เพื่อนร่วมทาง

 ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา

“ฟาร์มโชคชัย” เป็นฟาร์มที่เรามักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ว่าเป็นฟาร์มโคนมที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2500 โดย ดร.โชคชัย บูลกุล ได้ริเริ่มทำฟาร์มปศุสัตว์บนพื้นที่ 250 ไร่ และในปี พ.ศ. 2521 ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นฟาร์มโคนมโดยสมบูรณ์ รวมพื้นที่เป็น 12,000 ไร่ และมีการเลี้ยงโคนมในฟาร์มหลายพันตัว นอกจากจะประสบความสำเร็จในเรื่องของฟาร์มโคนมแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีความหลากหลายทั้งเรื่องธรรมชาติ กิจกรรมสนุกสนาน และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมที่ให้เพื่อน ๆ ได้เข้าไปเรียนรู้และสัมผัสการทำฟาร์มโคนมได้อย่างเพลิดเพลิน กิจกรรมที่ “ฟาร์มโชคชัย” มีหลากหลายกิจกรรมดี ๆ ที่รอให้เราไปสนุกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ป้อนหญ้าแกะฝูงใหญ่ บริเวณด้านหน้าฟาร์ม ค่าบริการหญ้ากำละ 40 บาท ชมทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ที่ฟาร์มโชคชัย จะมีจัดโซนแปลงดอกไม้หลายชนิด สลับกันไปตามแนว มีสีสันสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นดอกหงอนไก่ ดอกบานเย็น ดอกกระดาษ ดอกน้ำพุแดง ทุ่งคอสมอส ทุ่งทานตะวัน เดินถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลินเลย โดยทุ่งดอกไม้ที่นี่เปิดให้ชมตลอดทั้งปี และอาจจะผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนะ กิจรรมสายลุยก็มี ที่นี่มีทั้ง ATV และ UTV ให้ขับ สำหรับใครที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน ไม่ต้องกังวลเลย มีเจ้าหน้าที่คอยสาธิตและดูและความปลอดภัยให้ ค่าบริการ ATV 220 บาท/คน , UTV 330 บาท/คน แอบบอกก่อนว่านี่เป็นการขับ ATV ครั้งแรกของบัดดี้เลย และพี่เจ้าหน้าที่สอนเข้าใจง่ายสุด ๆ จึงใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นาน พอขับเป็นแล้วก็ไม่รอช้า ออกไปสนุกกันเลย สนามขับ ATV ที่นี่ค่อนข้างใหญ่ ระยะทางขับประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถชมธรรมชาติทั้งสองข้างทางได้อย่างเพลิดเพลิน สัมผัสวิถีชีวิตและทดลองเป็นคนเลี้ยงโคนม ที่รีดนมวัวด้วยมือเปล่าแบบดั้งเดิม มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและสาธิตการรีดนมวัวอยู่ด้วยตลอด และนมที่รีดได้ก็จะนำไปเข้าโรงผลิตต่อด้วยเช่นกัน ค่าบริการ 50 บาท/คน จะเห็นว่าที่นี่มีโคนมเยอะมาก ๆ และประสบความสำเร็จได้อย่างดี มีผลิตภัณฑ์โคนมออกมาหลายชนิด ในแบรนด์ อืมม!..มิลค์ โดยมีจุดขายของผลิตภัณฑ์คือความสดใหม่ เพราะมีโรงงานผลิตอยู่ห่างจากจุดที่รีดนมไม่ถึง 50 เมตร ผลิตจากน้ำนมดิบที่ได้จากการคัดสรรพันธุกรรมโคนมอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็น นมสดพาสเจอร์ไรส์ ลูกอม นมอัดเม็ด ไอศกรีมแสนอร่อยที่ใครมาก็ห้ามพลาดชิม นอกจากเรื่องฟาร์มโคนมแล้ว ที่ฟาร์มโชคชัย ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคาวบอยเมืองไทยอีกด้วย บนพื้นที่ของฟาร์มโชคชัยที่ได้จัดโซนการแสดงคาวบอย แสดงถึงวิถีชีวิต การขี่ม้า การใช้เชือกเพื่อประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ ของคาวบอย การแสดงคาวบอยที่ฟาร์มโชคชัย จะมีเฉพาะวันเสาร์- อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ รอบการแสดง 11.20 / 12.20 /13.20 / 14.20หมายเหตุ : อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ชมพิพิธภัณฑ์ฟาร์มโชคชัย อาคารที่รวบรวมเรื่องราวความเป็นมา และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับฟาร์มโชคชัย นอกจากนี้ก็ยังจำลองเมืองคาวบอยให้เราได้ชมอีกด้วย อีกชั้นหนึ่งในอาคารพิพิธภัณฑ์ฟาร์มโชคชัย มีการจำลองป่าดงพญาเย็น ป่าดงดิบ ที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่ามากมายภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผยให้เห็นถึงสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อว่าป่าดงพญาไฟ เพื่อน ๆ สามารถแวะมาเที่ยวชมกันได้ ที่ฟาร์มโชคชัย ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เพื่อน ๆ สามารถใช้เวลาไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ค่าใช้จ่าย และแผนที่ของฟาร์มได้ที่ https://farmchokchai.com/home/map/ ฟาร์มโชคชัย ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงกิโลเมตรที่ 159-160 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 09.30-16.30 น. 09 8719 4464, 06 1394 5890 Facebook : Farm Chokchai https://maps.app.goo.gl/dTAeYvTzHyK2TLdH9

 ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

 อีซี่คาร์ท พัทยา (แหลมบาลีฮาย)

วันนี้บัดดี้มาแนะนำกิจกรรมท้าทายความเร็วให้กับตัวเอง อยู่ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่นี่คือ “อีซี่คาร์ท พัทยา (แหลมบาลีฮาย)” สนามโกคาร์ทกลางแจ้งขนาดใหญ่ ก่อตั้งและออกแบบโดยอดีตนักแข่งโกคาร์ทมืออาชีพรวมทั้งรถโกคาร์ทเอง ก็ถูกออกแบบมาให้มีความสมจริงกับรถแข่งจริงมากที่สุด ทั้งระบบเบรก พวงมาลัย ช่วงล่าง เพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและสนุกไปกับความเร็วมากที่สุด ตัวสนามแบ่งออกเป็น 2 สนาม ได้แก่ สนาม Monza ความยาว 350 เมตร เป็นสนามสำหรับเด็กหรือผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก โดยตัวสนามจะมีความกว้างและง่ายต่อการขับขี่ ความเร็วของรถจะถูกจำกัดไว้ด้วย ใครขับรถไม่เป็นสามารถลองได้นะ รับรองจะติดใจ และสนาม Monaco ความยาว 800 เมตร เหมาะที่สุดสำหรับการทดสอบทักษะการขับรถเพราะมีทั้งทางตรง ทางโค้ง ใช้ความเร็วสูง ก่อนการขับรถ จะได้รับหมวกคลุมผมเพื่อความสะอาดก่อนลงไปเลือกหมวกนิรภัย โดยหมวกนิรภัยของสนามจะมีให้เลือก 4 ขนาดด้วยกันโดยมี S, M, L, XL ผู้ใช้บริการควรเลือกขนาดให้เหมาะสมไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปเพื่อป้องกันการบดบังวิสัยทัศน์เวลาขับขี่ และเครื่องแต่งกายห้ามใส่ชุดที่มีความยาวหรือผ้าพันคอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ เสื้อผ้าจะเข้าไปพันกับตัวรถ ผู้ที่มีผมยาวต้องมัดและเก็บให้เรียบร้อย ที่นี่มีมาตรการรักษาปลอดภัยอย่างสูง มีการวัดส่วนสูงและอายุเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เลือกรถโกคาร์ทที่เหมาะสมและเป็นไปตามเกณฑ์ของทางสนาม ในกรณีที่ผู้ใช้บริการได้เลือกรถ Fart Kart หรือรถเร็วจะต้องมีการอบรมการใช้สนามสั้น ๆ และต้องจดจำสัญญาณธงในสนามเพื่อความปลอดภัย พนักงานทุกคนผ่านการอบรมเพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังจากได้ลงไปนั่งประจำที่และสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นจากเสียงเครื่องยนต์ก็ทำให้ความเป็นนักแข่งและความอยากเอาชนะพลุกพล่านขึ้นมา จังหวะที่เร่งความเร็วแล้วกระแสลมตีเข้ามาหรือเวลาควบคุมรถในการเข้าโค้งให้ความรู้สึกเร้าใจ แต่ความรู้สึกที่ดีที่สุดคือจังหวะที่สามารถแซงขึ้นนำนักแข่งคนอื่นหรือสามารถทำลายสถิติเวลาของตัวเองลงได้ ทางสนามแข่งได้มีการเก็บสถิติไว้ให้นักแข่งทุกคนหลังแข่งเสร็จ เช่น เวลาต่อรอบ เวลารวมเฉลี่ย เวลาของบัดดี้ทำไว้ได้กลาง ๆ ขับขี่สนุกและรู้สึกปลอดภัยมาก เลยอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปขับดูบ้าง สนามอีซี่คาร์ท พัทยา (แหลมบาลีฮาย) เปิด ทุกวัน เวลา 10.00-01.00 499-1,299 บาท 0 3300 5009 เว็บไซต์ www.EasyKart.netมีสาขาที่กรุงเทพฯ (RCA PLAZA) และสมุย (Chaweng Lake) ด้วยนะ

 อีซี่คาร์ท พัทยา (แหลมบาลีฮาย) อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวเหยียบเมฆา กัลยาณิวัฒนา เชียงใหม่

วันนี้บัดดี้มีโอกาสได้ไปเยือนอำเภอกัลยานิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ อีกครั้ง… เพราะตั้งใจไปเช็กอินที่ “จุดชมวิวเหยียบเมฆา” หนึ่งในเส้นทางตามรอยหนังเรื่อง สุขสันต์วันโสด ใครทันดูเรื่องนี้บ้างนะ แค่ชื่อก็น่าสนใจไม่น้อย… “จุดชมวิวเหยียบเมฆา” เป็นจุดชมวิว 360 องศา ณ บ้านแม่แดด หมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ท่ามกลางขุนเขา เป็นจุดชมวิวระหว่างทางที่เหล่านักท่องเที่ยวต่างต้องแวะ สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เส้นทางคดเคี้ยวตลอดทาง รวมถึงดอกไม้สวย ๆ ตามไหล่เขาให้ชมกันด้วย ทำให้จุดชมวิวแห่งนี้เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมเลยก็ว่าได้ หากใครออกเดินทางผ่านเส้นเชียงใหม่-แม่ริม-สะเมิงไปจนถึงกัลยานิวัฒนา อย่าลืมแวะที่นี่กันนะคะ หากใครต้องการค้างพักแรม บริเวณใกล้ ๆ จุดชมวิวก็มีโฮมสเตย์อยู่หลายแห่ง หรือจะมากางเต็นท์ก็ได้เช่นกันค่ะ ตำบลแม่แดด อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ https://goo.gl/maps/KzG9B2f3SruyTquB9

จุดชมวิวเหยียบเมฆา กัลยาณิวัฒนา เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ไหว้พระ 3 วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ เสริมสิริมงคล

“กรุงเทพมหานคร” เมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในปี 2566 มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานและเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมทางศาสนารวมทั้งประวัติศาสตร์ บัดดี้ขอแนะนำนักท่องเที่ยวสายบุญ สายประวัติศาสตร์ สายคอนเทนต์ และทุก ๆ สาย มาเยือน มาทำบุญที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว เดินทางสะดวกมาได้ทั้งรถ เรือ รถไฟฟ้า ใครกำลังวางแผนเที่ยวตามบัดดี้มาได้เลย ใครเคยไปแล้ว ไปได้อีกนะ กรุณาแต่งกายสุภาพเรียบร้อย สำรวมกาย วาจา ในขณะที่เข้าชมศาสนสถาน 1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (พระแก้ว) เป็นวัดที่มีความสำคัญทางทางศาสนาและวัฒนธรรม จุดเด่นของวัดคือองค์พระเจดีย์ 3 องค์ที่โดดเด่นเห็นได้แต่ไกล สีทองคือพระศรีรัตนเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ถัดมาคือพระมณฑป รูปแบบสถาปัตยกรรมทรงไทย ประดิษฐานพระไตรปิฏกฉบับทองใหญ่ และปราสาทพระเทพบิดร รูปแบบหลังคายกยอดปราสาทแบบปรางค์ ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 เปิดถวายบังคมพระบรมรูปเป็นประจำทุกปี ในวันสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ 6 เมษายน (วันจักรี) 13-15 เมษายน (วันสงกรานต์) 4 พฤษภาคม (วันฉัตรมงคล) 28 กรกฎาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) 13 ตุลาคม (วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร) 23 ตุลาคม (วันปิยมหาราช) 5 ธันวาคม (วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร) ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เปรียบดังตัวแทนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้าในชีวิตและการงาน ความสุขกายสบายใจ นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สามารถเดินชมด้านนอกได้ก่อนถึงบริเวณทางออก เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-15.30 น. ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 500 บาท มีบริการให้เช่าเครื่องแปลภาษา 7 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน รัสเซีย ญี่ปุ่น จีนกลางและไทย ราคา 200 บาท เว็บไซต์ www.royalgrandpalace.th https://maps.app.goo.gl/KiWCZrvKZBrBLx56A การเดินทาง MRT : สถานีสนามไชย รถเมล์ : 3, 32, 47, 59, 65, 70, 503 เรือ : นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาธงเขียวเหลือง ธงเหลือง ธงส้ม เรือ Hop On Hop Off ลงท่าน้ำ N9 ท่าช้าง 2. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์  วัดประจำรัชกาลที่ 1 ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม และยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ถัดจากพระบรมหาราชวัง พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั้งองค์ ยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร ที่ฝ่าพระบาทแต่ละข้างมีลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการ อันเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของมหาบุรุษตามคติของอินเดีย ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องความรัก ด้านข้างพระวิหาร มีพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ (องค์กระเบื้องเคลือบสีเขียว) สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในบรรจุพระบรมธาตุ พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน (องค์กระเบื้องเคลือบสีขาว) สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก คือรัชกาลที่ 2 พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร (องค์กระเบื้องเคลือบสีเหลือง) สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา และ พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย (องค์กระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม) รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น. ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 300 บาท เว็บไซต์ www.watpho.com https://maps.app.goo.gl/mr9DAmZanZYV9Ak79 การเดินทาง MRT : สถานีสนามไชย รถเมล์ : 1, 3, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53, 82 เรือ : นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาธงเขียวเหลือง ธงเหลือง ธงส้ม เรือ Hop On Hop Off ลงท่าน้ำ N9 ท่าช้างหรือขึ้นเรือข้ามฟากจากท่าน้ำวัดอรุณ มาที่ท่าเตียน 3. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)  แลนด์มาร์กที่สำคัญในงานสำคัญหลาย ๆ งาน โดยเฉพาะงานเคานต์ดาวน์วัดอรุณที่ถูกเผยแพร่ภาพความสวยงามออกไปสู่สายตาคนทั่วโลก ทำให้ที่นี่เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนให้ได้ วัดแจ้งตั้งอยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับวัดโพธิ์ บนถนนอรุณอัมรินทร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่าวัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 จึงถือเป็นวัดประจำรัชกาล เมื่อบูรณะแล้วเสร็จได้พระราชทานนามว่าวัดอรุณราชธาราม ในสมัยรัชกาลที่

ไหว้พระ 3 วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ เสริมสิริมงคล อ่านเพิ่มเติม

 ๑๐ วัด ๑ พิพิธภัณฑ์ ไหว้พระ เสริมสิริมงคล ตลอดปี ๒๕๖๗

เหล่านักแสวงบุญเตรียมแผนในการเดินทางเยี่ยมชม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดวาอาราม และสถานที่สำคัญ ๆ กันแล้วหรือยัง? ปีนี้ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้แนะนำเส้นทางไหว้พระในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 10 วัด และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย 1. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยภายนอกมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในตกแต่งอย่างตะวันตก เป็นวัดที่มีเสมาขนาดใหญ่ เรียกว่า “มหาสีมา” ตั้งอยู่ที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ เช่นเดียวกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จึงได้นามว่าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนราชบพิธ แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://maps.app.goo.gl/S8AecJBNejWmU2gw6 2. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ซึ่งรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใหม่ และให้อัญเชิญพระพุทธรูปจากหัวเมืองต่าง ๆ มาประดิษฐานไว้ ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด มีการนำศิลปะจีนมาผสมผสานในการสร้างพระอารามครั้งนี้ด้วย ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://maps.app.goo.gl/Y65deqJ8vHxUBJ228 3. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2350 เพื่อให้เป็นวัดใจกลางกรุงรัตนโกสินทร์ ใช้เวลาในการก่อสร้างรวม 40 ปี จนแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 อีกด้วย ภายในวิหารหลวง “พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต)” ที่ถูกอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย มีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ทั้งต้นแบบสัตว์หิมพานต์หลายแบบ รวมไปถึงจิตรกรรมฝาผนัง “เปรตวัดสุทัศน์” ที่โด่งดังอีกด้วย พระอุโบสถของวัดแห่งนี้ ถูกจัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ภายในเป็นภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติ มีพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระกริ่งใหญ่และท้าวเวสสุวรรณ มีนักท่องเที่ยวให้ความศรัทธา เดินทางมาขอพรอย่างไม่ขาดสาย ถนนบำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://goo.gl/maps/hJTz7fU7oJm 4. วัดราชนัดดารามวรวิหาร (โลหะปราสาท) หรือที่เรียกกันติดปากว่า โลหะปราสาท ถือเป็นโลหะปราสาทแห่งแรกและแห่งเดียวของไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ โดยกรมศิลปากรฯ ได้ประกาศขึ้นทะเบียน โลหะปราสาท เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 โลหะปราสาทของไทยนับเป็นโลหะปราสาทแห่งที่สามของโลก โดยแห่งแรกอยู่ที่อินเดีย แห่งที่สองอยู่ที่ศรีลังกา ซึ่งปัจจุบันไม่เหลืออยู่แล้ว ที่นี่จึงเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลก 70 ถนนมหาไชย แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://maps.app.goo.gl/kvsVFtr7ANZTrNS66 5. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร มีชื่อเดิมว่า ‘วัดสามจีนใต้’ เป็นวัดโบราณ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของสถานีรถไฟหัวลำโพง สามารถเดินได้ ประมาณ 5-10 นาที เข้ามาด้านในพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นมณฑป 4 ชั้น นมัสการ ‘พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร’ หรือที่เรียกกันว่า ‘พระสุโขทัยไตรมิตร’ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย ทำจากทองคำแท้ และมีขนาดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครhttps://goo.gl/maps/VMkZCQTBzT52 6. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมมีชื่อว่า วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ภายหลังได้รับพระราชทานนามจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้าง สวนดุสิตและสถาปนาวัดด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณ วางแปลนแยกสัดส่วนเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาสและที่ธรณีสงฆ์ พร้อมพระราชทานนามว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ซึ่งหมายถึง “วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5” วัดนี้ถือเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะไทยที่สมบูรณ์ ภายในมีสถานที่สำคัญและน่าสนใจ เช่น ศาลาสี่สมเด็จ พระที่นั่งทรงธรรม หอระฆังบวรวงศ์ พระอุโบสถ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ถนนนครปฐม แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร https://goo.gl/maps/3hdPCro947D2 7. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร หลายคนนิยมเรียกกันว่า “วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์” เดิมมีชื่อว่า “วัดสลัก” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2326 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดสลักพร้อมกับการก่อสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล และสถาปนาวัดนี้ขึ้นเป็น “พระอารามหลวงแห่งแรก” ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ จากนั้นทรงเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดสลักเป็น “วัดนิพพานาราม” ในปี พ.ศ. 2331 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ใช้วัดนิพพานารามเป็นสถานที่ทำสังคายนา และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดพระศรีสรรเพชญ์” ต่อมาในปี พ.ศ. 2346 พระราชทานนามวัดนี้ใหม่อีกครั้งว่า “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร” ตามชื่อวัดในกรุงศรีอยุธยาที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช เมื่อ พ.ศ.2346 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้เรียกวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราชวรมหาวิหารว่า “วัดมหาธาตุ” เนื่องจากวัดที่มีชื่อว่า มหาธาตุ จะมีอยู่ในทุกเมืองของประเทศ เมืองหลวงก็ควรมีด้วย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์อันเป็นส่วนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เพื่อปฎิสังขรณ์วัดมหาธาตุ จึงโปรดให้เพิ่มสร้อยนามพระอาราม เฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชว่า “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์” 3 ถนนท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://maps.app.goo.gl/nwdivDuLUaj9joAy5 8.

 ๑๐ วัด ๑ พิพิธภัณฑ์ ไหว้พระ เสริมสิริมงคล ตลอดปี ๒๕๖๗ อ่านเพิ่มเติม

ก๋วยเตี๋ยวบก คลองสระบัว อยุธยา

กระแสเดินทางท่องเที่ยวตามรอยละครพรหมลิขิตยังคงมาแรง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของ “จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” เพราะในละครได้มีการกล่าวถึงและใช้เป็นสถานที่อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ อีกหนึ่งสิ่งที่มาแรงไม่แพ้กันก็คือการตามรอยเมนูอาหารสุดเย้ายวนในทุกค่ำคืนที่ละครออนแอร์ ซึ่งมีทั้งอาหารคาวและหวาน แต่ละเมนูน่ากินมาก บางเมนูก็เป็นเมนูที่น้อยคนจะรู้จัก ยกตัวอย่างเช่น “ก๋วยเตี๋ยวบก” ก๋วยเตี๋ยวบก เป็นเมนูที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนทำกินกันสักเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะถูกดัดแปลงไปเป็นก๋วยเตี๋ยวลุยสวน หรือเมี่ยงก๋วยเตี๋ยว เพื่อให้กินง่ายขึ้น สำหรับเมนูก๋วยเตี๋ยวบกนั้นประกอบไปด้วย เส้นใหญ่ลวก เนื้อสัตว์ลวก เช่น กุ้ง ไก่ หมู เป็นต้น ตามด้วยกระเทียมเจียว พริกสด จากนั้นนำมาห่อด้วยผักสด เช่น ผักกาดหอม กะหล่ำปลี โหระพา สะระแหน่ เป็นต้น สุดท้ายราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มถั่วลิสง รสชาติจะคล้ายกับยำ แต่จะกลมกล่อมกว่า สำหรับใครที่เดินทางไปเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วสนใจอยากชิมเมนูก๋วยเตี๋ยวบก บัดดี้ขอแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวบก อยุธยา คลองสระบัว บอกเลยว่าก๋วยเตี๋ยวบกร้านนี้ครบเครื่องแบบในละครเลยและที่สำคัญคืออร่อยมาก นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่น ๆ ที่บัดดี้อยากให้ทุกคนไปลิ้มลองด้วย นั่นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวบกสูตรของทางร้าน โดยมีวัตถุดิบคล้าย ๆ กับก๋วยเตี๋ยวบกสูตรโบราณ มีวิธีการทำและรสชาติแตกต่างกัน เป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมี ผัดไทยกุ้งสด บะหมี่จั่นเจาขี้เมา เมี่ยงกุ้ง หอยทอด รับรองเลยว่าจะไม่ผิดหวัง เห็นร้านเล็ก ๆ แบบนี้ ขอแอบบอกว่าออเดอร์แน่นทุกวัน แนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้าก่อน จะได้ไม่พลาดลิ้มลองความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวบกกัน ร้านก๋วยเตี๋ยวบก คลองสระบัว ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 10.00-17.00 น. (เนื่องจากร้านไม่ได้มีวันหยุดที่แน่นอน แนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้า) 08 1407 3631 https://maps.app.goo.gl/4U4s1fUmcNZjNuJj9

ก๋วยเตี๋ยวบก คลองสระบัว อยุธยา อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุด “หาดวนกร” ประจวบคีรีขันธ์

ว่ากันว่า…ไปเที่ยวทะเล ไม่หนีร้อนก็หนีรัก แต่สำหรับบัดดี้แล้วร่างกายต้องการ Vitamin Sea ฉ่ำ ๆ ต่างหาก พูดถึงทะเลประจวบฯ หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงหัวหินบ้าง ปราณบุรีบ้างหากใครชอบความเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ลองมา “หาดวนกร” ที่อุทยานแห่งชาติหาดวนกร ในวันธรรมดาหรือเป็นทริปสั้น ๆ 3 วัน 2 คืนก็ได้นะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์ กินลม ชมวิวริมทะเล ได้ชาร์จพลังกาย พลังใจต้อนรับปีใหม่อีกด้วย หาดอยู่ในการดูแลของอุทยานฯ และเปิดให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำได้ มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ริมทะเลท่ามกลางสวนสนที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม แล้วก็ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ  นอกจากชิลริมทะเลแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง ปั่นจักรยานตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดำน้ำตื้นดูปะการังที่ เกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ แต่กิจกรรมดำน้ำ จะกลับมาเปิดในเดือนกุมภาพันธ์นะคะ แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าค่ะ อดใจรอกันได้เลย สำหรับการเดินทางมาที่หาดวนกร ก็เดินทางได้หลากหลายและสะดวก หากใครขับรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว แต่ถ้ามีเวลาหน่อย ลองเดินทางด้วยรถไฟก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะ โดยขบวนรถไฟที่มาลงสถานีห้วยยาง จะมีวันละ 2 รอบ หากเพื่อน ๆ มาถึงสถานีรถไฟห้วยยางแล้ว สามารถใช้บริการรถจักรยานยนต์ สามล้อรับจ้างได้เลยค่ะ ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร. 06 3142 1121พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JZCD2iMPHwY2ibtV6

ปักหมุด “หาดวนกร” ประจวบคีรีขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

 ถ้ำน้ำลอด มหัศจรรย์ธรรมชาติ ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน

เพื่อน ๆ นึกถึงอะไรกันเมื่อพูดถึง “แม่ฮ่องสอน” หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย วันนี้บัดดี้พาเพื่อน ๆ ไปลุยถ้ำพันปีกันที่ “ถ้ำน้ำลอด” อำเภอปางมะผ้า ถ้ำน้ำลอด หรือ ถ้ำลอด มีที่มาจากลำน้ำลอดผ่านภูเขาทะลุไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำ มีหินงอกหินย้อยเกิดขึ้นมากมาย และพบเครื่องมือเครื่องใช้โบราณซึ่งคาดว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว การเข้าชมถ้ำน้ำลอด ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 350 เมตร ภายในแบ่งออกเป็น 3 ถ้ำด้วยกัน ถ้ำเสาหิน ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน จะมีแพให้เราได้นั่งลอดถ้ำเข้าไป แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าชมเองได้นะคะ เนื่องจากภายในถ้ำมืดมาก ไม่มีการติดตั้งไฟภายในถ้ำ เพื่อเป็นการคงสภาพแวดล้อมภายในถ้ำให้สวยงามและคงเดิมอยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีผู้ชำนาญทางพร้อมไฟฉายเดินนำเข้าไป เรามาดูไฮไลต์กันถ้ำเสาหิน ถ้ำเสาหินจะเป็นถ้ำแรกที่จะได้ชม โดยการนั่งแพไปประมาณ 300 เมตร จากนั้นเดินตามทางขึ้นไปอีกนิดหน่อยจะเจอเสาหินที่ตั้งอยู่ใจกลางถ้ำ ที่เกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกันสวยงามถ้ำตุ๊กตา เป็นถ้ำที่สวยงามที่สุด มีหินงอกหินย้อยสวยงามตลอดทาง บางช่วงจะมีลักษณะรูปร่างคล้ายตุ๊กตาตั้งเรียงรายอยู่ตามพื้นถ้ำถ้ำผีแมน เป็นถ้ำสุดท้าย ภายในมีโบราณวัตถุที่สำคัญหลายอย่าง เช่น ภาชนะดินเผา กระดูกมนุษย์โบราณ และไฮไลต์อีกอย่างคือ โลงผีแมน เป็นโลงศพไม้สักที่เชื่อกันว่าใช้ฝังศพมนุษย์โบราณ การเที่ยวชมถ้ำสามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน และฤดูฝน จะมีเพียงถ้ำที่ 1 เท่านั้นที่เปิดให้เข้าชมได้ ส่วนถ้ำที่ 2 และถ้ำที่ 3 จะปิดในช่วงฤดูฝน เนื่องจากมีปริมาณน้ำสูงขึ้นนั่นเองค่ะ  การเข้าเที่ยวชมถ้ำไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ใครที่สนใจไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเข้าไปแบบเหงา ๆ ที่นี่มีชาวบ้านที่สมัครเป็นคนคอยนำทางและให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวนั่นเอง อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้กับพวกเขาด้วยค่ะ สำหรับแพ 1 ลำ นั่งได้ประมาณ 3-4 คน ใช้เวลาชมความสวยงามภายในถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ค่าบริการ 510 บาท /กลุ่ม 107 หมู่ 1 ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนโทร. 0 5361 7218เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.30 น. https://maps.app.goo.gl/8dXig5xHTaCgYKWr8

 ถ้ำน้ำลอด มหัศจรรย์ธรรมชาติ ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

เที่ยว ‘อยุธยา’ 2 วัน 1 คืน ตามรอยละครพรหมลิขิต

“อยุธยา” ราชธานีเก่าแก่ แม้จะล่วงเลยเวลามาหลายร้อยปี แต่ร่องรอยโบราณสถาน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ของที่นี่ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนมาเที่ยวชมตลอดทุกวัน แถมกระแสละครเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ ยังคงไม่จางหาย คงจะมีแฟนละครคิดถึงกันไม่น้อย บัดดี้เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวตามรอยละครพรหมลิขิตในอำเภอพระนครศรีอยุธยากัน ว่ามีสถานที่ไหนที่เราได้ชมในละครบ้าง จุดแรกของทริปนี้ “วัดไชยวัฒนาราม” เรียกว่าเป็นพิกัดที่มักจะปรากฏอยู่บ่อย ๆ ทั้งในละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ และภาคต่อ ‘พรหมลิขิต’ เลยล่ะ วัดแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่และมีความงดงามมากแห่งหนึ่ง สร้างในปี พ.ศ. 2173 สมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งสร้างขึ้นบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระราชมารดา เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล และต่อมายังใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ด้วย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในวัดไชยวัฒนารามก็คือ ปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่กลางวัด และปรางค์บริวารทั้ง 4 มุม ระเบียงคดมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยตั้งเรียงอยู่ อัตราค่าบัตรเข้าชม ส่วนใครที่สนใจจะเข้าชมวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในความดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ก็มีบัตรเข้าชมรวมสามารถเข้าชมได้ 6 วัด ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ หมู่ 2 ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.https://goo.gl/maps/s5AWGMS2PuMUc3zB9 ถัดมาเราจะพาไปชม “วัดพุทไธศวรรย์” อีกหนึ่งวัดที่มีเหตุการณ์สำคัญของละครเรื่องพรหมลิขิต นั่นก็คือ ‘พิธีจองเปรียง’ ว่ากันว่าพิธีนี้คือต้นแบบการลอยกระทงในปัจจุบันนั่นเอง วัดนี้สร้างขึ้นในบริเวณตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ซึ่งเรียกว่าตำหนักเวียงเหล็ก หรือเวียงเล็ก หลังจากนั้น พระองค์ทรงสร้างพระราชวังใหม่ที่ตำบลหนองโสน (บึงพระราม) จึงทรงสถาปนาสถานที่นี้เป็นวัดพุทไธศวรรย์ เดินเข้ามาด้านในวัดพุทไธศวรรย์ ชม ‘พระมหาธาตุ’ พระปรางค์ประธานองค์ใหญ่ทรงฝักข้าวโพด ซึ่งเป็นแบบนิยมของการสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น ประดิษฐานอยู่กึ่งกลางของอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที มีลักษณะย่อเหลี่ยม และยังมีมณฑป 2 หลัง ภายในมณฑปมีพระประธาน บริเวณรอบพระปรางค์ประธาน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยหลายองค์ตามแนวกำแพงระเบียงคด ฉากนี้ ยังเคยปรากฏในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ตอนที่แม่หญิงการะเกดพบกับอาจารย์ชีปะขาวครั้งแรก มาถึงที่แล้ว ก็ขอเป็นแม่หญิงการะเกดสักหน่อย ด้านในสุดของวัดพุทไธศวรรย์ ยังปรากฏซากโบราณสถานของวิหารหลวง และพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนประดิษฐานอยู่อีกด้วย ตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น.https://maps.app.goo.gl/pH9dfWvCP9vB6Zw เที่ยวชมมาครึ่งวันแล้วไปเติมกำลังกันที่ร้านอาหาร วิววัด อยุธยา ให้บริการทั้งอาหารไทย อีสาน เวียดนาม View Wat Ayutthaya ร้านนี้ เปิดให้บริการ 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นด้านนอก และชั้นสอง เป็นบรรยากาศแบบเรือนไทย มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเจดีย์ประธานของวัดราชบูรณะด้วย นอกจากเรื่องวิวที่เด่นแล้ว เรื่องอาหารก็น่ากินไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ยำใบชะพลูทอด แกงส้มชะอมกุ้งตัวโต ๆ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง น่ากินไปหมดเลย เที่ยวตามรอยละครพรหมลิขิตทั้งที ก็ขอกินตามด้วยแล้วกันกับเมนู ‘ปลาตะเพียนทอดกระเทียม’ จะเห็นได้ว่าในละครเรื่องนี้มีเนื้อหาในยุคการปกครองของพระเจ้าท้ายสระ ซึ่งท่านโปรดเสวยปลาตะเพียนเป็นอย่างมาก และเราก็ได้เห็นแม่นายพุดตานทำปลาตะเพียนทอดกระเทียมมาถวาย แม้ว่าปลาชนิดนี้จะมีก้างเยอะ แต่ถ้าทอดจนกรอบ ก็สามารถกินได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ ร้านอาหารวิววัด อยุธยา37 ซอยชีกุน 2 ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. 08 2899 9196 Facebook : View Wat Ayutthayahttps://maps.app.goo.gl/kaDYY4qe9MKVZZP98 พักจนหายเหนื่อยแล้ว พาเพื่อน ๆ มาชมจุดท่องเที่ยวในเกาะเมืองกันที่ “วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ” เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ เดินเข้ามาด้านใน ชมพระสถูปเจดีย์ที่ตั้งเด่นเรียงกันทั้งสามองค์นี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ 3 พระองค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ในคราวแรกนั้นสร้างเพียงสององค์ และหลังจากนั้นราว ๆ 30 ปี ได้มีการสร้างองค์ที่สามขึ้นมา พระสถูปเจดีย์ทั้งสามองค์เป็นทรงลังกา และมีการสร้างมณฑปขึ้นระหว่างเจดีย์แต่ละองค์ สันนิษฐานว่าสร้างภายหลังในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ที่นี่ก็ยังปรากฏในละครพรหมลิขิตอีกด้วย เป็นตอนที่พุดตานกำลังเดินทางไปไซต์งานของตน โบราณสถานที่สำคัญซึ่งอยู่ติดกับพระสถูปเจดีย์ ในอดีตบริเวณนี้เรียกว่าพระราชวังโบราณหรือพระราชวังหลวง ปรากฏการสร้างพระที่นั่งสำคัญต่าง ๆ มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่การใช้ประโยชน์เป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน โดยเขตพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นสตรี โดยยุคของละครพรหมลิขิต ซึ่งเป็นยุคของพระเจ้าท้ายสระ ที่นี่ก็มีความเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน คือ ‘พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์’ พระที่นั่งแห่งนี้อยู่ท้ายสุดของพระราชวัง สร้างขึ้นกลางสระน้ำขนาดใหญ่ จากข้อมูล บันทึก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ระบุได้ว่าที่แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นที่โปรดประทับของพระเจ้าท้ายสระอีกด้วย เพื่อน ๆ สามารถใช้ประตูด้านหลังพระสถูปเจดีย์ และเดินเข้าไปในเขตพระราชวังโบราณ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ไปยังบริเวณพระที่นั่ง ระหว่างทางยังมีโบราณสถานอีกหลายจุดที่อยู่ใกล้ ๆ ให้เราได้แวะชมอีกด้วย ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท | ชาวต่างชาติ 50 บาท บัตรเข้าชมรวม ชาวไทย 40 บาท | ชาวต่างชาติ 220 บาทhttps://goo.gl/maps/5vkzTUxZoLi3Whf27 ไม่ไกลจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ จะเจอกับ “วัดพระราม” แม้ว่าจะเป็นฉากสั้น ๆ ที่พุดตานเดินทางผ่านวัดนี้เพื่อไปทำงาน แต่ก็เป็นอีกวัดที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม ตั้งอยู่นอกเขตพระราชวัง ตรงข้ามกับวิหารพระมงคลบพิตร และมีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัด ชื่อว่า ‘บึงชีขัน’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” วัดนี้ สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ผู้เป็นพระราชบิดา

เที่ยว ‘อยุธยา’ 2 วัน 1 คืน ตามรอยละครพรหมลิขิต อ่านเพิ่มเติม

River City Bangkok รวมงานนิทรรศการช่วงเดือนเมษายน

หน้าร้อนนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเสพศิลป์ในงานนิทรรศการศิลปะสุด cute! ที่ River City Bangkok ศูนย์รวมศิลปะและนิทรรศการหมุนเวียนที่น่าสนใจในย่านเจริญกรุง ตลอดเดือนเมษายน 2567 นี้ จะมีนิทรรศการอะไรบ้าง ไปชมกัน และถ้าหากมีนิทรรศการใหม่ ๆ มาเพิ่มเติม บัดดี้ก็จะนำมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ อีก กดติดตามไว้ได้เลยนะ ที่สำคัญ แนะนำให้เยี่ยมชมผลงานกันอย่างระมัดระวังด้วยนะ  การเดินทางMRT : มาที่สถานีหัวลำโพง ใช้ทางออก 1 แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์ คนละ 20 บาท มาลงที่ River City Bangkok หรือจะเดินจาก MRT มาก็ได้ ใช้เวลาเดินปะมาณ 15 นาที เรือ : สามารถนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาธงส้มและธงเขียว มาลงที่ท่าเรือสี่พระยา จากนั้น เดินไปยังปลายทาง ระยะทางประมาณ 300 เมตร เยี่ยมชมปราสาทของราชินีชาล็อตตัวน้อย ในนิทรรศการ CHALOTTE’S CASTLE ซึ่งเป็นนิทรรศการครั้งล่าสุดของ Mackcha ที่ครั้งนี้ ได้เนรมิตนิทรรศการให้กลายเป็นปราสาทดินแดนใต้ท้องทะเลสุดมหัศจรรย์ พาเพื่อน ๆ มาร่วมสัมผัสจินตนาการ ชมผลงานอันเป็นสมบัติล้ำค่า ที่เรียกว่าเป็นทั้งความสัมพันธ์ และความทรงจำของศิลปิน ซ่อนอยู่ในผลงานแต่ละชิ้น นอกจากความเพลิดเพลินที่ได้รับชมภายในงานแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถสนุกกันต่อกับแก๊งเพื่อนที่โฟโต้บูทสุดเก๋ที่หน้างานนิทรรศการ หรือชอปสินค้าภายในนิทรรศการได้อีกด้วย จัดนิทรรศการถึงวันที่ 28 เมษายน 2567 RCB Galleria 2 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เดินทางเข้าสู่จักรวาลสีหวานอมเศร้า ไปสัมผัสกับโลกกึ่งจริง กึ่งฝัน กึ่งสุข กึ่งเศร้า มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้สึก ‘ที่เพียงเรารู้’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ Art of Hongtae ศิลปินผู้ลากพู่กัน ลงสีสันบนผลงาน 66 ภาพในนิทรรศการภายใต้ชื่อ SOMEWHERE ONLY WE KNOW ที่จะมาถ่ายทอดหลากหลายความรู้สึกแก่ผู้ชม ผ่านตัวตนของ ‘คนหัวเมฆ’ ผู้ที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้ใครรับรู้ และไม่อาจรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ความมหัศจรรย์ที่บัดดี้ได้ชมในหนึ่ง ๆ ภาพนั้น เราสามารถเห็นได้หลายอารมณ์ ตามการตีความของภาพนั้น ๆ และรับรู้ได้ว่าศิลปะมีอิสระมากกว่าที่เราคิด จึงอยากชวนเพื่อน ๆ มาชมศิลปะอย่างลึกซึ้งด้วยกัน จัดนิทรรศการถึงวันที่ 21 เมษายน 2567 RCB Galleria 4 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ผจญภัยไปยังจักรวาลใบใหม่ของเหล่ามอนสเตอร์ขนฟูสุดน่ารัก ภายในนิทรรศการ TIMELESS MUSE ซึ่งเป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ MRKREME ที่จะพาเพื่อน ๆ ท่องโลก KOOKY WORLD ในโลกที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ขนฟูมากมาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุค 70s และ 80s อีกทั้ง ชวนเพื่อน ๆ มาไขปริศนา คำนิยามของคำว่า ‘เวลา’ ที่แต่ละคนอาจจะมีไม่เท่ากันแม้ว่ากฎแห่งเวลาจะถูกตั้งไว้อย่างเท่า ๆ กัน ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านนิทรรศการผลงานศิลปะภาพวาด ประติมากรรม งานพ่น อาร์ตทอย รวมไปถึงมุมถ่ายรูปสุดชิคอีกหลายจุด บอกเลยว่าสนุกและเพลิดเพลินกันอย่างแน่นอน จัดนิทรรศการถึงวันที่ 28 เมษายน 2567 RCB Photographers’ Gallery ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

River City Bangkok รวมงานนิทรรศการช่วงเดือนเมษายน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top