เชียงใหม่

เชียงใหม่

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน […]

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลปี๋ใหม่เมือง หม้อดอกกับ ชุมชนบ้านเหมืองกุง จังหวัดเชียงใหม่

“หม้อดอก” เป็นภาษาพื้นเมือง มาจากสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปหม้อน้ำทรงต่าง ๆ และปากหม้อมีเถาไม้เลื้อยออกมาทั้งสองข้าง ซึ่งมีลักษณะตรงกับคำว่า ปูรณฆฏะ (Purana kalasa)  จึงมีชื่อเรียกว่า “หม้อดอก หรือ หม้อปูรณฆฏะ” ในภาษาสันสกฤต หม้อดอกหมายถึง หม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญงอกงาม ในล้านนาหม้อดอกเป็นพุทธสัญลักษณ์สำคัญแห่งล้านนา โดยถูกนำมาใช้ในทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นเครื่องบูชา สักการะ พระรัตนตรัย โดยจะปรากฏหม้อดอกในสถาปัตยกรรมศาสนสถาน ตามจิตกรรมฝาผนัง  ในวิหารต่าง ๆ ในล้านนาสืบมา ในอดีตหม้อดอก กับเทศกาลปีใหม่เมือง คนล้านนาจะเปลี่ยนหม้อดอกในวันสังขานต์ล่อง ในหม้อจะใส่ทรายและน้ำ ก่อนนำใบหมากผู้หมากเมีย ดอกเอื้องผึ้งมาปักในหม้อดอก และประดับด้วยช่อตุงสีต่าง ๆ ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ในอดีตคงกระทำกันทุกบ้านหลังคาเรือนเพื่อสักการะ เพื่อเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงการเข้าสู่ ปีใหม่เมืองอีกครั้ง ซึ่งในจารีตดังกล่าวแทบจะสูญหายไปแล้วในสังคมคนรุ่นใหม่ ชุมชนบ้านเหมืองกุง ผู้เริ่มต้นในการรื้อฟื้นวัฒนธรรมการใช้หม้อดอกที่สูญหายให้กลับคืนมามีบทบาทและความสำคัญในช่วงปี๋ใหม่เมืองอีกครั้ง ในปี๋ใหม่เมืองปีนี้ ชุมชนบ้านเหมืองกุง ได้เป็นผู้ออกแบบรังสรรค์หม้อดอกด้วยลวดลายพญานาค 9 ลาย จำนวน 18 ใบ ในการประกอบพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แหล่ง เพื่อนำมาสรงน้ำพระธาตุและพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี  การรังสรรค์หม้อดอกด้วยลวดลายพญานาค ได้แรงบันดาลใจจากปีนักษัตร ผนวกกับลวดลายพญานาคตามสถาปัตยกรรม งานสิ่งทอ ของชาวล้านนา เนื่องจากปีนี้ตรงกับปีมะโรง ชาวจีนเรียกว่า ปีมังกรทอง แต่ในล้านนาจะใช้พญานาค ที่เชื่อว่าเป็นสัตว์วิเศษ บันดาลน้ำฝน ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามผนวกกับการอนุรักษ์ศิลปกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่

เทศกาลปี๋ใหม่เมือง หม้อดอกกับ ชุมชนบ้านเหมืองกุง จังหวัดเชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ป่าสนวัดจันทร์ เชียงใหม่

โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เป็นป่าสนที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่อำเภอปาย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอสะเมิง และบางส่วนของอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่กว่า 150,000 ไร่ สามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะที่สุดคือ เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ที่นี่มีบ้านพักกว่า 30 หลัง และมีหลายแบบ พักได้ตั้งแต่ 2-10 คน ราคาหลังละ 800-2,000 บาท ค่าบริการเสริม– ค่าเช่าที่นอนเสริม (ราคา 200 บาท)– ค่าเช่าจักรยาน (ราคา 100 บาท/วัน/คัน)– ค่าอาหารเช้า (ราคา 100 บาท/คน)– ค่าอาหารกลางวัน (ราคา 120 บาท/คน)– ค่าอาหารเย็น (ราคา 150 บาท/คน) มีบริการพื้นที่กางเต็นท์ สามารถรองรับได้ประมาณ 300 หลัง แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง โดยมีค่าธรรมเนียม 50 บาท/คน/คืน และต้องนำอาหารมาเอง แต่ถ้าไม่ได้เตรียมมา ก็สามารถแจ้งทางศูนย์ฯ ให้เตรียมอาหารให้ได้ค่ะ ไฮไลท์ของโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์คงจะหนีไม่พ้นป่าสนที่สวยงาม และบรรยากาศชิล ๆ ริมอ่างเก็บน้ำ หากไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว จะได้เห็นวิวอ่างเก็บน้ำและหมอกสวย ๆ ถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่ง ในตอนกลางคืน เพื่อน ๆ จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เหมาะกับการพาแฟนไปนั่งดูดาว แต่คนโสดก็ไม่ต้องกลัวเหงา พาแก๊งเพื่อนมาถ่ายรูปดาว รับรองได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน และที่นี่ยังมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากชาวบ้าน โมบายที่ทำจากไม้แกะสลัก ผ้าทอของชาวปกาเกอะญอ โปสการ์ด เสื้อยืด ฯลฯ อยู่กลางป่ากลางเขาก็ไม่ต้องกลัวหิว เพราะที่นี่เลี้ยงเราดีมากๆ อาหารแม้จะเป็นเมนูทั่วไป แต่รสชาติอร่อยจนต้องขอเติมรอบสอง กระซิบไว้หน่อยว่า ห้ามพลาดน้ำพริกกะปิ เพราะรสชาติจัดจ้าน เข้มขัน ทานกับผักสดและแคบหมูยิ่งอร่อย ที่ตั้ง : ต.บ้านจันทร์ กม.40 หมู่บ้านห้วยอ้อ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/Mgf8gxcX67f9DWGMA เปิดทำการทุกวัน : 08.00 – 22.00 น. เบอร์โทรศัพท์จองที่พัก : 053 249 349 เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ : 086 181 3388 Facebook : FIO Watchan – ป่าสนวัดจันทร์ อ.อ.ป.

ป่าสนวัดจันทร์ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

อะกิปุ เชียงใหม่

ว่ากันว่า ดอยหลวงเชียงดาวนั้นมีมนต์ขลังที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นถูกสะกด และที่แห่งนี้จะยิ่งทำให้คุณตกหลุมรักดอยหลวงเชียงดาวมากขึ้นกว่าเดิม ครึ่งทางบนทางหลวงสาย 1322 ที่ลัดเลาะภูเขาสูงมากมายจากอำเภอเชียงดาวมุ่งหน้าสู่อำเภอชายแดนอย่างเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตบ้านเลาวู หมู่บ้านเล็ก ๆ อันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาวที่งดงามที่สุดที่หนึ่ง มีคาเฟ่และที่พักเล็ก ๆ ชื่อ “อะกิปุ” ตั้งอยู่ริมถนนคอยต้อนรับผู้สัญจรไปมาให้หยุดแวะพักชิมกาแฟชั้นดีของบ้านเลาวูที่คุณวุฒิและคุณหมัด เจ้าของอะกิปุเป็นผู้รังสรรค์ขึ้น หรือหากใครที่อยากจะสัมผัสวิวดอยหลวงเชียงดาวในมุมพิเศษ ก็สามารถใช้ที่นี่ซึ่งมีทั้งโฮมสเตย์และจุดแคมปิ้งให้บริการเป็นจุดแวะพักค้างแรมได้เช่นกัน หากเลือกมาพักที่อะกิปุ โฮมสเตย์หรืออะกิปุแคมปิ้ง หนึ่งในกิจกรรมที่ทางคุณวุฒิและคุณหมัดภูมิใจนำเสนอคือการพานักท่องเที่ยวขึ้นรถชุมชนเดินทางเข้าไปยัง “อะกิปุนีตีกลู” มุมลับ ๆ ที่ต้องบอกว่าสวยจริงไม่จกตา มุมนี้จะสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาวที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมชมพระอาทิตย์ตกในมุมต่าง ๆ มีอาหารพื้นบ้านสุดแสนอร่อยรวมไว้ให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย นอกจากวิวสวย ๆ แล้ว ด้วยความที่คุณวุฒิและคุณหมัดถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ จึงมีกิจกรรมดริฟกาแฟให้นักท่องเที่ยวชิมอีกด้วย เรียกว่ามาที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบเต็มอิ่ม ทั้งรูปของดอยหลวงเชียงดาว รส กลิ่นของกาแฟชั้นดี เสียงของนก ลม ใบไม้ที่อยู่รอบตัวเรา รวมถึงเสียงการสนทนาของเราและคุณวุฒิคุณหมัดที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ การเดินทางมาอะกิปุ บ้านเลาวู อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงดาว แล้วใช้ทางหลวงสาย 1322 มุ่งหน้าสู่บ้านเลาวูได้ รวมระยะเวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 4-5 ชั่วโมง และจากอำเภอเชียงดาวประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือสามารถใช้บริการรถตู้เชียงดาว-เวียงแหงก็ได้เช่นกัน โดยลงที่หน้าอะกิปุคาเฟ่ได้เลย สำหรับบริการที่พักและกิจกรรมท่องเที่ยว สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง Facebook : Akipu camping อะกิปุแคมป์ปิ้ง และ Akipu Homestay อะกิปุ โฮมสเตย์ เพื่อสอบถามรายละเอียดได้โดยตรง พิกัด อะกิปุ : https://maps.app.goo.gl/saZH9WravmeCWvri9

อะกิปุ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางคราฟต์ เชียงใหม่

วันนี้บัดดี้มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวงานคราฟต์ จังหวัดเชียงใหม่ ให้เพื่อน ๆ ได้ไปสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะ และงานฝีมือที่สร้างสรรค์จากช่างฝีมือท้องถิ่น มีกิจกรรม Workshop ที่ให้ทุกคนสามารถมาใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อีกด้วย จริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ ตลาดนัดยามเช้า เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.30-15.00 น. ตลาดแบ่ง 2 โซน ได้แก่ โซนจริงใจ Farmers Market เชียงใหม่ – จำหน่ายพืชผักผลไม้ออร์แกนิคและปลอดสาร จากเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง ส่งตรงถึงผู้บริโภค รวมไปถึงสินค้าแปรรูป อาหารพร้อมทาน ขนมและเบเกอรี่โฮมเมด โซนรัสติคมาร์เก็ต – รวมสินค้าแฮนด์เมดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จุดนัดพบของคนรักงานศิลปะ มีทั้งงาน DIY งานคราฟต์ ของแต่งบ้าน โดยช่างฝีมือคนท้องถิ่นซึ่งออกแบบและนำมาขายเอง จริงใจแกลเลอรี เปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) – เป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลป์จากหลากหลายแขนง โดยจะมีนิทรรศการหมุนเวียนให้ชมอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับแสดงงานศิลปะเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศิลปินไทย จริงใจวิลเลจ เปิดบริการทุกวัน – เป็นพื้นที่ร้านค้าไอเดียเก๋ คาเฟ่และร้านอาหารโฮมเมด ชุมชนงานคราฟต์ Tops Green สโตร์สีเขียวแห่งแรกในไทย และร้าน Good Goods สินค้าแบรนด์ไทยสไตล์สากล ถนนอัษฎาธร ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่https://maps.app.goo.gl/NnfTfzL7a3KTmvQy8 บ้านข้างวัด เป็นชุมชนคนทำงานคราฟต์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันหลายสิบชีวิต บ้านแต่ละหลังเปิดเป็นร้านขายของทำมือ ของตกแต่งบ้าน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีลานกิจกรรมตรงกลางหมู่บ้าน สำหรับจัดงานและทำกิจกรรมร่วมกัน ที่นี่มีกิจกรรม Workshop ให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้เทคนิคและกระบวนการทำคราฟต์จากช่างฝีมือท้องถิ่น เช่น งานจิตรกรรม งานประติมากรรม งานปักผ้า งานย้อมผ้า เป็นต้น ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ 10.00-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)https://maps.app.goo.gl/9wXNMftSHWsfjy8e7 คลองแม่ข่า ตั้งอยู่ห่างจากประตูท่าแพ 2 กิโลเมตร เป็นคลองโบราณกลางเมืองเชียงใหม่ มีความยาวประมาณ 750 เมตร ตกแต่งด้วยอิฐบล็อกคล้ายกับเมืองโอตารุ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าทั้งงานคราฟต์และงานแฮนด์เมด ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร และสะพานสีเหลืองที่โดดเด่นเป็นจุดไฮไลท์ที่คนนิยมถ่ายรูปกัน ยิ่งช่วงเย็นบรรยากาศดี แสงสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ถนนศรีดอนไชย ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 15.00-22.00 น.https://maps.app.goo.gl/d9fx6Cjkj7AQ7Hey5

เส้นทางคราฟต์ เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก

ไหน ๆ ก็ผ่านวันแห่งความรักไปแล้ว บัดดี้ขอถือโอกาสนี้นำเสนอโลเคชั่นหนังรักในไทย มานำเสนอเพื่อน ๆ หลายเรื่องหลากสไตล์ ทั้งสนุก สุข เหงา เศร้า ตลก ลองตามมาดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. The Letter จดหมายรัก (2004) – สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ The Letter จดหมายรัก เป็นหนังที่มอบทั้งความสุขสุดโรแมนติกและความเศร้าของการจากลา จนน้ำตาร่วงผ่านการเขียนจดหมายตามชื่อเรื่อง โดยใช้สถานที่ถ่ายทำเป็นสถานีเกษตรอ่างขาง จ.เชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าหนาว ที่นี่มีทั้งแปลงพืชผลทางการเกษตรและสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ชม ยิ่งช่วงเดือนมกราคมจะมี ดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมสวยให้ชมทั่วทั้งบริเวณ หมู่ 5 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 05 3969 4768 ต่อ 114https://maps.app.goo.gl/wECr81PsEXnGohjZ9 2. รักจัง (2006) – น้ำตกผาดอกเสี้ยว จ.เชียงใหม่ รักจังหนังรักโรแมนติก-คอมเมดี้ เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อและปาปารัซซี่สาว โดยหนึ่งในสถานที่ถ่าย ที่หลายคนน่าจะจำได้ก็คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จนหลายคนเรียกกันติดปากว่า “น้ำตกรักจัง” นอกจากน้ำตกที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวที่จะมีไกด์ท้องถิ่นเดินนำทาง หากใครไปแล้ว จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสีเขียว ความสดชื่นและวิวสวย ๆ แถมยังมีจุดให้ลองชิมกาแฟต้มถ่านที่ปลายเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกด้วย น้ำตกผาดอกเสี้ยว ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/xyjLUBFMNKDwMa5z9 3. Low Season สุขสันต์วันโสด (2020) – กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่ หนังที่บอกเล่าช่วงชีวิตสุดจะ LOW ของเหล่าคนอกหัก รักคุด ที่ต่างก็หนีไปพักใจที่โฮมสเตย์กลางหุบเขา จ.เชียงใหม่ ซึ่งหนังเรื่องนี้ นำเสนอทั้งความหลากหลายของอาการอกหัก ความรัก ความสวยงามของกิ่วแม่ปาน ที่มีทั้งทะเลหมอก ขุนเขา ความเขียวที่สดชื่น จนตัวละครในเรื่องเปลี่ยนฤดู LOW เป็นฤดูเราเลยล่ะ กิ่วแม่ปาน ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 06.00-16.00 น.https://maps.app.goo.gl/CMUUvyyuhYyPSnE97 4. One For The Road วันสุดท้ายก่อน…บายเธอ (2022) – ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ หนังที่มีทั้งมิตรภาพ ความรักและดราม่า ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน “หว่อง กาไว” มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง และไปคว้ารางวัล World Dramatic Special Jury Award จาก Sundance Film Festival 2021 ภายในเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของอู๊ด ผู้ป่วยโรคร้ายที่มีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน และบอส เพื่อนสนิทของเขาที่เป็นเจ้าของบาร์ใน New York ซึ่งจะพาผู้ชมร่วมย้อนเรื่องราวในอดีตและกลับไปเจอเหล่าคนสำคัญในชีวิตของอู๊ด เพื่อกล่าวลาและขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอดกาล ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องที่หลายคนตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่อู๊ดทำเรียกว่าความเห็นแก่ตัวไหมแล้ว ทุกฉากของหนังเรื่องนี้ละเมียดมาก ทั้งเสื้อผ้า เพลงประกอบหนัง บรรยากาศ รวมไปถึง ประตูท่าแพ หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย ถ.ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 24 ชั่วโมงhttps://maps.app.goo.gl/iwYNwRLeufu9HShz9 5. The Melody รักทำนองนี้ (2012) – ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ วิน นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่อยู่ในช่วงขาลงจนเขาต้องหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอนและบังเอิญพบกับหมอก นักเปียโนสาวสวยฝีมือดี ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาจนกลายเป็นแรงบันดาลใจและความอบอุ่นของกันและกันท่ามกลางบรรยากาศหนาวบนดอย ถึงแม้ท้ายที่สุดหมอกจะจากไปแบบไม่มีวันกลับด้วยโรคร้าย แต่ความรักและแรงบันดาลใจในดนตรีที่มอบให้วินก็ยังอยู่ในใจของเขาตลอดกาล พูดถึงสถานที่ถ่ายทำ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มอบความสวยงามให้คนที่ได้ดูเรื่องนี้ประทับใจไม่น้อย ยิ่งฉากที่เห็นดอกสีเหลืองทั่วทั้งหุบเขาท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ยิ่งอยากให้ทุกคนไปเห็นของจริงด้วยตัวเอง หากใครว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม บัดดี้แนะนำให้มาที่นี่เป็นอันดับแรก ๆ ดอยแม่อูคอ ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 5361 2983 ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน 0 5361 5987 องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอhttps://maps.app.goo.gl/jnkgcFBaLiest3z6A 6. ตุ๊กแกรักแป้งมาก (2014) – เชียงคาน จ.เลย เรื่องราวที่เล่าผ่านความทรงจำตั้งแต่เด็กของ “ตุ๊กแก” เด็กชายที่เติบโตมากับการคลุกคลีอยู่หลังโรงหนังและวาดคัทเอ้าท์ให้โรงหนัง “เพชรเชียงคาน” และได้สิทธิพิเศษที่สามารถดูหนังฟรีทุกเรื่องที่เข้ามาฉายในโรงหนังแห่งนี้ จนเขาได้มาเรียนที่ กรุงเทพฯ และได้มาช่วยรุ่นพี่ในกองถ่ายและได้พบกับ “แป้ง” ลูกสาวนายอำเภอที่เคยเรียนอยู่ชั้นเดียวกับตุ๊กแก ที่คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน จนตุ๊กแกต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แป้งคนเดิมกลับมา ในด้านของสถานที่ถ่ายทำ หากใครได้ดูเรื่องนี้ จะเห็นกับเสน่ห์ของ เชียงคาน ได้อย่างจุใจ ทั้งบรรยากาศของชุมชน ถนนคนเดินและวิวแม่น้ำโขง ที่สวยและเรียบง่ายชวนให้อยากไปเยือนสุด ๆ ต.ชายโขง อ.เชียงคาน จ.เลย เปิดทุกวันเวลา 16.00-22.00 น.https://maps.app.goo.gl/w7kM6x5du9bbJjuF8 7. รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) – ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009) หนึ่งในหนังแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ในตำนานของไทย ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “เหมยลี่” พนักงานบริษัทสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับ “ลุง” วิศวกรรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มาช่วยดูเครื่องยนต์รถที่สตาร์ตไม่ติดให้ และมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากความไม่บังเอิญที่ทำให้ ลุง ได้เจอกับเหมยลี่อยู่เรื่อย ๆ

ตามรอยโลเคชั่นหนังรัก อ่านเพิ่มเติม

 วัดต้นเกว๋น เชียงใหม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่เราได้ชมละครหรือภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งแล้ว ได้เห็นสถานที่สวย ๆ ชุดสวย ๆ แล้วเราจะอยากไปเที่ยวตามรอยรวมถึงใส่ชุดสวย ๆ แบบเดียวกันกับตัวละครในเรื่องนั้น ๆ ใส่ วันนี้ บัดดี้เลยจะมาแนะนำอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ละครหลาย ๆ เรื่องเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ นั่นก็คือ วัดอินทราวาส หรือ วัดต้นเกว๋น จังหวัดเชียงใหม่ นั่นเอง ซึ่งนอกจากการไปเที่ยวชมวัดแล้ว ยังสามารถเช่าเครื่องแต่งกายแบบล้านนาที่ครบชุด ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ให้กลายเป็นแม่หญิงแสนงามแห่งเมืองล้านนากันไปเลย วัดต้นเกว๋น บ้านต้นเกว๋น ซอย 3 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. 0 5324 8607https://maps.app.goo.gl/d794NyWcmc1odFV18

 วัดต้นเกว๋น เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่

บัดดี้จะมาแนะนำสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย และยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปอีกเพียบ นั่นก็คือที่ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า นั่นเอง อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า เดิมเป็นศูนย์เกษตรกรรมทหาร จังหวัดทหารบกเชียงใหม่ (จทบ.ช.ม.) เมื่อปี พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จเยี่ยมศูนย์ฯ และทราบถึงปัญหาของการขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้ทางการเกษตร จึงมีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น โดยกำหนดชื่อว่า อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ของราษฎรในพื้นที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ให้มาอยู่รวมกันบริเวณด้านทิศใต้ของอ่างเก็บน้ำ และได้จัดตั้งโครงการจัดหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อพัฒนาส่งเสริมอาชีพและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดียิ่งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้มีนโยบายให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร จึงได้มีการพัฒนา ปรับปรุงพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เองและนักท่องเที่ยวต่างเดินทางเข้าไปเที่ยวชม พักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย กิจกรรมภายในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า – ถ่ายรูปสวย ๆ กับเหล่าสัตว์นานาชนิดที่ทำมาจากฟาง เช่น คิงคอง สิงโต ช้าง กระทิง เป็นต้น – ถ่ายรูปสวย ๆ พร้อมให้อาหารแกะ – ปั่นจักรยานน้ำ พายเรือแคนนู และกิจกรรมอื่น ๆ – รับประทานอาหารบนแพ ริมอ่างเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า 283 หมู่ 3 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. ค่าเข้าพื้นที่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท 0 5312 1119 https://maps.app.goo.gl/Bjr6fG2rbJD4yNWp8

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

 ตะลุยสวนส้ม แม่ริม จ.เชียงใหม่

วันนี้นอกจากบัดดี้จะพาไปเที่ยวสัมผัสอากาศเย็นสบาย ชมทิวเขาที่สวยงามแล้ว บัดดี้อยากแนะนำให้ไปเที่ยว “สวนส้มในจังหวัดเชียงใหม่” ด้วยนะ นอกจากจะได้ชิมส้มสด ๆ จากสวนแล้ว หลาย ๆ ที่ยังจัดมุมสวย ๆ ให้เราได้โพสท่าถ่ายรูปกันแบบจุก ๆ เอามาลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ กันได้แบบรัว ๆ เลย แล้วก็ยังสามารถซื้อส้มติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วยนะ บัดดี้มีมาแนะนำ 4 สวน ได้แก่ 1. สวนส้มในฝัน ดอยม่อนแจ่ม สวนส้มในฝัน ดอยม่อนแจ่ม: https://www.facebook.com/profile.php?id=100068079919559 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท https://maps.app.goo.gl/Nv4AaYSQxvNpy6wg9 2. สวนส้มเปาเปา โฮมสเตย์ เชียงใหม่ สวนส้มเปาเปา โฮมสเตย์ เชียงใหม่: https://www.facebook.com/paopao.farm  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็กอายุ 5-10 ปี 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเข้าฟรี https://goo.gl/maps/h4jkLrFXWxdKKphH7 3. สวนของฉัน My garden – ม่อนแจ่ม สวนของฉัน My garden – ม่อนแจ่ม: https://www.facebook.com/MygardenMonjam  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท https://maps.app.goo.gl/tXg4MQnpj7tkpATe8 4. สวนดอกไม้ ป้างฮวา&สวนส้ม สวนดอกไม้ ป้างฮวา&สวนส้ม: https://www.facebook.com/profile.php?id=100065421252761 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท https://goo.gl/maps/GQbs5AnWikypkesz6

 ตะลุยสวนส้ม แม่ริม จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top