เพชรบุรี

เพชรบุรี

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก”

เมื่อร่างกายต้องการความหวาน จะมี “น้ำตาล” ชนิดไหนบ้างมาช่วยเติมความอร่อยลงในอาหารแต่ละมื้อของเรา ในบ้านเรามีกระบวนการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ปรุงอาหารในรูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “น้ำตาลปึก” เป็นการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาเคี่ยวให้เหนียวและข้นจนเป็นสีเหลือง-น้ำตาลอ่อน ๆ จับให้เป็นก้อน แล้วพักไว้ให้เย็น เป็นภูมิปัญญาเรื่องอาหารที่ส่งทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันก็ยังมีการใช้น้ำตาลปึกในการปรุงอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการทำน้ำตาลปึกให้มีคุณภาพเพื่อจำหน่าย และช่วยให้เกิดอาชีพในชุมชน น้ำตาลจากภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นจะผลิตจากวัตถุดิบใดบ้าง ไปดูกัน อ้อย พืชเศรษฐกิจหลักที่สร้างรายได้ให้ชุมชน สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำตาลได้หลายรูปแบบ รวมถึงน้ำตาลปึก โดยคั้นเอาน้ำจากลำตัน นำไปเคี่ยวจนเหนียวหนึบ แล้วนำมาหยอดเป็นก้อนกลม ปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่ที่ที่ยังผลิตน้ำตาลอ้อยแบบโบราณกันอยู่ หาซื้อได้ที่ นครสวรรค์ และกาญจนบุรี เป็นต้น วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสรรพสิ่งบ้านนากลาง ตำบลนากลาง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 086 351 2633 วิสาหกิจชุมชนน้ำตาลทรายแดง บ้านวังหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 081 008 3965 มะพร้าว พืชตระกูลเดียวกับปาล์ม สามารถเก็บน้ำตาลได้จากช่อดอกมะพร้าว โดยการตัดปลายช่อออก แล้วนำกระบอกมารองน้ำตาลที่จะไหลออกมา ทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะได้น้ำตาลจากมะพร้าวเต็มกระบอก เพื่อน ๆ สามารถหาชมการทำน้ำตาลปึกจากมะพร้าวได้ในบริเวณจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม เป็นต้น กลุ่มน้ำตาลมะพร้าวตาหลวง หมู่ 6 ตำบลตาหลวง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 081 014 8345, 083 026 3005, 090 437 8831, 085 393 9499 บ้านเตาไทยเดิม หมู่ 4 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 087 321 1288, 089 770 7541 ตาลโตนด การเก็บน้ำหวานจากตาลโตนด มีวิธีการคล้ายกับการเก็บน้ำตาลมะพร้าว แต่จะนิยมเก็บน้ำตาลจากต้นตัวผู้ เนื่องจากทำง่ายกว่า ใช้ “ไม้คาบ” อุปกรณ์สำหรับการนวดจั่นตาล (งวงดอกตาล) นวดวันละ 1 ครั้งไป 3-4 วัน จากนั้นตัดปลายจั่นแล้วเอากระบอกรองเก็บน้ำตาล ก็จะได้น้ำตาลจากตาลโตนด สามารถกินเป็นน้ำตาลสด หรือเอาไปทำน้ำตาลปึกได้ ตาลโตนดที่ขึ้นชื่ออยู่ที่เพชรบุรี นอกจากนี้ก็ยังมีที่อื่น ๆ ได้แก่ นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก เป็นต้น สวนตาลลุงถนอม ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี 087 800 7716 วิสาหกิจชุมชนบ้านปากคลองเกยไชย ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ 084 657 7227, 098 549 9974 ต้นจาก อีกหนึ่งภูมิปัญญาที่เกือบสูญหาย คือการทำน้ำตาลจากต้นจาก พืชตระกูลปาล์มอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำไปทำน้ำตาลปึกได้ การเก็บน้ำตาล ทำโดยการตัดเอาจาก “งวงจาก” คือส่วนก้านของผลจากที่มี 30 ผลขึ้นไป ลอกกาบออก ตัดปลายงวงที่มีทะลายจากออก ทำซ้ำเป็นเวลา 3 วัน แล้ววันที่ 4 จึงสามารถเก็บเกี่ยวน้ำหวานได้ นำกระบอกที่เจาะรูด้านข้างไว้เพื่อเสียบงวงจากได้ ทิ้งไว้ 1 คืนก็จะได้น้ำตาล ส่วนมากทำกันในแถบภาคใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นจากจำนวนมาก ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง เป็นต้น วิสาหกิจแปรรูปน้ำตาลจาก “ขนาบนาก” หมู่ 5 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 095 682 4343 วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่จากอำเภอกันตัง หมู่ที่ 4 ตำบลบางหมาก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 083 088 4978

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก” อ่านเพิ่มเติม

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨

สุดสัปดาห์นี้แอดจะชวนไปเที่ยว “อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับชาวแคมป์ปิ้ง อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับการพักผ่อนทริปสั้น ๆ นอกจากนี้ แอดยังมีอัปเดตมาตรการ New Normal มาฝากด้วย อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดเพชรบุรี ได้ที่ https://www.facebook.com/phetburihealth/สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดเพชรบุรีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/33 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของไทย อีกทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อีกด้วย  มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง กางเต็นท์ ถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนนี้ อากาศเริ่มเย็นลง หากไปจังหวะดี ๆ อาจจะได้เห็นหมอกบาง ๆ  ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท/หลัง/คืนแต่ถ้าอยากพักในบ้านพัก ที่นี่ก็มีบ้านพักให้บริการ มีทั้งหมด 15 หลัง ราคาประมาณ 800-3,000 บาท  สามารถจองบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ที่ https://nps.dnp.go.th/ ดูนก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายชนิด จุดยอดนิยมจุดหนึ่งก็คือบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีนกหลายชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นมือใหม่หัดดูนก ก็สามารถเห็นนกได้ไม่ยาก หากเพื่อน ๆ ตั้งใจจะมาดูนกด้วย แอดก็มีข้อมูลเล็ก ๆ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติและเทคนิคในการดูนกแบบง่าย ๆ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาฝากค่ะhttp://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=1146 ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก ชมรมภาพถ่ายเพชรบุรี ล่องเรือชมวิวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แถมคนที่ชื่นชอบการตกปลาก็สามารถมาตกปลาที่นี่ได้นะสามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาประมาณ 500-700 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ชมพระอาทิตย์ตกดินตรงบริเวณสันเขาตะนาวศรี ถ้ามากางเต็นท์ค้างแรมที่นี่ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ รับรองวิวสวยประทับใจ และมีรูปสวย ๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึกแน่นอน **สะพานแขวนปิดปรับปรุง** สิ่งอำนวยความสะดวก– ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) ให้บริการทุกวัน วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. / วันเสาร์ เวลา 08.00-19.00 น.– Wi-fi– ตู้ ATM– ห้องน้ำในเขตอุทยานฯ– เต็นท์ให้เช่า (ขนาดพัก 2-4 คน) ราคา 120-250 บาท/คืน มาตรการในการเข้าพื้นที่อุทยานฯ  ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานฯ ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 40 บาท ค่าธรรมเนียมสำหรับพาหนะ รถจักรยานไม่เสียค่าบริการ/ รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถยนต์ 30 บาท ลงทะเบียนจองเข้าอุทยานล่วงหน้า ผ่านแอพพลิเคชัน QueQ ควรมาถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที แสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ด้วยรหัสการจองและเอกสารยืนยันตัวตน กรณีไม่ได้จองล่วงหน้า สามารถ Walk-in ได้ แต่จะให้สิทธิ์ผู้จองล่วงหน้าก่อน หากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้นไม่เกินจำนวนที่รองรับได้ จึงจะให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิที่บริเวณด่านทางเข้า นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง Check-in และ Check-out ผ่านแอพพลิเคชัน ไทยชนะ  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 032 772 311 หรือ inbox Facebook : https://www.facebook.com/Kaengkrachannationalparkofficial/

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

เพชรบุรี จังหวัดเดียวเที่ยวได้ 3 วัง

วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปชมความงดงามของพระราชวังทั้ง 3 แห่งในจังหวัดเพชรบุรีกัน– พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน– พระนครคีรี (เขาวัง)– พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน ที่ตั้ง : ถนนราชดำริห์ ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทโทร. 032 242 8506-10 ต่อ 259.พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมในฤดูฝน ออกแบบโดยนายคาร์ล ดอห์ริง ชาวเยอรมัน แต่สร้างยังไม่แล้วเสร็จ ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2459 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่นี่เคยใช้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เป็นที่ตั้งโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม และโรงเรียนประชาบาลประจำตำบลด้วย มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป 2 ชั้น หลังคาด้านเหนือเป็นทรงโดม ส่วนยอดตรงกลางคล้ายหอคอย มีสนาม (court) อยู่ภายใน ซึ่งเดิมเป็นสนามแบดมินตัน แต่ภายหลังได้ปรับปรุงให้เป็นสวนหย่อมที่มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ รวม 44 ห้อง ได้แก่ ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องบรรทมพระเจ้าอยู่หัว ห้องบรรทมพระราชินี และห้องทรงพระอักษร เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ที่ตั้ง : ถนนคีรีรัถยา ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาทนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้น หรือโดยสารรถรางไฟฟ้า ค่าบริการไป-กลับ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี) 15 บาทโทร. 032 425 600, 032 428 539.พระนครคีรี หรือ เขาวัง เป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขา 3 ยอด ที่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า “เขาสมน” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนภูเขาแห่งนี้ แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2403 พระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “เขาวัง” พระนครคีรี ประกอบด้วยพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิคผสมกับสถาปัตยกรรมจีน สถานที่ที่น่าสนใจ ได้แก่ – วัดมหาสมณาราม ตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาด้านทิศตะวันออก เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบูรณะขึ้นใหม่ ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในสมัยนั้น – วัดพระแก้วน้อย เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาด้านทิศตะวันออก ภายในมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ อุโบสถขนาดเล็กประดับด้วยหินอ่อน พระสุทธเสลเจดีย์ เจดีย์หินอ่อนสีเทาอมเขียว และพระปรางค์แดง ปรางค์ที่ตั้งแต่ชั้นเรือนธาตุขึ้นไปมีลักษณะโปร่ง ต่างจากปรางค์ทั่วไป – พระธาตุจอมเพชร ตั้งอยู่บนเขายอดกลาง เป็นเจดีย์ทรงระฆังสีขาวขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ – พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาด้านทิศตะวันตก บริเวณพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่างๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จะจัดงาน “พระนครคีรี-เมืองเพชร” ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยจะมีการประดับไฟสวยงามตามสถานที่ต่างๆ บนพระนครคีรี มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมและการแสดงพื้นบ้าน มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด รวมทั้งสลากกาชาด และที่พลาดไม่ได้คือ การแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่ทุกค่ำคืน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ตั้ง : ค่ายพระรามหก ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีเปิดวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (ปิดวันพุธ) เวลา 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท (ชมได้เฉพาะด้านนอก เนื่องจากอาคารกำลังอยู่ระหว่างบูรณะ)โทร. 032 508 444-5.พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก เป็นพระราชวังที่ประทับริมทะเลซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักที่หาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่ใน พ.ศ.2466 ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง”  พระราชวังแห่งนี้มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป คือเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้สักทอง เน้นความเรียบง่ายและโปร่งโล่ง เพื่อให้เข้ากับสภาพธรรมชาติและภูมิอากาศของชายทะเล ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 3 หมู่ ได้แก่ หมู่พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ หมู่พระที่นั่งสมุทพิมาน และหมู่พระที่นั่งพิศาลสาคร รวมทั้งหมด 16 หลัง เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงทางเดินมีหลังคา นอกจากนี้ ในบริเวณพระราชนิเวศน์มฤคทายวันยังมีสวนที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ สวนเวนิสวานิช สวนศกุนตลา สวนมัทนะพาธา และสวนวิวาห์พระสมุทร อีกด้วย เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 มิถุนายน 2562

เพชรบุรี จังหวัดเดียวเที่ยวได้ 3 วัง อ่านเพิ่มเติม

ร้อนนี้…ผี (เสื้อ) สวย

เริ่มแล้วค่ากับ “เทศกาลชมผีเสื้อ” ณ แคมป์บ้านกร่าง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บอกเลยว่างานนี้คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาดอย่างแรง ฮั่นแน่เริ่มสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ? แต่ก่อนจะไป เรามาทำความรู้จักกับผีเสื้อของที่นั่นกันก่อนดีกว่าค่ะ ผีเสื้อของที่นี่มีกี่สายพันธุ์? แคมป์บ้านกร่างถือเป็นสถานที่ชมผีเสื้ออันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะที่นี่มีฝูงผีเสื้อมากมายกว่า 200 สายพันธุ์เลยทีเดียวค่ะ ผีเสื้อจะมีมากในช่วงเวลาใด?  ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนของทุกปี เป็นช่วงที่เพื่อนๆ สามารถพบเห็นผีเสื้อได้มากที่สุด  และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อ คือระหว่าง 08.00 – 14.00 น. โดยเฉพาะเวลา 08.00 น. ผีเสื้อจะเกาะนิ่งตามใบไม้ เพื่อผึ่งแดดให้ร่างกายและปีกอบอุ่นแข็งแรง ก่อนบินออกหากินนั่นเองค่ะ ทำไมเราจึงสามารถชมฝูงผีเสื้อนับพันตัวได้ในช่วงหน้าร้อน? นั่นเป็นเพราะว่าเมื่ออากาศร้อนจัด แหล่งน้ำต่างๆ ตามธรรมชาติเริ่มแห้งลง ทำให้บรรดาผีเสื้อต้องพากันออกมาหากินเกลือตามดินโป่ง หรือบริเวณที่มีน้ำขังนั่นเองค่ะ ควรปฏิบัติตัวอย่างไรในการชมผีเสื้อ? – สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาด เช่น สีเขียว สีน้ำเงิน และสีกากี เพื่อไม่ให้ผีเสื้อตกใจ – เมื่อเห็นผีเสื้อเกาะอยู่บนพื้น ให้เดินช้าๆ เมื่อเข้าใกล้ในระยะ 5 เมตร ควรนั่งลง  – เมื่อเข้าใกล้ผีเสื้อในระยะ 2 เมตร ควรนอนลงแล้วค่อยๆ คลานเข้าไป วิธีนี้จะทำให้สามารถเข้าใกล้ผีเสื้อได้ถึง 1 เมตรเลยทีเดียว – หากผีเสื้อตกใจบินหนีไป ให้นั่งนิ่งๆ รอสักพัก ถ้าผีเสื้อยังห่วงอาหารอยู่พวกเค้าก็จะกลับมาเองค่ะ (ทำไมเอ็งเห็นแก่กินอะ) แคมป์บ้านกร่าง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรีเปิดเวลา 08.00-16.00 น. (เปิดเฉพาะเดือนพฤศจิกายน-กรกฏาคม)ค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 40 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาทโทร. 032 772 311

ร้อนนี้…ผี (เสื้อ) สวย อ่านเพิ่มเติม

10 เส้นทางรถไฟ เที่ยวประหยัดใกล้กรุง

ไหนใครอยากไปเที่ยว แต่มีเวลาว่างจำกัดบ้าง บอกเลยว่า เราหัวอกเดียวกันค่ะ เพราะฉะนั้น ที่เที่ยวที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ก็ต้องอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เอาแบบเที่ยววันเดย์ทริป หรือ 2 วัน 1 คืน ได้ยิ่งดี แต่ถ้าจะให้นั่งรถตู้หรือขับรถไปก็อาจจะดูธรรมดาไปหน่อย ลองเปลี่ยนมานั่งรถไฟดูสิ ได้ชมบรรยากาศสวยๆ ระหว่างทาง แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย . . ใครอยากนั่งรถไฟไปเที่ยว คลิกเข้าไปดูข้อมูลไว้เป็นแนวทางจัดทริปครั้งหน้าได้เลย . . สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยรถไฟได้ที่ : การรถไฟแห่งประเทศไทย call center 1690 http://www.railway.co.th/Home/Index . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  นครปฐม – ราคาตั๋ว 10-44 บาท– สถานีธนบุรี-สถานีนครปฐม– เวลารถไฟเที่ยวไป 07.30 น. / 07.50 น. / 13.05 น. / 13.55 น. / 18.25 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ– พระปฐมเจดีย์ – พระราชวังสนามจันทร์ ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ตั้งฮะเส็ง ข้าวหมูแดง นครปฐม – ตลาดนัดองค์พระปฐมเจดีย์ – ร้าน Boxgallery– ร้าน Fairy Tale cozy dessert home กาญจนบุรี – ราคาตั๋ว 25-110 บาท– สถานีธนบุรี-สถานีกาญจนบุรี– เวลารถไฟเที่ยวไป 07.50 น. / 13.55 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง – รถไฟท่องเที่ยว สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีน้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ – พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า– สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก– พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก– หอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก– สวนน้ำ West Wonder Waterpark  ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ก๋วยเตี๋ยววันวาน – ร้านบ้านเรา – ร้านชลุค– Gravite drip coffee พระนครศรีอยุธยา – ราคาตั๋ว 45-130 บาท– สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีอยุธยาเวลารถไฟเที่ยวไป 04.20 น. / 05.20 น. / 05.45 น. / 6.40 น. / 07.00 น. / 08.20 น. / 08.30 น. / 09.25 น. / 10.05 น. / 10.50 น. / 11.20 น. / 11.40 น. / 12.55 น. / 13.45 น. / 14.05 น. / 15.20 น. / 16.30 น. / 17.00 น. / 17.25 น. / 18.10 น. / 18.20 น. / 18.35 น. / 18.55 น. / 19.35 น. / 20.00 น. / 20.10 น. / 20.30 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง – 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับประเภทรถไฟ).สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ – ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช– วัดพิชัยสงคราม– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา – อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ร้านบ้านส้มตำ– แพกรุงเก่า – ร้านผักหวาน– บ้านข้าวหนม– The JIM’s Cafe ราชบุรี – ราคาตั๋ว 25-370 บาท– สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีราชบุรี เวลารถไฟเที่ยวไป 08.05 น. / 09.20 น. / 13.00

10 เส้นทางรถไฟ เที่ยวประหยัดใกล้กรุง อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางเพชรบุรี-หัวหิน

เพชรบุรี – หัวหิน เส้นทางท่องเที่ยวสุดคลาสสิกตลอดกาลของคุณแม่พวกเรา ก่อนออกเดินทางอย่าลืมเตรียมหมวกเก๋ๆ แว่นกันแดดสวยๆ เสื้อผ้าสีสดๆ ให้คุณแม่ เพื่อเป็นพร็อพถ่ายภาพกันด้วยล่ะ เส้นทางนี้แอดจัดทริป 2 วัน 1 คืน แวะเที่ยวกันแบบสบายๆ สไตล์แม่ลูกสายชิลล์…เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังหาโปรแกรมพาแม่ย้อนวัยหวานอยู่ละก็ เตรียมแชร์โพสและแท็กคุณแม่กันได้เลย …………………………………. วันที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สร้างวังที่ประทับบนยอดเขาแห่งนี้ และได้พระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเรียกกันติดปากว่า “เขาวัง” มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อนๆ สามารถขึ้นชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ได้โดยการเดินขึ้นหรือโดยสารรถรางไฟฟ้าก็ได้ ค่ารถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) ชาวไทย ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 15 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 15 บาท ค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.30 – 16.00 น. การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) จนถึงตัวเมืองเพชรบุรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองเพชรบุรีมาประมาณ 1 กิโลเมตร จะมองเห็นธนาคารกรุงไทย สาขาพระนครคีรีอยู่ด้านขวามือ ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบคลองชลประทานข้างธนาคารประมาณ 800 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งสถานีรถรางขึ้นเขาวัง พิกัด : https://goo.gl/maps/gKhhV9dLx372 พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน) ความงดงามของพระราชวังบ้านปืนหรือพระรามราชนิเวศน์แห่งนี้ ถูกใช้เป็นฉากสำคัญของละครย้อนยุคหลายต่อหลายเรื่อง โดยพระราชวังสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่มีพระราชประสงค์ให้สร้างวังแบบยุโรป เพื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานในฤดูฝน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00 – 16.00 น. การเดินทาง จากเขาวัง วิ่งมาตามถนนเพชรเกษมไม่ไกล ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำริ ตรงไปจนถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำเนิน จากนั้นตรงไปจนถึงโรงพยาบาลค่ายรามราชนิเวศน์ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนดำรงรักษ์ ตรงมาอีกนิดจะเจอทางเข้าพระรามราชนิเวศน์อยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/5wGSY7hGNm82 โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งสู่ความอุดมสมบูรณ์  ภายในโครงการมีการจัดเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นที่พืชท้องถิ่นของเพชรบุรี นอกจากนี้ยังทรงให้ปรับปรุงระบบระบายน้ำที่อ่างเก็บน้ำหนองเสือเพื่อใช้ในโครงการอีกด้วย โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริจึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรที่ยั่งยืน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00 – 18.00 น. การเดินทาง จากพระราชวังบ้านปืน วิ่งตามถนนเพชรเกษมลงมาจนถึงอำเภอท่ายาง ผ่านโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีไปตามเส้นทางตำบลท่าไม้รวก ผ่านที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขากระปุก-เขาเตาหม้อ ผ่านโรงเรียนบ้านทุ่งโป่งจนถึงโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ พิกัด : https://goo.gl/maps/nT9VP2FoZbJ2 พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก ตำบลห้วยทรายเหนือ ถนนเพชรเกษม บริเวณกิโลเมตรที่ 216-217 เลยหาดชะอำมา 8 กิโลเมตร เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่ที่นี่ ได้รับการขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง” ค่าเข้าชมด้านล่างและโดยรอบ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาทค่าเข้าชมด้านล่างและโดยรอบ และขึ้นชมหมู่พระที่นั่ง ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 45 บาท  โทร. 032 508 444-5, 032 508 039 เปิดบริการ : วันพฤหัสบดี – อังคาร เวลา : 08.30 – 16.00 น. (ปิดวันพุธ) การเดินทาง จากโครงการชั่งหัวมันมุ่งหน้าตรงกลับเข้าถนนเพชรเกษมอีกครั้ง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 6005 ตรงไปจนเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4002 จากนั้นตรงไปจนถึงสถานีอนามัยบ้านหนองโรง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนโยธาธิการหรือทางหลวงหมายเลข 1001 ขับตรงไปจนเจอทางออกถนนเพชรเกษม จากนั้นวิ่งตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปทางหัวหิน ขับไปอีกไม่ไกลจะเจอพระราชนิเวศน์มฤคทายวันอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด https://goo.gl/maps/JHNbYFA5gVy ตลาดโต้รุ่ง ปิดท้ายโปรแกรมวันแรก พาแม่มาย้อนวัยหวานกันที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันไปแล้วเมื่อมาเที่ยวหัวหิน ตอนกลางคืนก็ต้องมาเดินตลาดโต้รุ่ง ที่นี่เป็นถนนคนเดินที่มีร้านขายของหลากหลายไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หรือของฝาก ท่ามกลางกลิ่นหอมของอาหารทะเลเผาสดๆ เปิดบริการทุกวันเวลา 18.00 – 24.00 น. การเดินทาง จากพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ใช้ถนนเพชรเกษมเข้าหัวหิน ตลาดโต้รุ่งตั้งอยู่บริเวณซอยหัวหิน 42 พิกัด https://goo.gl/maps/JK6tMjdzHLu วันที่ 2 เริ่มโปรแกรมกันด้วยการพาแม่มาเดินเล่นรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่ริมทะเลชายหาดหัวหินกันก่อน หลังจากนั้นก็ขับรถพาแม่ออกมากินข้าวที่ถนนแนบเคหาสน์ ถนนเส้นนี้มีแต่ร้านอาหารเด็ดๆ เพียบ ทั้งอาหารทะเลสดๆ รวมไปถึงคาเฟ่นั่งชิลล์ริมทะเลด้วย าให้คุณแม่เลือกร้านที่ชอบ เมนูที่ใช่กันได้เลย สถานีรถไฟ หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็ขับรถชมเมืองพาคุณแม่มารำลึกความหลังกันที่สถานีรถไฟสุดคลาสสิก และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย  “สถานีรถไฟหัวหิน” พิกัด : https://goo.gl/maps/rGj9DJ4Neqj วัดห้วยมงคล โปรแกรมวันที่ 2 แอดจะพาแม่ไปเข้าสวน ชมไร่องุ่น ชิมไวน์ กันชิลล์ๆ ที่ไร่องุ่นหัวหิน monsoon valley vineyard

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางเพชรบุรี-หัวหิน อ่านเพิ่มเติม

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์

1. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ศูนย์ฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพัฒนาอาชีพด้านการประมงและการเกษตรในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลจันทบุรี รวมไปถึงการสร้างระบบนิเวศเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และการอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ  ภายในพื้นที่ป่าชายเลนจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ระหว่างทางมีศาลาพักซึ่งมีบอร์ดให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศูนย์ฯ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ในป่าชายเลน จำนวน 10 ศาลา กระจายตัวอยู่เป็นระยะ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอดสองข้างทาง นอกจากกิจกรรมเดินชมและศึกษาพื้นที่ป่าชายเลนแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ – การขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนหอดูเรือนยอดไม้ ซึ่งนอกจากจะได้เห็นพื้นที่ป่าชายเลนโดยรอบแล้ว ยังอาจพบนกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งมีมากกว่า 120 ชนิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นนกยางเปียง นกยางเหนียว นกจาบคาเล็ก ฯลฯ – กิจกรรมพายเรือคายัครอบพื้นที่ป่าชายเลน – บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์ฯ ยังมีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งมีพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ จัดแสดงไว้ให้ชมถึง 36 ชนิดด้วยกัน  นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังมีบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย  ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 นโทร. 039 433 216-8, 039 433 210  สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) – วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-17.30 น. โทร. 039 433 105 Website: http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen พิกัด : https://goo.gl/maps/6xQ3crf1cAm 2. โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งพื้นที่ป่าชายเลน ที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับน้ำเน่าเสียและขยะมูลฝอยของจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาธรรมชาติอีกด้วย  ภายในพื้นที่โครงการฯ จะมีทางเดินไม้ทอดยาวไปตามป่าชายเลน ระยะทางประมาณ 850 เมตร ตลอดทางค่อนข้างร่มรื่นเพราะมีต้นโกงกางและต้นแสมคอยปกคลุม รวมทั้งยังมีจุดชมวิวหอภูมิทัศนา เป็นจุดชมวิวมุมสูงเหนือป่าชายเลน ให้เราได้ศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลน รวมทั้งยังเป็นจุดชมนกประเภทต่างๆ ซึ่งที่นี่นับว่าเป็น 1 ใน10 ของแหล่งดูนกที่ดีที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ไฮไลท์อยู่ที่ปลายทางของสะพานที่ยื่นออกไปกลางทะเล จากจุดนี้เราจะเห็นวิวที่สวยงามของท้องทะเลและป่าชายเลน เหมาะแก่การนั่งพักหรือถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมระบบการจัดการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการต่างๆ ของโครงการฯ และที่นี่ยังมีที่พักให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรมอีกด้วย  ภายในโครงการฯ มีบริการรถรางนำชมตามจุดต่างๆ หรือถ้าอยากชิลล์จะปั่นจักรยานชมรอบๆ ก็ได้  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 02 579 2116Website: http://www.lerdilc.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/ZwuMxrEj6h32 3. ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์  หนึ่งในป่าชายเลนในพื้นที่ปากน้ำปราณบุรี ซึ่งแต่ก่อนเคยมีสภาพเสื่อมโทรมจากการทำนากุ้งมาเป็นเวลานาน แต่ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จฯ ปราณบุรี พ.ศ.2539 ทำให้มีการยกเลิกสัมปทานนากุ้ง และฟื้นฟูพื้นที่ 786 ไร่ ให้กลายเป็นป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางเช่นทุกวันนี้  ภูมิทัศน์โดยรอบของป่าชายเลนแห่งนี้ มีความสงบ ร่มรื่น และเย็นสบาย มีทางเดินลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ระยะทาง 1 กิโลเมตร ระหว่างทางมีป้ายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับป่าชายเลนแห่งนี้ เหมาะสำหรับศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ ต้นโกงกางและพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมไปถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนด้วย นอกจากการเดินชมต้นโกงกางตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมในจุดอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นชมวิวบนหอชะคราม หอคอยสูงเท่าตึก 6 ชั้น ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็นผืนป่าชายเลนเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หรือชมต้นโกงกางประวัติศาสตร์ ต้นโกงกางใบเล็ก 2 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปลูกไว้อีกด้วย  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 032 632 255 Website: https://welovesirinart.wordpress.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/wup77tyRCyJ2 4. ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง  สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ริมน้ำประแส ซึ่งแต่เดิมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่นี้เคยเป็นพื้นที่ทำการประมง เลี้ยงกุ้ง และทำการเกษตรของชาวบ้านมาเป็นเวลานาน จนทรัพยากรบริเวณนี้เกิดความเสื่อมโทรม หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่เริ่มเห็นความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน จึงได้ร่วมกับชาวบ้านฟื้นฟูป่าชายเลนแห่งนี้ เพื่อให้ระบบนิเวศได้ฟื้นคืนกลับมา และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ป่าชายเลนมีสะพานไม้ให้เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองข้างทางตลอด 1 กิโลเมตร จะมีพันธุ์ไม้หลายชนิดขึ้นอยู่มากมาย จุดเด่นคือต้นโปรงงมากมายที่ขึ้นเบียดเสียดกันเต็มท้องทุ่งจนมองไม่เห็นพื้นดินด้านล่าง จนเรียกกันว่าเป็น “ทุ่งโปรงทอง” ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมทุ่งโปรงทองก็คือ ช่วงเช้า และบ่ายแก่ๆ ที่เมื่อสีเขียวปนเหลืองอ่อนของใบไม้กระทบกับแสงแดดก็จะกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งทุ่ง งดงามมาก เชื่อว่าใครที่ได้ไปชมก็คงไม่พลาดที่จะเก็บภาพไว้อย่างแน่นอน  นอกจากทุ่งโปรงทองแล้ว ภายในบริเวณนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงาม ได้แก่ ศาลาริมน้ำ หรือ ท่าน้ำที่ยื่นออกไปในทะเล และถ้ามาจากทางวัดตะเคียนงาม ปลายทางจะไปที่ปากน้ำประแสจะมีเรือรบหลวงประแส ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมด้วย เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.เทศบาลตำบลปากน้ำประแส โทร. 038 661 720-1พิกัด : https://goo.gl/maps/XH6LQtYv8jo 5. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ป่าชายเลนผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนไว้ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ด้านหน้าศูนย์ฯ มีต้นจิกทะเลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จมาเยือน พ.ศ.2549  ภายในบริเวณมีทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ที่มีระยะทางถึง 2,300 เมตร ซึ่งนับเป็นทางเดินชมป่าชายเลนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตลอดเส้นทางมีพันธุ์ไม้ต่างๆ ทั้งต้นโกงกาง ต้นแสม ต้นตะบูน ฯลฯ รวมไปถึงสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน เช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ นอกจากนี้ยังมีปูหยกฟ้า ซึ่งเป็นปูก้ามดาบชนิดหนึ่งที่มีกระดองสีฟ้าอมเขียว สวยงามแปลกตาอีกด้วย  สิ่งที่น่าสนใจภายในศูนย์ยังมีสะพานแขวนโยกเยกที่สร้างความหวาดเสียวให้แก่นักท่องเที่ยว

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์ อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย

กลับมาพบกับการตามหาของอร่อยทั่วไทยกันอีกครั้ง วันนี้แอดมินจะพาออเจ้าทั้งหลายเข้าวังไปทานข้าวแช่ดับร้อนกันสักหน่อย ร้านข้าวแช่แม่อร จังหวัดเพชรบุรี  ร้านข้าวแช่เก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดริมน้ำ หายากสักนิดแต่ถ้าได้ลิ้มลองแล้วจะบอกว่าไม่เสียแรงที่เดินตามหา ข้าวแช่ของทางร้านเป็นสูตรเมืองเพชรดั้งเดิม ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 30 ปี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่น้ำดอกไม้ ที่ใช้ผสมกันระหว่างน้ำอบควันเทียนและน้ำอบมะลิ ส่วนปลาหวานก็เนื้อหวานละมุน แทบจะละลายในปาก ข้าวแช่ขายชุดละ 20 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น. แนะนำให้โทรไปจองก่อนที่ 089 410 1969 ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่อร ร้านข้าวแช่พี่พเยาว์ จากเพชรบุรีสู่กรุงเทพ ร้านพี่พเยาว์เป็นร้านเก่าแก่หนึ่งเดียวในตลาดนางเลิ้ง ที่เปิดมานานกว่า 70 ปี โดยพี่พเยาว์เป็นชาวเพชรบุรีแต่กำเนิด นำสูตรข้าวแช่เมืองเพชรเข้ามาให้ชาวเมืองกรุงได้ทานกัน ใครอยากทานชาวแช่สูตรเมืองเพชรแบบดั้งเดิม ไปทานกันได้เลยที่ตลาดนางเลิ้ง ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ติดต่อได้ที่ 089 488 3105, 085 113 0580 ภาพจาก : ร้านพี่พเยาว์ ร้านข้าวแช่ลุงแดง จากข้าวแช่สูตรเมืองเพชร มาลองข้าวแช่ต้นตำรับชาวมอญกันบ้างดีกว่า ที่ร้านข้าวแช่ลุงแดง บนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ข้าวแช่ร้านนี้แตกต่างจากที่อื่นเพราะข้าวเป็นสีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัน ตัวชูโรงอีกอย่างคือ ไข่ห่อพริกหยวกสอดไส้หมูสับและกุ้งสับซ่อนอยู่ภายในอีกชั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ ชุดละ 80 บาท ไปสัมผัสบรรยากาศพร้อมทานข้าวแช่เย็นชื่นใจได้ทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.  ภาพจาก : ร้านลุงแดง ร้านข้าวแช่แม่ศิริ  ร้านเล็กๆแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ เจ้าเก่าย่านบางลำพู ร้านข้าวแช่สูตรชาวมอญชื่อดังที่ถามใครแถวนั้นก็รู้จักกันเป็นอย่างดี จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าติดใจคือความพิถีพิถันในการทำข้าวแช่ ดอกมะลิที่ใช้ลอยน้ำเป็นมะลิที่ปลูกเอง ส่วนเครื่องเคียงต่างๆมีรสชาติกลมกล่อม ในช่วงหน้าร้อนจะมีเมนูพิเศษพวกพริกหยวกยัดไส้หรือหอมแดงยัดไส้เพิ่มด้วย ข้าวแช่ราคาชุดละ 30 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ร้านอยู่ในตรอกไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ ย่านบางลำพู โทรสอบถามหรือสั่งอาหารได้ที่เบอร์ 02 281 7996  ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่ศิริ ร้านกลางซอย สุขุมวิท 49  ร้านกลางซอยขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทย มีอาหารหากินได้ยากหลายเมนูให้ลองชิม เมนูข้าวแช่ของทางร้านจะมีเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ข้าวแช่น้ำหมอกลิ่นควันเทียน และดอกไม้อ่อนๆ ส่วนเครื่องเคียงมีพริกหยวกสอดไส้หมูสับที่ต้องขอบอกว่าอร่อยมาก ลูกกะปิทอด ไชโป๊วหวาน เนื้อฝอย ไม่มีหัวหอมทอดและปลาหวาน ข้าวแช่ราคา 220 บาท แนะนำว่าต้องลองไปชิมแล้วจะไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยค่ะ ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดทุกวัน 3 ช่วงเวลา จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.30 น. และ 17.00-22.00 น. เสาร์ เวลา 11.00-22.00 น. อาทิตย์ 11.00-15.00 น. ภาพจาก : ร้านกลางซอย

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย อ่านเพิ่มเติม

การผจญภัย..ใกล้เมืองกรุงฯ ที่แก่งกระจาน

การผจญภัย..ใกล้เมืองกรุงฯ ที่แก่งกระจาน

การผจญภัย..ใกล้เมืองกรุงฯ ที่แก่งกระจาน อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย…

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top