ภูเก็ต

ภูเก็ต

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน […]

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

แจกพิกัดเที่ยวรอบเกาะ “ภูเก็ต”

“ภูเก็ต” เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งท้องทะเลอันดามัน เนื่องจากความสวยงามของชายหาดและหมู่เกาะต่าง ๆ หาดทรายสีขาว น้ำทะเลใส และด้วยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้มีการผสมผสานแนวคิดและวิถีความเป็นอยู่ผ่านสถาปัตยกรรมบ้านเรือน อาหารพื้นเมืองหลากหลาย จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก รีวิวนี้จะพาไปเที่ยวรอบเกาะภูเก็ต ทั้งหาดทราย ชายทะเล ย่านเมืองเก่า วัดวาอาราม และจุดชมวิวสวย ๆ พร้อมปักหมุดพิกัดการเดินทางให้ด้วย จะมีที่ไหนบ้าง ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ สะพานสารสิน สะพานแรกที่สร้างเพื่อข้ามไปมาระหว่างจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา เชื่อมต่อบ้านท่าฉัตรไชย ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และบ้านท่านุ่น ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ตามทางหลวงหมายเลข 402 เปิดใช้สัญจรเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 เป็นสะพานขนาดสองช่องจราจรมีความยาว 360 เมตร โดยชื่อของสะพานตั้งตามนามสกุลของนายพจน์ สารสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในขณะนั้น ในเวลาต่อมา ได้มีการสร้างสะพานอีกสองแห่งในบริเวณเดียวกัน ขนานกันไปกับสะพานสารสิน คือ “สะพานท้าวเทพกระษัตรี” และ “สะพานท้าวศรีสุนทร” และใช้ในการสัญจรของรถยนต์แทนสะพานสารสิน เนื่องจากมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลง โดยได้มีการปรับปรุงสะพานสารสินให้เป็นสะพานลอยคนเดินข้ามและศาลาพักผ่อนชมทิวทัศน์ ออกแบบให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมแบบชิโน-ยูโรเปียน ผสมผสานกับอาคารหลังคาทรงปั้นหยาแบบภาคใต้ที่มีความสวยงามดังที่เห็นในปัจจุบันพิกัด : https://maps.app.goo.gl/B2JSGaG5oLbbJtVz7 ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ครอบคลุมบริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนพังงา ถนนเยาวราช ถนนกระบี่ และซอยรมณีย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เป็นย่านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ในอดีตจะมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ได้แก่ จีน อินเดีย ยุโรป มุสลิม เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ประกอบอาชีพค้าขาย และได้สร้างบ้านเป็นตึกแถว มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบ “ชิโน-ยูโรเปียน” (Sino-European) ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่กิจการเหมืองแร่ดีบุกเจริญรุ่งเรือง ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์เป็นพิพิธภัณฑ์ บางอาคารดัดแปลงเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกพิกัด : https://maps.app.goo.gl/LAdMjJJDC8JiREFx6 ถนนคนเดินหลาดใหญ่ จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. บนถนนถลางในย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นถนนคนเดินที่สามารถสัมผัสกลิ่นอายความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรมของภูเก็ตได้เป็นอย่างดีพิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Xni8Xk1kcRafWvB7 พิพิธภัณฑ์ เพอรานากัน ภูเก็ต ตั้งอยู่ถนนเทพกษัตรี ตำบลศรีสุนทร “เพอรานากัน” เป็นคำที่มาจากภาษามลายู มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” ใช้เรียกชาวจีนที่มีเชื้อสายผสม เมื่อชายต่างถิ่นแต่งงานกับหญิงชาวท้องถิ่น ลูกหลานพวกเขาก็คือบรรพบุรุษของชาวเพอรานากัน เช่น ชุมชนยาวีเพอรานากันเป็นลูกหลานของชาวอินเดีย ชุมชนบาบ๋าเป็นลูกหลานของกลุ่มชาวจีนฮกเกี้ยน เป็นต้น ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ มีการจำลองบรรยากาศบ้านสไตล์ชิโนยูโรเปียน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต มีการจัดแสดงชุดเครื่องแต่งกายบาบ๋า-ย่าหยา เครื่องประดับเพอรานากัน ด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอที่ทันสมัยและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก และบริการถ่ายภาพชุดแต่งกายพื้นเมืองด้วย เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาทสอบถามข้อมูล โทร. 0 7631 3556, 0 7631 3031www.peranakanphuketmuseum.comพิกัด : https://maps.app.goo.gl/NtkmpimqvmgPPTj6A วัดพระทอง (วัดพระผุด) ตั้งอยู่ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี ภายในวัดมี “พระผุด” พระพุทธรูปปิดทองเหลืองอร่ามสวยงาม ผุดขึ้นมาจากพื้นเพียงครึ่งองค์ เป็นที่เคารพของชาวพุทธในพื้นที่เป็นอย่างมาก และยังมี “พิพิธภัณฑสถานวัดพระทอง” ที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ตในยุคแรก ๆ เช่น จังชุ่ย ซึ่งเป็นเสื้อกันฝนที่มีความคงทนต่อการสวมใส่ทำงานในเหมืองแร่ดีบุก รองเท้าตีนตุกของสตรีเชื้อสายจีน ที่ต้องมัดเท้าเพื่อให้มีขนาดเล็กตามค่านิยมของสังคมสมัยนั้นพิกัด : https://maps.app.goo.gl/nycrcs37mh5qsLfSA วัดฉลอง หรือวัดไชยธาราราม ตั้งอยู่ถนนเจ้าฟ้า ตำบลฉลอง เป็นวัดที่หลอมรวมความศรัทธาของชาวพุทธในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียง ในอดีตเป็นที่จำพรรษาของ “หลวงพ่อแช่ม” พระภิกษุผู้เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานและวิชาแพทย์แผนไทย อีกทั้งยังมีหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการปรุงยาสมุนไพรรักษาโรคได้เช่นกัน แม้ภิกษุทั้งสามรูปมรณภาพแล้ว แต่ยังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากไปกราบรูปหล่อของท่านที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารของวัดฉลองอย่างสม่ำเสมอ ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของ “พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ” ซึ่งบรรจุพระสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และยังมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของพระอริยะสงฆ์อีกหลายท่านประดิษฐานอยู่ในเรือนไทยหลังใหญ่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JehpWNGTRmFcW6pL6 พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี (พระใหญ่เมืองภูเก็ต) ตั้งอยู่ ณ พุทธอุทยานยอดเขานาคเกิด ตำบลฉลอง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นศิลปะแบบร่วมสมัย หน้าตักกว้าง 25.45 เมตร สูง 45 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก องค์พระเป็นหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต” (สุริยะกันตะ) จากเมียนมา น้ำหนักเฉพาะหินอ่อนหยกขาวประมาณ 135 ตัน บริเวณปริมณฑลรอบฐานองค์พระ จัดเป็นพุทธอุทยานที่รวบรวมธรรมะในชีวิตประจำวันและยังมีจุดชมทิวทัศน์ของอ่าวฉลองได้จากด้านหน้าองค์พระ ส่วนด้านหลังมองเห็นหาดกะตะ หาดกะรน และหาดใกล้เคียงพิกัด : https://maps.app.goo.gl/bAMqxzmv8NXtpLHAA ท่าเรืออ่าวฉลอง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต ชายหาดเป็นแนวโค้งยาวไม่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ เนื่องจากเป็นหาดโคลนและเป็นท่าเทียบเรือสำราญ เรือยอร์ช และเรือโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะเฮ เกาะราชาใหญ่ หมู่เกาะพีพี จึงเป็นบริเวณที่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวันพิกัด : https://maps.app.goo.gl/PRTcRkTQsYS3TNwv5 หาดราไวย์ เป็นที่ตั้งชุมชนชาวเลและเป็นท่าเทียบเรือ มีเรือประมงและเรือท่องเที่ยวจอดเรียงรายตามชายหาด สามารถจ้างเหมาเรือของชาวบ้านเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะโหลน เกาะเฮ เกาะบอน เกาะราชาใหญ่ และเกาะแก้วพิสดาร ตลอดแนวชายหาดมีที่พักและร้านอาหารทะเลสด ๆ ให้บริการพิกัด : https://maps.app.goo.gl/nbNGTJcZvAZ9abxA9 แหลมพรหมเทพ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด ใกล้กันเป็นที่ตั้งของ “ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ”

แจกพิกัดเที่ยวรอบเกาะ “ภูเก็ต” อ่านเพิ่มเติม

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈

หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) จังหวัดภูเก็ต หาดสวยในอันดับที่ 18 จากการจัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 100 beaches on Earth 2023) โดยเว็บไซต์ World Beach Guide ของประเทศอังกฤษ 🌴 ทางลงหาดตั้งอยู่บนเขาระหว่างหาดป่าตองและหาดกะรน เป็นชายหาดที่มีความโค้งยาวประมาณ 500 เมตร ทรายเม็ดละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว ชายหาดมีความลาดชันพอสมควร รวมทั้งคลื่นจะมีความแรงในบางช่วงเวลา จึงควรเล่นน้ำด้วยความระมัดระวัง บริเวณริมหาดมีร้านขายเครื่องดื่มให้บริการ\ ✨ หากใครได้มาเที่ยวและสัมผัสบรรยากาศของหาดนี้ด้วยตนเอง รับรองว่าต้องประทับใจในความเป็นธรรมชาติ หาดสะอาด น้ำทะเลสวยใส และผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป 🚗 การเดินทาง: จากถนนเส้นหลักคือทางหลวงหมายเลข 4030 หาดป่าตอง ขับลงมาทางตอนใต้ของหาด ผ่านท่าเทียบเรือหาดป่าตอง ข้ามสะพานคอนกรีตข้ามคลอง และแยกซ้ายใช้ถนนทวีวงศ์ตรงขึ้นเขาไปจนพบสามแยก 7-11 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าใช้ถนนส่วนบุคคลประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางเดินลงหาดฟรีด้อมอยู่ทางขวามือ ปัจจุบันมีทางเดินลงหาด 2 จุด โดยจุดที่ 1 มีระยะทาง 1 กิโลเมตร และจุดที่ 2 มีระยะทาง 600 เมตร📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 1https://goo.gl/maps/M2W6VVebndQtUgkx5📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 2https://goo.gl/maps/tqKaUALMML6uDzfm9

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈 อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅

“นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง หากพูดถึงสัญลักษณ์แห่งรักแท้…เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน❣️ 📣ด้วยพฤติกรรมการครองรักและผสมพันธุ์กับคู่เดิมนี้ จึงยกให้นกเงือกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน ซึ่งในประเทศไทยมีนกเงือกทั้งหมด 13 ชนิด และหลายชนิดอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์นกเงือกมีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของตัวเองคือ ตัวนกจะมีทั้งที่มีขนสีดำ สีขาว บางชนิดอาจจะมีสีอื่น ๆ เช่น สีน้ำตาลหรือสีเทา ส่วนที่ถือว่าฉูดฉาดที่สุดบนตัวนกเงือกจะอยู่ที่บริเวณหนังคอ ไม่ก็ขอบตา มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่มาก นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกจะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก ๆ แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป🌱 🔎แหล่งที่เราสามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ วันนี้เรามีสถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย-เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา-อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส-เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต-ป่าพรุโต๊ะแดง ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร จังหวัดนราธิวาส

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅 อ่านเพิ่มเติม

แหลมกระทิง🌊

แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต นอกจากการท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว วันนี้เราจะพาไปลุยแบบผจญภัยกันที่ #แหลมกระทิง สวยจริงก็ต้องยกให้ที่นี่เลยค่ะ แต่ถามว่าลุยแค่ไหน…ต้องลองไปชมกันเลย จุดชมวิวทะเลอันดามันที่อยู่ใกล้ ๆ กับหาดในหาน มีลักษณะเป็นไหล่เขาที่ยื่นไปในทะเล มีทุ่งหญ้าโล่งกว้างสลับกับก้อนหินตามแนวเขา เราสามารถเดินลัดเลาะชมวิวไปเรื่อย ๆ ด้านหน้ามองเห็นคลื่นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว ด้วยความสวยงามและความท้าทายของแหลมกระทิงทำให้หลายคนอยากมาเพื่อพิชิตจุดชมวิวแห่งนี้ ไฮไลท์ที่ต้องมาปักหมุดเรียกกันว่า “หินเรือใบ” ด้วยรูปร่างที่คล้ายเรือใบ ก็ต้องมีภาพคู่พร้อมกับวิวสวยๆ บรรยากาศดี ๆ ลมเย็นๆ นั่งชมทะเลช่วงพระอาทิตย์ตกดิน นับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งไม่แพ้แหลมพรหมเทพ คุ้มค่ากับการเดินเพื่อวิวหลักล้านเลยล่ะค่ะ ฤดูกาลท่องเที่ยวที่แนะนำ : สามารถมาได้ทุกช่วงฤดูกาล ยกเว้นเพียงช่วงที่มรสุมเข้า แหลมแห่งนี้แต่ละเดือนสีของทุ่งหญ้าจะต่างกัน หากอยากมาช่วงเดือนสิงหาคมทุ่งหญ้าจะเขียวสวย หรือมาช่วงเดือนมีนาคม จะได้เห็นทุ่งหญ้าสีเหลืองทองก็สวยไปอีกแบบค่ะ แนะนำให้เช็กสภาพอากาศของพื้นที่ก่อนการเดินทางทุกครั้ง เนื่องจากการเดินขึ้นไปแหลมกระทิง เส้นทางบางจุดจะเป็นก้อนหินและปีนป่ายเล็กน้อย ควรใส่รองเท้าผ้าใบมา และเป็นรองเท้าที่มีพื้นกันลื่น ที่สำคัญขาดไม่ได้เลยคือน้ำดื่ม ช่วยดับกระหายระหว่างเดินขึ้น ระหว่างทางค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังกันนะคะ การเดินทาง สามารถจอดรถได้ที่บริเวณหาดในหาน เนื่องจากมีที่จอดรถกว้างขวาง เมื่อจอดรถแล้วต้องเดินต่อไปประมาณ 1 กิโลเมตร (20 นาที) จนถึงรั้วของบ้านกระทิงรีสอร์ท เมื่อถึงชายหาดแล้วเดินเลาะโขดหินไปเรื่อย ๆ จะเริ่มขึ้นสู่ทางเดินเลียบหน้าผาอีกประมาณ 300-400 เมตร ใช้เวลา​เดิน​ประมาณ ​30-50 นาที ก็จะถึงแหลมกระทิง ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต https://goo.gl/maps/tDcR4ueh1Dtipur9A

แหลมกระทิง🌊 อ่านเพิ่มเติม

✨เกาะเฮ จ. ภูเก็ต✨

เกาะเฮ หรือ CoralIsland เป็นเกาะยอดนิยมอีกเกาะหนึ่งของภูเก็ต ทะเลสวย น้ำใสมาก อยู่ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตเพียง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น ก็มาถึงเกาะเฮ ใครที่ไม่ชอบนั่งเรือนาน ๆ แนะนำที่นี่เลย อีกไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่เกาะเฮ ก็คือ นกเงือก หรือ นกแก๊ก (Great Hornbill) ซึ่งนกเงือกถือว่าเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า นกเงือกที่นี่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ สามารถมองเห็นได้แบบใกล้ชิด ทำให้เกาะที่นี่มีความพิเศษ ไม่เหมือนเกาะอื่นแน่นอน การเดินทาง สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งแบบไป-กลับ เป็นวันเดย์ทริป หรือแบบครึ่งวัน ผ่านบริษัทนำเที่ยว มีเรือนำเที่ยวให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะสปีดโบท เรือหัวโทง หรือเรือยอร์ช คาตามารัน มีให้บริการหลายบริษัทเลย

✨เกาะเฮ จ. ภูเก็ต✨ อ่านเพิ่มเติม

📍ย่านเมืองเก่าภูเก็ต📍

ครอบคลุมบริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนพังงา ถนนเยาวราช ถนนกระบี่ และซอยรมณีย์ เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ในอดีตจะมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ได้แก่ จีน อินเดีย ยุโรป มุสลิม เข้ามาตั้งถิ่นฐานประกอบอาชีพค้าขายและได้สร้างบ้านเป็นตึกแถวมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบ “ชิโน-โปรตุกีส” (Sino-Portuguese) ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งกิจการเหมืองแร่ดีบุกเริ่มเจริญรุ่งเรือง ปัจจุบันบางอาคารได้รับการอนุรักษ์เป็นพิพิธภัณฑ์ บางอาคารดัดแปลงเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี “ถนนคนเดินหลาดใหญ่” จัดขึ้นในทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. บนถนนถลางในย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นถนนคนเดินที่สามารถสัมผัสกลิ่นอายความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรมของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี

📍ย่านเมืองเก่าภูเก็ต📍 อ่านเพิ่มเติม

✨ น้ำชุบหยำ น้ำพริกพื้นเมืองกับเรื่องเล่าพื้นบ้าน ✨

“น้ำชุบหยำ” ยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น “น้ำพริกขยำ” หรือ “น้ำพริกโจร” ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะเคยได้ยินหรือเรียกไม่เหมือนกัน แต่ที่เห็นอยู่นี้ คือน้ำพริกพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกันในภาคใต้ วัตถุดิบมีลักษณะคล้ายกับน้ำพริกกะปิของภาคกลาง แต่มีส่วนผสมเพิ่มเติม ได้แก่ กุ้ง กับน้ำกุ้งต้มเพื่อเพิ่มรสหวาน และจะทำน้ำพริกโดยวิธีการขยำ ๆ จนเข้ากัน น้ำชุบหยำ เป็นอาหารที่มีเรื่องเล่ากันว่า “ครั้งหนึ่ง โจรกำลังปล้นบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งในขณะที่กำลังปล้นก็เริ่มรู้สึกหิว จึงหาอะไรกิน และเห็นว่ามีเครื่องทำน้ำพริกอยู่ แต่ถ้าเกิดตำน้ำพริกโดยใช้ครก ก็กลัวว่าเจ้าของบ้านจะตื่น จึงใช้มือขยำ ๆ วัตถุดิบต่าง ๆ แทน” ซึ่งกลายเป็นที่มาของน้ำชุบหยำนั่นเอง ในปัจจุบัน มีสูตรและวิธีทำมากมายตามสื่อออนไลน์ ซึ่งถ้าหากใครที่อยากลองทำดู ก็สามารถทำได้ไม่ยาก หรือถ้าใครที่มีโอกาสเดินทาไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หรือพังงา แนะนำให้เพื่อน ๆ ลองหารับประทานดูสักครั้งแล้วจะติดใจ

✨ น้ำชุบหยำ น้ำพริกพื้นเมืองกับเรื่องเล่าพื้นบ้าน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨รวมอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ✨

ทะเลไทยขึ้นชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ใคร วันนี้แอดจะมาแนะนำ อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก หากใครมีโอกาสได้ไปรับรองประทับใจแน่นอน ลองตามแอดมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง 👉 สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลก่อนการเดินทางได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ โทรศัพท์ 0 2579 5269 จังหวัดพังงา 1. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่งและอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ทางฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีชายหาดและเกาะสวยที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่หลายแห่ง ที่สำคัญที่นี่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์จากการค้นพบหลักฐานหลายอย่างที่แสดงว่า เคยมีกลุ่มชนอาศัยอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ภาพเขียนสี เศษภาชนะดินเผา ขวานหิน ฯลฯ 2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังน้ำตื้นของเกาะสุรินทร์เหนือและเกาะสุรินทร์ใต้ ที่นี่จึงถือเป็นแหล่งดำน้ำระดับแถวหน้าของเมืองไทย มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก จนได้รับยกย่องว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ส่วนอีกสามเกาะเป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น 3. อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งนี้ แยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เทือกเขาลำปี มีลักษณะเป็นภูเขาหลายลูกเรียงเป็นแนวยาว ส่วนใหญ่เป็นหินอัคนีที่อายุราว ๆ 60–140 ล้านปี มีป่าดงดิบปกคลุม และอีกส่วนคือ ชายหาดท้ายเหมือง ที่มีลักษณะเป็นหาดทรายขาวสะอาดกว้างและยาว มีความเงียบสงบ เป็น่จุดวางไข่ของเต่าทะเลและที่อยู่อาศัยของนกจำนวนมาก 4.อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดพังงา ได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า อำเภอกะปง อำเภอท้ายเหมือง และ อำเภอเมือง ลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญในจังหวัดพังงา ได้แก่ แม่น้ำพังงาและแม่น้ำตะกั่วป่า ภายในมีชายหาดที่ซ่อนตัวอยู่ในเขา 2 แห่ง คือชายหาดเขาหลัก เป็นหาดหินสวยงาม มีต้นสนตลอดแนวริมหาด ส่วนอีกหาดคือ หาดเล็ก แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากนัก เหมาะการเล่นน้ำทะเลหรือพักผ่อนริมชายหาด มีบรรยากาศเงียบสงบเหมือนเป็นชายหาดส่วนตัว 5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สิมิลัน มาจากภาษายาวี แปลว่า “เก้า” ซึ่งมาจากจำนวนของเกาะน้อยใหญ่ทั้งหมดที่รวมกันเป็นหมู่เกาะสิมิลัน อีกหนึ่งสวรรค์ของนักดำน้ำในไทยนั่นเองอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันประกอบไปด้วย 9 เกาะ เรียงกันจากเหนือลงมาใต้ ดังนี้-เกาะหูยง-เกาะปายัง-เกาะปาหยัน-เกาะเมี่ยง เป็นสองเกาะติดกัน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มีปูไก่และนกชาปีไหน สัตว์ที่หาชมได้ยาก-เกาะปายู-เกาะหัวกะโหลก เป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายหัวกะโหลก มีปะกะรัง ปลากระเบนราหูและหุบเขาใต้น้ำ-เกาะสิมิลัน มีขนาดใหญ่สุด เป็นแหล่งดำน้ำ ชมปะการังและสัตว์ทะเล มีจุดชมวิวหินเรือใบ-เกาะบางู จุดดำน้ำชมกองหินใต้น้ำ กองหินคริสต์มาสพอยต์ ต่อมาได้มีการรวมเอาเกาะตาชัยมาอยู่ในหมู่เกาะสิมิลันด้วย * พื้นที่บริเวณโดยรอบของเกาะหูยง เกาะปายัง และเกาะปาหยัน ได้ถูกสงวนให้เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะโดยเด็ดขาด จังหวัดสตูล 6. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา “ตะรุเตา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษามลายูคำว่า “ตะโละเตรา” แปลว่า มีอ่าวมาก เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในทะเลอันดามันบริเวณช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ทางด้านใต้ของเขตอุทยานแห่งชาติห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย เพียง 4.8 กิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของเมืองไทย อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยถึง 51 เกาะ โดยมีเกาะที่มีขนาดใหญ่ 7 เกาะ คือ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี โดยจัดแบ่งออกเป็นหมู่เกาะใหญ่ๆ ได้ 2 หมู่เกาะ คือ หมู่เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะอาดัง-ราวี  7. อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตั้งอยู่ที่ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ติดกับชายแดนของประเทศมาเลเซีย เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางหุบเขาจีนและเขามดแดง เกิดขึ้นจากการยุบตัวของพื้นดิน โดยน้ำในบึงมาจากต้นน้ำที่ออกมาจากผนังภูเขา บริเวณรอบ ๆ ของอุทยาน มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีภูเขา น้ำตก ถ้ำ เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์หายากอย่าง เขียดว้าก (หมาน้ำ) สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำรูปร่างคล้ายกบที่ส่งเสียงร้องคล้ายลูกสุนัข และยังเป็นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองเผ่าซาไกหรือเงาะป่าอีกด้วย โดยคำว่า ทะเลบัน เพี้ยนมาจาก ภาษามลายูว่า เลิดเรอบัน ที่มีความหมายว่า แผ่นดินยุบ นั่นเอง 8. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประกอบด้วยเกาะ 22 เกาะ วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ รูปร่างแปลกตา มีลักษณะเป็นเกาะหินปูนที่มีความลาดชันมีโพรง ถํ้า หลุมยุบ หน้าผาสูงชัน จากการกัดเซาะของน้ำและลม ที่ราบบนเกาะส่วนมากเป็นหาดทรายแคบ ๆ สั้น ๆ อยู่ตามหัวแหลมของเกาะและอ่าว จังหวัดภูเก็ต 9. อุทยานแห่งชาติเขาสิรินาถเดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติหาดในยาง ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดภูเก็ต ภายในบริเวณอุทยานมีป่าสนทะเล หาดทราย แนวปะการัง ที่วางไข่ของเต่าทะเล จักจั่นทะเลและเป็นที่อยู่อาศัยหอยทะเลที่หายากหลายชนิด จังหวัดตรัง 10. อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอกันตังและอำเภอสิเกา ภายในประกอบด้วยชายหาดและเกาะ 7 แห่ง โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้– ส่วนชายหาด ได้แก่ หาดปากเมง หาดฉางหลาง หาดยาว หาดหยงหลิง หาดสั้น หาดเจ้าไหม ถ้ำเจ้าไหม– ส่วนเกาะ ได้แก่ เกาะมุก เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะปลิง

✨รวมอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top