กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

✨ท่าน้ำนนท์ : ลัดเลาะริมน้ำ ตะลุยกินของอร่อยเมืองนนท์✨

👉ท่าน้ำนนท์ หรือ ท่าน้ำนนทบุรี อาจจะคุ้นชื่อกันดี เป็นจุดหมายปลายทางของเส้นทางเรือสุดสายที่มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย นับว่าเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดนนทบุรี และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ย่านนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านที่มีร้านอร่อยต้องมาลองมากกว่า 10 ร้าน รับประกันความอร่อยแบบจัดหนักจัดเต็มแน่นอนค่ะ วันนี้เราจะไปลัดเลาะสถานที่ท่องเที่ยวริมน้ำ และกินร้านเด็ดร้านไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย 😘 ✨หอนาฬิกา✨ หอนาฬิกาท่าน้ำนนท์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500 โดยกระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งหอนาฬิกาสาธารณะขึ้นในเขตเทศบาลเมืองนนทบุรี เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ดูเวลาเมื่อเดินทางสัญจรไปมานั่นเองค่ะ จนตอนนี้ได้เป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาวนนทบุรีไปแล้ว นับว่าเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายของชาวนนทบุรีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หอนาฬิกานี้มีความสูง 17 เมตร มีหน้าปัดนาฬิกา 4 ด้าน บนสุดของหอนาฬิกามีรูปปั้นไก่อยู่ข้างบน ถ้าเห็นแบบนี้ก็ถือว่ามาถึงแล้วนะ 😊 🌐 https://goo.gl/maps/tnXhQDVT4yihwE5B8 ✨พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี ✨ ตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำนนท์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออกเดิมเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรี มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เรือนไม้เป็นไม้สักสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์ฯ ได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจะแนะนำเกี่ยวกับจังหวัดนนทบุรีและประวัติของศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ส่วนชั้นบนจะจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรีด้วย สำหรับใครที่สนใจมาชมกันได้ 👉 ภายในพิพิธภัณฑ์ ห้ามถ่ายรูปนะคะ ⏰ วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.⏰ วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-18.00 น.🌐 https://goo.gl/maps/C5bW49JrndxWphAr9 ✨ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า เจ้าแม่ทับทิม (ท่าน้ำนนท์ )✨ ไม่ไกลกันมากนัก เราเดินผ่านศาลากลางหลังเก่าไปจนสุดทาง คือ ศาลเจ้าพ่อปึงเถ่ากงม่าเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองวัดบางขวาง มีอายุราว 100 ปี ภายในมีรูปปั้น เจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นเทพธิดาที่ได้ความเคารพนับถือจากชาวเรือและชาวประมง มีความเชื่อว่าผู้ที่ศรัทธาและเข้ามาสักการะ อธิษฐานที่ศาลแห่งนี้จะสมความปรารถนาในเรื่องของการทำมาค้าขายนั่นเอง 📌ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี⏰เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00 – 16.00 น. (ปิดวันเสาร์และอาทิตย์)🌐 https://goo.gl/maps/Km8obNLWhoyvRTR88 Cook and Coff เรือนจำบางขวาง  พูดถึงร้านอาหารหรืออยากหาอะไรกินมื้อกลางวัน ทีนี่นับว่าเป็นอีกร้านที่น่าสนใจอย่างมากเลยค่ะ หากได้ยินแค่ชื่อร้านอาจจะน่าตื่นเต้นหน่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วชื่อของร้านคือคำว่า cook ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า “คุก“ ในภาษาไทย นั่นเพราะอยู่ในพื้นที่ของเรือนจำบางขวาง ของกรมราชทัณฑ์นั่นเองค่ะ ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย บรรยากาศดีมาก ลมพัดเย็นสบาย ภายในร้านมีพื้นที่กว้างขวาง มีโซนห้องแอร์และ Open air ริมน้ำให้เลือกนั่ง Cook and Coff เรือนจำบางขวาง  เมนูอาหารของทางร้านมีหลากหลายให้เลือกสั่ง ทั้งอาหารคาว เครื่องดื่ม ของหวานที่ต้องลองคือ กล้วยทอดและขนมถ้วย รสชาติใช้ได้เลยล่ะ พนักงานที่คอยให้บริการเป็นผู้ต้องขังที่ปฏิบัติดี ใส่ใจและดูแลดีด้วยค่ะ ทำหน้าที่บริการลูกค้าทุก ๆ ส่วน ทั้งพ่อครัวทำอาหาร เสิร์ฟ รวมถึงมีร้องเพลง เล่นดนตรีสดให้ลูกค้าที่เข้ามาฟังได้อย่างเพลิดเพลิน  นอกจากโซนอาหารแล้ว ภายในบริเวณ out door ได้จัดซุ้มกิจกรรมให้ลูกค้าได้มาร่วมสนุกด้วย อย่างกิจกรรมปาลูกโป่ง ยิงปืนแลกของรางวัลค่ะ 22 หมู่ 3 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีเปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.https://goo.gl/maps/5FFTZ9PJRbeVp1kf9 ขนมฝรั่งแม่ไน้ ขนมฝรั่งแม่ไน้ ร้านขนมไข่อบเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 40 ปี ใครชอบกินขนมต้องมาลอง ด้วยรสชาติของขนมที่หวานกลมกล่อมกำลังดี แถมยังกรอบนอกนุ่มใน และทำสดใหม่ทุกวัน จึงทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านขนมขึ้นชื่อที่ไม่ว่าใครก็รู้จักและอยากลิ้มลอง เพื่อนๆ สามารถซื้อกลับบ้านไปกินคู่กับกาแฟได้นะคะ รับรองอร่อยแน่นอน  ตลาดสดเทศบาลนครนนทบุรี ถนนประชาราษฎร์ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.https://goo.gl/maps/y86iBN72f2mWbY9E7 นนท์ เบเกอรี  นนท์เบเกอรี่ เป็นร้านขายขนมที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งของท่าน้ำนนท์ เพราะมีขนมให้เลือกซื้อมากมาย แถมพนักงานยังยิ้มแย้มเป็นกันเอง น่ารักสุดๆ  สำหรับขนมที่ห้ามพลาดและอยากให้ลองก็คือ เอแคลร์ ขอบอกเลยว่า ต้องไปให้ทันเพราะหมดไวมาก ขนมปังหน้าหมูสับไข่เค็ม และคุกกี้งาดำก็อร่อยไม่แพ้กัน  ริมถนนประชาราษฎร์ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.https://goo.gl/maps/aHafUmCGQkrbpNTQ6 ทะเลทอดซีฟู้ด สายทอดกรอบมาทางนี้ ร้านทะเลทอดซีฟู้ดนับว่าเป็นอีกร้านเด็ดต้องห้ามพลาด อาหารทะเลชุบแป้งทอด กรอบ ๆ สดใหม่ทุกวัน มีทั้งกุ้งทอด ปลาไข่ทอด หมึกทอดมาพร้อมกับน้ำจิ้มแซ่บ ๆ กินตอนยังร้อนบอกเลยเกินต้านมากค่ะ สำหรับใครที่อยากลอง รีบไปกันตั้งแต่ร้านเปิดเลยนะ เพราะคิวยาวมาก ราคายังเป็นกันเองอีกด้วย เริ่มต้นที่ 10 บาท ริมเขื่อนหอนาฬิกา ท่าน้ำนนท์ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรีเปิดทุกวัน เวลา 15.30 – 18.00 น.โทร. 09 5273 2391https://goo.gl/maps/MCqWd7t9Nf9FUofG6 ข้าวผัดโบราณป้าอ้วน ร้านข้าวผัดโบราณที่ทำเอาลูกค้าติดอกติดใจ ด้วยความอร่อยที่ยาวนานถึง 60 ปี ตั้งแต่รุ่นแม่ตกทอดสู่รุ่นลูก ทำให้ลูกค้าก็ยังเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบัน ข้าวผัดโบราณร้านนี้เป็นสูตรดั้งเดิม เพราะเป็นการผัดข้าวใส่ซีอิ๊ว ไม่มีเนื้อหมูหรือกุ้ง แต่จะกินคู่กับเครื่องเคียงอย่างทอดมัน ไข่ดาว กุนเชียง มีผักคะน้าและหอมใหญ่ รสชาติกลมกล่อม หวาน เค็มและเปรี้ยวกำลังพอดีในแต่ละวันที่ร้านเปิด ต่างมีลูกค้ามารอซื้อข้าวผัดกันเต็มเลยล่ะ เพราะอร่อยจริงแถมราคาน่ารักอีกด้วย ข้าวผัดราคา 35 […]

✨ท่าน้ำนนท์ : ลัดเลาะริมน้ำ ตะลุยกินของอร่อยเมืองนนท์✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ บางรัก ย่านสถาปัตยกรรมดี อาหารอร่อย ✨

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อนๆ มาเดินชิมอาหารและชมตึกเก่าในย่านบางรัก ย่านเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยและมีตึกสวย ๆ ให้มองอยู่ตามข้างทางหลายตึก แถมยังเดินทางง่ายด้วยขนส่งสาธารณะ หากวันหยุดนี้ ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนหรือจะกินอะไรดี ลองมาตามรอยที่บัดดี้นำเสนอในวันนี้ได้เลย วิธีเดินทางมาย่านบางรัก สามารถเดินทางได้ง่าย ๆ โดยการใช้บริการ BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ทางออกที่ 3 เดินมาทางถนนเจริญกรุงประมาณ 200 เมตร ซึ่งสถานที่ที่บัดดี้จะมานำเสนอวันนี้ได้แก่ 1. ขาหมูตรอกซุง2. ประจักษ์เป็ดย่าง3. โจ๊กปริ้นซ์ บางรัก4. อาสนวิหารอัสสัมชัญ5. ตรอกกัปตันบุช (ซอยเจริญกรุง 30)6. Thai Bus Food Tour 1. ขาหมูตรอกซุง ร้านขาหมูขึ้นชื่อที่อยู่คู่บางรักมานานกว่า 40 ปี ข้าวขาหมูร้านนี้ น้ำราดรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป กลมกล่อมกำลังดี กินคู่กับผักกาดดองและพริกน้ำส้มที่เผ็ดนิด ๆ อร่อยเข้ากัน สามารถสั่งไข่พะโล้หรือไส้หมูมาเพิ่มได้ด้วย นอกจากขาหมู ทางร้านยังมีซุปให้สั่งมาซดให้คล่องคอแก้เลี่ยนได้ โดยในวันจันทร์และวันพุธจะมีแกงจืดมะระ ส่วนวันอังคารและวันพฤหัสบดีจะมีแกงจืดไชเท้า  106/5 ถนนเจริญเวียง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร (ซอยตรงข้ามโรบินสันบางรัก)เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)0 2235 4930https://goo.gl/maps/9MUwNbEFKsN2 2. ประจักษ์เป็ดย่าง อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ของย่านบางรัก ที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2452 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 110 ปีแล้ว ปัจจุบันดำเนินกิจการโดยทายาทรุ่นที่ 4 ตัวร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรบินสัน สาขาบางรัก มีสองชั้น นั่งได้เยอะพอสมควร เป็ดย่างของทางร้าน นุ่ม หอม น้ำราดอร่อย จะลองสั่งข้าวหน้าเป็ดหรือบะหมี่หน้าเป็ดก็อร่อยไม่แพ้กัน 1415 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น. 0 2234 3755https://goo.gl/maps/HMfEFKeWwD92 3. โจ๊กปริ้นซ์ บางรัก หากใครคิดว่าสองร้านที่แนะนำไปก่อนหน้าหนักไปสำหรับมื้อเช้า สามารถมาแวะที่ร้านโจ๊กร้านนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานความอร่อยในย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะร้านเค้าเปิดมากว่า 60 ปีแล้ว การันตีได้จากลูกค้าและไรเดอร์รับส่งอาหารที่ต่อคิวรอโจ๊กกันเป็นแถวยาว โจ๊กของทางร้านจะใช้หมูสับปรุงรสแล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ต้มไปพร้อมกับโจ๊กเนื้อเนียน หอมกลิ่นไหม้นิด ๆ เป็นเอกลักษณ์ สามารถสั่งไข่เยี่ยวม้าและปาท่องโก๋ตัวเล็กมากินคู่กันเพิ่มความอร่อยได้ 1391 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 น. และ 16.30-22.00 น.08 1916 4390https://goo.gl/maps/yyQrHipsdaMb6Vdx6 4. อาสนวิหารอัสสัมชัญ อาสนวิหารอัสสัมชัญ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอาสนวิหาร สถานที่ที่พระสังฆราช (บิชอป) ประทับอยู่แห่งแรกของประเทศไทย เดิมโบสถ์อัสสัมชัญเป็นโบสถ์แบบกอธิค แต่ในช่วงรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะโบสถ์ใหม่ให้เป็นทรงโรมาเนสก์แบบที่เห็นในปัจจุบัน ถือเป็น 1 ในอาสนวิหารที่สวยที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในไทย  ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ มีความสูงของหอระฆังตั้งแต่พื้นจนถึงยอดหอคอย 32 เมตร ผนังด้านในและเพดานเป็นจิตรกรรมแบบเฟรสโก (จิตรกรรมฝาผนังปูนเปียก) ตกแต่งด้วยกระจกสีและประติมากรรมปูนปั้นแสดงเรื่องราวและความเชื่อทางศาสนาคริสต์ หากต้องการเข้าชม ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามสวมใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น เสื้อแขนกุด คอกว้างหรือถ่ายภาพภายในโบสถ์**หากต้องการถ่ายภาพภายในโบสถ์ ต้องติดต่อสำนักงานวัด โดยกรอกเอกสาร(ดาวน์โหลดในเว็บไซต์) และแนบสำเนาบัตรประชาชน ห้ามถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ ห้ามถ่ายวิดีโอ** 23 ซอยเจริญกรุง 40 (ตรอกโอเรียนเต็ล) ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-18.30 น.0 2234 8556https://goo.gl/maps/GdjSCBtWEZ9719UA6 5. ซอยกัปตันบุช (ซอยเจริญกรุง 30) เป็นซอยแยกจากถนนเจริญกรุงในพื้นที่แขวงสี่พระยา โดยที่มาของชื่อซอยกัปตันบุช มาจาก จอห์น บุช พ่อค้าและนักเดินเรือชาวอังกฤษ ผู้เข้ามาอาศัยและรับราชการในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 จนมีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมเจ้าท่าและได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิฐ ซึ่งเคยมีบ้านพำนักอยู่บริเวณแถบนี้ เมื่อเข้ามาเพื่อน ๆ จะเจองานกราฟฟิตี้ ของ ศิลปินชื่อดังชาวโปรตุเกส Vhils จากโครงการ Scratching the Surface Project ที่เกิดจากเทคนิคการเจาะกำแพง  หลายจุดในซอยละแวกนี้ จะมีภาพกราฟฟิตี้ ให้ผู้มาเยือนได้ถ่ายรูปเล่น ซึ่งส่วนมากจะเป็นผลงานของศิลปินไทยชั้นแนวหน้าของประเทศ เช่น Alex face, Kult, Bonus , LOLAY  อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจภายในซอยเจริญกรุง 30 ก็คือ ATT 19 แกลอรีที่มีแนวคิดที่อยากให้คนรักงานศิลปะรุ่นใหม่สามารถเสพงานศิลป์ได้อย่างเพลิดเพลิน โดยตัวตึกดัดแปลงมาจากตึกสอนภาษาจีน 2 ชั้น อายุกว่า 120 ปี  ภายในจะแบ่งเป็น 2 โซนคือ 1. โซนนิทรรศการศิลปะ จะมี 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกจะจัดแสดงเครื่องใช้ เซรามิก เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ เพื่อน ๆ สามารถซื้อชิ้นที่ถูกใจกลับไปได้ ส่วนชั้นที่สอง จะจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน โดยจะจัดแสดงนิทรรศการละ 1-2 เดือน มีทั้งผลงานของศิลปินอาชีพ นิสิตนักศึกษา รวมถึงนิทรรศการที่ทาง ATT 19 จัดขึ้นเอง  2. โซนคาเฟ่ มีโซน In door ตากแอร์เย็นฉ่ำ และ Out door ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้เลือกนั่งได้ตามชอบ

✨ บางรัก ย่านสถาปัตยกรรมดี อาหารอร่อย ✨ อ่านเพิ่มเติม

4 พิกัดชมพระอาทิตย์ตกกรุงเทพฯ 🌤✨

ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกยามเย็น ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ใครหลายคนได้ปล่อยใจจอย ๆ ตามสวนสาธารณะ ไปหาอะไรกินกับแก๊งค์เพื่อนหรือจะหาที่ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกสวย ๆ วันนี้เรามีจุดชมมาฝากเพื่อน ๆ ด้วยล่ะ 🥰 👉สวนเบญจกิติ👉อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย👉มหานครสกายวอล์ก👉สวนลอยฟ้า สะพานพระปกเกล้า สวนเบญจกิติสวนป่าใจกลางกรุงเทพฯ ที่ถือว่ากำลังเป็นที่นิยมของผู้คนมากมายทั้งออกกำลังกาย มาถ่ายรูป นั่งชิล ๆ ฯลฯ ไฮไลต์เป็นสะพานทางเดินที่ทอดยาวให้เราได้เดินชมทิวทัศน์กันอย่างเพลิดเพลิน แถมมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ใต้ต้นจามจุรียักษ์ที่มาแล้วต้องเช็กอิน และแนะนำว่าให้อยู่จนถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงได้บรรยากาศที่แตกต่าง แต่รับรองว่าสวยแน่นอน การเดินทางMRT : สถานีสุขุมวิท ทางออก 3 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน เวลา 05.00-21.00 น. 0 2254 1263, 08 6337 2741https://goo.gl/maps/rRQDNYDSDjtD2rza6 อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรืออุทยานจุฬาฯ 100 ปี ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณซอยจุฬาฯ 5 ระหว่างซอยจุฬาฯ 9 กับถนนบรรทัดทอง ติดกับศูนย์การค้า I’m Park เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ สำหรับที่นี่มีผู้คนมากมายมักมานั่งใต้ร่มไม้ในสนามหญ้าสีเขียว ออกกำลังกายหรือนั่งชิลรอชมพระอาทิตย์ตกก็ได้เช่นกัน 254 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯhttps://goo.gl/maps/BFKFdKK81uoGuv6F9 มหานครสกายวอล์ก จุดชมวิวบนดาดฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศไทย นับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถรอชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นกับวิวเมืองกรุงเทพฯ ในตอนกลางคืนอีกด้วย ราคาบัตรเข้าชม เริ่มต้นที่ 250-1,190 บาท สามาถเลือกแพ็กเกจที่ต้องการเข้าชมได้ค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://kingpowermahanakhon.co.th/th/skywalk-th/ 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เเขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 23.00 น.)BTS ช่องนนทรี ทางออก 3https://goo.gl/maps/LkMJhgHrFSCBbzhp7 สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ที่นี่ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนสวนสาธารณะลอยฟ้าที่อยู่ระหว่างสะพานพระปกเกล้า สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ถึง 360 องศามีทั้งทางเดิน เลนจักรยาน ปลูกต้นไม้ให้บรรยากาศร่มรื่น และมีโต๊ะนั่งพักผ่อน ชมวิว หรือมาออกกำลังกายเบา ๆ ก็ได้เช่นกัน หากใครมาช่วงกลางวันแดดจะแรงสักหน่อย แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ บรรยากาศกำลังดี ไม่ร้อนเกินไป ลมเย็น ๆ จัดว่าดีงามมาก ยิ่งในยามเย็นพระอาทิตย์ตก นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งในกรุงเทพฯ ถ้ามาจากฝั่งพระนครสามารถขึ้นทางสวนสมเด็จพระปกเกล้าฯ ฝั่งพระนคร หรือมาจากฝั่งธนบุรีสามารถขึ้นทางสวนป่าเฉลิมพระเกียรติฯ  ถนนพระปกเกล้า แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯhttps://goo.gl/maps/gt8mjMjUhxNZ2KtU7

4 พิกัดชมพระอาทิตย์ตกกรุงเทพฯ 🌤✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ Taiban Café (ใต้บ้านคาเฟ่) ✨

ในช่วงที่ผ่านมา หากใครเล่น TIKTOK คงเห็นว่ามีคลิปชวนเที่ยวนิทรรศการศิลปะ ชมงานอาร์ตหรือมีคาเฟ่ที่มี Concept เกี่ยวกับศิลปะผ่านตาให้เห็นไม่มากก็น้อย วันนี้บัดดี้เลยถือโอกาสมาแนะนำหนึ่งคาเฟ่แถว MRT สถานีหัวลำโพง ที่มีชื่อ “ใต้บ้าน” ซึ่งตั้งอยู่ใต้โฮสเทลแห่งหนึ่ง ที่มีกิจกรรมเด่นคือการเชิญชวนให้ทุกคนมาลองวาดภาพตามแต่ใจอยาก ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่มีอายุมากำหนด ลองตามมาดูรายละเอียดกันดู เผื่อวันหยุดที่จะถึงนี้ “ใต้บ้านคาเฟ่” อาจเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เพื่อน ๆ อยากมา ใต้บ้านคาเฟ่ตั้งอยู่ใน ซอยพระยาสิงหเสนี ข้าง ๆ MRT สถานีหัวลำโพง (ทางออก 3) ตั้งอยู่ชั้นล่างในโซนร้านอาหาร/คาเฟ่ ของ โฮสเทลที่ชื่อ APT476 โดยคำว่า “ใต้บ้าน” มาจากตำแหน่งของตัวร้าน ที่อยู่ชั้นล่างของตึก คล้าย ๆ หลายบ้านที่เวลากินข้าว จะกินที่ใต้ถุนบ้าน ใต้บ้านหรือชั้น 1 ของตัวบ้าน พื้นที่ในตัวร้าน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ผนัง 2 ด้านของตัวร้านเป็นกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ตัวร้านดูโปร่งสบาย ซึ่งถ้าที่นั่งโซนนี้เต็ม เพื่อน ๆ สามารถไปนั่งตรงโซน Lobby กลาง บริเวณชั้น 1 ของโฮสเทลได้เลย เครื่องดื่มแนะนำของตัวร้านจะเป็นกาแฟ Specialty Coffee ที่จะมีบาริสต้ามายืนชงกาแฟให้ทั้งแบบ Slow Bar และกาแฟดริป หากใครไม่ดื่มกาแฟ เครื่องดื่มเรียกความสดชื่นอย่างน้ำผึ้งมะนาวโซดา น้ำกระเจี๊ยบ น้ำลำไย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน หากใครหิวก็สามารถฝากท้องได้ ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูทานง่ายสไตล์โฮมเมด ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี โดยเมนูอาหารจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปในทุก 1-2 เดือน ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นกะเพราเนื้อโคขุน ข้าวคลุกกะปิ ก๋วยเตี๋ยวใต้บ้าน หรือหากใครไม่อยากหนักท้องก่อนวาดภาพ จะเลือกสั่งเป็นเมนูขนมปังง่าย ๆ อย่างพวกแพนเค้กหรือครอฟเฟิลมารองท้องก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ภายในร้านจะมีสินค้าอื่น ๆ อย่างพวกเครื่องประดับ ลูกปัด เคสโทรศัพท์มือถือและน้ำมันหอมระเหยขายด้วย สามารถเลือกซื้อเลือกอุดหนุนกันได้เลย สำหรับกิจกรรมวาดรูป จะเริ่มเวลา 13.00-17.00 น.โดยเพื่อน ๆ สามารถซื้อแคนวาสจาก Lobby ของโฮสเทลได้เลย ราคา 200-400 บาทตามขนาด หลังจากซื้อแล้วสามารถเดินออกไปโซนข้างร้านที่เป็นพื้นที่ Out door ซึ่งหากมีที่นั่งสามารถไปนั่งได้เลย โดยจะมีจุดบริการสีและพู่กันอยู่ในบริเวณเดียวกัน บรรยากาศโดยรวม จะเป็นแบบเรียบง่าย สบาย ๆ ไม่รีบร้อน สามารถใช้เวลาวาดจินตนาการลงผืนผ้าใบได้เต็มที่ หากใครอยากมีกิจกรรมในวันหยุดเพิ่มเติมลองมาที่นี่ดูได้นะ

✨ Taiban Café (ใต้บ้านคาเฟ่) ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟

ตลาดน้อยเป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งมีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนได้อย่างลงตัว ซึ่งจะสัมผัสได้จากวิถีชีวิตท้องถิ่นและบ้านเรือนเก่าแก่ที่เรียงรายในชุมชน ตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพหรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย! หากเพื่อน ๆ คนไหนมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ เก๋ ๆ นอกเหนือจากที่แนะนำไป มาเม้นบอกกันได้นะ เผื่อจะตามไปถ่ายบ้าง เริ่มกันที่ ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด : https://goo.gl/maps/ziDBrH3Wwe4mQaxK9 เห็นตรอกเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ข้างในอัดแน่นไปด้วย Street Art สวย ๆ ตั้งแต่ต้นซอยยาวไปจนสุดเลยล่ะ ส่วนหนึ่งเป็นภาพวาดตามกำแพงจากร่องรอยของงาน “Urban Arts Festival 2016” นอกจากนี้อีกฝั่งของกำแพงยังมีนิทรรศการภาพถ่าย Portrait of Charoenkrung ที่มาจากงาน “Bangkok Design Week 2020” จัดแสดงอีกด้วย แค่จุดแรกก็ถ่ายรูปได้แบบจุก ๆ ไปเลย แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ศาลเจ้าโรงเกือก เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลสถานที่ บอกว่าศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย : https://goo.gl/maps/gYh6KLuWLwQ6y5Ar6: 7.00 – 17.00 น. เดินถัดมาถ่ายรูปอีกซอยไม่ไกลกัน ที่ซอยเจ้าสัวสอน มี Street Art ข้างตึกใหญ่โตสุด ๆ สายถ่ายรูปจะพลาดได้ไง 📍: https://goo.gl/maps/Ruy7AMLv2j9bEoX26 แวะโซวเฮงไถ่ คฤหาสน์จีนโบราณในย่านตลาดน้อย เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย บัดดี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา : https://goo.gl/maps/Xf3SnYgko8bfdd8B8: 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์์) ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง จุดถ่ายรูปสุดฮิตของตลาดน้อยเลย!! รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย แอบอยากรู้เหมือนกันนะว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ระหว่างทางก็เจอกับบ้านไม้หลังใหญ่ เลยอดไม่ได้ที่จะแวะถ่ายรูปเก๋ ๆ : https://goo.gl/maps/mQRUJBQpuXhEWfTT8 แวะเติมความสดชื่นระหว่างวันที่ ร้าน Naam 1608 (น้ำหนึ่งหกศูนย์แปด) ร้าน Naam 1608 เป็นร้านอาหารบรรยากาศสุดชิล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะกับการแวะพักเติมพลังมาก ๆ ที่ร้าน Naam 1608 มีเมนูอาหารให้เลือกชิมเยอะมาก ๆ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือจะเป็นเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ : https://goo.gl/maps/MgtixwdfymaHJrqr7 : 091 936 1632 (โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า) สถานที่สุดท้ายที่จะแนะนำก็คือ วัดแม่พระลูกประคำ (โบสถ์กาลหว่าร์) โบสถ์กาลหว่าร์เป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอโกธิค ภายในโบสถ์รวบรวมจิตรกรรมภาพกระจกสีที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญตามคริสต์คัมภีร์และจารึกรูปนักบุญชื่อดังไว้ด้วย : https://goo.gl/maps/c9aBuC9BF2BAnLxZA: เปิดทุกวัน 09.00 – 17.30 น

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟 อ่านเพิ่มเติม

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน วันหยุดนี้ หากใครอยากออกไปเจอธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเดินทางไกล บัดดี้รวมสวนเขียวในกรุงเทพมหานครมา 6 แห่ง ที่เป็นทั้งสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกายและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของใครหลายคนมานำเสนอ หากใครกำลังมองหาสถานที่ที่สามารถมอบออกซิเจนให้ร่างกายในวันหยุด ลองตามมาอ่านได้เลย  1. สวนเบญจกิติ สวนเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง ที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างส่วนขยายและออกแบบปรับปรุงเพื่อรองรับผู้คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทางสายตา ผู้ที่ใช้บริการรถเข็น (Wheelchair) รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มคนรักสัตว์ ที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนน้ำและสวนป่า บริเวณโดยรอบสวนน้ำ เป็นจุดที่ผู้คนมักจะมาออกกำลังกายกัน มีทั้งคนเดิน วิ่ง หรือใครชอบปั่นจักรยานก็มีเส้นทาง Bike Lane สำหรับปั่นจักรยาน สำหรับโซนสวนป่าจะประกอบด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ อาคารแสดงศิลปะ หอสมุด ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และเส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมถึงไฮไลต์อย่างเส้นทางสกายวอล์ก ที่มีการเชื่อมกับสกายวอล์กเดิมที่มาจากสวนลุมพินี (สะพานเขียว) แถมยังมีการจำลองระบบนิเวศ ที่สร้างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wet Land) มีการปลูกพันธุ์ไม้หายากเพื่อการอนุรักษ์  สวนเบญจกิติ การเดินทางMRT : สถานีสุขุมวิท ทางออก 3  2. อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรืออุทยานจุฬาฯ 100 ปี ตั้งอยู่บริเวณซอยจุฬาฯ 5 (ระหว่างซอยจุฬาฯ 9 กับถนนบรรทัดทอง) ติดกับศูนย์การค้า I’m Park เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2560  สวนแห่งนี้มีลักษณะลาดเอียง สองข้างปลูกต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้ประดับ เกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างเมือง GREEN & CLEAN CITY ที่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการเติบโตของกิ่งรากต้นไม้สัญลักษณ์ประจำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้นจามจุรี รวมกับแนวคิดของโครงการแก้มลิง ที่ตัวของสวนสามารถรับน้ำและหมุนเวียนทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ภายในสวนได้ หากมาที่นี่แล้ว เพื่อน ๆ สามารถเลือกนั่งใต้ร่มไม้ในสนามหญ้าสีเขียว ยิ่งช่วงเย็นจะเห็นทั้งคนวิ่งออกกำลังตามทางเดินลาดชัน ผู้คนจับกลุ่มถ่ายรูป นั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อน หรือพาลูกหลานเดินดูต้นไม้ต่าง ๆ ซึ่งจะมีป้ายชื่อและข้อมูลติดไว้ให้ความรู้อยู่เต็มไปหมด  ริมสระน้ำ จะมีเครื่องออกกำลังกายที่ประยุกต์มาจากเครื่องบำบัดน้ำ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ที่เอาไว้ปั่นออกกำลังกายและเพิ่มออกซิเจนให้น้ำในสระไปในเวลาเดียวกัน  การเดินทางMRT : สถานีสามย่าน ทางออก 2  3. สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (พระปกเกล้า สกายปาร์ค) สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (Chao Phraya Sky Park) ตั้งอยู่บริเวณกลางสะพานพระปกเกล้า ที่ดัดแปลงมาจากโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าลาวาลินที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานานกว่า 30 ปี ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า ที่เชื่อมฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน  ในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีทางเดินและเลนจักรยาน ระยะทางกว่า 280 เมตร รวมไปถึงลิฟต์สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุดอีกจุดของกรุงเทพฯ แถมยังมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ที่วัดประยุรฯ วัดซางตาครู้ส ชุมชนกุฎีจีน สะพานพุทธฯ ไอคอนสยาม ยิ่งช่วงเย็น จะมีทั้งลมเย็น ๆ และวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าให้ชม รับรองได้ว่ามาแล้วประทับใจแน่นอน  การเดินทางMRT : สถานีสนามไชย ทางออก 5  4. สวนลุมพินี สวนลุมพินี เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า สวนลุม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 บนถนนพระรามที่ 4 เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจของทั้งชาวกรุงเทพฯ และชาวต่างชาติ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ภายในสวนมีสวนปาล์ม สระน้ำขนาดใหญ่ เป็นจุดนัดพบของคนรักสุขภาพ เป็นที่พบปะสังสรรค์ พักผ่อน ออกกำลังกายยอดฮิตของคนเมือง   สวนลุมพินี  การเดินทางMRT : สถานีสีลม ทางออก 1 และ สถานีลุมพินี ทางออก 3BTS : สถานีศาลาแดง ทางออก 5  5. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ สวนรถไฟ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ที่ในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต่อมามีการสร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป  ภายในสวนรถไฟมีสวนป่าใหญ่ในเมือง ที่รวบรวมพันธุ์ไม้หลายชนิด มีการจำลองระบบนิเวศของป่าเพื่อการเรียนรู้ มีเลนจักรยานที่มีความยาวถึง 3 กิโลเมตร มีศูนย์กีฬาที่มีทั้งสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล ฟิตเนส ฯลฯ สนามเด็กเล่น และเมืองจราจรจำลองท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ให้คนที่มาได้เลือกกิจกรรมที่สนใจได้ตามสะดวก   สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)  การเดินทางMRT : สถานีจตุจักร ทางออก 1 และ 2BTS : สถานีหมอชิต ทางออก 1 และ 3  6. สวนจตุจักร สวนจตุจักร อีกหนึ่งสวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ สร้างขึ้นโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งเกิดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 100 ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 4 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2518 เมื่อสร้างสวนเสร็จ สวนแห่งนี้ได้รับพระราชทานนามว่า “สวนจตุจักร” และต่อมาถูกใช้เป็นชื่อของเขต และชื่อของแขวงที่เป็นที่ตั้งของสวน 

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳 อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀

เที่ยวหน้าร้อนต้องใกล้น้ำ ชวนนักเดินทางปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำในเมืองกรุง สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนริมคลอง ซึ่งหลายแห่งยังคงเห็นวิถีดั้งเดิม ที่สืบเนื่องถึงปัจจุบันเช่นเดียวกับสายน้ำที่ยังคงไหลรินเรื่อยมาแต่อดีต รื่นรมย์กับบรรยากาศที่ชวนย้อนเวลาราวกับยังมีชีวิต ลิ้มรสอาหารพื้นบ้าน ชมภูมิปัญญาท้องถิ่น สนับสนุนรายได้สู่ชุมชน แบ่งปันความสุขพร้อมมองสายน้ำไหลผ่านที่พาให้ใจร่มเย็นไปด้วยกัน 💗 เที่ยวตลาดน้ำในกรุงฯ มีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง…1. ชิมอาหารพื้นบ้าน และอุดหนุนสินค้าชุมชน จากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนในพื้นที่2. เรียนรู้งานหัตถกรรม ภูมิปัญญาชาวบ้าน และเอกลักษณ์ประจำถิ่นของแต่ละพื้นที่3. นั่งเรือชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ  ตลาดน้ำคลองบางหลวง ตลาดน้ำท้องถิ่นเล็ก ๆ ริมคลองบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เรือนไม้ ร้านกาแฟ งานศิลป์ หุ่นละครเล็ก และวัดเก่าตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นมนต์เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ ผู้ชื่นชอบงานศิลป์และรักสงบเราขอแนะนำเลย  ตลาดน้ำวัดสะพาน ตลาดน้ำย่านราชพฤกษ์ ที่ชวนให้เพลิดเพลินกับรสมือของชาวชุมชนริมคลอง ข้าวหม้อแกงหม้อต่างล่องเรือมาขายให้นักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีบริการนั่งเรือชมวิว 2 ฝั่งคลองด้วย  ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดกึ่งชนบทผสมผสานระหว่างชีวิตริมคลองชักพระกับธรรมชาติ อยู่บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน นอกจากอาหารการกิน ยังมีงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือจะนั่งเรือหางยาวไปตลาดน้ำแห่งอื่น ๆ ต่อก็ได้เช่นกัน  ตลาดน้ำสองคลอง อยู่ใกล้กับตลาดน้ำตลิ่งชันเพียงข้ามคลองวัดตลิ่งชันเท่านั้น ตั้งอยู่ในเขตวัดตลิ่งชัน ลิ้มรสอาหารไทยพื้นบ้านท่ามกลางบรรยากาศตลาดริมน้ำหลังคามุงแฝก ชมวิหารเก่า ให้อาหารปลาริมคลอง อิ่มใจ ได้บุญ  ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แดนสวรรค์สำหรับสายกิน นักชิม หรือนักชอปสายอาหาร เพราะบรรดาร้านรวงในตลาดน้ำแห่งนี้ มีอาหารน่าอร่อยมากมาย เตรียมจับจ่ายพร้อมหิ้วกลับบ้านแบบจัดเต็ม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀ อ่านเพิ่มเติม

พระนคร Walking 🚶‍♀️

พระนคร Walking ส่องตึกเก่าย่านสามแพร่ง เดินเลาะเลียบถนนตะนาว ✨ สามแพร่ง ย่านชุมชนเก่าแก่บริเวณถนนตะนาว ในเขตพระนคร กรุงเทพฯ ในอดีต เป็นกลุ่มวังที่ประทับของเจ้านายในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้แก่ วังกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ วังกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ และวังกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางผ่านกลางพื้นที่กลุ่มวังนี้ เพื่อเชื่อมถนนอัษฎางค์กับถนนตะนาว จนเกิดเป็นทางสามแพร่ง และตั้งชื่อถนนในย่านนี้ตามพระนามเจ้าของวัง คือ ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ถนนแพร่งนรา และถนนแพร่งภูธร เลียบถนนตะนาว เลาะไปตามซอยต่าง ๆ มีตึกรามบ้านช่องมากมาย เป็นทั้งแหล่งทำมาค้าขาย ที่พักอาศัย และที่ดินทรัพย์สินของเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น วันเวลาผ่านไป อาคารเหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และยังคงมีอาคารดั้งเดิมที่ซ่อนตัวท่ามกลางชุมชน วันนี้ จะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมตึกเก่า ชี้พิกัดร้านอาหาร เพราะในย่านนี้ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านอร่อยอีกย่านหนึ่งในพระนครเลยล่ะ 😋  เส้นทางเดินเที่ยวลัดเลาะในทริปนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ เดินทางโดยขนส่งสาธารณะแบบง่าย ๆ โดยรถไฟใต้ดิน MRT มาที่สถานีสามยอด  จากนั้นเดินเท้า มุ่งหน้าไปทางแยกสี่กั๊กพระยาศรี เลี้ยวขวาเข้าถนนเฟื่องนคร เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะมาถึงแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนตะนาว หากมาตามแผนที่ที่แนะนำไว้ เพื่อน ๆ จะถึงที่แพร่งภูธรเป็นจุดแรก สามารถเดินเข้าได้ 2 ทางคือทางเข้าฝั่งถนนตะนาว และทางเข้าฝั่งถนนบำรุงเมือง เราจะพาเพื่อน ๆ มาเดินเข้าฝั่งถนนบำรุงเมืองเพื่อชม เดอะไนท์เฮ้าส์ (The Knight House)  อาคารสีเหลืองหลังคาจั่ว ลายฉลุแบบเรือนขนมปังขิง ผสมผสานศิลปะแบบโคโลเนียลเข้าด้วยกัน ในอดีตบนที่ดินผืนนี้เป็นตึกแถวของเจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 5 จากนั้นก็เปลี่ยนผู้ถือครองและเปิดเป็นร้าน “ไนท์ บาร์เบอร์” ที่อยู่คู่แพร่งภูธรมาราว ๆ 30 ปี ก่อนจะกลายมาเป็นเดอะไนท์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่และมีความสวยอย่างมาก ที่นี่เปิดให้บริการที่พักและคาเฟ่ หากเพื่อน ๆ มาเที่ยวชมแถวนี้ อย่าลืมแวะมาที่นี่กันนะ ฝั่งขวามือที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในซอย มีป้ายชื่อถนนแพร่งภูธร ตัดกับอาคารสีเหลือง เหมาะจะเป็นมุมเช็กอินถ่ายรูปปัง ๆ แพร่งภูธร หรือในอดีตคือ “วังสะพานช้างโรงสี” ซึ่งเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ประทับที่วัง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ซึ่งต่อมาเมื่อกรมหมื่นภูธเรศฯ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพื้นที่ทำเป็นตึกแถว และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ เดินจากปากซอยตรงเข้ามาเพียงแค่นิดเดียว มองเห็น อาคารสีเหลือง 2 ชั้น ครอบด้วยหลังคาสีแดงดูสะดุดตา ที่นี่คือ “สุขุมาลอนามัย” สถานีกาชาดที่ 2 ที่ตั้งอยู่กลางแพร่งภูธร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 เพื่อเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เดิมที อาคารสุขุมาลอนามัยเป็นตึกสีขาว ภายหลังมีการซ่อมแซมและทาสีใหม่จนเป็นที่โดดเด่นท่ามกลางตึกแถวในย่านนี้ เพื่อน ๆ บางคน โดยเฉพาะเพื่อน ๆ สายซีรีส์เกาหลีอาจจะคุ้น ๆ มุมภาพนี้ จริง ๆ แล้วตรงนี้เคยเป็นจุดที่มีถ่ายทำซีรีส์เกาหลีแนวคอมเมดี้ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเป็นฉากที่พระเอก นางเอก และพระรอง กางร่มท่ามกลางสายฝนนั่นเอง  ตึกแถวในบริเวณนี้ รวมทั้งตึกแถวในซอยแพร่งนราจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมจีนตั้งเรียงยาวทั้ง 2 ฝั่ง ตรงหน้านี้คือ 1905 เฮอริเทจ คอร์นเนอร์ (1905 Heritage Corner)  เป็นลักซูรี่เกสต์เฮาส์ขนาด 3 ห้อง ที่รีโนเวทมาจากตึกเก่าอย่างประณีต อยู่ใกล้ ๆ กับสุขุมาลอนามัยเพียงไม่กี่สิบก้าว จากการสืบค้นประวัติศาสตร์ เจ้าของเกสต์เฮาส์พบว่าที่นี่เคยเป็นโรงน้ำชามาก่อน จึงรีโนเวทและตกแต่งที่พักแห่งนี้ในคอนเซ็ปต์โรงน้ำชา มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมกับความเป็นโคโลเนียลตามยุคสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างลงตัว นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านกาแฟและร้านขายงานคราฟต์ท้องถิ่นให้เราได้ไปชอปปิงเพลิน ๆ อีกด้วย เดินมาจนสุดทางแพร่งภูธร บรรจบกับถนนตะนาว ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกเก่าเช่นกัน แม้ว่าจะดูหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีลวดลายที่แตกต่างกันไป 2 คูหาในตึกแถวหลังนี้ คือที่ตั้งของร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดังในย่านพระนคร “ก.พานิช”  ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 แถมยังได้รับรางวัลการันตีความอร่อยมามากมาย รวมทั้งรางวัลบิบ กรูมองต์ ของมิชลิน รวมถึงในปีนี้ด้วย แค่เห็นหน้าตาข้าวเหนียวมะม่วงกล่องนี้ ก็เดาได้เลยว่าต้องอร่อย หวานฉ่ำแน่ ๆ ใครมาย่านนี้ อย่าลืมมาแวะซื้อที่ ก.พานิช กันนะ เดินชมกันต่อที่แพร่งนรา นอกจากอาคารตึกแถวสีเหลืองที่ตั้งเรียงทั้งสองฝั่งแล้ว ยังมีอาคารเก่าที่มีรูปแบบสวยงามไม่แพ้กัน ที่นี่คือ “โรงเรียนตะละภัฏศึกษา”  ในอดีตคือ “วังวรวรรณ” ที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้ทรงปรีชาสามารถมากในด้านการประพันธ์ ทรงเป็นผู้นิพนธ์บทละครร้อง และสร้างโรงละครปรีดาลัยซึ่งเป็นโรงละครร้องแห่งแรกของไทยขึ้นภายในวังของพระองค์ท่าน ลักษณะอาคารเป็นกึ่งปูนกึ่งไม้ มีระเบียงไม้ฉลุลายอย่างสวยงาม โรงเรียนแห่งนี้ปิดทำการไปเมื่อปี พ.ศ. 2538 แม้ปัจจุบันจะชมได้แค่ภายนอกเท่านั้น แต่ก็คุ้มค่าแก่การมาชม เพลิดเพลินกับศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมกันมาพอสมควรแล้ว บัดดี้ขอปักหมุดร้านอร่อยในย่านนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ลิสต์ไว้ มีทั้งคาวหวาน คาเฟ่น่านั่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครมีร้านเด็ดในย่านนี้ คอมเมนต์มาบอกได้เลยนะ  เดินเลียบถนนตะนาวมาจนถึงแพร่งสรรพศาสตร์ มองเห็นซุ้มประตูตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “วังสรรพสาตรศุภกิจ” ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ซุ้มประตูนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป หน้าบันเจาะเป็นวงกลม มีประติมากรรมรูปผู้หญิงในท่ายืนถือคบไฟ รอบ ๆ ประดับกระจกสี ต่อมาภายหลังได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด เหลือเพียงซุ้มประตูวังเก่าที่ยังคงความสวยงามให้คนรุ่นหลังได้ชม และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของย่านสามแพร่ง เดินถัดจากซุ้มประตูไปไม่ไกล คือ “ศาลเจ้าพ่อเสือ”  มาถึงย่านนี้ สายมูห้ามพลาด ศาลเจ้าพ่อเสือ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย”

พระนคร Walking 🚶‍♀️ อ่านเพิ่มเติม

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨

วันนี้บัดดี้มีรูทเดินเที่ยวสั้น ๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยและต้องการการเดินทางที่สะดวกมานำเสนอ ซึ่งรูทนี้จะเน้นที่กินเป็นหลัก ใครหาไอเดียเที่ยวง่าย ๆ ในเมืองกรุงแล้วยังไม่รู้จะไปที่ไหน ตามไปอ่านรายละเอียดกันได้ โดยวันนี้จะมีทั้งหมด 15 พิกัด การเดินทางรถประจำทาง สาย 6,42,43รถส่วนตัว จอดได้บริเวณวัดใกล้เคียง (วัดอนงคาราม,วัดทองนพคุณ) ทางเรือ1. เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง ราคา 4 บาท2. เรือบริการฟรี จากท่าไอคอนสยาม จอดส่งท่าดินแดง และท่าศาลเจ้ากวนอู รถไฟฟ้า BTS1. สายสีเขียวอ่อน(สีลม) ลงสถานีสะพานตากสิน ลงเรือด่วนเจ้าพระยา 15 บาท มาขึ้นที่ท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง2. สายสีทอง ลงสถานีคลองสานแล้วเดินต่อไปทางถนนท่าดินแดง 1. ตรอกดิลกจันทร์ สถานที่แรกที่บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาก็คือ ตรอกดิลกจันทร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ชุมชนสมเด็จย่า ในอดีตเป็นย่านธุรกิจที่คึกคักมาก มีกิจการขนาดใหญ่มากมาย ทั้งโรงสีข้าว โรงงานน้ำปลา โรงเกลือ โรงทำชันยาเรือ โรงงานทอผ้า ฯลฯ ก่อนจะซบเซาไป หลายกิจการปิดตัว หลายกิจการย้ายออก แต่ก็ยังมีตึกเก่าสวยคลาสสิคจากสมัยนั้นหลงเหลือให้ได้เห็นกันอยู่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เห็นได้จากที่มีทั้งวัดไทย ศาลเจ้าจีน และมัสยิดอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน บ้านเรือนในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ บรรยากาศไม่พลุกพล่าน มีร้านอาหาร ร้านรถเข็นให้เห็นหลายร้าน หลังจากเดินเล่นเรื่อยไปจนถึงกลาง ๆ ซอย เราก็ได้เจอกับ “ร้านขาหมูเจ๊นง” เป็นร้านรถเข็นเล็ก ๆ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีเยี่ยม ยิ้มแย้มทักทายมาแต่ไกลเลยทีเดียว บัดดี้สั่งข้าวขาหมู และข้าวหมูแดงหมูกรอบมาลองชิม รสชาติอร่อยมาก ขาหมูไม่หวานจนเลี่ยน หมูกรอบเนื้อแน่น กรอบอร่อย หมูแดงเนื้อนุ่มหอมกลิ่นควันที่ใช้ย่าง สมกับที่เป็นเจ้าเก่าเปิดมากว่า 32 ปี ระหว่างที่กิน เจ๊นงก็ชวนคุยและเล่าความเป็นมารวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแถบนี้ให้ฟังซะเพลินเลย เจ๊นงบอกว่า มาย่านนี้ต้องไปไหว้ศาลเจ้าให้ครบ 2 แห่ง บัดดี้เลยมุ่งหน้าไปสักการะศาลเจ้าแห่งแรกก่อน นั่นคือ ศาลเจ้าพ่อเสือ(คลองสาน) ที่เดินจากร้านเจ๊นงไปไม่ถึง 10 นาที ศาลเจ้าแห่งนี้ แต่เดิมเป็นศาลไม้ ก่อนจะมีการบูรณะเพิ่มเติมในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม ช่วงเหตุการณ์ไฟไหม้ จนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อเสือที่นี่เป็นศาลเก่าแก่ที่ชาวชุมชนให้ความเคารพมาก มีผู้ศรัทธาเข้ามากราบไหว้อยู่เสมอ คนที่ไม่รู้ว่าขั้นตอนไหว้เป็นยังไงไม่ต้องห่วง จะมีคนดูแลศาลเจ้าท่าทางใจดีคอยให้คำแนะนำ  ตรอกสะพานยาว แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 06.00-21.00 น.https://goo.gl/maps/Dgu7hXqVK4orXEGU7 ศาลเจ้าแห่งที่ 2 ที่เจ๊นงแนะนำ คือ ศาลเจ้ากวนอู เป็นศาลเจ้าริมน้ำที่ผ่านกาลเวลาและรวมความศรัทธาของคนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2279 ระหว่างทางจะมีกราฟิตี้สวย ๆ ตามผนังตึกให้ดูเป็นระยะ ใครอยากถ่ายรูปลงโซเชียล ก็จัดเต็มได้เลยนะ บริเวณริมน้ำด้านหน้าศาล เพื่อน ๆ จะพบรูปปั้นสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินเคยเสด็จมาสักการะเทพเจ้ากวนอูที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อนจะกรีธาทัพไปทำสงคราม นี่จึงเป็นที่มาของรูปปั้นสักการะดังกล่าว  ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 2439 6309https://goo.gl/maps/itjqC4BCfJn4JVaK9 2. My Grandparent’s House บ้านอากงอาม่า ติดกับศาลเจ้ากวนอู จะมีคาเฟ่ริมน้ำที่ดัดแปลงมาจากบ้านไม้ อายุกว่า 90 ปี จุดเด่นของที่นี่ก็คือ บรรยากาศ ที่มีความชิลระดับ 100 เต็ม 10 ทั้งตัวบ้านไม้ที่มีความย้อนยุคและขนม เครื่องดื่ม สูตรอาม่าเจ้าของร้าน ที่รอเพื่อน ๆ ไปชิม ด้านหน้าของร้านบ้านอากงอาม่า จะมีบ้านคหบดีจีนโบราณอายุประมาณสองร้อยกว่าปี และเป็นที่ตั้งของโรงน้ำปลาทั่งง่วนฮะ ธุรกิจที่ถูกส่งต่อจากบรรพบุรุษชาวจีน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 2 โดยได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมของจีนทางตอนใต้ โดยจะเรียกบ้านในรูปทรงนี้เรียกว่าบ้านล้อมลาน เพราะจุดเด่นของบ้านที่มีลานโล่งอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งในปัจจุบันสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้แทบหาดูไม่ได้แล้ว  ไหน ๆ ก็มาถึงโรงน้ำปลาแล้ว บัดดี้เลยถือโอกาสซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย เพื่อน ๆ คนไหนอยากลองชิมน้ำปลาสูตรโบราณ ๆ ก็ลองซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้นะ  253 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 แขวง สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. 0 2437 5183https://goo.gl/maps/c3wy8g6bEiR9nT6w6 3. Deep Root Café สถานที่ต่อมาเป็นคาเฟ่ที่มีความ ดิบ เท่ ที่ในอดีต บริเวณนี้เป็นทางผ่านและขนส่งสินค้าแห้ง เพื่อลำเลียงไปยังท่าเรือเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ผ่านการปรับเปลี่ยนโดยเจ้าของปัจจุบันจนกลายเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น โดดเด่นด้วยภาพวาดสีสันฉูดฉาด ต้นไม้ใหญ่ และเครื่องดื่มสุดพิถีพิถันอร่อยในราคาย่อมเยา แถมยังจะได้ฟังเรื่องเล่าในอดีตของชุมชนแห่งนี้อีกด้วย  255/2 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 08 5150 4512 เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-20.00 น. (ปิดวันอังคาร)https://goo.gl/maps/bPMbQHzFhMP17NEG6 4. ข้าวพระรามลงสรง (ซาแต๊ปึ่ง) เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ก็จะเจออีกหนึ่งร้านที่บัดดี้อยากแนะนำเพื่อน ๆ ตั้งอยู่ด้านขวามือ อยู่เยื้อง ๆ กับซอยท่าดินแดง 6 ข้าวพระรามลงสรงหรือชื่อในภาษาแต้จิ๋วว่า “ซาแต๊ปึ่ง” เป็นอาหารจีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยข้าวสวย ผักบุ้งลวกและเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดที่ทีลักษณะข้นคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ รสชาติออกหวานกินพร้อมกับน้ำพริกเผาอร่อยเข้ากันมาก ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ซึ่งร้านนี้มีทั้งแบบราดข้าวและราดเส้นหมี่ให้เลือก  61 ถนนท่าดินแดง แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨

วันนี้จะเป็นการนำเสนอนิทรรศการศิลปะจากศิลปินชื่อดังระดับโลก “ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค” หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า “วินเซนต์ แวนโกะห์” ศิลปินชาวดัตช์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการศิลปะ พร้อมกับสไตล์งานที่โดดเด่นในยุคนั้น ทั้งการใช้สีสันและฝีแปรงที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนวาดลงไปอย่างเต็มที่ จนหลายคนมองว่าเขาเป็นคนสติเฟื่อนและมีภาพจำว่าเขาเป็นเพียงศิลปินที่มีปัญหาทางอารมณ์ที่เกินควบคุมจนถึงขนาดกล้าตัดหูตัวเอง คอนเทนต์ในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ผ่านนิทรรศการภาพวาดของตัวเขาเอง ที่ไม่อยากให้ใครหลายคนพลาด ตามมาดูเรื่องราวของความมหัศจรรย์บนผืนผ้าใบยุคก่อนบนจอสกรีนขนาดใหญ่ในยุคนี้ไปพร้อมกัน ว่าจะพาเราให้รู้จักเรื่องราวของศิลปินคนนี้ได้อย่างไรบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางเข้าสู่นิทรรศการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ สามารถซื้อบัตรเข้างานออนไลน์ได้ที่ https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/…หรือหากใครไม่สะดวก ก็เดินไปซื้อที่งานได้เลย งานจัดอยู่ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม (นิทรรศการจัดใกล้ ๆ โรงหนัง SF) เมื่อเข้ามาแล้ว ในโซนแรกจะเป็นห้องที่บอกเล่าประวัติของ แวนโกะห์ คร่าว ๆ เผื่อใครเพิ่งเริ่มติดตามจะได้ทราบประวัติของเขาแบบย่อ ๆ ซึ่งการได้รู้ประวัติของตัวศิลปินก่อนเข้าชมนิทรรศการ สามารถเพิ่มอรรถรสในการชมห้องต่อไปได้มากทีเดียว โดย แวนโกะห์ มีประวัติย่อ ๆ ดังนี้ แวนโกะห์ เกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพ่อเป็นนักบวชหลวงนิกายโปรแตสแตนท์ แม่และครอบครัวฝั่งแม่ทำงานด้านศิลปะ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน โดยมีน้องชายที่เขาสนิทชื่อ ธีโอ ตลอดชีวิตในวัยเด็ก เขาคลุกคลีและได้เรียนรู้ถึงความเป็นอยู่ระหว่างชนชั้นกลางของทางบ้านเขาและเหล่าเกษตรกร กรรมกร ว่าต่างกันขนาดไหน ซึ่งประสบการณ์ในช่วงนี้จะเป็น 1 ในอิทธิพลที่ส่งผลต่อผลงานการวาดภาพช่วงแรก ๆ ของเขา หลังจากเรียนจบ เขาได้ทำงานที่ Goupil & Cie ห้องภาพแห่งหนึ่งที่ญาติเขาเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่อายุ 16 ปี และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาถูกส่งตัวไปยังห้องภาพสาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อและพูดตรง เขาจะบอกลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้นหากเป็นภาพที่ไม่คุ้มค่ากับราคา จนสร้างความไม่พอใจให้ทางร้านและไล่เขาออกในที่สุด ในช่วงอายุ 20 เป็นช่วงที่เขาทั้งผิดหวังจากความรักและมีภาวะซึมเศร้า เขาจึงเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง อย่างการลองศึกษาศาสนาและเป็นผู้เผยแพร่ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะเขาเป็นคนที่พูดจูงใจคนไม่เก่ง แถมยังอุทิศเงินส่วนตัวให้กับคนทุกข์ยากจนตัวเองลำบาก ต้องกินแค่เศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ออกจากการเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา จนกระทั่งเขาอายุได้ 27 ปี เป็นช่วงที่เขาได้พบกับเส้นทางที่เขาตามหา เขาเริ่มหันมาสนใจในศิลปะอีกครั้ง จากการพบเห็นผลงานศิลปะแบบ Impression ในยุคนั้น เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะวาดและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาลงไปในภาพวาด โดยมีน้องชายของเขา ธีโอ เป็นนายหน้าขายภาพให้ หากเทียบกับศิลปินคนอื่น ถือว่าเขาเริ่มต้นวาดภาพช้าและมีเวลาในการวาดรูปเพียง 10 ปีเท่านั้น เพราะในช่วงวัย 37 ปี เขาได้เสียชีวิตลงจากสาเหตุยิงตัวเองเข้าที่กลางลำตัว หลายคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะมีปากเสียงกับเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองในละแวกนั้นมากกว่า แต่ใน 10 ปีนี้ เขามีผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น เป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 900 ชิ้น และภาพวาดลายเส้นอีกประมาณ 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาวาดในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว 6 เดือนต่อมา ธีโอ น้องชายผู้สนับสนุนและคอยผลักดันเส้นทางการเป็นศิลปินของแวนโกะห์ ก็เสียชีวิตจากโรคทางสมอง โจฮันนา ภรรยาหม้ายของธีโอ ที่ยังเชื่อมั่นในตัวของแวนโกะห์ ก็ต่อสู้ผลักดันผลงานของเขาต่อไป จนผลงานของเขาเป็นที่นิยมขึ้นมา และกลายเป็นของล้ำค่าราคาสูงจนถึงปัจจุบัน ในห้องเดียวกันมีประวัติของภาพวาดอย่าง The Starry Night, Café Terrace At Night, Sunflowers, Almod Blossom, Portrait Of Dr.Garchet, Wheat Field With Crow ให้อ่านด้วยนะ นอกจากนี้ ภายในโซนแรก เพื่อน ๆ จะพบกับห้องนอนจำลอง ที่มีต้นแบบมาจากภาพวาด Bedroom in Arles ภาพห้องนอนของ แวนโกะห์ ในบ้านหลังสีเหลือง ที่เขาอาศัยร่วมอยู่กับเพื่อนศิลปิน พอล โกแกง (Paul Gauguin) ที่ทำให้ต่อมามีรูปที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อีกรูปก็คือ “ดอกทานตะวัน” นั่นเอง จากนั้นจะเป็นการเดินทางเข้าสู่โซนที่ 2 ไฮไลท์ของนิทรรศการนี้ ซึ่งจะมีป้ายแจ้งข้อมูลก่อนเดินเข้าไป ว่าทางนิทรรศการแนะนำให้ผู้เข้าชมใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีในการชมโซนที่ 2 นี้ การเล่าเรื่องของโซนนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ที่เราอ่านกันในโซนที่ 1 ผ่านภาพวาดของเขาตามช่วงอายุ ด้วย Immersive Multi-Sensory Experience ที่จะเริ่มฉายภาพไปทั่วกำแพงและพื้น มีตั้งแต่ภาพที่เขาเริ่มวาดด้วยสีทึมทะมึน อย่างภาพ The potato eaters ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอมาในช่วงเด็ก ที่นำเสนอภาพชีวิตของครอบครัวชาวนาล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอย่างสมถะ ซึ่งภาพนี้เป็นอีกภาพที่ทำให้คนเริ่มหันมามองเขาในฐานะศิลปิน ไปจนถึงภาพที่เขาหัดวาดดอกไม้ และวาดภาพเหมือนของตัวเอง บรรยากาศรอบตัวจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากภาพวาดของเขาที่มีอยู่หลายพันภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาด ที่สำคัญในบางช่วงจะมี “กลิ่น” ที่ทางงานปล่อยออกมา เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ในการชมที่มากขึ้นอีกด้วย ภาพที่ฉายออกมา หากไปดูใกล้ ๆ จะเห็นรายละเอียดของฝีแปรงจากตัวศิลปินได้อย่างชัดเจน อย่างภาพ Starry Night Over the Rhône ก็เห็นรายละเอียดนี้ชัดมาก ต้องชมความเก่งและความทันสมัยของเทคโนโลยีและผู้จัดงานนี้จริง ๆ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ มาให้ผู้ชมงานได้มากขนาดนี้ โซนต่อมา เป็น Installation Art ที่จะจำลองภาพวาดของเขาออกมาเป็นพื้นที่จริง ให้ผู้เข้าชมได้ไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนี้ เพื่อน ๆ จะเจอกับภาพ Noon, Rest

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top