แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน

Street Art…art on wall EP.2

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว เชียงใหม่.ในภาคเหนือนี้ เราจะเริ่มต้นกันที่เชียงใหม่ ค่ะ เพราะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึง Street Art เก๋ๆ ด้วยค่ะ Street Art ของเชียงใหม่ มีให้เลือกชมอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถกาดสวนแก้ว ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 5 และ 17 ถนนมูลเมือง ซอย 6-7 ถนนราชวิถี ซอย 1 และกำแพงทัณฑสถานหญิงเก่า ซึ่งแต่ละที่ก็มีความอาร์ตที่แตกต่างกันไปค่ะ แม่ฮ่องสอน.ด้วยความที่แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย Street Art ของที่นี่จึงสะท้อนภาพความเป็นอยู่ของชุมชนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ เลยละค่ะ ผลงาน Street Art ของแม่ฮ่องสอน อยู่บริเวณถนนคนเดินแหล่จอมกั๋น ถนนขุนลุมประพาสซอย 3 หลังที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน.ซึ่งผลงานเหล่านี้เกิดจากศิลปินและจิตอาสาจากหลากหลายสถาบัน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานสุดประทับใจให้เราได้ชมกันค่ะ ลำปาง.ลำปาง ปลายทางฝัน บอกเลยว่า Street Art ของที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ เพราะเค้าได้นำสัญลักษณ์เด่นๆ อย่างเช่น ไก่ขาว และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลำปางมาวาดเป็นผลงานศิลปะที่สวยงาม Street Art ของลำปาง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งกาดกองต้า ตั้งแต่เชิงสะพานรัษฎาภิเศก เรื่อยไปจนถึงสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี และบริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งหลังจวนผู้ว่าฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ในกาดกองต้าอีกด้วยค่ะ.ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ไปเดินชม Street Art ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนเย็นๆ ก็สามารถไปเดินเที่ยวถนนคนเดินกาดกองต้ากันได้นะคะ มีสินค้าพื้นเมืองและของกินเยอะมากเลย นครสวรรค์.มาต่อกันที่ จ.นครสวรรค์ ประตูสู่ภาคเหนือกันเลยค่ะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มี Street Art ที่สวยงามไม่แพ้ใคร เพื่อนๆ สามารถไปชมผลงาน Street Art ของนครสวรรค์ ได้ที่บริเวณโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำเทศบาลนครนครสวรรค์ค่ะ บอกเลยว่ามาที่นี่คุ้มเกินคุ้ม เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมงานศิลปะแล้ว ยังจะได้ชมบรรยากาศสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วยนะคะ กาฬสินธุ์.ชม Street Art ภาคเหนือกันมาแล้ว ก็มาชม Street Art ภาคอีสานกันบ้างดีกว่า ที่นี่นอกจากส้มตำปลาร้านัวๆ แล้ว เค้าก็ยังมีศิลปะสวยๆ ให้เราได้ชมกันด้วยนะคะ.อย่างเช่นที่กาฬสินธุ์ Street Art ของที่นี่มีความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะนำเอาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มาบอกเล่าผ่านผลงานศิลปะบนฝาผนัง โดยเน้นสีสันสดใสเพื่อให้รู้สึกสนุกสนานนั่นเองค่ะ  ที่นี่มี Street Art ให้เลือกชมหลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกำแพงอิฐตรงวงเวียนไดโนเสาร์ กำแพงโรงหนังร้าง กำแพงหัวมุมทางเลี้ยวไปบ้านนายกฯ และกำแพงตรงข้ามโรงงานไส้กรอกปลา ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวกาฬสินธุ์ ก็อย่าลืมแวะชม Street Art สวยๆ เหล่านี้นะคะ ร้อยเอ็ด.สำหรับ Street Art ของร้อยเอ็ดนั้น แอดบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.ร้อยเอ็ด เลยทีเดียว และยังเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินมากฝีมือกว่า 50 ชีวิตจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ที่มาร่วมกันรังสรรค์ผลงานไว้ให้เราได้ชมกันค่ะ.หากเพื่อนๆ คนไหนอยากมาถ่ายรูปเช็คอิน ก็สามารถมาได้ที่บริเวณถนนแจ้งสนิท ตรงคูเมืองด้านทิศตะวันตกนะคะ อุบลราชธานี.Street Art ของที่นี่ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนผนังอาคารในย่านเมืองเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม ให้มีสีสันขึ้นมาใหม่ด้วยผลงานศิลปะแนว Graffiti นั่นเองค่ะ และแล้วย่านเมืองเก่าแห่งนี้ก็ถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถไปชมได้ที่ บริเวณทางเข้าตลาดใหญ่ โรงแรมศรีอิสาณ ถนนข้างวัดหลวง ร้านชัยวิตร์เภสัช ซอยข้างร้านเจริญสิน และซอยฝั่งตรงข้ามค่ะ จันทบุรี.เรามาชม Street Art ทางฝั่งภาคตะวันออกกันบ้างดีกว่า ที่ชุมชนหนองบัวหรือชุมชนขนมแปลก จ.จันทบุรี นั่นเองค่ะ ที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ขนมแปลกนะคะ แต่ยังแอบซ่อนงานศิลปะแนว Graffiti และ Street Art ไว้ทุกมุมในชุมชนเลยล่ะค่ะ.และที่สำคัญชุมชนหนองบัวยังมีบ้านเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ ซึ่งนับว่าเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 มีนาคม 2562

Street Art…art on wall EP.2 อ่านเพิ่มเติม

ปางอุ๋ง ดินแดนแห่งเทพนิยาย

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า “ปางอุ๋ง” เป็นสถานที่ที่แอดอยากไปมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย.แอดจึงอยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าจะจริงสมคำร่ำลือหรือไม่  และเมื่อมาถึง แอดไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองเผลอพูดคำว่า “สวยมาก” ไปทั้งหมดกี่ครั้ง เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือสวยมากจริงๆ เป็นความสวยงามที่ยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได และไฮไลท์สำหรับการมาเที่ยวปางอุ๋งก็คือ “การล่องแพไม้ไผ่” เพื่อชมธรรมชาติและบรรยากาศของทะเลสาบในตอนเช้าตรู่ค่ะ ไอหมอกจางๆ ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ล้อมรอบไปด้วยแนวทิวสน ช่างเหมือนกับอยู่ในเทพนิยายยังไงยังงั้น .ยิ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้วละก็ แอดบอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ ฟินมากๆ . การล่องแพจะใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาทีค่ะ ล่องไปเรื่อยๆ รอบๆ อ่างเก็บน้ำ ชื่นชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ ซึมซับบรรยากาศสุดโรแมนติก  ค่าบริการลำละ 150 บาท นั่งได้ 2 คนค่ะ นั่งสบายมากๆ เลย แต่ถ้าใครยังฟินกับบรรยากาศของปางอุ๋งจนไม่อยากกลับแล้วละก็ ที่นี่เค้าก็มีบ้านพักและพื้นที่กางเต็นท์ไว้บริการด้วยค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562

ปางอุ๋ง ดินแดนแห่งเทพนิยาย อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน.ทริปนี้เราจะไปปายกัน แต่ไหนๆ ก็มาถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางไปปายกันสักนิดก็คงไม่เสียหายอะไร ว่าแล้วก็ตามแอดมาเลยจ้า แอดขอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยการนั่งทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขากันที่ “บ้านจ่าโบ่” ค่ะ เค้าว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นจะช้าอยู่ไย สั่งก๋วยเตี๋ยวกันเลย ก๋วยเตี๋ยวของที่นี่มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำใสหรือต้มยำ จะใส่ไข่ต้มหรือไม่ใส่ แล้วแต่ชอบเลยค่ะ.ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยว เราก็สามารถนั่งถ่ายรูปเล่น จิบลม ชมวิวกันได้ตามสบาย ขอบอกเลยว่าวิวที่นี่สวยมาก สมกับที่เค้าว่า “ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบวิวหลักล้าน” เลย.ที่ตั้ง : 1226 ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 16.00 น. หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ “ถ้ำน้ำลอด” ค่ะ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ถ้ำด้วยกัน ซึ่งการเข้าไปยัง 2 ถ้ำแรกเราจะต้องเดินและปีนบันไดที่ค่อนข้างชัน ส่วนการเดินทางไปยังถ้ำที่ 3 จะมีแพให้เราได้นั่งลอดถ้ำเข้าไป.ในถ้ำค่อนข้างมึด แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะเรามีตะเกียงเจ้าพายุเป็นแสงสว่างนำทาง บวกกับมีไกด์ที่น่ารักคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย ระหว่างล่องแพเราสามารถให้อาหารปลาได้ด้วยนะคะ ซึ่งอาหารปลาสามารถซื้อได้บริเวณจุดขายตั๋วค่ะ.แพ 1 ลำนั่งได้ประมาณ 3 คน ค่าบริการล่องแพ พร้อมไกด์ท้องถิ่น ราคา 450 บาท ใช้เวลาชมความสวยงามภายในถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แอดชมเพลินจนลืมเวลาไปเลย นึกว่าเพิ่งเดินได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง  ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น. ชมความมหัศจรรย์อันสวยงามของถ้ำเสร็จแล้ว เราก็ไปรับลมเย็นๆ ชมวิวสวยๆ กันที่ “ดอยกิ่วลม” ค่ะ ซึ่งที่นี่เราสามารถลองเล่นชิงช้ากะเหรี่ยงได้ด้วยนะคะ แอดไปลองมาแล้ว ตอนแรกก็แอบกลัวนิดหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่าวิวดีมาก…..หมายถึงวิวจริงๆ นะ .ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากเพลิดเพลินกับการชมวิวและบรรยากาศที่สวยงามกันแล้ว เราก็ไปสักการะพระพุทธโลกุตระมหามุนี พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ที่ “วัดพระธาตุแม่เย็น” ค่ะ ที่วัดแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน เมื่อมาเที่ยวแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงเวลาเติมพลังกันแล้วค่ะ บอกเลยว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเราจะไม่ยอมหลับถ้าท้องเรายิ่งไม่อิ่ม สำหรับเพื่อนๆ ที่เดินทางมาเที่ยว อ.ปาย สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การชอปของดี ชิมของอร่อย ที่ “ถนนคนเดินปาย” ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อเลือกหากันมากมาย.ที่ตั้ง : ถนนชัยสงคราม ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จัวหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 18.00 – 23.00 น. สำหรับเช้าวันใหม่นี้ เราก็พร้อมออกเดินทางไปยัง “จุดชมวิวหยุนไหล” กันแล้ว ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดฮิตสำหรับคนที่เดินทางมาปาย เพราะนอกจากพระอาทิตย์ที่สวยงามแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับไอหมอกและลมเย็นๆ ในยามเช้าตรู่อีกด้วยค่ะ.หากกลัวว่าจะต้องมาถึงที่นี่แต่เช้าเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วจะหิว ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่เค้ามีร้านอาหารไว้บริการด้วยค่ะ  การเดินทางมายังจุดชมวิวหยุนไหลนั้น ถ้าขึ้นมาก่อน 09.00 น. เราจะต้องจอดรถไว้ที่หมู่บ้านสันติชล และนั่งรถกระบะของชาวบ้านต่อมายังจุดชมวิว ราคาเหมาไป-กลับคันละ 300 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน (แต่ถ้าหลัง 09.00 น. สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ค่ะ).ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อนๆ คนไหนที่หลงใหลในบรรยากาศแบบจีนๆ ต้องแวะที่ “บ้านสันติชล” เลยค่ะ ที่นี่มีอาหารจีนให้เลือกทาน มีมุมสวยๆ ในบรรยากาศจีนๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมาย นอกจากนี้ยังมีชุดแบบในหนังจีนให้เช่าใส่เป็นพร็อปถ่ายรูปอีกด้วยนะคะ โดยราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 100 บาทค่ะ .ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปต่อกันที่ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” สะพานแห่งนี้มีดีอะไร? คำตอบคือ เป็นสะพานที่ดูเก๋และถ่ายรูปสวยสุดๆ ค่ะ.นอกจากนี้สะพานแห่งนี้ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อ อ.ปาย เพราะเมื่อครั้งอดีตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทหารญี่ปุ่นได้ใช้สะพานแห่งนี้ในการลำเลียงเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังประเทศเมียนมา เดิมสะพานแห่งนี้สร้างด้วยไม้ แต่หลังจากสงครามครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารญี่ปุ่นได้เผาสะพานทิ้ง ภายหลังจึงได้มีการสร้างสะพานขึ้นใหม่โดยใช้เหล็กจากสะพานนวรัฐ จ.เชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มาสร้างเป็นสะพานแบบที่เราเห็นทุกวันนี้นั่นเองค่ะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

หลายหลากชาติพันธุ์แห่งเมืองสามหมอก

เวลาไปเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมากจะน้อยเราเป็นต้องได้เห็นเหล่าชนเผ่าที่มีเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า ในแม่ฮ่องสอนมีกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ถึง 12 กลุ่มด้วยกัน คือ ไทใหญ่ ปกาเกอะญอ ลาหู่แชแล ลาหู่แดง เลอเวือะ ม้ง ลูซู จีนยูนนาน โปว์ กะยัน (กระเหรี่ยงคอยาว) กะยา และปะโอ.แน่นอนว่ากลุ่มชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มมีเอกลักษณ์และแตกต่าง ถ้าไม่ศึกษาคงไม่รู้ วันนี้แอดมีเกร็ดความรู้เบื้องต้นในการทำความรู้จักกับกลุ่มชาติพันธุ์ 5 กลุ่มที่เพื่อน ๆ น่าจะพอคุ้นหูมาฝากค่ะ. 1. ชาวไทใหญ่ อาศัยอยู่ในแม่ฮ่องสอนมานานกว่า 150 ปี เราพบชาวไทใหญ่ได้ในทุกอำเภอ ยกเว้นอำเภอสบเมย จุดเด่น– ประเพณีปอยส่างลอง ปอยเหลินสิบเอ็ด บูชาจองพารา– ชาวไทใหญ่มักใส่กุ๊บไต หรือหมวกสาน– อาหารไทใหญ่แสนอร่อย เช่น น้ำพริกถั่วเน่า ข้าวส้ม ข้าวกั๊นจั๊น แกงอุ๊บ ขนมส่วยทะมิน เป็นต้น. 2. ชาวปกาเกอะญอ เป็นชนกลุ่มหนึ่งในตระกูลกะเหรี่ยง เป็นกลุ่มที่มีประชากรมากที่สุด อาศัยกระจายตัวอยู่ในทุกอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน  จุดเด่น– ผ้าทอกะเหรี่ยง เป็นงานฝีมือที่มีชื่อเสียงของชาวปกาเกอะญอ.  3. ชาวม้ง แต่เดิมอาศัยอยู่ในประเทศจีน ต่อมาอพยพมาอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย รวมถึงแม่ฮ่องสอน เราพบชาวม้งได้ที่บ้านห้วยมะเขือส้ม อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน  จุดเด่น– ผ้าปักชาวม้งที่มีลวดลายสวยงามและประดับประดาด้วยเครื่องเงิน– การละเล่นโยนลูกช่วงหรือ “จุเป๊าะ” ของหนุ่มสาวในช่วงงานปีใหม่ม้ง เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อมิตรภาพ และยังเป็นการหาคู่ของหนุ่มสาวอีกด้วย. 4. ชาวจีนยูนนาน โดยทั่วไปเราจะนึกถึงชาวจีนที่มาจากมณฑลยูนนานของประเทศจีน แต่ชาวจีนยูนนานในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นชาวจีนยูนนานที่สืบเชื้อสายมาจากครอบครัวของอดีต “กองกำลังทหารจีนคณะชาติ” ซึ่งเคยเข้ามาตั้งฐานที่มั่นอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย จุดเด่น– ชาจีน และอาหารจีนยูนนาน เช่น ขาหมูยูนนาน ทานคู่กับหมั่นโถวร้อนๆ ผัดยอดลันเตา หมูพันปี และลาบยูนนาน เป็นต้น ใครอยากรู้ว่าอาหารจีนยูนนานจะอร่อยแค่ไหน ต้องไปเที่ยวที่หมู่บ้านสันติชล อำเภอปาย. 5. ลาหู่แชแล หรือลาหู่ดำ เป็นชนกลุ่มหนึ่งในตระกูลลาหู่ เราจะพบชาวลาหู่แชแลได้ที่บ้านจ่าโบ่ บ้านบ่อไคร้ และบ้านลุกข้าวหลาม ในอำเภอปางมะผ้า จุดเด่น– การเต้นจะคึ ชาวลาหู่แชแลนับถือจิตวิญญาณและผีบรรพบุรุษ มีประเพณีทำบุญ ไหว้ผีบรรพบุรุษ และประเพณีปีใหม่ลาหู่ ซึ่งในพิธีต่างๆ จะมีการเต้นจะคึ เพื่อสร้างขวัญกำลัง– เครื่องดนตรี “แคนน้ำเต้า” ชาวลาหู่เชื่อว่าตัวเองถือกำเนิดมาจากน้ำเต้า เครื่องดนตรีอย่างแคนจึงมีน้ำเต้าเป็นองค์ประกอบหลัก.แอดหวังว่าเพื่อนๆ จะรู้จักกลุ่มชาติพันธุ์มากขึ้น และถ้ามีโอกาสไปเที่ยวจังหวัด #แม่ฮ่องสอน ลองไปเที่ยวชุมชน เรียนรู้วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ดูนะคะ จะได้เที่ยวแม่ฮ่องสอนได้อย่างสนุกและมีความรู้มากยิ่งขึ้นค่ะ

หลายหลากชาติพันธุ์แห่งเมืองสามหมอก อ่านเพิ่มเติม

แม่ฮ่องสอน ชื่อนี้มีที่มา

หลายคนคงจะเคยสงสัยกับชื่อจังหวัดว่า “แม่ฮ่องสอน” แต่ละคำมีความหมายว่าอะไร แม่สอนอะไร? ฮ่องคืออะไร? วันนี้แอดเลยจะมาไขข้อสงสัยให้เพื่อน ๆ ได้รู้กัน.ตำนานเมืองแม่ฮ่องสอนกล่าวไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2374 สมัยเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในขณะนั้น ทราบมาว่าทางด้านตะวันตกของเมือง มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ป่าทึบ และมีช้างป่าชุกชุม จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา นำไพร่พลช้างต่อ และควาญช้าง ออกไปจับช้างป่ามาใช้งาน เส้นทางก็คือไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเชียงใหม่ ลัดเลาะตามลำห้วยผ่านหมู่บ้านเวียงปาย หรืออำเภอปายในปัจจุบัน จากนั้นเดินทางลงมาทางทิศใต้ตามแม่น้ำปาย จนถึงบริเวณเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบัน ซึ่งในขณะนั้นมีชุมชนเล็ก ๆ อาศัยอยู่ เจ้าแก้วเมืองมาเห็นว่าบริเวณตรงนี้มีทำเลดี เป็นที่ราบ มีร่องลำธาร เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนและฝึกสอนช้าง.หลังจากที่คล้องช้างและฝึกสอนจนสามารถใช้งานได้ เจ้าแก้วเมืองมาจึงเดินทางกลับยังเมืองเชียงใหม่ และเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า “บ้านแม่ฮ่องสอน” อันหมายถึง ร่องน้ำสำหรับฝึกช้าง หรือร่องสอนช้าง นั่นเอง.แม่ฮ่องสอน เต็มไปด้วยขุนเขาสลับซับซ้อนสุดสายตา และปกคลุมด้วยม่านหมอกตลอดปี จนได้ฉายาว่า “เมืองสามหมอก” เพราะไม่ว่าจะไปเที่ยวฤดูไหนก็จะได้เห็นหมอกที่เมืองแม่ฮ่องสอนเสมอ

แม่ฮ่องสอน ชื่อนี้มีที่มา อ่านเพิ่มเติม

ดอยพุ่ยโค : แม่ฮ่องสอน

ดอยพุ่ยโค หรือ ดอยพุยโค หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ดอยพุย ตั้งอยู่ที่บ้านอุมดาเหนือ ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,406 เมตร การขึ้นไปบนดอยนั้น รถทุกชนิดไม่สามารถขึ้นไปได้ ต้องใช้การเดินเท้าเท่านั้น ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาราว 30-40 นาที  บนดอยพุ่ยโคมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับทะเลหมอกในตอนเช้า และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมทั้งยังสามารถกางเต็นท์นอนค้างคืน เพื่อรอชมดาวในตอนค่ำได้อีกด้วย อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปนั่นก็คือ “ต้นเดียวดาย” ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างเดียวดาย รอให้นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชม นอกจากนี้ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ทุ่งหญ้าบนดอยยังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม มองแล้วสวยงามแปลกตาทีเดียว สำหรับผู้ที่อยากกางเต็นท์บนดอยพุ่ยโคต้องนำเต็นท์มาเอง รวมทั้งอาหารด้วย เนื่องจากด้านบนไม่มีบริการให้เช่าเต็นท์ และไม่มีร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกด้านบนมีเพียงห้องสุขาเท่านั้น ซึ่งปริมาณน้ำก็มีจำกัด ต้องใช้น้ำอย่างประหยัดด้วยนะ ใครที่จะมากางเต็นท์แล้วมีของเยอะ กลัวแบกขึ้นมาไม่ไหว ก่อนขึ้นดอย สามารถติดต่อขอใช้บริการลูกหาบกับชาวบ้านที่ตีนดอยได้ แต่ราคาต้องตกลงกันเองนะ ^^ ก่อนหน้าหนาวจะหมดไป ใครที่ยังอยากสัมผัสอากาศหนาว ชมหมอก ชมดาว แอดว่าดอยพุ่ยโคก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะ ดอยพุ่ยโคที่ตั้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอนติดต่อลูกหาบหรือรถรับส่ง 097 272 7693 (พี่ชาติชาย)

ดอยพุ่ยโค : แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

วัดพระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน

วัดพระธาตุดอยกองมู เปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างเต็มตาอีกด้วย ตามประวัติกล่าวกันว่า วัดพระธาตุดอยกองมูสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2403 โดยนายจองต่องสู่และภรรยาได้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นเพื่อบรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า  ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ.2417 โดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นวัดสำคัญประจำเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมเรียกว่าวัดปลายดอย ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระธาตุดอยกองมู ตามชื่อของสถานที่ตั้งวัด การไหว้พระธาตุดอยกองมู สามารถใช้เครื่องสักการะที่ทางวัดจัดไว้ให้ด้วยความหมายอันเป็นมงคล โดยทำบุญเข้าวัดตามศรัทธา จากนั้นเดินเวียนขวารอบพระธาตุ 3 รอบ เสร็จแล้วนำพานดอกไม้ธูปเทียนไปวางไว้ เพื่อสักการะพระประจำวันเกิดซึ่งประดิษฐานอยู่รอบเจดีย์ เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระธาตุดอยกองมู จะช่วยให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเสริมโชคชะตาราศีแก่ตนเองและครอบครัวให้มีชีวิตที่รุ่งเรืองในภายภาคหน้า จากวัดพระธาตุดอยกองมู สามารถมองเห็นภูมิประเทศและตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างสวยงามชัดเจน ซึ่งผู้ที่มาที่วัดนี้ นอกจากจะมาทำบุญแล้ว ยังนิยมขึ้นมาชมวิวอีกด้วย นอกจากนี้ที่วัดนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญประจำปีต่างๆ ของจังหวัด เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันออกพรรษาที่จะมีการตักบาตรดาวดึงส์ อันเป็นประเพณีที่น่าสนใจของแม่ฮ่องสอน วัดพระธาตุดอยกองมูเปิดทุกวันตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. การเดินทางจากอนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 150 เมตร สังเกตป้ายพระธาตุดอยกองมูทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป จะเป็นทางลาดยางขึ้นเขาไปอีก 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัด พิกัด : https://goo.gl/maps/QUP1ZaK1zsN2

วัดพระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา

“วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา” ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติวัดคร่าวๆ กันก่อน  วัดพระธาตุแม่เย็น เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองปายมาช้านาน สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏแน่ชัด ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่ อุโบสถ ซึ่งมีลักษณะผสมผสานศิลปะล้านนาและพม่า และเจดีย์ทรงระฆังแบบพม่า ที่ตั้งอยู่ด้านหลังอุโบสถ เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขาจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองปายได้ แต่…จุดนี้ก็ยังไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดสำหรับชมวิว สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆ แล้ว จะทำอะไรต้องทำให้สุด เพราะฉะนั้นเดินต่อกันซักหน่อยจะเป็นไร ไปที่จุดชมวิวกันต่อเลยดีกว่า จะชมวิวสวยๆ มันก็ต้องลงทุนกันหน่อย เดินขึ้นบันไดไปเลยไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะเหนื่อยแน่นอน ฮ่าๆๆ ล้อเล่น เดินไม่ไกลมากหรอก พร้อมมั้ย? ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเลย จุดหมายอยู่อีกไม่ไกล เริ่มเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้ว ปะ เดินต่อ! ถึงแล้ว แวะสักการะ”พระพุทธโลกุตระมหามุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ สามารถมองเห็นได้แต่ไกลเลย แม้ตอนเดินขึ้นมาอาจจะเหนื่อยหอบ แต่พอได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์สดชื่นแบบนี้ มันทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ หายเหนื่อยแล้ว ก็มาชมความงามของทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองปายกัน อย่าลืมหยิบกล้องคู่ใจมาถ่ายภาพเก็บไว้กลับไปอวดเพื่อนๆ กันด้วยนะ ที่จุดชมวิวแห่งนี้เราสามารถชมทัศนียภาพของอำเภอปายได้อย่างกว้างไกลสุดสายตาแบบพาโนรามา โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมก็คือ ช่วงเช้า และช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ตกนั่นเอง วัดพระธาตุแม่เย็น ตั้งอยู่บนภูเขาทางด้านทิศตะวันออกของอำเภอปาย หลังหมู่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย การเดินทางขึ้นไปยังวัดมีอยู่ 2 วิธี คือจะขับรถขึ้นไปก็ได้ หรือจะเดินขึ้นทางบันไดพญานาคเป็นการออกกำลังกายก็ดี วัดพระธาตุแม่เย็นเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. การเดินทางห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 2 กิโลเมตร เลยทางเข้าน้ำตกแม่เย็นประมาณ 100 เมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/Ddq3cenuQU52

วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา อ่านเพิ่มเติม

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา

1. เขาโปกโล้น ร่องเขานครชุม จ.พิษณุโลก เขาโปกโล้น ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลหมอก ระยะทางเดินขึ้นไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที ถ้าโชคดีในช่วงเช้าเราจะเห็นทะเลหมอก ซึ่งในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกทุกวันเลยนะ แต่ถ้าไม่มีหมอก เราก็ถ่ายรูปกับเขาก็ได้ สวยเหมือนกัน ฮ่าๆ และตามเส้นทางเดินยังมีจุดสำคัญให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นบ่อเสือตก น้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำผาปอง เป็นต้น  สำหรับที่พัก แอดแนะนำให้พักที่โฮมสเตย์ในอำเภอนครชุม เพราะเราจะต้องตื่นเช้า ประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขาโปกโล้นกัน ราคาโฮมสเตย์ 450 บาท/คน มีอาหารให้ 2 มื้อ คือมื้อเย็นและมื้อเช้า  ถ้าหากพร้อมแล้วและสนใจพิชิตทะเลหมอกติดต่อ อบต.นครชุม โทร 055 009 808 การเดินทาง ไปตามเส้นทางพิษณุโลก-นครไทย จากนั้นขับรถไปที่ตำบลนครชุม ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 100 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/qfZa5MPvr8Q2 2.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูป ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ท่ามกลางหุบเขาและวิวทะเลหมอกแบบนี้  นั่งถ่ายรูปสวยๆ กินบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ เติมพลังกันให้เต็มที่ไปเลย บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอปายประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าใครที่ไปเที่ยวปาย ก็อย่าลืมแวะไปด้วยนะครับผม การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางอำเภอปางมะผ้า จนถึงแยกจุดตรวจแม่ละนา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1226 อีก 3.5 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่พิกัด : https://goo.gl/maps/yvUfLiyGYex 3.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน สำหรับเขื่อนรัชชประภานั้น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ภายในทะเลสาบเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา สวยงามลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาให้เราเข้าไปชมเลยล่ะ  ไปยืนถ่ายรูปที่หัวเรือ โพสท่าเก๋ๆ คู่กับภูเขาหินปูน เอามาไว้โพสต์อวดเพื่อนๆ ในโซเชียล กิจกรรมที่น่าสนใจ– นอนเล่นกลางแพชมวิวทะเลสาบ อ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ – ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ– พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว– ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางจากอำเภอเมืองฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/kXnARbdFFuv 4.เสม็ดนางชี จ.พังงา มาพังงาทั้งที ถ้าไม่ได้ไปเสม็ดนางชีถือว่าพลาด ถ้ามีโอกาสแอดอยากจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวสุดประทับใจ ถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์สวยๆ ที่นี่ซักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างแรมเพื่อรอชมกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้า และเมื่อเช้าวันใหม่อันสดใสมาถึง ทิวทัศน์ของตะวันขึ้นที่อ่าวพังงาก็จะติดตาตรึงใจเพื่อนๆ ไปอีกนาน ด้านบนมีร้านอาหาร มีเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราได้เลือกทานอย่างหลากหลาย  หรือจะชมแสงสุดท้ายยามเย็น พร้อมนั่งทานอาหารสุดอร่อย ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม ขอบอกเลยว่าจะทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ การเดินทางจากตัวเมืองพังงา ใช้เส้นทางพังงา-โคกกลอย เข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/CFH2LK5vscQ2 5.ม่อนครูบาใส อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า วิวภูเขา และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนอีกด้วย สามารถถ่ายรูปสวยๆ กับวิวสุดอลังการเก็บไปชมได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ขึ้นไปให้เรียบร้อยนะครับ การเดินทางแนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะช่วงนี้หน้าฝน ถนนอาจจะมีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง และควรสอบถามกับทางอุทยานฯ ก่อนไปนะครับ ว่าเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าฝนไม่ตกติดต่อกันหลายวัน ก็สามารถขึ้นได้ครับผม การเดินทางจากตัวเมืองตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 105 (เส้นทางแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่จุดตรวจแม่สลิด ซึ่งเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ (ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชัน รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/5nbbC1GW7b42 6.ดอยหัวหมด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ  ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น.  ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ ถ่ายรูปกันได้เรื่อยๆ เลยล่ะ การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะหละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/V1k4MoZt7FD2 7.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวยอลังการมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่องอวตารกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการ หรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกและธรรมชาติที่สวยงามบริเวณนั้น และยังสามารถรอชมฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. ได้อีกด้วยนะ หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร.

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทางพา Go Local : แม่กำปอง ลองแล้วจะรัก

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : แม่กำปอง ลองแล้วจะรัก แม่กำปองเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนหุบเขา ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี (ภาพนี้ถ่ายจากจุดชมวิวหมู่บ้านแม่กำปอง) การเดินทาง– จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1141 ตรงต่อไปยังทางหลวงหมายเลข 1317 จากนั้นวิ่งเข้าทางหลวงหมายเลข 3005 ไปทางตำบลห้วยแก้ว ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก จนถึงหมู่บ้านแม่กำปอง ระยะทางรวม 55 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – จากตัวเมืองเชียงใหม่ ทางฝั่งถนนช้างเผือกและตลาดวโรรส ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด) แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3005 ก็ได้เช่นกัน ใครๆ ก็มาเที่ยวแม่กำปอง แต่หลายคนมาไม่ถึงที่นี่ “วัดคันธาพฤกษา” (วัดแม่กำปอง) แหล่งท่องเที่ยวสุด Unseen  วัดคันธาพฤกษาเป็นวัดเก่าแก่ของชุมชน ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีจุดเด่นอยู่ที่อุโบสถซึ่งตั้งอยู่กลางลำธารธรรมชาติของสายน้ำแม่กำปองที่ไหลผ่านหมู่บ้าน โดยอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นตามดำริของเจ้าอาวาสรูปแรกที่ต้องการให้มีอุโบสถกลางน้ำตามคติของลังกา ซึ่งใช้น้ำเป็นขอบเขตของการทำสังฆกรรมเช่นเดียวกับการปักใบเสมารอบอุโบสถนั่นเอง สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ วิหารที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง แกะสลักลวดลายงดงามตามแบบล้านนา หลังคาวิหารปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและมอสสีเขียวเต็มไปหมด เนื่องจากสภาพความชื้นและอากาศที่เย็นตลอดทั้งปีของบ้านแม่กำปองนั่นเอง ดูสวยงามและมีมนต์ขลังมากๆ มาเที่ยวแม่กำปองช่วง Green Season ทั้งที ต้องไม่พลาดมาเล่น มาแช่ และมาถ่ายภาพสวยๆ กันที่ “น้ำตกแม่กำปอง” แหล่งน้ำที่สำคัญของชุมชน น้ำตกน้ำจะไหลลงมาเป็นสายต่อเนื่องไปเป็นลำธารให้ชาวบ้านได้ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และใช้ในการเกษตรกันด้วย น้ำตกแม่กำปองมีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน แต่น้ำตกชั้นบนๆ มีความลาดชันมากจึงไม่สามารถเล่นน้ำได้ ใครอยากเล่นน้ำชิลล์ๆ แนะนำให้เล่นได้ที่แอ่งน้ำของน้ำตกชั้นล่างๆ เลย บรรยากาศร่มรื่นมาก บ้านแม่กำปอง มีชาวบ้านเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันกว่า 100 ปีแล้ว ส่วนใหญ่อพยพมาจากอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อเข้ามาทำสวนเมี่ยงเป็นอาชีพ  ใบเมี่ยงกับวิถีชีวิตของชาวบ้านแม่กำปองนั้นแยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ เพราะนอกจากการทำสวนเมี่ยงจะเป็นหนึ่งในอาชีพหลักของที่นี่แล้ว ชาวบ้านก็ยังชอบกินเมี่ยงคู่กับชากาแฟอีกด้วย จนเป็นที่มาของคำว่า “จิบชา ชิมเมี่ยง” ซึ่งชาของบ้านแม่กำปองนั้นจะมีมีรสชาติหวานหอมละมุนลิ้น เมื่อทานคู่กับเมี่ยงหมักจะทำให้กลมกล่อมมากขึ้น นอกจากนี้คนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านยังเล่าให้เราฟังอีกด้วยว่า เมื่อก่อนในบริเวณหมู่บ้านจะมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองแดงขึ้นอยู่ตามริมลำธาร เรียกว่า “ดอกกำปอง” หมู่บ้านแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “บ้านแม่กำปอง” ตามชื่อของดอกไม้นั่นเอง พามาดูผลิตภัณฑ์ของชุมชนกันบ้าง…ที่บ้านแม่กำปองมีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กาแฟสดอราบิก้า ชาเขียวใบเมี่ยง สมุนไพรพื้นบ้าน น้ำผึ้งธรรมชาติ เครื่องจักสาน เครื่องเรือนไม้ไผ่ และหมอนสมุนไพรใบชา แต่ที่แอดภูมิใจนำเสนอก็คือ “หมอนสมุนไพรใบชา” หมอนสมุนไพรใบชา ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ขายดิบขายดี ใครมาก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นของฝากกันทั้งนั้น  หมอนใบชาเกิดจากภูมิปัญญาของกลุ่มแม่บ้านแม่กำปอง ที่นำเอาใบชาแก่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วมาเพิ่มมูลค่า โดยขั้นตอนเริ่มจากนำใบชาแก่มาตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำไปอบแห้งอีกครั้งเพื่อไล่ความชื้น และนำมาเย็บใส่เป็นไส้หมอนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอนอิง หมอนข้าง หมอนรองคอ หรือเย็บเป็นถุงดับกลิ่นอับชื้นในรถหรือในตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วย  ลักษณะเด่นของหมอนใบชาก็คือจะมีกลิ่นหอม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และทำให้หลับสบายอีกด้วย

เพื่อนร่วมทางพา Go Local : แม่กำปอง ลองแล้วจะรัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top