ะแดง หรือ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร เป็นป่าพรุผืนสุดท้ายที่ยังมีความสมบูรณ์แห่งเดียวในไทย ครอบคลุมถึง 3 อำเภอใน #จังหวัดนราธิวาส เป็นป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะมีพรรณไม้และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด สำหรับนักเดินทางแล้ว การได้ไปยังสถานที่ที่มีสิ่งหาชมได้ยาก นับเป็นเรื่องตื่นเต้นและคุ้มค่าที่จะไป ป่าพรุเป็นป่าดิบชื้นที่มีลักษณะพิเศษคือ มีแอ่งน้ำจืดไหลอาบผืนป่าตลอดทั้งปี โดยใต้น้ำมีการสะสมของซากพืชต่าง ๆ ย่อยสลายกลายเป็นดินพีท (peat) หรือดินอินทรีย์ และยังมีการสะสมระหว่างดินพีทกับดินตะกอนทะเลสลับชั้นกัน เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของดินตะกอนทะเล ต้นไม้ในป่าพรุมีการทยอยตายไป และเกิดป่าชายเลนแทนที่ และเมื่อระดับน้ำทะเลลดลง มีฝนตกลงมาสะสม น้ำที่ขังอยู่จึงจืดลง และเกิดป่าพรุขึ้นอีกครั้ง  ด้วยลักษณะของป่าพรุ ทำให้พรรณไม้ต่าง ๆ ต้องปรับตัวตามสภาพผืนป่าเพื่อความอยู่รอด ที่นี่มีพรรณไม้มากกว่า 400 ชนิด รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิดอีกมากมาย “นกเงือกดำ” 1 ใน 13 สายพันธุ์นกเงือกที่มีอยู่ในไทย เป็นสายพันธุ์หายากที่พบในป่าพรุแห่งนี้เพียงแห่งเดียว หากเดินทางมาที่นี่แล้วได้เห็นกับตา ก็น่าจะเป็นความประทับใจที่ดีเลยล่ะ  นักท่องเที่ยวสามารถเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติไปบนสะพานไม้ระยะทาง 1,200 เมตร ที่ทอดยาวในป่า และชื่นชมกับความร่มรื่นของผืนป่ากันได้ทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง “พายเรือคายัก”  หากเพื่อน ๆ สนใจพายคายัก ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า โดยมีค่ากิจกรรมคนละ 50 บาท หากเพื่อน ๆ มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดนราธิวาส #ป่าพรุโต๊ะแดง ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด  📍 ตำบลปูโย๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. (กรณีเที่ยวชมวันเสาร์-อาทิตย์ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่) 📞 098 010 5736 (อาจติดต่อยากบางเวลาเนื่องจากติดภารกิจ) 🌐 https://goo.gl/maps/DVPpdhWDHP2x61Bt8

🌳 ป่าพรุโต๊ะแดง หนึ่งเดียวในไทย 🌳 อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก สัญลักษณ์แห่งรักแท้

ในเดือนแห่งความรัก แอดมีเรื่องราวดี ๆ ของนกเงือกที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งรักแท้ มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ “นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงนั่นเอง นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน พบได้ในทวีปเอเชียและแอฟริกา ปัจจุบันมีถึง 54 ชนิดทั่วโลก โดยในประเทศไทยมี 13 ชนิด กระจายอยู่ทั่วประเทศ รูปร่างหน้าตาจำได้ง่ายเพราะโดดเด่นตั้งแต่บริเวณปากที่มีขนาดใหญ่และโหนกมีสีเหลือง ขนมักมีสีดำ-ขาว บางชนิดมีขนสีน้ำตาล สถานที่ที่สามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ แอดมีลิสต์สถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกแล้ว จะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป หากพูดถึงที่มาของสัญลักษณ์แห่งรักแท้ รู้หรือไม่ ? เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่ เรียกได้ว่ารักเดียวใจเดียวมากจริง ๆ โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ทางมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ.2547 เป็นต้นมา

นกเงือก สัญลักษณ์แห่งรักแท้ อ่านเพิ่มเติม

ฮาลา-บาลา อัญมณีแห่งแดนใต้

“ฮาลา-บาลา” หรือ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา” เป็นป่าดิบชื้นบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ประกอบไปด้วยผืนป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กับป่าบาลา ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าศึกษาธรรมชาติได้ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแว้งและอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ฮาลา-บาลา เป็นผืนป่าที่มีความชื้นสูงตลอดทั้งปี เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ 3 สายคือ แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำสุไหงโก-ลก ด้วยลักษณะเชิงนิเวศที่เป็นป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง “ฮาลา -บาลา” จึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด สัตว์ป่าสงวน เช่น เลียงผา สมเสร็จ แมวลายหินอ่อน และกระซู่ รวมถึงสัตว์ป่าหายากในไทย เช่น ชะนีดำใหญ่ กบทูด และนกเงือก นกหายากที่เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่า ที่นี่พบนกเงือกมากถึง 10 ใน 13 ชนิดที่เราพบในไทย นอกจากนี้ ที่นี่ยังถือเป็นสวรรค์ของนักดูนก เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของนกกว่า 200 ชนิด นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียนชันตาแมว สยา กุหลิม หลุมพอ ขนุนป่า ศรียะลา ประ ทุเรียนป่า และไม้ประดับที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ปาล์ม บังสูรย์ ใบไม้สีทอง เฟิร์นยักษ์ และหวายชนิดต่างๆ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวฮาลา- บาลา คือ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกไม่มากเกินไปนัก เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าฮาลา-บาลา 4062 ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส https://goo.gl/maps/7SpcAqo3DHR4Z63JA นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ” เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส Hala-bala Wildlife Sanctuary “

ฮาลา-บาลา อัญมณีแห่งแดนใต้ อ่านเพิ่มเติม

✨ New Narathiwat…รู้จักนราธิวาสมุมมองใหม่ ✨

รู้จักนราธิวาสมุมมองใหม่ ผ่านลายแทงท่องเที่ยว อุดหนุนกิจการคนนราธิวาสรุ่นใหม่ จังหวัดเล็ก ๆ ที่มีสายน้ำบางนราไหลซอกซอนจากผืนป่า เลาะเลียบผ่านใจกลางเมือง เรียงรายด้วยอาคารรูปทรงโบราณแปลกตา ‘นราธิวาส’ กลายเป็นชุมชนมากเสน่ห์ชวนใจให้ใครหลายคนหลงใหลอยากมาเยือน TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน ชวนล่องใต้ปลายด้ามขวานไป ‘นราธิวาส’ ชมดินแดนอุดมเสน่ห์ของผู้คน ตึกโบราณ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม กับ 7 สถานที่น่าสนใจผสมผสานความเก๋ไก๋ของเด็กรุ่นใหม่ ตั้งแต่เดินชมอาร์ตเสปซ จิบแตออริมแม่น้ำบางนรา จนถึงแคมปิงกลางหุบเขา ลองไปแลต่ะ รับรองว่าหรอยแรง! 👉 ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส : https://www.facebook.com/NaraPublicHealth “นราธิวาส” บางคนอาจชมชื่นศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่โดดเด่น ทั้งการเชิดสิงโตงานศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ การเล่นดิเกร์ฮูลู รำรองเง็ง ในเทศกาลสำคัญของพี่น้องมุสลิม สารทเดือนสิบชาวไทยพุทธ หรืองานบูชาพระพิฆเนศของชาวฮินดู บางคนหลงใหลความหลากหลายของวิถีผู้คน อันเป็นพลังสำคัญร่วมขับเคลื่อนเมือง คนไทยเชื้อสายจีนเปิดร้านจำหน่ายสินค้านานาชนิด คนมุสลิมขายอาหารพื้นถิ่นหอมกลิ่นเครื่องเทศ หรือชาวฮินดูเปิดร้านขายผ้าลวดลายแปลกตา ใช่เพียงรอยจำจากอดีตที่เป็นเพียงชุมชนประมงมะนารอเล็ก ๆ ก่อนจะเป็นบางนราและนราธิวาสในที่สุด พร้อมภาพการเติบโตของเมืองที่เป็นไปอย่างเนิบช้า หากทว่ารากเหง้าหยั่งลึกดั้งเดิมกำลังแตกกิ่งก้านสาขารอบทิศ ปัจจุบันนราธิวาสมีทิศทางเคลื่อนตัวน่าสนใจในมือคนรุ่นใหม่ หลังเดินทางไกลไปเสาะแสวงหาประสบการณ์ต่างถิ่น หรือรับไม้สืบต่อกิจการจากครอบครัว ถึงเวลาได้สานต่อสร้างธุรกิจในกระแส ผสมผสานความชอบส่วนตัวกับสไตล์นิยมร่วมสมัย เน้นรูปแบบชมงานศิลปะและกินดื่มท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ที่ฟื้นชีวิตชีวาให้ถิ่นเกิด ใครว่านราธิวาสไม่มีที่เที่ยวเด็ด ๆ เราขออาสาเป็นไกด์ ชวนคุณไปเที่ยวนราธิวาสแบบชิลล์ ๆ ตั้งแต่หอศิลป์และร้านกาแฟในเมือง ที่พักชายทะเล ไปจนถึงการตั้งแคมป์กลางหุบเขา หรือสัมผัสบรรยากาศเหนือทิวเขาที่โอบล้อมด้วยสายหมอก ตามมาแลต่ะ! 1 De’ Lapae Art Space Narathiwat หอศิลป์ท้องถิ่นกึ่งคาเฟ่ สถานีสื่อศิลปะชายแดนใต้ สถานที่แห่งนี้นับเป็นหอศิลป์แห่งแรกในจังหวัดนราธิวาส ดำเนินงานโดย ปรัชญ์ พิมานแมน ศิลปินหนุ่มซึ่งกำลังทำปริญญาเอกด้านศิลปะอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ควบคู่ไปกับการเป็นอาจารย์สอนศิลปะ ม.อ.ปัตตานี เริ่มรีโนเวตอาคารเก่า ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว ให้กลายเป็นหอศิลป์เต็มไปด้วยสุนทรียะและอาร์ตสเปซ ตั้งแต่ตนเองศึกษาเล่าเรียนอยู่ปี 2 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) เพื่อสานฝันของคุณพ่อที่อยากให้มีหอศิลป์ดี ๆ เกิดขึ้นในบ้านเกิด “ผมเชื่อว่าพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีดีมากมาย ทั้งทรัพยากร ประเพณีต่าง ๆ แต่ขาดพื้นที่การนำเสนอเพื่อจัดแสดงผลงาน รวมถึงพื้นที่จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ทางสังคม” อ.ปรัชญ์ บอกเล่าถึงแนวคิดของอาร์ตสเปซแห่งนี้ ช่วงที่ผ่านมา เดอลาแป อาร์ต สเปซ ทำหน้าที่ฟื้นคืนสีสันด้านศิลปะให้เมืองนราธิวาสอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิดผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้มีการแสดงผลงานศิลปะทุก ๆ 3 เดือน มีนักวิชาการหรือภัณฑารักษ์ รวมถึงศิลปินทั้งในและนอกประเทศ มาแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้มุมมองใหม่ ๆ ให้เยาวชน มีกิจกรรมมอบความรู้ให้เด็กนักเรียนและนักศึกษา จากวิทยากรผู้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ศิลปะ นอกจากนี้ ภายหอศิลป์ยังมีคาเฟ่ชื่อ De’ Art Cafe & Coffee Lab เสิร์ฟกาแฟรสชาติหอมกรุ่นเย้ายวนชวนลิ้มรส ในบรรยากาศงานศิลป์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก และ ART LIBRARY ห้องสมุดศิลปะที่มีหนังสือศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก “จุดเด่นของเราคือ ผลงานที่จัดมาแสดงล้วนเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจ ต้องการเผยแพร่ให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสความงามในพื้นที่ ภายในหอศิลป์มีเรื่องราวและเรื่องเล่าแสดงผ่านศิลปกรรมทุกรูปแบบ และยังมีคาเฟ่ที่เป็นเอกลักษณ์เคียงคู่กัน” คำของ อ.ปรัชญ์ ดั่งเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้เข้าถึงความหมายของงานศิลปะและสุนทรียรสในชีวิตอย่างแท้จริง  78 ถนนสมัยอาณาจักร อำเภอเมือง ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส https://goo.gl/maps/UV45gocWDiRqapHw5  เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย  08 4193 3651  Facebook : https://www.facebook.com/Delapaeartspace 2 Middle Man Coffee ร้านกาแฟคนเล่นกล้อง ของทายาทธุรกิจร้านถ่ายรูป จากที่เคยทำงานอยู่ในเมืองกรุงต่อเนื่องมาหลายปี วันหนึ่ง ซูม-วัฒกร เสาร์ศรีอ่อน คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอีกครั้ง จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว  ด้วยนิยมชมชอบรสชาติกับบรรยากาศการดื่มกาแฟ และอยากให้คนในจังหวัดนราธิวาสมีโอกาสลิ้มรสชาติกาแฟดี ๆ ในราคาไม่สูงเกินไป ทุกคนจับต้องได้ รวมถึงสร้างแหล่งถ่ายรูปสวย ๆ รองรับความนิยมของคนรุ่นใหม่ทั้งในและนอกพื้นที่ ซูมจึงเปิดร้านกาแฟด้วยเสน่ห์แปลกใหม่ บรรยากาศเหมาะกับการนั่งพบปะพูดคุย ทำงาน หรือพักผ่อนหย่อนใจแบบสบาย ๆ กับคอนเซ็ปต์ ‘เราอยากให้คุณรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่มาหาเรา’  ความเป็นมาของชื่อร้าน Middle Man Coffee หัวใจสำคัญคือคำว่า Middle หรือตรงกลาง นั่นเพราะเจ้าของร้านเป็นลูกคนกลาง พ่อแม่มีธุรกิจร้านถ่ายรูป จึงตั้งชื่อลูกแต่ละคนให้เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพของครอบครัว นั่นคือ พี่ชายเจ้าของร้านชื่อ ฟิล์ม เจ้าของร้านชื่อ ซูม และน้องชายชื่อ ชัตเตอร์ ชื่อร้านและไลฟ์สไตล์จึงหลอมรวมกันลงตัว เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นช่างภาพอยู่แล้ว ย่อมเข้าใจคนที่ชื่นชอบเกี่ยวกับการถ่ายภาพเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเลือกสถานะเป็นคนถ่ายภาพ หรือชมชอบการเป็นแบบให้ถ่าย บรรยากาศภายในร้านมีให้เลือกหลายมุม ไม่ว่ามุมใต้แสงไฟชั้น 2 มุมดาดฟ้า มุมใต้ต้นไม้ ไม่ว่ามุมไหนก็ถ่ายรูปขึ้นไปหมด  เมนูเครื่องดื่มแนะนำ ได้แก่ Dirty Brick Light และ Middle Man เมนูเครื่องดื่มขายดีที่สุดของร้าน พิเศษมากกว่านั้นคือรสชาติกาแฟ โดยเฉพาะ ซันเซ็ต ยูสุ ซันไรส์ สตรอว์เบอรี ซึ่งฟังชื่อแล้วเหมือนมีประกายแสงประดับภาพถ่ายในจินตนาการ ล่องลอยมาพร้อมกลิ่นหอมสุดรัญจวน  143/26 ตำบลบางนาค ถนนสุริยะประดิษฐ์ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส https://goo.gl/maps/vCY3SYJ6HGHYy9qU9  เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)  06 1947 8163  Facebook

✨ New Narathiwat…รู้จักนราธิวาสมุมมองใหม่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ 9 ที่เที่ยว จังหวัดนราธิวาส ✨

นราทัศน์…รู้จักเสน่ห์ดั้งเดิมของนราธิวาส ผ่านแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ ตั้งแต่ในเมือง ถึงผืนป่าและทะเ] นราธิวาส … ดินแดนพหุวัฒนธรรมบนคาบสมุทรมลายู ด้วยประวัติศาตร์อันยาวนาน เชื่อมวิถีชีวิตผู้คนต่างศาสนาและความเชื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว และมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์หลากหลาย TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud ขอนำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อนคราวนี้ ชวนมาสัมผัสแหล่งเรียนรู้และมรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปกับ 9 สถานที่จากในเมือง สู่ผืนป่าและผืนน้ำ รับรองว่าอ่านจบแล้ว จะหลงเสน่ห์ดั้งเดิมของนราธิวาสเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส : https://www.facebook.com/NaraPublicHealth นราธิวาส ตั้งอยู่ในพื้นที่ปลายแหลมบนคาบสมุทรมลายู (Malay Peninsula) หนึ่งในสามจังหวัดปลายด้ามขวาน มีพรมแดนติดประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีทรัพยากรธรรมชาติสวยงามหลากหลายเป็นเอกลักษณ์ ทั้งแม่น้ำ ทะเล ป่าไม้ ภูเขา สายธารทางประวัติศาสตร์ยังเชื่อมร้อยเรื่องราวจากทั่วทุกสารทิศมาบรรจบกัน ผ่านเส้นทางการค้าที่ถูกเรียกขานว่า ‘เส้นทางสายไหมทางทะเล’ จากแผ่นดินไร้พรมแดน สู่ส่วนหนึ่งของอาณาจักรลังกาสุกะ ปาตานีดารุสสลาม กระทั่งร่วมสมัยรัตนโกสินทร์ จากชนพื้นเมืองดั้งเดิมชาติพันธุ์เนกริโต (เซมัง-โอรังอัสลี) ชาวมลายู ชาวฮินดู-พราหมณ์ ชาวจีน ชาวสยาม หรือชาวยุโรป และจากความเชื่อในการนับถือผีสางนางไม้ สิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ สู่ศรัทธาความเชื่อใหม่จำหลักมั่น ทั้งพุทธ ฮินดู-พราหมณ์ คริสต์ และอิสลาม บนแผ่นดินเดียวกัน โชคชะตาเดียวกัน วิถีชีวิตผู้คนจึงได้อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างผูกพันกลมเกลียว เที่ยวบ้านเพื่อนคราวนี้ ชวนมาสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม เรียนรู้วัฒนธรรมเก่าแก่ที่ ‘นราธิวาส’ กับ 9 สถานที่ทรงคุณค่า เรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวในสังคมพหุวัฒนธรรม ตั้งแต่ชมสถาปัตยกรรมโบราณกว่า 400 ปี ชิมขนมพื้นบ้าน ดูวัฒนธรรมผ้าบาติก จนถึงนั่งรับลมชมความสวยงามของธรรมชาติ ในพื้นที่ที่มีความหมายว่า ที่อยู่ของคนดี-นราธิวาส 1 มัสยิดวาดีลฮูเซ็น หรือ มัสยิดตะโละมาเนาะ หนึ่งในสถาปัตยกรรมมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในแหลมมลายู ผู้สร้างมัสยิดที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในแหลมมลายูแห่งนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2167 นับเนื่องถึงปีปัจจุบัน 2564 มีอายุรวม 397 ปี คือ วันฮูเซ็น อัส-ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานยา จังหวัดปัตตานี แรกสร้างมีลักษณะเป็นเพียงหลังคามุงใบลานแบบเรียบง่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผา  หลักฐานสำคัญที่น่าสนใจคือ ครั้งหนึ่งบริเวณชุมชนข้างเคียงเคยเป็นแหล่งผลิตคัมภีร์อัลกุรอานที่เขียนด้วยมือ มีชื่อเสียงขจรกระจายไกล และสิ่งโดดเด่นประการหนึ่งที่มักถูกหยิบยกมากล่าวถึงกันเสมอของมัสยิดแห่งนี้ คือลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากมัสยิดทั่วไป ด้วยเป็นอาคาร 2 หลังติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง ใช้ไม้สลักแทนตะปู รูปทรงอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองประยุกต์เข้ากับศิลปะจีนและมลายู ได้รับการออกแบบอย่างลงตัว เหนือหลังคามีฐานมารองรับจั่วบนหลังคาอยู่ชั้นหนึ่ง กลายเป็นส่วนเด่นสุดของอาคาร หออาซานหรือที่ใช้สำหรับประกาศเรียกคนมาละหมาด มีลักษณะเป็นเก๋งจีนตั้งอยู่บนหลังคาส่วนหลัง ฝาเรือนใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง ช่องลมแกะเป็นลวดลายใบไม้ ดอกไม้ สลับลวดลายจีนอย่างกลมกลืนเป็นเอกลักษณ์  ปัจจุบัน ชาวบ้านตะโละมาเนาะ ยังคงใช้มัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจอยู่เป็นประจำ โดยทั่วไปเข้าชมได้บริเวณภายนอกเท่านั้น หากต้องการเข้าชมภายใน ต้องได้รับอนุญาตจากอิหม่ามประจำหมู่บ้าน  บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส https://goo.gl/maps/25hsfSAHSVW2MCbY9  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.  0 7352 2411  2 ขนมอาเก๊าะ – เจ้ายะกัง บาโง มรดกขนมพื้นบ้านมลายู จากบรรพบุรุษสู่ทายาทรุ่นใหม่ “ครอบครัวของเราทำขนมอาเก๊าะมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แม้จะมีกระบวนการขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้ครอบครัว จึงตั้งใจสานต่อสืบทอดมาถึงคนรุ่นใหม่ คือรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน” เมาะจิ สเปีย ผู้อาวุโสจากร้านอาเกาะ ฮัจญะห์ ยามีล๊ะ ยะกัง เจ้าเก่า บอกเล่าเรื่องการสืบทอดวิชาทำขนมโบราณในพื้นที่ชายแดนใต้ ขึ้นชื่อในลิสต์ลำดับต้น ๆ ของขนมช่วงเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอดของชาวมุสลิม) จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ลูกค้าโทรศัพท์สั่งจองกันข้ามวัน ใครไม่จองก่อน รับรองอดแน่นอน  อาเก๊าะ คือขนมโบราณชนิดหนึ่ง เป็นที่นิยมกันมากในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สันนิษฐานว่าชื่อนี้อาจเพี้ยนมาจากคำภาษามลายูว่า อาเก๊ะ ที่แปลว่า ยกขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะสะท้อนถึงกรรมวิธีการผลิตที่ต้องยกไฟที่วางอังไว้ข้างบนออกทุกครั้งเมื่อขนมสุก ด้วยการผิงไฟบนล่างด้วยเชื้อไฟจากกาบมะพร้าวให้ความร้อนทั่วถึง เห็นควันลอยโขมงอยู่รอบบริเวณ และถึงแม้เวลาจะผ่านไป บรรดาแม่ค้าที่ทำขนมอาเก๊าะก็ยังคงใช้วิธีแบบดั้งเดิม เพราะเป็นที่มาของกลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ลอง  อาเก๊าะที่สุกได้ที่แล้วจะมีลักษณะเหมือนคัสตาร์ดหรือขนมหม้อแกงเนื้อแน่น กลิ่นหอม รูปทรงรีและแบน แต่ละร้านมีสูตรการทำแตกต่างกันไป เพื่อทำให้ขนมอาเก๊าะมีเนื้อและรสแตกต่างกันไป กระทั่งทุกวันนี้ขนมอาเก๊าะ ยะกัง เป็นที่รู้จักและมีออเดอร์จำนวนมาก ทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอน มียอดสั่งถึงวันละ 2,000 – 3,000 ลูก ถึงขั้นต้องเร่งการผลิต ผลัดเวรทำทั้งวันทั้งคืน  บ้านบาโง ชุมชนยะกัง 1 ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส https://bit.ly/3rELv7l  เปิดทุกวัน ประมาณ 09.00 – 17.00 น.  08 1599 2010  3 ภัตตาคารมังกรทอง ร้านอาหารเก่าแก่สะท้อนจีนวิถี แต่มีเมนูสมานฉันท์ ไทย จีน และปักษ์ใต้ ร้านอาหารไทย-จีนชื่อเสียงในระดับต้น ๆ อยู่คู่เมืองนรามายาวนานตั้งแต่ พ.ศ. 2518 จากบ้านอยู่อาศัยปรับปรุงกลายเป็นร้านอาหารชื่อดังสไตล์จีนร่วมสมัย ให้บริการแบบอบอุ่นเป็นกันเอง ที่นี่คือร้านอาหารจีนที่ได้รับการยอมรับว่ารสชาติดีที่สุดในนราธิวาส เน้นหนักอาหารประเภทปลา กุ้ง เมนูเด็ด เช่น ขนมจีนแกงไตปลาปักษ์ใต้ มีไข่ต้มทานประกอบ แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว แกงไตปลา เป็ดกรอบ สลัดกุ้งทอด ปลาสำลีทอด ไก่สับเบตง ยำผักกูด ผัดสะตอกุ้งสด หรือปลากุเลาตากใบ และปลาหมอหยองแดดเดียวทอด  ป้ามะลิ หรือ คุณมะลิวัลย์ คือผู้ริเริ่มสร้างภัตตาคารมังกรทอง

✨ 9 ที่เที่ยว จังหวัดนราธิวาส ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top