เพื่อนร่วมทาง

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แอดมีเส้นทางเดินเที่ยวกรุงเทพฯ อย่าง “สามย่าน-บรรทัดทอง” มาแนะนำ เพื่อน ๆ ที่รู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้จะไปไหนดี ตามลิสต์ของแอดไปได้เลย นอกจากจะเป็น 1 day trip ที่เดินทางสะดวก อยู่กลางเมืองสุด ๆ แล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังให้เราด้วยนะ เพิ่มพลังยังไงบ้าง ลองตามไปอ่านกัน เส้นทางเดินเที่ยว 1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย 3. เพิ่มลิสต์จุดถ่ายรูปที่ Dragon Town 4. เติมออกซิเจนให้ปอดที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5. อิ่มอร่อยสุขภาพดีที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้วรรณ  1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง  จุดแรกของวันนี้คือ วัดหัวลำโพง เดินทางสะดวกมาก เรียกว่าพอพ้นประตูทางออกที่ 1 ของ MRT สามย่าน เราก็เจอวัดทันที กิจกรรมทำบุญที่คนนิยมมาทำกันมากก็คือ การบริจาคโลงศพให้ศพไร้ญาติที่มูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดหัวลำโพงนั่นเอง เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาบริจาคได้ 24 ชั่วโมงเลย นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีเทพยดาฟ้าดิน (ทีกง) เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ หรือหากใครไม่สบายใจเพราะเป็นปีชง ก็มาไหว้ได้เช่นกัน ในบริเวณวัด เพื่อน ๆ จะเจอเทพมากมาย ทั้งเทพจีน เทพฮินดู รวมทั้งจุดทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ เรียกว่าถ้าเกิดความไม่สบายใจ อยากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลอบประโลมใจ เลือกทำตามความสบายใจได้ที่นี่ อีกจุดที่แอดอยากแนะนำคือ ขึ้นไปไหว้พระในอุโบสถที่อยู่บนชั้น 2 คนไทยสามารถขึ้นไปได้ฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋ว ราคา 40 บาท เมื่อเดินขึ้นมา เพื่อน ๆ จะพบกับพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อ พระพุทธมงคล ตามความเชื่อหากขอพรกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย จะช่วยปกป้องภัยจากศัตรู ช่วยให้การงานราบรื่น บนชั้น 2 นี้ เพื่อน ๆ สามารถซึมซับความสงบ และชมวิวเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงของสามย่านได้ แม้การทำบุญจะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ก็ได้ความสบายใจทันทีที่ทำ ต้นปีแบบนี้ เพิ่มพลังใจกันหน่อยก็น่าจะดีนะแอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาที่นี่ก่อนนั่นเอง หลังทำบุญแล้ว หากใครอยากหาที่นั่งพักสักครู่ แอดแนะนำให้เข้าไปที่ “ซอยหน้าวัดหัวลำโพง” ที่นี่มีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ชื่อ สวนวัดหัวลำโพงรุกขนิเวศน์ เปิดบริการ 05.00-20.00 น. ลองมาดูกันได้นะ  : 728 ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ  : 0 2233 8109 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จุดต่อไป แอดจะพาไปสภากาชาดไทย ไม่ได้พามาบริจาคเลือด แต่จะพามาดูงู!! ซึ่งจริง ๆ แอดเป็นคนที่กลัวงูมาก ๆ แต่ที่อยากมาก็เพราะอยากมาเรียนรู้ และได้ยินมาว่ากลัวอะไรให้ลองเผชิญหน้าดู ไปดูกันว่าที่นี่มีอะไรให้เราเรียนรู้บ้าง จากวัดหัวลำโพง ใช้ทางลอดใต้ถนน MRT เดินไปทางจามจุรีสแควร์ ระยะทางประมาณ 750 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนอื่นแอดขอแนะนำสวนงู สถานเสาวภาสักนิด ที่นี่ทำงานเกี่ยวกับงูหลายด้าน หลักๆที่เรารู้กันดีก็คือผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงงูพิษเพื่อเอามาทำเซรุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องงูที่ถูกต้อง มีการทำวิจัยเรื่องงูและพิษงู รวมทั้งมีการเพาะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์อีกด้วย หลังจากซื้อตั๋วแล้ว แอดก็แอบหวั่น ๆ แต่พอเข้าไปในสวนงูแล้ว แต่ละส่วนจัดพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้แอดรู้สึกปลอดภัยเบาใจไปได้เยอะเลย โดยในสวนงูจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วน indoor และ ส่วน outdoor โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นมาก ตามทางเดินจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ตั้งแต่แหล่งที่อยู่อาศัยของงู รวมถึงประเภทของงู ส่วนลานข้างหน้าจะเป็นเวทีโชว์งูพร้อมให้ความรู้ ซึ่งบอกเลยว่าพิธีกรเก่งมาก พูดจาลื่นไหล พาให้บรรยากาศสนุกสนาน ใครมีเพื่อนต่างชาติก็พาไปได้ เพราะเขาพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลย พิธีกรกำลังสอนว่าเจองูเห่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับมาก เดี๋ยวมันก็ไปเอง หลังจบโชว์ จะมีน้องงูหลามเผือกที่ทางสวนงูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กมาให้ถ่ายรูปด้วย ไม่เสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากสนับสนุนกิจกรรมที่นี่ก็สามารถไปหย่อนตู้บริจาคได้เลย ส่วนโซน indoor อยู่ที่อาคารสี่มะเสง จะมีโชว์รีดพิษงูในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น. ส่วนอาคารชั้น 2 จะเป็นส่วนให้ความรู้ มีการจัดแสดงซากงูนานาชนิดในขวดโหล แถมยังจัดแสดงโครงกระดูกงูอีกด้วย แอดเดินชมเพลินจนลืมกลัวไปเลยล่ะ โครงกระดูกงู ที่นี่ได้รับตรา SHA ปลอดภัยหายห่วง แถมยังมีห้องน้ำและทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็นด้วย สำหรับแอดแล้ว ถือเป็นแหล่งที่ทำให้แอดได้ความรู้รอบตัวหลายเรื่องเลย บางเรื่องที่เคยรู้เคยลืมก็กลับมาจำได้ใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้ ความตื่นเต้น และยังเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกวัยอีกด้วย  ค่าเข้าชม  คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท | นักเรียน-นักศึกษา 20 บาท | เด็ก 10 บาท ต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท | เด็ก 50 บาท ตารางการแสดง จันทร์ – ศุกร์ 11.00 น. […]

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸

ในช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคมของทุกปี นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นดอกซากุระเมืองไทย อย่าง “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” ก็กำลังเบ่งบานเผยความสวยงามท่ามกลางลมหนาวอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะที่จังหวัด “เชียงใหม่” เราจึงมี 2 พิกัดชมดอกพญาเสือโคร่งมาแนะนำ ซึ่งความพิเศษแบบนี้ หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ! ดอยอ่างข่าง เป็นแหล่งชมดอกซากุระที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของดอกไม้เมืองหนาว ไฮไลท์คือ มีต้นซากุระแท้จากญี่ปุ่นให้ชมด้วย ขุนช่างเคี่ยน ชุมชนชาวม้งกลางอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพและดอยปุย ที่ปกคลุมไปด้วยความงดงามของดอกนางพญาเสือโคร่งในทุกฤดูหนาว ก่อนลมหนาวจะผ่านไป ต้องรีบจูงมือคนรู้ใจไปดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางความบานสะพรั่งของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่กันครับ สามารถรับชมรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/TATContactcenter/posts/6904514926287195

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸 อ่านเพิ่มเติม

✨ ทำความรู้จักตราฮาลาลในอาหาร ✨

เวลาเพื่อน ๆ ไปตามร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ คงจะเคยเห็นสัญลักษณ์ “ฮาลาล” กันมาบ้าง หลายคนอาจยังไม่รู้ความหมาย วันนี้แอดจะถือโอกาสมาแนะนำสัญลักษณ์ฮาลาลให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน อาหารที่มีสัญลักษณ์ฮาลาล คืออาหารที่ไม่มีสิ่งต้องห้าม หรือสิ่งที่ขัดกับหลักศาสนาอิสลามเจือปน โดยคำว่าฮาลาล มาจากภาษาอาหรับ ใช้สัญลักษณ์ (حلال‎) ทำเป็นตราสำหรับติดบนสลากผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการอนุมัติตามบัญญัติศาสนาอิสลามให้ชาวมุสลิมบริโภคหรือใช้ประโยชน์ได้ โดยอาหารที่ได้รับตราฮาลาล จะต้องผ่านกรรมวิธีในการทำ ผสม ปรุง ประกอบ หรือแปรสภาพ ตามศาสนบัญญัติ ถือเป็นอาหารที่มีขั้นตอนในการเตรียมวัตถุดิบค่อนข้างละเอียด มีหลายขั้นตอน โดยผู้ออกตราฮาลาลในประเทศไทยคือคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ปัจจุบัน อาหารฮาลาลได้รับความสนใจมากกว่าแต่ก่อน เพราะทุกคนสามารถรับประทานได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นชาวมุสลิมเท่านั้น หลัก ๆ แล้วอาหารฮาลาลก็เหมือนอาหารที่เรารับประทานทั่วไป แต่จะไม่มีเหล้า ไขมันหมู เลือด และสัตว์ในข้อห้ามของศาสนาอย่างสัตว์มีกรงเล็บ สัตว์นักล่าต่าง ๆ รวมถึงหากเป็นสัตว์ที่ถูกเชือด ก็ต้องถูกเชือดด้วยผู้ที่รู้วิธี สัตว์ต้องโดนเชือดแบบไม่ทรมาน

✨ ทำความรู้จักตราฮาลาลในอาหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

Test & Go และ Sandbox 3 พื้นที่ เปิดลงทะเบียน 1 กุมภาพันธ์ 2565

Test & Go ก่อนเข้าประเทศไทย 1) หนังสือเดินทางจากทุกประเทศ 2) เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน Covid-19 3) กรมธรรม์ประกันภัย วงเงินไม่น้อยกว่า 50,000 USD (ยกเว้นผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลของไทย หรือนายจ้างรับผิดชอบ) 4) ประวัติ Covid free 72 ชั่วโมง ด้วยวิธี RT-PCR (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครองที่มีผลตรวจ) 5) ลงทะเบียน Thailand Pass ล่วงหน้าไม่เกิน 60 วัน 6) หลักฐานการจองที่พักและการจองตรวจ RT-PCR เข้าประเทศไทย 1) ผ่านขั้นตอนตามมาตรการเข้าประเทศ 2) เข้าพักในโรงแรม SHA++/ AQ/ OQ/ AHQ 3) โหลดแอปฯ “หมอชนะ” ให้โรงแรมตรวจสอบกำกับการเข้า-ออกโรงแรมทุกวัน เป็นเวลา 7 วัน ในพื้นที่นำร่องหรือในกลุ่มจังหวัด โดยไม่เกิน 3 โรงแรม 4) ตรวจครั้งที่ 1 ด้วยวิธี RT-PCR Day 0-1 5) ตรวจครั้งที่ 2 ด้วยวิธี RT-PCR Day 5-6 หากผลออกมาพบว่าติดเชื้อ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที ก่อนออกประเทศไทย 1) เดินทางกลับตามมาตรการประเทศต้นทาง Sandbox เปิดลงทะเบียน 1 กุมภาพันธ์ 2565 1) จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) 2) จ.ตราด (เกาะช้าง) 3) การเปิดพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ในช่วง 7 วัน ที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ………………………………………….. ข้อมูล ณ วันที่ 22 มกราคม 2565 ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา Source : https://www.facebook.com/Mots.official.TH/photos/a.652789718099133/5007321295979265

Test & Go และ Sandbox 3 พื้นที่ เปิดลงทะเบียน 1 กุมภาพันธ์ 2565 อ่านเพิ่มเติม

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳

ใจกลางเมืองหลวง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วันนี้เราจะชวนไปหลบร้อน ชมหมู่เรือนไทยโบราณเก่าแก่ ที่รวบรวมโบราณวัตถุและของสะสมมีค่าให้เราได้ชื่นชมและเรียนรู้ น่าสนใจใช่ไหม ตามแอดมาได้เลยค่ะ “พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด” เดินทางสะดวกมากๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งจะช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน และช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศไปด้วยในคราวเดียวกัน พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด หรือ วังสวนผักกาด ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท ประมาณ 450 เมตร แต่เดิมเคยเป็นสวนผักกาดของชาวจีน ก่อนที่พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 ) จะสร้างเป็นตำหนักที่ประทับ และย้ายเข้ามาประทับอยู่เป็นการถาวรพร้อมชายา คือ หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาในพ.ศ. 2495 หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ ได้เปิดวังสวนผักกาดให้บุคคลภายนอกมีโอกาสเข้าชมศิลปะและโบราณวัตถุที่ท่าน และเสด็จในกรมฯสะสมไว้ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่เจ้าของบ้านเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม ในขณะที่เจ้าของบ้านยังคงใช้เป็นที่พำนัก ภายในพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง เรือนหลังที่ 1-4 เป็นหมู่เรือนไทยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยเรือนหลังแรกมีสะพานเชื่อมไปสู่เรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ตามลำดับ ส่วนเรือนหลังที่ 5 – 8 ปลูกอยู่ห่างกันทางทิศตะวันตก และมีหอเขียนอยู่ทางทิศใต้ ทุกเรือนมีการจัดแสดงโบราณวัตถุ และของสะสมมีค่า แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน น่าชมทุกเรือน ตั้งแต่เรือนพิพิธภัณฑ์โขน ห้องดนตรีไทย ห้องจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องชามสังคโลก ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรือนต้อนรับ และส่วนจัดแสดงเรือพระที่นั่ง เป็นต้น ในเรือนไทยหลังที่ 1 เป็นการจัดแสดงโบราณวัตถุในยุคต่างๆ รวมทั้งพระพุทธรูป เทวรูปพระอุมา และเทวรูปพระอรรธนารีศวร ตะลุ่มและเตียบประดับมุก ตลับงาช้าง และขวดน้ำหอมจากต่างประเทศ ทุกชิ้นสวยงาม จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 2 โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยวัฒนธรรมบ้านเชียง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 5 ในเรือนไทยหลังที่ 6 เป็น“พิพิธภัณฑ์โขน” มีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการแสดงโขน รวมทั้งหัวโขน หุ่นละครเล็ก และตุ๊กตาดินเผาจากเรื่องรามเกียรติ์ เครื่องชามสังคโลกจากสุโขทัย เครื่องถ้วยจีน เครื่องเคลือบสีเขียว ของสะสมหายาก จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 7 เครื่องใช้ส่วนพระองค์ ทั้งที่เป็นเครื่องแก้วลายทอง เครื่องแก้วคริสตัล เครื่องเงิน และเครื่องลายครามจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแจกันรูปผักกาดที่เป็นสัญลักษณ์ของวัง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 8 หอเขียน ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด และเป็นเรือนที่สวยที่สุดในพิพิธภัณฑ์ฯ โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต นำโครงเรือนมาจาก หอไตรเก่าที่วัดบ้านกลิ้ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2501 กำหนดอายุราวช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อนจะนำมาอนุรักษ์ซ่อมแซมจนสำเร็จ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ชายาของท่าน เนื่องในวันครบรอบอายุ 50 ปี ภายในหอเขียน มีภาพเขียนลายรดน้ำ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นเรื่องราวหลักๆ 2 เรื่อง คือพุทธประวัติและรามเกียรติ์ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่ยังหลงเหลือให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาต่อไป ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด อยู่ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์ ซึ่งก่อตั้งโดยหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร  การเดินทาง BTS : สถานีพญาไท รถโดยสารประจำทางสาย 14, 17, 72, 74, 77, 159, 164, 204, 536, 539  พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด   ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -16.00 น.  0 2246 1775-6 ต่อ 229, 0 2245 4934 https://goo.gl/maps/EbgXwiv2NDcPY7LE8  ขอบคุณรูปภาพจากเพจ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳 อ่านเพิ่มเติม

1 กุมภาพันธ์ 2565 เปิดลงทะเบียน Test & Go

โดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 1) เข้าได้ทุกประเทศ 2) ปรับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง 3) จัดระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พัก ตรวจหาเชื้อให้ครบ 2 ครั้ง โดยรออยู่ในที่พักจนได้รับผลตรวจ 4) กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง 5) หากมีการระบาดมากขึ้น ปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox) 📌 เพิ่มจังหวัด Sandbox 3 พื้นที่ 1) จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) 2) จ.ตราด (เกาะช้าง) 3) พื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ………………………………… ข้อมูล ณ วันที่ 20 มกราคม 2565 ขอบคุณข้อมูลจาก : ศูนย์ข้อมูล COVID-19 Source : www.facebook.com/informationcovid19/posts/488335276118135

1 กุมภาพันธ์ 2565 เปิดลงทะเบียน Test & Go อ่านเพิ่มเติม

1 วันดีๆ ที่ชุมชนหัวตะเข้🐊

วันหยุดสุดสัปดาห์ มีใครมองหาที่เที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพฯบ้างไหม แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวชานเมืองมาแนะนำ นั่นคือ “ชุมชนหัวตะเข้” ค่ะ ไปเดินชมบรรยากาศย้อนยุค บ้านไม้ริมน้ำอายุกว่าร้อยปี รวมถึงย้อนอดีตของตลาดโบราณ พายเรือชมบรรยากาศริมคลองสองฝั่ง และชมกราฟิตี้เท่ ๆ ในชุมชนกัน ชุมชนหัวตะเข้ แป็นชุมชนเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีตลาดเก่าริมน้ำและเป็นเหมือนศูนย์กลางชานเมืองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกนั่นเอง รวมถึงเป็นจุดตัดทางน้ำ 3 คลอง คือ คลองประเวศบุรีรมย์ คลองลำปลาทิวและคลองจระเข้ หากย้อนกลับไปในอดีตชุมชนแห่งนี้ถือว่าเป็นชุมชนที่รุ่งเรืองและคึกคักเป็นอย่างมากทั้งการค้าขาย การขนส่ง บรรยากาศในชุมชนเก่าหัวตะเข้ ยังคงเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นมุงหลังคาสังกะสีริมน้ำ กลิ่นอายบรรยากาศเก่า ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ปัจจุบัน ทางชุมชนได้กลับมาอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง จนตอนนี้ทำให้ชุมชนหัวตะเข้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่น่าสนใจและมีเสน่ห์มาก ๆ เลยล่ะ นอกจากนี้ ชุมชนยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ชิค ๆ ร้านโชห่วยของเก่า เกสต์เฮาส์ริมคลอง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีถิ่นหัวตะเข้ บ้านเรือนของคนในชุมชนที่ยังความคลาสสิกไว้อยู่ ชุมชนจัดกิจกรรม workshop งานศิลปะ งานไม้ต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ คนรักชุมชนหัวตะเข้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือพายเรือคายัคชมบรรยากาศริมน้ำ แต่เราจะได้เก็บขยะในคลองกันได้ด้วยนะ : ) สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ ฮั่วฮง คายัค คลับ/HuaHong Kayak Club โทร. 09 7097 0863 ค่าบริการเรือ ชั่วโมงละ 350 บาท/คน กรณีเก็บขยะจากในคลองขึ้นมาเกิน 10 ชิ้นขึ้นไป จะได้รับส่วนลดเหลือ ชั่วโมงละ 100 บาท/คน จุดเช็คอินของคนคูล ๆ กราฟิตี้บนกำแพงอยู่หลายจุดมีให้เราถ่ายรูป ใครเดินมาเรื่อย ๆ ตรงร้านสี่แยกหัวตะเข้ ตรงนี้มีสะพานนี้ข้ามคลอง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปและชมพระอาทิตย์ตกกันด้วย การเดินทาง Airport Rail Link ลงสถานีลาดกระบัง จากนั้นนั่งรถสองแถวสาย 333 มาลงที่ปากซอยลาดกระบัง 17 ราคา 8 บาท จากนั้นเดินเข้ามาสุดซอย รถยนต์ส่วนตัว ขับรถมาที่ซอยลาดกระบัง 17 จะผ่านตลาดสดเข้าไปสุดทาง มีบริการที่จอดรถ รถไฟสายตะวันออก ต้นทางสถานีหัวลำโพงลงที่สถานีหัวตะเข้ จากนั้นเดินเลาะริมคลองตาม google map หรือนั่งรถจักรยานยนต์มาที่ตลาดหัวตะเข้ได้ ตลาดหัวตะเข้  ซอยลาดกระบัง 17 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. https://goo.gl/maps/AyebeED52Ww5iggi9

1 วันดีๆ ที่ชุมชนหัวตะเข้🐊 อ่านเพิ่มเติม

✨ วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ✨

แอดมีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ มาเล่าให้ฟัง เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า วันที่ 17 มกราคมนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของไทย นั่นคือเป็นวันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ในสมัยสุโขทัย ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ และได้รับการยกย่องให้เป็นพระราชบิดาแห่งอักษรไทย เนื่องจากทรงเป็นผู้ประดิษฐ์ลายสือไทย ตัวอักษรแรกเริ่มก่อนจะเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ จนเป็นตัวอักษรไทยในปัจจุบัน หากใครที่กำลังท่องเที่ยวในสุโขทัยกันอยู่ ก็สามารถไปกราบไหว้สักการะกันได้ที่ “พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” 📍 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 06.30-19.30 น. 📞 055 697 527 🌐 https://goo.gl/maps/Uhz2pyk3fEchZWZd7

✨ วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top