Spread the love

บทความ

  • บทความทั้งหมด
  • Ang Thong
  • Bangkok
  • Bueng Kan
  • Buriram
  • Chachoengsao
  • Chaiyaphum
  • Chiang Rai
  • Chonburi
  • Chumphon
  • Kamphaeng Phet
  • Kanchanaburi
  • Khon Kaen
  • Krabi
  • Lamphun
  • Loei
  • Lopburi
  • Mukdahan
  • Nakhon Pathom
  • Nakhon Phanom
  • Nakhon Ratchasima
  • Nakhon Sawan
  • Nakhon Si Thammarat
  • Nan
  • Nong Bua Lamphu
  • Nong Khai
  • Phang Nga
  • Phetchabun
  • Phetchaburi
  • Phitsanulok
  • Phra Nakhon Si Ayutthaya
  • Phrae
  • Phuket
  • Prachuap Khiri Khan
  • Ranong
  • Ratchaburi
  • Rayong
  • Samut Songkhram
  • Sing Buri
  • Sukhothai
  • Suphan Buri
  • Surat Thani
  • Tak
  • Thailand Reopening
  • Trang
  • Udon Thani
  • Uthai Thani
  • Uttaradit
  • กระบี่
  • กรุงเทพมหานคร
  • กาญจนบุรี
  • กาฬสินธุ์
  • กำแพงเพชร
  • ขอนแก่น
  • จันทบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • ชัยนาท
  • ชัยภูมิ
  • ชุมพร
  • ตรัง
  • ตราด
  • ตาก
  • ที่เที่ยวภาคกลาง
  • ที่เที่ยวภาคตะวันตก
  • ที่เที่ยวภาคตะวันออก
  • ที่เที่ยวภาคอิสาน
  • ที่เที่ยวภาคเหนือ
  • ที่เที่ยวภาคใต้
  • นครนายก
  • นครปฐม
  • นครพนม
  • นครราชสีมา
  • นครศรีธรรมราช
  • นครสวรรค์
  • นนทบุรี
  • นราธิวาส
  • น่าน
  • นาราธิวาส
  • บึงกาฬ
  • บุรีรัมย์
  • ปทุมธานี
  • ประจวบคีรีขันธ์
  • ปราจีนบุรี
  • ปัตตานี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • พะเยา
  • พังงา
  • พัทลุง
  • พิจิตร
  • พิษณุโลก
  • ภูเก็ต
  • มหาสารคาม
  • มุกดาหาร
  • ยะลา
  • ยโสธร
  • ร้อยเอ็ด
  • ระนอง
  • ระยอง
  • ราชบุรี
  • ลพบุรี
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • ศรีสะเกษ
  • สกลนคร
  • สงขลา
  • สตูล
  • สมุทรปราการ
  • สมุทรสงคราม
  • สมุทรสาคร
  • สระบุรี
  • สระแก้ว
  • สิงห์บุรี
  • สุพรรณบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • สุรินทร์
  • สุโขทัย
  • หนองคาย
  • หนองบัวลําภู
  • อ่างทอง
  • อุดรธานี
  • อุตรดิตถ์
  • อุทัยธานี
  • อุบลราชธานี
  • อํานาจเจริญ
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • เพชรบุรี
  • เพชรบูรณ์
  • เลย
  • แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว
  • แนะนำการท่องเที่ยว
  • แพร่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ไม่จัดหมวดหมู่
บทความทั้งหมด
  • บทความทั้งหมด
  • Ang Thong
  • Bangkok
  • Bueng Kan
  • Buriram
  • Chachoengsao
  • Chaiyaphum
  • Chiang Rai
  • Chonburi
  • Chumphon
  • Kamphaeng Phet
  • Kanchanaburi
  • Khon Kaen
  • Krabi
  • Lamphun
  • Loei
  • Lopburi
  • Mukdahan
  • Nakhon Pathom
  • Nakhon Phanom
  • Nakhon Ratchasima
  • Nakhon Sawan
  • Nakhon Si Thammarat
  • Nan
  • Nong Bua Lamphu
  • Nong Khai
  • Phang Nga
  • Phetchabun
  • Phetchaburi
  • Phitsanulok
  • Phra Nakhon Si Ayutthaya
  • Phrae
  • Phuket
  • Prachuap Khiri Khan
  • Ranong
  • Ratchaburi
  • Rayong
  • Samut Songkhram
  • Sing Buri
  • Sukhothai
  • Suphan Buri
  • Surat Thani
  • Tak
  • Thailand Reopening
  • Trang
  • Udon Thani
  • Uthai Thani
  • Uttaradit
  • กระบี่
  • กรุงเทพมหานคร
  • กาญจนบุรี
  • กาฬสินธุ์
  • กำแพงเพชร
  • ขอนแก่น
  • จันทบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • ชัยนาท
  • ชัยภูมิ
  • ชุมพร
  • ตรัง
  • ตราด
  • ตาก
  • ที่เที่ยวภาคกลาง
  • ที่เที่ยวภาคตะวันตก
  • ที่เที่ยวภาคตะวันออก
  • ที่เที่ยวภาคอิสาน
  • ที่เที่ยวภาคเหนือ
  • ที่เที่ยวภาคใต้
  • นครนายก
  • นครปฐม
  • นครพนม
  • นครราชสีมา
  • นครศรีธรรมราช
  • นครสวรรค์
  • นนทบุรี
  • นราธิวาส
  • น่าน
  • นาราธิวาส
  • บึงกาฬ
  • บุรีรัมย์
  • ปทุมธานี
  • ประจวบคีรีขันธ์
  • ปราจีนบุรี
  • ปัตตานี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • พะเยา
  • พังงา
  • พัทลุง
  • พิจิตร
  • พิษณุโลก
  • ภูเก็ต
  • มหาสารคาม
  • มุกดาหาร
  • ยะลา
  • ยโสธร
  • ร้อยเอ็ด
  • ระนอง
  • ระยอง
  • ราชบุรี
  • ลพบุรี
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • ศรีสะเกษ
  • สกลนคร
  • สงขลา
  • สตูล
  • สมุทรปราการ
  • สมุทรสงคราม
  • สมุทรสาคร
  • สระบุรี
  • สระแก้ว
  • สิงห์บุรี
  • สุพรรณบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • สุรินทร์
  • สุโขทัย
  • หนองคาย
  • หนองบัวลําภู
  • อ่างทอง
  • อุดรธานี
  • อุตรดิตถ์
  • อุทัยธานี
  • อุบลราชธานี
  • อํานาจเจริญ
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • เพชรบุรี
  • เพชรบูรณ์
  • เลย
  • แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว
  • แนะนำการท่องเที่ยว
  • แพร่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ไม่จัดหมวดหมู่

เที่ยวตามคำขวัญ : สุรินทร์

สุรินทร์ หนึ่งในจังหวัดชายแดนของภาคอีสานตอนล่าง หรือ “อีสานใต้” ที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา และเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อารยธรรม และศิลปวัฒนธรรมของหลากหลายชนชาติ.ถ้าใครไปสุรินทร์แล้วไม่รู้จะเริ่มเที่ยวจากตรงไหน มาลองเที่ยวตามคำขวัญดูสิ สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ .จังหวัดสุรินทร์ขึ้นชื่อว่ามีช้างอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่บ้านตากลาง (อ่านว่า ตา-กลาง) อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นสถานที่ที่เราจะได้ทำความรู้จักกับสัตว์คู่บ้านคู่เมือง สัญลักษณ์ประจำชาติไทย คือ “ช้าง” ได้อย่างครบถ้วนและรอบด้าน.บรรพบุรุษของชาวบ้านตากลางเป็นชาวกูย (หรือกวย) ที่อพยพมาจากกัมพูชาเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย พวกเขาคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงช้าง ที่บ้านตากลางมีช้างอยู่ราว 200-300 เชือก เรียกว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงทีใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้.ในชุมชนบ้านตากลางมี “ศูนย์คชศึกษา” ซึ่งประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับช้าง และมีการแสดงของช้างทุกวัน วันละ 2 รอบ เวลา 10.00 และ 14.00 น..สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมศูนย์คชศึกษา บ้านตากลางโทร. 044 145 050 ผ้าไหมงาม .สุรินทร์มีผลิตภัณฑ์ในชุมชนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าไหมผืนงาม ที่บ่งบอกถึงความประณีตและทักษะขั้นสูงของช่างผู้ทอ.“บ้านท่าสว่าง” เป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมที่ได้อนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ รวมทั้งยังมีการพัฒนารูปแบบและลวดลายต่างๆ ขึ้นใหม่ด้วย ปัจจุบันบ้านท่าสว่างเป็นที่รู้จักกันในนาม “หมู่บ้านทอผ้าเอเปก” เนื่องจากผ้าทอของที่นี่ได้รับคัดเลือกให้นำไปตัดเสื้อและผ้าพันคอให้กับกลุ่มคู่สมรสของผู้นำการประชุมเอเปกที่เข้าร่วมประชุมในไทย เมื่อ พ.ศ.2546.ภายในชุมชนยังมีโฮมสเตย์ให้บริการ ผู้ที่สนใจสามารถมาซึมซับและเรียนรู้วิถีชุมชนได้อย่างเต็มที่.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่างโทร. 044 140 015 ประคำสวย.“หมู่บ้านเครื่องเงินเขวาสินรินทร์” (อ่านว่า เขฺวา-สิน-ริน หรือ เขฺวา-สิน-นะ-ริน) หรือ “กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินบ้านโชค” เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตลูกประคำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ เรียกว่า “ลูกปะเกือม”.“ปะเกือม” เป็นภาษาเขมร ใกล้เคียงกับคำว่า “ประคำ” ในภาษาไทย ใช้เรียกเม็ดเงินเม็ดทองกลมๆ ที่นำมาร้อยเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อย กำไล เป็นต้น.การทำปะเกือมนั้นมีมานานหลายร้อยปีแล้ว เชื่อกันว่าเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษที่อพยพมาจากเขมร ซึ่งลูกหลานก็ยังคงสืบสานต่อมาจนทุกวันนี้.สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้ามาเรียนรู้และทดลองลงมือทำปะเกือมด้วยตนเอง ก็สามารถทำได้แต่ต้องติดต่อมาล่วงหน้า เพื่อที่ทางชุมชนจะได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ให้.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผู้ประสานงานชุมชน : ลุงป่วน เจียวทองโทร. 081 309 5352, 089 043 6794 ร่ำรวยปราสาท.ช่วงที่อาณาจักรขอมเรืองอำนาจ ได้แผ่อิทธิพลทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมทั้งความเชื่อต่างๆ เข้ามาในดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน ทำให้ภาคอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดสุรินทร์มีปราสาทขอมตั้งอยู่หลายแห่ง.“ปราสาทศีขรภูมิ” เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ...
อ่านเพิ่มเติม

เกาะพยาม ยามไหนก็…รัก

เกาะพยาม ยามไหนก็…รัก  ในทะเลอันดามัน มีเกาะอยู่แห่งหนึ่งที่ในอดีตเรียกว่า “เกาะพิยาม” มาจากคำว่า “พอยาม” (“ยาม” เป็นการนับเวลาในสมัยโบราณ โดย 1 ยามเท่ากับ 3 ชั่วโมง) “พอยาม” จึงหมายถึง การเดินทางมายังเกาะต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงจึงจะถึง ภายหลังเพี้ยนมาเป็น “เกาะพยาม” แต่บ้างก็ว่าที่มาของชื่อ “เกาะพยาม” มาจากคำว่า “พยายาม” เพราะในสมัยก่อนการเดินทางไปยังเกาะพยามมีความยากลำบาก ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ชาวบ้านจึงเรียกเกาะนี้ว่า “เกาะพยายาม” ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น “เกาะพยาม” นั่นเอง เกาะพยาม เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดระนอง มีอ่าวหลักๆ อยู่ 4 อ่าวด้วยกัน คือ อ่าวแม่หม้าย อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย และอ่าวกวางปีบ ซึ่งแต่ละอ่าวตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึง การเดินทางบนเกาะพยาม ต้องใช้รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ หรือรถอีแต็กเท่านั้น ซึ่งบนเกาะก็มีให้บริการพร้อม การเดินทางมายังเกาะพยาม ต้องนั่งเรือจากท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองระนองประมาณ 15 นาที เรือมี 2 แบบ ได้แก่– เรือธรรมดา ราคาคนละ 200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง– เรือสปีดโบ๊ท ราคาคนละ 350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที เมื่อถึงท่าเทียบเรือเกาะพยาม เราก็จะพบกับ “อ่าวแม่หม้าย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือหลักและศูนย์กลางความเจริญของเกาะ ใกล้ๆ กัน มีวัดเกาะพยาม ซึ่งโดดเด่นด้วยพระอุโบสถกลางทะเล ที่มีพระพุทธรูปปางลีลาประดิษฐานอยู่บนหลังคา เป็นจุดสังเกตที่เห็นได้แต่ไกลยามนั่งเรือมาสู่เกาะ จุดเด่นของอ่าวนี้คือ หน้าหาดที่หันไปทางทิศตะวันออก จึงสามารถชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม บริเวณอ่าวแม่หม้ายจะคึกคักกว่าอ่าวอื่นๆ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของท่าเทียบเรือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริการเรือเช่ารอบเกาะ และรถจักรยานยนต์ให้เช่า อ่าวถัดมาคือ “อ่าวใหญ่” อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ...
อ่านเพิ่มเติม

ทุ่งเพล … สายธารจากขุนเขา

ลักษณะเด่นของบ้านทุ่งเพล คือ เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีลำธารสายยาวไหลผ่านขนานไปกับแนวป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ . อาชีพหลักของผู้คนที่นี่ คือ การทำสวนผลไม้ เช่น ทุเรียน ลองกอง มังคุด เงาะ และสละ ด้วยมีทั้งดินและน้ำที่สมบูรณ์ ทำให้ผลไม้ในพื้นที่แถบนี้มีรสชาติที่ดีตามไปด้วย . ปัจจุบันบ้านทุ่งเพลมีทั้งโฮมสเตย์และรีสอร์ทเปิดบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง ใครที่สนใจอยากมาสัมผัสธรรมชาติกับบรรยากาศสไตล์บ้านสวนริมลำธารที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ต้องห้ามพลาดมาเช็คอินที่นี่นะคะ ตามมาชมภาพบรรยากาศดี ๆ สุดสดชื่น พร้อมข้อมูลการเดินทางไปกับแอดได้เลยค่ะ บ้านทุ่งเพล ตั้งอยู่ที่ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี – การเดินทางไปยังบ้านทุ่งเพล จากตัวเมืองจันทบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) เส้นทางมุ่งหน้าไป จ. ตราด จนถึงสามแยกปากแซง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 317 (จันทบุรี-สระแก้ว).ขับตรงมาจนถึงสามแยกวัดเขาบรรจบ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท จท. 3035 จนถึงโรงเรียนบ้านทุ่งเพล จากนั้นเลี้ยวซ้ายและตรงเข้าไปเรื่อย ๆ ถนนเส้นนี้ตลอดสองข้างทางจะเป็นสวนผลไม้และมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวตั้งเรียงรายตลอดแนวถนน ขนานไปกับลำธารทุ่งเพล.รวมระยะทางจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 39 กิโลเมตร หรือหากมาจากกรุงเทพฯ มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ลำธารทุ่งเพล มีต้นน้ำมาจากเขื่อนทุ่งเพล ซึ่งตั้งอยู่บนเขาสูงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ลำธารทุ่งเพลจะไหลผ่านวัดเขาบรรจบ ลงมาจนถึงพื้นที่ที่เป็นสวนผลไม้ของชาวบ้าน รวมทั้งโฮมสเตย์และรีสอร์ทต่าง ๆ ด้วย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ในแหล่งต้นน้ำ ทำให้ลำธารทุ่งเพลไม่เคยเหือดแห้ง มีสายน้ำไหลเย็นให้ได้เล่นฉ่ำใจกันตลอดทั้งปี บ้านทุ่งเพลสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหากมาเที่ยวในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม จะตรงกับช่วงที่ผลไม้ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด กำลังให้ผลผลิตออกสู่ตลาด ก็จะได้ทั้งมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ ชิมและซื้อหาผลไม้สดอร่อยกันด้วย หากใครมาเที่ยวบ้านทุ่งเพล อย่าลืมแวะไหว้พระทำบุญกันที่ “วัดเขาบรรจบ” วัดป่าเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมลำธารทางตอนเหนือของบ้านทุ่งเพล ภายในพระอุโบสถของวัด มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยพุทธลักษณะสุดงดงามให้กราบไหว้สักการะ บริเวณลำธารด้านข้างวัด มีสะพานแขวนให้เดินเที่ยวชื่นชมธรรมชาติ ซึ่งอีกฝั่งหนึ่งของปลายสะพานเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ (ทุ่งเพล) วิวลำธารทุ่งเพลเมื่อมองลงมาจากสะพานแขวน สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าและเสียงสายน้ำที่ไหลผ่าน ทำให้รู้สึกสบายตาและสูดลมหายใจได้โล่งปอดมาก ๆ ในบริเวณวัดเขาบรรจบยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 100 เมตร เพื่อเดินไปชมต้นไม้ยักษ์ คือ ต้นสมพงษ์ ลำต้นสูงใหญ่เด่นตระหง่าน มีอายุมากกว่าร้อยปี ...
อ่านเพิ่มเติม

Safari Park กาญจนบุรี

ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนส่วนใหญ่มักจะใช้ช่วงเวลานี้หากิจกรรมทำร่วมกับคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ๆ ซึ่งบางคนก็เลือกที่จะใช้เวลาอยู่บ้าน บางคนก็เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้วเพื่อน ๆ ละคะ เลือกทำกิจกรรมแบบไหนในวันหยุด? . หากเพื่อน ๆ คนไหนเลือกที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวให้มารวมตัวกันตรงนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ มาแนะนำ รับรองได้ว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน . สถานที่ท่องเที่ยวที่ว่าก็คือ Safari Park & camp นั่นเองค่ะ สถานที่แห่งนี้เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งแรกและแห่งเดียวของจังหวัดกาญจนบุรี ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม เนื่องจากภายในสวนสัตว์แห่งนี้มีสัตว์หลากหลายชนิดและกิจกรรมถ่ายรูปเก๋ ๆ กับเจ้ายีราฟอย่างใกล้ชิด ค่าเข้าชม – แบบธรรมดาผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท – แบบ Private พร้อมถ่ายรูปคู่กับยีราฟราคาคนละ 1,000 บาท(แบบ Private จะมีทั้งหมดวันละ 13 รอบรอบแรกเริ่มเวลา 09.00 น. รอบสุดท้ายเวลา 15.30 น. ใช้เวลารอบละประมาณ 30 นาที). ต้องจองล่วงหน้าผ่าน Facebook เท่านั้น https://www.facebook.com/SafariparkOpenZoo/ ค่าอาหารป้อนสัตว์ชุดละ 100 บาท (จะซื้อหรือไม่ก็ได้) หากใครซื้อบัตรแบบธรรมดา ก็สามารถเลือกได้ว่าจะขับรถยนตร์ส่วนตัวเข้าไปเอง หรือนั่งรถมินิบัสนำชมที่ทาง Safari Park & camp จัดไว้ให้.หากเลือกนั่งรถมินิบัสนำชม นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นตอนถ่ายรูป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั่นเองค่ะ ก่อนจะเดินทางเข้าไปภายในสวนสัตว์ เจ้าหน้าที่จะประกาศกฎที่สำคัญ คือ หากขับผ่านช่วงที่มีเสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต รถทุกคันต้องปิดกระจก เพื่อความปลอดภัยของทุกคนค่ะ ภายใน Safari Park & camp มีสัตว์มากมายให้เราได้ชม ไม่ว่าจะเป็นกวาง เสือดาว สิงโต นกกระจอกเทศ ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น.สำหรับกวาง ม้าลาย ...
อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยว จังหวัดตาก 2 วัน 1 คืน

ในช่วงวันหยุดที่จะถึงนี้ ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน แอดขอแนะนำจังหวัดตาก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ขับรถประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศชุ่มฉ่ำของสายฝนและหมอกหน้าฝนสวย ๆ อย่างแน่นอน.เส้นทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ แอดจะพาเที่ยวไปเรื่อย ๆ จากอำเภอเมืองไปจนถึงอำเภออุ้มผางเลยค่ะ . วันที่ 1– อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช– วัดไทยวัฒนาราม– เข้าที่พักอำเภออุ้มผาง วันที่ 2– ดอยหัวหมด– ตลาดดอยมูเซอ– ร้านข้าวเม่า ข้าวฟ่าง อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช.อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมืองและอำเภอแม่สอด สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี.ทางอุทยานฯ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 400 คน และนักท่องเที่ยวสามารถจองวันที่จะเข้าไปเที่ยวอุทยานฯ ได้ในแอปพลิเคชัน QueQ.ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชที่ตั้ง: 69 ถนนแม่สอด-ตาก ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากโทร. 055 511 429Facebook : https://www.facebook.com/kabakyai ค่าเข้าชมอุทยานฯชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท เมื่อมาถึงอุทยานฯ อย่าลืมแวะทักทาย “ธันวา” หมีควายเจ้าถิ่นของที่นี่ ธันวาเป็นหมีกำพร้า เกิดในปี พ.ศ. 2542 มีพี่น้องท้องเดียวกันอีก 1 ตัว แม่ของมันถูกยิงตายเมื่อธันวาอายุได้แค่ 7 วันเท่านั้น จากนั้นลูกหมีทั้ง 2 ตัวจึงถูกนำมาเลี้ยงไว้ที่นี่ แต่เหลือเพียงธันวาที่รอดชีวิตและอาศัยอยู่ในอุทยานฯ จนถึงทุกวันนี้ ภายในอุทยานฯ มีบ้านพักให้บริการ 10 หลัง และมีลานกางเต็นท์ ที่นี่บรรยากาศดี เงียบสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยวกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสุด ๆ ค่ะ.ที่พักของอุทยานฯ ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 – 2,400 บาท สามารถพักได้ตั้งแต่ 4-10 คน เต็นท์เช่า ราคา 225 บาท/หลัง/คืน ...
อ่านเพิ่มเติม

ทุ่งโปรงทอง Mangrove forest of Rayong

ทุ่งโปรงทอง ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยอง บนเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ เป็นทั้งแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้การอนุรักษ์ป่าชายเลนอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย.ด้วยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ร่มรื่น เดินสะดวก มีมุมให้เก็บภาพสวย ๆ มากมาย ที่นี่จึงเป็นจุดเช็คอินและจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดระยอง.ตามมาเที่ยวและเก็บข้อมูลก่อนเดินทางด้วยกันในรีวิวนะคะ ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนแสมผู้ ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยองเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น. การเดินทางไปยังทุ่งโปรงทอง หากนำรถยนต์ส่วนตัวมา ต้องจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถใกล้ๆ ค่าบริการ คันละ 20 บาท จากนั้นต้องนั่งรถซาเล้งไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ คนละ 5 บาท (ไป-กลับ 10 บาท) นั่งได้คันละ 3 คน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นทางเดินสะพานไม้เข้าไปในป่าชายเลน ซึ่งมีทั้งต้นโกงกางและต้นโปรงขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะต้นโปรงถือเป็นพันธุ์ไม้เด่นของที่นี่ และด้วยลักษณะเฉพาะที่ยอดใบมีสีเขียวอ่อนอมเหลือง ทำให้ยามต้องแสงแดดดูสวยงามสะดุดตา จนเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งโปรงทอง” ช่วงเวลาที่แนะนำในการไปเที่ยวทุ่งโปรงทอง คือ ช่วงเวลาเช้า 07.00-09.00 น. และช่วงเวลาเย็น 15.00-17.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แสงกำลังสวย อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ตลอดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จะมีระเบียงไม้และศาลาให้แวะพักผ่อนหรือถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ ใจกลางทุ่งโปรงทอง จะมาคนเดียว มากับคนรัก มากับเพื่อน หรือมากับครอบครัวก็ได้ทั้งนั้น ทางเดินสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเงียบสงบ ต้นโปรงน้อยกำลังเติบโต ดอกของต้นโปรงทอง หากเดินจนสุดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ไป-กลับ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เป็น 1 ชั่วโมง ที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าคุ้มเวลามาก เพราะได้ทั้งความรู้ ความสบายตา และได้สูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางธรรมชาติด้วย สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน พวกเราควรช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม่ทิ้งขยะ ไม่หักกิ่งไม้ หรือเด็ดใบไม้ดอกไม้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบของทุกสถานที่ที่ไป เพื่อให้ธรรมชาติที่สวยงามคงอยู่กับพวกเราไปนาน ๆ นะคะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact ...
อ่านเพิ่มเติม

ฝนนี้ที่ทีลอซู

ฝนนี้ที่..ทีลอซู อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก.เขาว่ากันว่า ใครไปเที่ยวจังหวัดตากแล้วไม่ได้ไปน้ำตกทีลอซู ก็เหมือนไปไม่ถึงจังหวัดตาก เพราะน้ำตกทีลอซูถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ยิ่งสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและการเดินทางแนวผจญภัยด้วยแล้วละก็ ยิ่งต้องไปสัมผัสบรรยากาศของทีลอซูในช่วงหน้าฝนให้ได้เลยล่ะ . การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน เพื่อน ๆ ต้องซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์หรือรีสอร์ทในอำเภออุ้มผางที่เพื่อน ๆ เข้าพักเท่านั้น เพราะทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางจะปิดเส้นทางรถยนต์ตั้งแต่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวงถึงน้ำตกทีลอซู ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี.ข้อควรปฏิบัติเมื่อไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน– ใส่รองเท้ารัดส้นเพื่อความคล่องตัวในการเดิน– เตรียมกระเป๋ากันน้ำ เสื้อกันฝน และยากันยุงให้พร้อม เพราะอาจมีฝนตก และระหว่างทางเดินไปน้ำตกมียุงค่อนข้างเยอะ– ขณะล่องเรือต้องใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย เราเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยการล่องเรือยางจากตัวอำเภออุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลอง จนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางล่องเรือยางเส้นนี้ ไม่โลดโผนเหมือนการไปล่องแก่งแบบที่หลายคนรู้จัก เรือยางจะล่องไปเรื่อย ๆ ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวได้อย่างเต็มที่ ขอบอกเลยว่าชิลสุด ๆ ระหว่างทางเราจะเห็นหน้าผาหินสูงชันสวยงามแปลกตา น้ำตกเล็ก ๆ และต้นไม้อันเขียวขจี ไฮไลท์ของการล่องเรือครั้งนี้ ก็คือน้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาและโขดหิน ก่อนจะโปรยปรายลงมาเหมือนสายฝน ถ้าวันไหนมีแดด เพื่อน ๆ จะได้เห็นสายรุ้งบริเวณน้ำตกแห่งนี้ด้วยล่ะ หลังจากล่องเรือมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงบ่อน้ำร้อนที่มีความร้อนประมาณ 40 องศา ใครที่นั่งเรือมานาน ๆ แล้วรู้สึกเมื่อย สามารถมาเดินยืดเส้นยืดสาย และแช่เท้าผ่อนคลายให้หายเมื่อยได้ค่ะ หลังจากยืดเส้นยืดสายกันแล้ว เราก็ล่องเรือต่อไปจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือ ต่อจากนั้น เราต้องนั่งรถกระบะไปยังจุดกางเต็นท์ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถนนค่อนข้างชันและขรุขระ เพื่อน ๆ ต้องเกาะเสาและราวไว้ให้มั่นเลยนะคะ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ มาถึงปุ๊บก็ขอเติมพลังเอาแรงกันสักหน่อย เพราะต้องเดินไปชมน้ำตกกันต่อ.เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด ด้วยการเก็บขยะไปทิ้งนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านะคะ ใกล้กับจุดกางเต็นท์ เป็นเส้นทางเดินไปชมน้ำตกทีลอซู ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ทางเดินเป็นพื้นปูนสลับกับบันได เดินได้สบาย ๆ เลยค่ะ ระหว่างทางมีต้นไม้ และดอกไม้นานาพรรณ พอเดินไปเรื่อย ๆ แอดก็สะดุดตาเข้ากับเจ้าเห็ดถ้วยสีส้มแสนน่ารัก ซึ่งจะพบได้ในป่าดิบชื้น ช่วงหน้าฝนรู้ตัวอีกที แอดก็ได้รูปน้องเห็ดมาหลายรูปเลยล่ะค่ะ ...
อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเขาแหลมหญ้าหน้าฝน

วันนี้แอดจะพาไปลัดเลาะเลียบฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ตามปกติเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การกลับมาเปิดครั้งนี้นอกจากธรรมชาติที่สดใหม่แล้ว ทางอุทยานฯ ยังมีการปรับปรุงพื้นที่ให้สวยงามเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งกฎระเบียบใหม่ที่จะทำให้เราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวล ฤดูฝนแบบนี้ฟ้าหม่นสีเทาก็สวยไปอีกแบบ ข้อดีคืออากาศไม่ร้อนลมพัดเย็นสบาย ยิ่งถ้าไปเที่ยวในวันธรรมดานักท่องเที่ยวยิ่งน้อยสามารถดื่มด่ำความสวยงามได้อย่างเต็มที่ เริ่มด้วยจุดสวย ๆ ที่น่าถ่ายรูปคือหอสังเกตการณ์สีขาวตั้งเหงา ๆ อยู่กลางถนนที่ยื่นออกไปในทะเล เข้ากันกับฟ้าสีไม่จัด ตรงจุดนี้จะสามารถชมวิวท้องทะเลได้แบบ 360 องศา จุดที่สองคือสะพานท่าเทียบเรือซึ่งเป็นสะพานไม้ทอดยาวไปในทะเล ก็สามารถลงไปเดินเล่นได้ หรือจะถ่ายรูปก็สวย จากนั้นเรามาเดินลัดเลาะริมทะเลที่เขาแหลมหญ้า ซึ่งมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ทอดยาวเลียบภูเขาไปเรื่อย ๆ เดินสบาย มีทางเดินให้ลงไปถ่ายรูปได้เป็นจุด ๆ นั่งไกวชิงช้าเล่นรับลมก็ได้บรรยากาศดีไม่น้อย แต่ตรงจุดนี้ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เพราะไม่มีชายหาด สำหรับผู้ที่อยากชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก สามารถเดินไปที่ปลายแหลมของเขาแหลมหญ้า ซึ่งถ้าจะชมพระอาทิตย์ตกก็ต้องเผื่อเวลาเดินกลับให้ดีเพราะอาจจะมืดเสียก่อน ทางเข้าอุทยานฯ เปิดถึงแค่ 17.00 น. และเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้ถึง 18.00 น. บัตรค่าเข้าอุทยานฯ มีอายุ 5 วัน สามารถใช้ไปเที่ยวเกาะต่าง ๆ ภายในอุทยานฯ ได้ด้วย สำหรับนักเดินเทรลชอบปีนป่าย ที่นี่มีเส้นทางไม่ยากนัก ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าใครเดินไม่ทนก็ย้อนกลับมาทางเดิมได้ ก่อนจบแอดจะขอเล่าถึงขั้นตอนการเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ซึ่งภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดดีขึ้น ทางอุทยานฯ ได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว จึงต้องมีการจองคิวล่วงหน้าซึ่งไม่ได้ยุ่งยากเลย แถมสะดวกง่ายดายทันสมัยมาก.เริ่มจากก่อนออกเดินทางเราต้องเข้าไปจองคิวในแอปพลิเคชั่น QueQ ซึ่งต้องกรอกวันที่ เวลาเข้าอุทยานฯ จำนวนคน รายชื่อของทุกคนในกลุ่ม และรายละเอียดต่าง ๆ แค่นี้เราก็จะได้รับบัตรคิวเพื่อเก็บไว้เวลาผ่านเข้าอุทยานฯ เป็นการช่วยจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้แออัดมากเกินไป เมื่อไปถึงแค่โชว์บัตรคิวกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ วัดไข้ เช็คอินไทยชนะ และจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอน เที่ยวได้อย่างปลอดภัย.ในช่วงนี้ใครมาเที่ยวที่นี่ ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถภายในอุทยานฯ เพื่อความเป็นระเบียบ และนั่งรถสองแถวที่ให้บริการฟรี เข้าไปยังจุดท่องเที่ยว.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยองเปิดทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น.ค่าเข้าชมอุทยานฯ– ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท– ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 ...
อ่านเพิ่มเติม

ย้อนอดีตสู่ตำนาน…ลูกหลานพันธุ์มังกร

อุทยานมังกรสวรรค์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี และเป็นที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่จีนยาวนานกว่า 5,000 ปี.ภายในอุทยานฯ แบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกัน . ที่ตั้ง: ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีโทร. 035 521 690, 035 526 212เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/ZQ13qhWGrZ4BV873A โซนแรกที่แอดจะพาไปก็คือ “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” หนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนที่มาเที่ยวสุพรรณบุรีต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร.ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเป็นอาคารทรงไทย เมื่อ พ.ศ.2435 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้เสด็จไปตรวจราชการหัวเมืองเหนือ และได้แวะสักการะศาลแห่งนี้ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม จึงประทานเงินให้สร้างศาลขึ้นใหม่โดยมีลักษณะเป็นเก๋งจีน.ต่อมา พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสและพระราชทานเงินให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพิ่มเติม ศาลแห่งนี้ได้รับการบูรณะปรับปรุงรูปแบบเรื่อยมา จนในสมัยปัจจุบันได้มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยสร้างอาคารแบบจีนครอบศาลหลังเก่าที่เป็นอาคารทรงไทยเอาไว้ ภายในศาลมีเทวรูป 2 องค์ ประดิษฐานคู่กัน โดยทั้ง 2 องค์มีลักษณะเป็นประติมากรรมนูนต่ำที่จำหลักติดอยู่กับแผ่นหินด้านหลัง เป็นรูปพระนารายณ์ 4 กร สวมหมวกทรงกระบอก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศิลปะขอม.ตามประวัติเล่าว่า มีผู้พบเทวรูปทั้ง 2 องค์ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่ง ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาและสร้างศาลเจ้าเล็กๆ สำหรับเป็นที่ประดิษฐาน โซนต่อมาคือ “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร”.ก่อนจะเข้าไปชมภายในตัวอาคาร เพื่อนๆ จะเห็นว่าด้านบนของอาคารสร้างเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวถึง 135 เมตร สูง 35 เมตร และกว้าง 18 เมตร กล่าวกันว่าเป็นอาคารทรงมังกรที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เป็นอาคารจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และอารยธรรมจีน โดยใช้สื่อเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่ทันสมัย ทั้งภาพยนตร์ แสง สี เสียง และหุ่นจำลองที่สามารถเคลื่อนไหวได้ .ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 18 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่กำเนิดโลกและมนุษย์ตามความเชื่อของชาวจีน ยุคสมัยและราชวงศ์ของจีน ไปจนถึงยุคสาธารณรัฐ และความเป็นมาของชาวไทยเชื้อสายจีน นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุต่างๆ ของจีนให้ชมด้วย.หากเพื่อนๆ คนไหนอยากศึกษาประวัติศาสตร์จีนแบบเสมือนจริงแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่นี่.ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ ...
อ่านเพิ่มเติม

Street Art…art on wall EP.2

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว เชียงใหม่.ในภาคเหนือนี้ เราจะเริ่มต้นกันที่เชียงใหม่ ค่ะ เพราะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึง Street Art เก๋ๆ ด้วยค่ะ Street Art ของเชียงใหม่ มีให้เลือกชมอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถกาดสวนแก้ว ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 5 และ 17 ถนนมูลเมือง ซอย 6-7 ถนนราชวิถี ซอย 1 และกำแพงทัณฑสถานหญิงเก่า ซึ่งแต่ละที่ก็มีความอาร์ตที่แตกต่างกันไปค่ะ แม่ฮ่องสอน.ด้วยความที่แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย Street Art ของที่นี่จึงสะท้อนภาพความเป็นอยู่ของชุมชนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ เลยละค่ะ ผลงาน Street Art ของแม่ฮ่องสอน อยู่บริเวณถนนคนเดินแหล่จอมกั๋น ถนนขุนลุมประพาสซอย 3 หลังที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน.ซึ่งผลงานเหล่านี้เกิดจากศิลปินและจิตอาสาจากหลากหลายสถาบัน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานสุดประทับใจให้เราได้ชมกันค่ะ ลำปาง.ลำปาง ปลายทางฝัน บอกเลยว่า Street Art ของที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ เพราะเค้าได้นำสัญลักษณ์เด่นๆ อย่างเช่น ไก่ขาว และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลำปางมาวาดเป็นผลงานศิลปะที่สวยงาม Street Art ของลำปาง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งกาดกองต้า ตั้งแต่เชิงสะพานรัษฎาภิเศก เรื่อยไปจนถึงสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี และบริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งหลังจวนผู้ว่าฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ในกาดกองต้าอีกด้วยค่ะ.ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ไปเดินชม Street Art ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนเย็นๆ ก็สามารถไปเดินเที่ยวถนนคนเดินกาดกองต้ากันได้นะคะ มีสินค้าพื้นเมืองและของกินเยอะมากเลย นครสวรรค์.มาต่อกันที่ จ.นครสวรรค์ ประตูสู่ภาคเหนือกันเลยค่ะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มี Street Art ที่สวยงามไม่แพ้ใคร เพื่อนๆ ...
อ่านเพิ่มเติม
Scroll to Top