กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง

บ้านศิลปิน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้นริมคลองบางหลวง (หรือคลองบางกอกใหญ่) เดิมเป็นของ “ตระกูลรักสำหรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งกลุ่มศิลปินนำโดยคุณชุมพล อักพันธานนท์ ได้ขอซื้อต่อจากทายาท และบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งที่นี่จะมีกลุ่มคนรักงานศิลปะรวมทั้งนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอ ทำให้ชุมชนคึกคัก และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย ภายในบ้านก็จะเก๋ๆ หน่อย ชั้นล่างเปิดเป็นพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ เช่น กิจกรรมระบายสีหน้ากาก ฯลฯ นอกจากนี้ยังจำหน่ายของที่ระลึก และมีโซนกาแฟสดให้นั่งดื่มกันชิลๆ ด้วย ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโล่งๆ จัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ของศิลปินมีฝีมือหลายคน มีทั้งภาพวาดและภาพถ่ายสวยๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้ปลุกความอาร์ตในตัวคุณแน่นอน หากใครถูกใจภาพไหนก็สามารถติดต่อขอซื้อได้ด้วย นอกจากนี้ภายในบริเวณบ้านยังมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งนับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านศิลปินแห่งนี้ เชื่อกันว่าบริเวณนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดกำแพงบางจากที่อยู่ใกล้กันมาก่อน อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านศิลปินก็คือ จะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้เราชมด้วยค่ะ ใครมาเที่ยวบ้านศิลปินก็ต้องห้ามพลาดนะคะ  ตารางการแสดงหุ่นละครเล็กจัดแสดงเพียง 4 วัน วันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น.– วันอาทิตย์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันพุธ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันศุกร์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันเสาร์ คณะคลองบางหลวง คำนาย วันจันทร์ – อังคาร และพฤหัสบดี งดการแสดงไม่เสียค่าใช้จ่าย **แนะนำให้โทรสอบถามการแสดงก่อนเข้าชม** เดินออกจากบ้านศิลปินมานิดเดียวก็จะพบกับ “บ้านของเล่น” ซึ่งเป็นร้านขายกาแฟโบราณและร้านขายของเล่นที่เราเคยเล่นกันสมัยก่อน เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเลย แอดแฮปปี้มาก ร้านตกแต่งด้วยของโบราณทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นถาด ปิ่นโต หม้อ ชาม เก๋มากเลย เสร็จแล้วก็มานั่งชิลริมคลอง ให้อาหารปลากัน บอกเลยว่าปลาเพียบจ้า หากใครอยากท่องเที่ยวแบบชิลๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ เหมือนได้ชาร์จแบตไปในตัว ที่นี่ก็ตอบโจทย์อยู่นะ บ้านศิลปิน ที่ตั้ง : 309 ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯเปิดทุกวันวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.โทร. 02 868 5279 การเดินทาง BTS – เรือนั่ง BTS ลงสถานีบางหว้า จากนั้นไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบางหว้า มีบริการเรือฟรีไปวัดกำแพง คลองบางหลวง (เรือมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) รถโดยสารประจำทางจากแยกท่าพระ นั่งรถประจำทางสาย 68 108 509 ฯลฯ มาลงที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 1/1 หรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ราคา 10 บาท หรือรถสองแถว ราคา 5 บาท นั่งไปจนสุดซอย แล้วเดินข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน รถยนต์ส่วนตัวจากแยกท่าพระ วิ่งไปตามถนนเพชรเกษม กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดทองศาลางาม (ซอยเพชรเกษม 20) เข้าไปจนสุดซอยจะเจอวัดทองศาลางาม ให้เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก็จะถึงวัดกำแพงบางจาก สามารถจอดรถได้ภายในวัด จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเดินเลียบคลองไปตามทางเดินเล็กๆ ประมาณ 130 เมตร ข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 กรกฎาคม 2562

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง

ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจในเรื่องของอาหารอร่อยห้ามพลาดที่ต้องตามไปทาน ที่เดียวได้ทั้งของคาวและของหวานเลยล่ะ อิ่มท้องแถมยังประหยัดอีกด้วย การเดินทางมาที่ท่าดินแดงในครั้งนี้ แอดใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือท่าราชวงศ์ จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น ใครมาท่าดินแดงคราวนี้จะอิ่มท้องและมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน เริ่มกันที่ ร้านนมสดท่าดินแดง ร้านนี้เต็มไปด้วยเมนูนมค่ะ มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ไม่ว่าจะเป็นนมสด กาแฟ ชาไทย นมชมพู นอกจากนี้ยังมีขนมปังหน้าต่างๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีเช่นกันทั้งขนมปัง นมสดพร้อมดื่ม สังขยาเยิ้มๆ น่าทานมากๆ เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าแอดสั่งอะไรมาทานบ้าง  ทางร้านแนะนำ ชุดสังขยาใบเตย มีสังขยาให้เลือก 2 รสชาติด้วยกันคือสังขยาใบเตยและสังขยาไข่ ขนมปังนุ่มๆ จิ้มกับสังขยาเยิ้มๆ ละมุนสุดๆ เลยค่ะราคาชุดเล็ก 40 บาท / ชุดใหญ่ 60 บาท ต่อด้วยเค้กนมสด ชิ้นละ 15 บาท แป้งเค้กนุ่มฟู ที่สำคัญคือหอมมาก ทานคู่กับเครื่องดื่มเข้ากันมากๆ เลยล่ะ เมนูนี้แอดอยากให้ทุกคนลองชิม แนะนำๆ  นมสดท่าดินแดงเปิดทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.โทร. 02 863 1361 หลังจากดื่มนมกันแล้ว เดินต่อมาอีกนิดจะเห็นซอยท่าดินแดง 11 เดินเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 30 เมตรก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า) ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดขายมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ แต่ลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องแบบไม่ขาดสายเลยนะจะบอกให้ ก๋วยจั๊บที่ทางร้านขายจะเป็นก๋วยจั๊บน้ำข้น ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท หรือใครชอบทานเกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ แอดบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นมาก ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่มกำลังดี หมูกรอบชิ้นใหญ่ เลือดก็นุ่มกัดไปมีความ juicy เบาๆ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า)เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.โทร. 085 905 3552 จัดเต็มกันต่อด้วยร้าน ตี๋ หมูสะเต๊ะ เจ้าดังของย่านนี้กันเลย ตั้งอยู่ริม ถ.ท่าดินแดง เดินตรงจากท่าเรือมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเตาหมูสะเต๊ะยาวๆ กำลังย่างไฟอยู่ น่าทานซะเหลือเกิน หมูสะเต๊ะของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ หมูติดมัน หมูไม่ติดมัน และยังมีตับสะเต๊ะด้วย   แอดสั่งมา 10 ไม้เบาๆ ทั้งแบบหมูติดมันและไม่ติดมันเลย บอกเลยว่าหมูนุ่มมากๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำจิ้มก็ดี เข้มข้นและหอมถั่วมากกกกก ซึ่งแอดโปรดปรานที่สุด ทานคู่กับอาจาดก็อร่อยเข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แตงกวาสด กรอบ แอดจัดการเรียบเลย ฮ่าๆๆ นอกจากหมูแล้วยังมีตับสะเต๊ะอีกด้วยนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ไม้ละ 7 บาท พร้อมแล้วลุยเลย! หมูสะเต๊ะน้ำและจิ้มยั่วๆ จ้า หากใครแวะไปแถวท่าดินแดงต้องห้ามพลาดเลยนะ.ตี๋หมูสะเต๊ะ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.30-23.00 น.(ปิดวันจันทร์เว้นจันทร์)โทร. 02 437 1172 มาต่อกันที่ร้าน เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตี๋ หมูสะเต๊ะ เป็นร้าน street food ริมถนนท่าดินแดงค่ะ ร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี เรียกได้ว่าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเฮียไช้ ปัจจุบันได้ส่งต่อให้กับรุ่นหลานและยังเป็นร้านที่ลูกค้าติดใจไม่น้อยเลยล่ะ ร้านนี้เป็นสูตรโบราณและหาทานได้ยากแล้ว แอดได้เห็นกระบวนการห่อและส่วนประกอบต่างๆ ทุกอย่างสด ใหม่ น่าทานมากๆ แอดจัดมา 1 กล่อง บอกเลยว่าไส้แน่น ครบเครื่องและแป้งนุ่มไม่เหมือนร้านอื่น น้ำราดจะออกหวานๆ ทานคู่กับพริกมีรสชาติเปรี้ยวหน่อยๆ ตัดกันได้ดีเลยค่ะ ราคากล่องละ 50 บาท เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-14.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 098 967 3343 จากร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ปิดท้ายกันที่ ข้าวพระรามลงสรงท่าดินแดง เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ร้านตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ข้าวพระรามลงสรงเป็นเมนูอาหารจีนโบราณ ที่ปัจจุบันหากินได้ค่อนข้างยาก แต่ละร้านรสชาติของอาหารก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งแอดเองก็เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาหลายครั้ง เพิ่งได้ลองชิมก็ที่นี่เจ้าแรกนี่แหละ  ส่วนประกอบในเมนูนี้มี ข้าวสวย ผักบุ้งลวก และเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดคล้ายๆ น้ำสะเต๊ะ ปิดท้ายด้วยพริกเผา ราคาจานละ 40-50 บาท รสชาติจะออกหวานนิดๆ รับประทานกับน้ำพริกเผาแล้วเข้ากันมากๆ แอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาทาน เพราะทุกวันนี้หาทานได้ยากจริงๆ ค่ะ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับกุนเชียงสูตรเด็ดของร้าน นุ่ม หวาน อร่อยมากกก ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดงเปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 06.30-15.30 น. (ปิดวันเสาร์)โทร. 02 437 4513, 081 774 4124  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 สิงหาคม 2562

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. 2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย วัดไชยวัฒนารามที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ปราสาทหินพนมรุ้งที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก 5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้ มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท กว๊านพะเยาที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 7. ประภาคาร จ.ระนอง ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ประภาคาร จ.ระนองที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น. 8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่ เกาะเต่าที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 10.

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง อ่านเพิ่มเติม

Street Art…art on wall EP.2

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว เชียงใหม่.ในภาคเหนือนี้ เราจะเริ่มต้นกันที่เชียงใหม่ ค่ะ เพราะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึง Street Art เก๋ๆ ด้วยค่ะ Street Art ของเชียงใหม่ มีให้เลือกชมอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถกาดสวนแก้ว ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 5 และ 17 ถนนมูลเมือง ซอย 6-7 ถนนราชวิถี ซอย 1 และกำแพงทัณฑสถานหญิงเก่า ซึ่งแต่ละที่ก็มีความอาร์ตที่แตกต่างกันไปค่ะ แม่ฮ่องสอน.ด้วยความที่แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย Street Art ของที่นี่จึงสะท้อนภาพความเป็นอยู่ของชุมชนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ เลยละค่ะ ผลงาน Street Art ของแม่ฮ่องสอน อยู่บริเวณถนนคนเดินแหล่จอมกั๋น ถนนขุนลุมประพาสซอย 3 หลังที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน.ซึ่งผลงานเหล่านี้เกิดจากศิลปินและจิตอาสาจากหลากหลายสถาบัน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานสุดประทับใจให้เราได้ชมกันค่ะ ลำปาง.ลำปาง ปลายทางฝัน บอกเลยว่า Street Art ของที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ เพราะเค้าได้นำสัญลักษณ์เด่นๆ อย่างเช่น ไก่ขาว และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลำปางมาวาดเป็นผลงานศิลปะที่สวยงาม Street Art ของลำปาง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งกาดกองต้า ตั้งแต่เชิงสะพานรัษฎาภิเศก เรื่อยไปจนถึงสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี และบริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งหลังจวนผู้ว่าฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ในกาดกองต้าอีกด้วยค่ะ.ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ไปเดินชม Street Art ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนเย็นๆ ก็สามารถไปเดินเที่ยวถนนคนเดินกาดกองต้ากันได้นะคะ มีสินค้าพื้นเมืองและของกินเยอะมากเลย นครสวรรค์.มาต่อกันที่ จ.นครสวรรค์ ประตูสู่ภาคเหนือกันเลยค่ะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มี Street Art ที่สวยงามไม่แพ้ใคร เพื่อนๆ สามารถไปชมผลงาน Street Art ของนครสวรรค์ ได้ที่บริเวณโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำเทศบาลนครนครสวรรค์ค่ะ บอกเลยว่ามาที่นี่คุ้มเกินคุ้ม เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมงานศิลปะแล้ว ยังจะได้ชมบรรยากาศสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วยนะคะ กาฬสินธุ์.ชม Street Art ภาคเหนือกันมาแล้ว ก็มาชม Street Art ภาคอีสานกันบ้างดีกว่า ที่นี่นอกจากส้มตำปลาร้านัวๆ แล้ว เค้าก็ยังมีศิลปะสวยๆ ให้เราได้ชมกันด้วยนะคะ.อย่างเช่นที่กาฬสินธุ์ Street Art ของที่นี่มีความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะนำเอาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มาบอกเล่าผ่านผลงานศิลปะบนฝาผนัง โดยเน้นสีสันสดใสเพื่อให้รู้สึกสนุกสนานนั่นเองค่ะ  ที่นี่มี Street Art ให้เลือกชมหลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกำแพงอิฐตรงวงเวียนไดโนเสาร์ กำแพงโรงหนังร้าง กำแพงหัวมุมทางเลี้ยวไปบ้านนายกฯ และกำแพงตรงข้ามโรงงานไส้กรอกปลา ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวกาฬสินธุ์ ก็อย่าลืมแวะชม Street Art สวยๆ เหล่านี้นะคะ ร้อยเอ็ด.สำหรับ Street Art ของร้อยเอ็ดนั้น แอดบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.ร้อยเอ็ด เลยทีเดียว และยังเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินมากฝีมือกว่า 50 ชีวิตจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ที่มาร่วมกันรังสรรค์ผลงานไว้ให้เราได้ชมกันค่ะ.หากเพื่อนๆ คนไหนอยากมาถ่ายรูปเช็คอิน ก็สามารถมาได้ที่บริเวณถนนแจ้งสนิท ตรงคูเมืองด้านทิศตะวันตกนะคะ อุบลราชธานี.Street Art ของที่นี่ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนผนังอาคารในย่านเมืองเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม ให้มีสีสันขึ้นมาใหม่ด้วยผลงานศิลปะแนว Graffiti นั่นเองค่ะ และแล้วย่านเมืองเก่าแห่งนี้ก็ถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถไปชมได้ที่ บริเวณทางเข้าตลาดใหญ่ โรงแรมศรีอิสาณ ถนนข้างวัดหลวง ร้านชัยวิตร์เภสัช ซอยข้างร้านเจริญสิน และซอยฝั่งตรงข้ามค่ะ จันทบุรี.เรามาชม Street Art ทางฝั่งภาคตะวันออกกันบ้างดีกว่า ที่ชุมชนหนองบัวหรือชุมชนขนมแปลก จ.จันทบุรี นั่นเองค่ะ ที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ขนมแปลกนะคะ แต่ยังแอบซ่อนงานศิลปะแนว Graffiti และ Street Art ไว้ทุกมุมในชุมชนเลยล่ะค่ะ.และที่สำคัญชุมชนหนองบัวยังมีบ้านเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ ซึ่งนับว่าเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 มีนาคม 2562

Street Art…art on wall EP.2 อ่านเพิ่มเติม

Street Art…art on wall EP.1

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว กรุงเทพฯ เรามากันที่ย่านเจริญกรุง ถนนสายแรกของไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งยังเป็นแหล่ง Street Art แรกเริ่มของกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการรวมตัวของศิลปินชื่อดังจากไทยและจากทั่วโลก เช่น Alex Face, Roa, Bonus TMC และ Phai เป็นต้น ในย่านถนนเจริญกรุงเต็มไปด้วย Street Art มากมาย เรียงรายต่อกันตามกำแพงและตามตึก เรื่อยไปตั้งแต่ซอยเจริญกรุง 28 ซอยเจริญกรุง 30 ซอยเจริญกรุง 32 ซอยวานิช และถนนทรงวาด เดินเพลินเลยล่ะ อีกหนึ่งจุดของ Street Art ที่น่าสนใจภายในกรุงเทพฯ ก็คือ “สวนเฉลิมหล้า” ราชเทวี ซึ่งแม้จะเป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่บนกำแพงก็เต็มไปด้วยผลงาน Street Art หลากหลายอารมณ์ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ถ่ายรูปเก่ๆ ที่เหมาะกับคนฮิปๆ แต่งตัวเท่ๆ อย่างแอดมากเลย  นอกจากนี้ภายในสวนยังมีลานกีฬาของชุมชน สำหรับออกกำลังกายด้วยนะ ราชบุรี Street Art ราชบุรี อยู่ในอำเภอบ้านโป่ง เกิดจากความร่วมมือของศิลปินทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับนานาชาติ ที่รวมกลุ่มกันในนาม “A T Exchange” (Art Terminal Exchange) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในพื้นที่ชุมชนบ้านโป่ง ให้มีสีสันและสร้างความภูมิใจในบ้านเกิดอีกด้วย ผลงาน Street Art ของที่นี่จะกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ซอยมิตรเสถียร ซอยเชาวน์ศรัทธา ตลาดสดเทศบาล โรงหนังเฉลิมทองคำ และโรงหนังโฆษิต เป็นต้น เพชรบุรี ชุมชนหนองจอก อำเภอท่ายาง เป็นชุมชนเก่าแก่กว่าร้อยปี ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมทั้งทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่เป็นบ้านไม้สวยงาม โครงการ Nongchok Street Art เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนเก่าแก่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในชุมชนผ่านงานศิลปะ ภูเก็ต มาถึงจังหวัดยอดฮิตของภาคใต้กันบ้าง จังหวัดภูเก็ตในอดีตเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานและเจริญรุ่งเรืองมาก เห็นได้จากอาคารบ้านเรือนในเมืองภูเก็ตที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจีนและยุโรป ที่เรียกว่า “ชิโน-โปรตุกีส” (Sino-Portuguese) ไม่เพียงแต่ความสวยงามของอาคารบ้านเรือนเท่านั้น ภูเก็ตยังมีผลงาน Street Art ตามถนนต่างๆ ได้แก่ บริเวณถนนถลาง ถนนพังงา ถนนดีบุก และถนนกระบี่ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานของศิลปินชั้นนำของไทย ที่สร้างสรรค์ภาพวาดและเพิ่มสีสันบนกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมผลงาน Street Art กันได้เรื่อยๆ เพราะแต่ละจุดจะอยู่ไม่ไกลกันมาก อีกทั้งยังได้ชมบรรยากาศวิถีชีวิตและวัฒนธรรม รวมไปถึงชิมอาหารท้องถิ่นแบบจีนดั้งเดิม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวภูเก็ตอีกด้วย กระบี่ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นทะเลและเกาะต่างๆ แต่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ในอำเภอเมืองกระบี่ก็ยังมีผลงาน Street Art น่ารักๆ ภายใต้แนวคิด “Unfold the Untold” เล่าเรื่องเมืองกระบี่ผ่านงานศิลปะในมุมที่ไม่มีใครบอกผ่าน ผลงาน Street Art นี้กระจายอยู่ทั่วเมืองทั้งหมด 9 จุด เช่น ภาพมโนราห์บริเวณซอยมหาราช 6 ภาพชาวบ้านกระบี่บริเวณโรงแรมซิตี้ เป็นต้น ตรัง อดีตเมืองท่าสำคัญที่ปัจจุบันยังคงปรากฎร่อยรอยให้เห็น ในย่านเมืองเก่าทับเที่ยงที่มีอายุกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนยังงดงามและเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมื่อ พ.ศ.2557 สโมสรโรตารีตรังได้จัดกิจกรรมแต่งแต้มสีสันตามอาคารต่างๆ ด้วยภาพ Street Art ภายใต้สโลแกน “ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล” ผลงาน Street Art ของที่นี่ มีอยู่ด้วยกัน 3 จุด ได้แก่ ภาพถ้ำมรกตบริเวณตึกชิโนโปรตุกีส ถนนราชดำเนิน ภาพต้นศรีตรัง บริเวณข้างร้านแว่นท็อปเจริญ ถนนราชดำเนินซอย 1 และภาพถิ่นกำเนิดยางพาราบริเวณถนนราชดำเนินซอย 1 ตัดกับถนนไทรงามซอย 1 พังงา ในอดีตอำเภอตะกั่วป่าเจริญรุ่งเรืองจากการค้าขายกับชาวต่างชาติ และการทำเหมืองแร่ดีบุกของชาวจีน แต่ปัจจุบันตะกั่วป่ากลับกลายเป็นเมืองที่เงียบสงบ ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาที่นี่ ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤษภาคมของทุกปี บริเวณถนนศรีตะกั่วป่าและถนนอุดมธารา จะมีการจัดนิทรรศการเล่าเรื่องเมืองตะกั่วป่า เราสามารถเดินชมบรรยากาศและ Street Art ที่แฝงตัวอยู่ตามผนังตึกต่างๆ ได้ ภาพ Street Art ที่นี่ สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น ภาพจำลองการทำเหมืองแร่ ถนนกลั่นแก้ว ภาพรถโพถ้อง (รถสองแถวไม้ ซึ่งเป็นพาหนะท้องถิ่นของภาคใต้) ภาพร้านตัดผมตะกั่วป่า เป็นต้น สงขลา ชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งห้องแถวไม้แบบจีนและตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (Sino-Portuguese) นอกจากความสวยงามของอาคารในย่านเมืองเก่าแล้ว เรายังเพลิดเพลินกับภาพ Street Art ตามผนังบ้านหรือผนังริมทางเดินในเมือง สัมผัสการบอกเล่าเรื่องราวผ่านภาพในอดีตที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม หรือนั่งรถรางชมเมืองที่ทางเทศบาลนครสงขลาจัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้ทุกวัน ยะลา ยะลาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อำเภอเบตง อำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซียและอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีธรรมชาติอันสมบูรณ์และเงียบสงบ เมื่อ พ.ศ.2560 อำเภอเบตงได้จัดงาน “111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงาน Street Art ให้เป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวของเบตงเลยก็ว่าได้ Street Art ของที่นี่เป็นผลงานของนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร มีทั้งหมด 11

Street Art…art on wall EP.1 อ่านเพิ่มเติม

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด

ศาลท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร.เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่มีเมตตา สามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนาในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ชีวิต หน้าที่การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสีเจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ.ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ที่ต้องการมีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิษฐานขอพรจากท่านแล้ว มักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติก็ถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ.ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวงพระพรหม เนื่องในโอกาสครบรอบการตั้งศาลด้วย  พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร.ผู้ใดที่ยังไร้คู่หรือไม่มีโชคในด้านความรัก หากได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา รวมทั้งเรื่องของชีวิตและหน้าที่การงานอีกด้วย เวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ คืนวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เพราะเชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับฟังและประทานพรให้แก่ผู้ขอ.วิธีบูชาพระตรีมูรติ ใช้ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองด้วย.วันบวงสรวงพระตรีมูรติ ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา.ผู้ที่นับถือหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลแก่ชีวิต และในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมกับความหวัง.เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาขอหลวงพ่อแล้วจะได้ลูกชาย และเมื่อสมดังหวัง ก็นิยมมาถวายละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย.งานนมัสการประจำปีหลวงพ่อโสธร จัดขึ้นปีละ 3 ครั้ง คือ– กลางเดือน 5 (เมษายน)– กลางเดือน 12 (พฤศจิกายน)– เทศกาลตรุษจีน ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา.เชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากจะดลบันดาลให้ผู้ที่มากราบไหว้ขอพร มีแต่ความสุข ความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องของความรักและคู่ครอง ถ้ามีใจที่แน่วแน่มั่นคง ก็มักสมหวังดังใจปรารถนา.หรือผู้ที่อยากมีบุตรก็มักจะมาขอพรจากเจ้าแม่เช่นกัน เมื่อได้สมดังที่ขอแล้วมักจะนำผ้าแพร ไข่มุก เรือสำเภาจำลอง หรือนำสิงโตมาเชิดเพื่อถวายเจ้าแม่ พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย.เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้ง จะได้สมตามความปรารถนาทุกประการ และถ้าขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป.ข้อปฏิบัติที่ควรทราบคือ ไม่ควรแต่งกายในชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง นอกจากนี้ยังไม่ควรกางร่ม สวมหมวก และสวมรองเท้าขึ้นไปบริเวณพระธาตุอีกด้วย.พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เพื่อเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์).ประเพณีสมโภชพระธาตุศรีสองรัก จัดขึ้นในวันวิสาขบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) ของทุกปี เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ

เที่ยวง่ายๆ ในหนึ่งวันฉบับคนมีเวลาน้อย วันนี้แอดจะชวนเพื่อนๆ ไปเดินเที่ยว ถ่ายรูป และกินของอร่อยกันรอบกรุงเทพฯ สำหรับวันนี้เราจะไปลัดเลาะในเส้นทางแรกนั่นคือ เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ  โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ ร้านกาแฟโบราณรุ่นเก๋ากว่า 60 ปี ที่มีต้นกำเนิดมาจากร้านขายของโชห่วย กลายมาเป็นร้านกาแฟ เฮี้ยะไถ่กี่ บน ถ.วิสุทธิกษัตริย์ ต่อมาได้มีการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 4 สาขา ในชื่อว่า โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ สาขา 1 เสาชิงช้าสาขา 2 ผ่านฟ้าสาขา 3 ตลาดเสรีมาร์เก็ต เดอะไนน์ พระราม 9สาขา 4 เดอะ ไบรท์ พระราม2 เช้านี้แอดตั้งใจจะพาเพื่อนๆ มาฝากท้องกันที่นี่ ซึ่งเค้าก็มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งของว่างทานเล่น และเมนูอาหารเช้า ไม่ว่าจะเป็น ไข่กระทะ สเต็กหมู สเต็กปลา ข้าวต้ม ข้าวปลาแซลมอน ขนมปังปิ้ง โรตี ฯลฯ ทางร้านให้ลูกค้าบริการตัวเองนะคะ เดินมาสั่งและรับอาหารหรือเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยตัวเองได้เลย สำหรับมื้อเช้าของแอดเป็น “ไข่กระทะ” ไข่ดาว 2 ฟอง และหมูสับ มาพร้อมชุดขนมปัง ที่ประกอบด้วยขนมปัง หมูยอ และกุนเชียง เครื่องแน่นอยู่นะ แต่ถ้ายังไม่จุใจก็สามารถเพิ่มชีสและเบคอนได้ ทางร้านเรียกว่า “ไข่กระทะครบสูตร” หรือจะไม่เพิ่มก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลยจ้า ไม่อิ่มขอต่ออีกชาม “เส้นใหญ่ต้มยำ” เมนูนี้ใครได้ลองชิมแล้วต้องอยากซดน้ำต้มยำร้อนๆ บอกเลยว่าโล่งคอสุดๆ เส้นใหญ่เหนียวนุ่ม เครื่องต้มยำก็แซ่บ เครื่องดื่มของร้านเป็นสไตล์โบราณ แต่ก็มีความร่วมสมัยอยู่ด้วย ทั้งชา กาแฟ นมเย็น โอเลี้ยง ฯลฯ แก้วสูงๆ นั้นเรียกว่า “ชาเฟ” เป็นทั้งชาและกาแฟในแก้วเดียวกัน กาแฟเข้มข้นผสมชาซีลอนแท้ๆ โปะด้วยวิปครีมนุ่มๆ ดื่มตอนแรกจะได้กลิ่นชาก่อน จากนั้นตามด้วยรสเข้มๆของกาแฟ ฟินมาก ถัดมาคือ “โอวัลตินภูเขาไฟ” เมนูที่หลายคนคงจะเคยดื่ม และยังชื่นชอบไม่เคยเปลี่ยน แก้วสุดท้าย “ชาซีลอนเย็น” รสชาติเข้มข้น หวานมัน หอมชามาก คนรักชาห้ามพลาด โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า ที่ตั้ง : 37 อาคารหัวมุมซอยสำราญราษฎร์ ถนนศิริพงษ์ กรุงเทพฯ (ใกล้ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร)เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 20.00 น.โทร. 091 979 1498พิกัด : https://goo.gl/maps/bH2Ena3PSZL2 เรามุ่งหน้าเดินจากร้านกาแฟ ผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตรงมายังถนนมหรรณพ เดินมาเรื่อยๆ เเวะชิม “ขนมกุ๋ยช่าย เจ๊ต้อย” เจ้าดังกันก่อน ร้านนี้เปิดมา 10 กว่าปีแล้ว เป็นกุ๋ยช่ายต้นตำรับแป้งบางนุ่ม ไส้เยอะมาตั้งแต่สมัยรุ่นแม่ของเจ้าของร้าน น้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน โดดเด่นด่วยกุ๋ยช่ายทรงหลังเต่า ไม่แบนเหมือนที่อื่นๆ แตกต่างไม่เหมือนใคร กุ๋ยช่ายร้านนี้มีทั้งหมด 6 ไส้ด้วยกัน ได้แก่ กะหล่ำ-เห็ดหอม หน่อไม้สดกุ้งแห้ง เผือก มันแกว และกุ๋ยช่าย ราคาชิ้นละ 7 บาท ที่ตั้ง : 122 ถนนมหรรณพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 15.00 น.โทร. 062 857 3777, 081 836 5941พิกัด : https://goo.gl/maps/FKRgkkLbQ112 อิ่มแล้วพร้อมลุยต่อ จากร้านกุ๋ยช่าย เดินตรงไปตามถนนมหรรณพจนสุดทางก็จะเจอ “ศาลเจ้าพ่อเสือ” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนต่างมากราบไหว้ขอพร เสริมดวงบารมี รวมถึงสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงต่าง ๆ อีกด้วย ที่ตั้ง : 468 ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/r1VnBaxTgFN2 ออกจากศาลเจ้าพ่อเสือ เดินไปทางขวานิดเดียวก็จะพบกับ “ซุ้มประตู” ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมไทย ย่านแพร่งสรรพศาสตร์ ลักษณะเป็นกรอบประตูรูปซุ้มโค้ง ภายในวงกลมด้านบนประดับกระจกสีและประติมากรรมเทพธิดากรีกขนาดเกือบเท่าคนจริงอยู่ในท่ายืนถือคบไฟ แต่เดิมบริเวณนี้คือวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ (พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์) เจ้ากรมช่างมหาดเล็กสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งภายหลังวังได้เกิดเพลิงไหม้เสียหายจนหมด คงเหลือเพียงซุ้มประตูวังเท่านั้น แวะถ่ายรูปกันสักหน่อยแล้วไปลุยกันต่อ จัดหนักกันอีกมื้อที่ “นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง” ตั้งอยู่ในตรอกนาวา จากซุ้มประตูวังเดินตรงมาทางขวาเรื่อยๆ ซอยจะอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนถึงแพร่งนรา (สังเกตธนาคารกรุงเทพหน้าปากซอย) เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว มีลูกค้ารอคิวต่อแถวซื้อเป็นจำนวนมาก จนต้องขยายร้านเป็นสองคูหาเลยทีเดียว ที่ตั้ง : 41 ตรอกนาวา ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/5cwTFWcZPCD2 ความอร่อยของร้านนี้คือ ลูกชิ้นที่ทางร้านทำเอง สดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันบูด รสชาติก๋วยเตี๋ยวที่เข้มข้น และเครื่องที่อัดแน่นจนเต็มชาม ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปลา เต้าหู้ เกี๊ยวกรอบ หมึกกรอบ เรียกได้ว่าจัดเต็ม สำหรับใครที่สั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งและเย็นตาโฟแห้ง ก็จะมีหมูบะเต็งหวาน ๆ เค็ม

Walking Bangkok : เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์

ใครชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเก่าและประวัติศาสตร์ ตามแอดมา แอดจะพาไปเดินซอกแซกตามตรอกซอกซอยแถวย่านสามเสน เทเวศร์ พาไปศาลเจ้า ไหว้พระ ไปย้อนอดีตดูความงดงามของโบสถ์คริสต์ และวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมเติมพลังกันที่ร้านอร่อยประจำย่านนี้ เรียกว่าวันเดียวได้ทั้ง ไทย จีน ฝรั่งเลยแหละ ศาลเจ้าแม่ทับทิม (จุ่ยป๋วยเนี้ย) ศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนไหหลำ องค์เจ้าแม่สลักจากขอนไม้ใหญ่ที่ลอยน้ำมา เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาสักการะ ช่วงนี้ใครกำลังหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ อยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ก็มาไหว้เจ้าแม่ทับทิมได้ ที่ตั้ง : 6 ถนนราชวิถี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (เชิงสะพานซังฮี้)เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ตลาดบ้านญวน เป็นตลาดเล็ก ๆ อยู่ในซอยสามเสน 13 ตอนเช้าชาวบ้านในละแวกนี้จะมาตั้งร้านขายของกันเต็มสองข้างทาง มีร้านอาหารเด็ด ๆ เช่น ร้านข้าวเหนียวหมูทอด ร้านปลากริมปลา และร้านกาแฟ น้ำชงหลายชนิด นอกจากนี้ตลาดบ้านญวนยังเป็นแหล่งที่มีร้านขายอาหารเวียดนามตั้งอยู่หลายร้านอีกด้วย.ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 13 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 05.30-08.00 น.*วันอาทิตย์จะมีของขายเยอะที่สุด* วัดนักบุญแซงฟรังซัวซาเวียร์ หรือชื่อที่คุ้นหูคือวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดชั่วคราวให้แก่ชาว “คริสตังญวน” ที่ลี้ภัยสงครามมาอาศัยอยู่บริเวณนี้ เดิมวัดสร้างด้วยไม้ไผ่ แต่อยู่ได้เพียงปีเดียวก็เกิดพายุใหญ่พัดทำลายวัดจนเสียหายเมื่อ พ.ศ.2380 พระคุณเจ้ากูรเวอซี ประมุขมิซซังกรุงสยามจึงได้ออกเงินให้สร้างวัดใหม่ เป็นอาคารไม้ และต่อมา คุณพ่อปิแอร์ เมาริส ยิบาร์ตา เจ้าอาวาสเห็นว่าวัดไม้มีขนาดเล็ก ไม่เพียงพอสำหรับคนทั่วไป จึงขอรับบริจาคและสร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนาน 10 ปี ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 11 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. วัดคอนเซ็ปชัญ เป็นวัดคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลังแรกในย่านบางกอก สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยพระองค์ได้พระราชทานที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดสมอราย 1 แปลง ให้แก่พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน เพื่อสร้างวัดแห่งนี้ พระสังฆราชลาโนได้ตั้งชื่อวัดว่า “คอนเซ็ปชัญ” ที่มีความหมายว่า “วัดแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมน” โดยมีชาวโปรตุเกสกว่า 60 ครอบครัว เดินทางมาตั้งถิ่นฐานที่ชุมชนริมน้ำเจ้าพระยาย่านสามเสนแห่งนี้ด้วย นอกจากจะมีรูปปั้นพระแม่มารีในโบสถ์แล้ว บริเวณใกล้กับโบสถ์ ยังมีประติมากรรมรูปพระแม่มารีประดิษฐานอยู่ในถ้ำอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าชุมชนแห่งนี้นับถือและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก.ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยมิตตคาม (ซอยสามเสน 11) เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/bLDTejHQGQB2การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า โทร. 02 243 2617 วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เดิมชื่อว่า “วัดสมอราย” เป็นวัดสำคัญที่ได้รับการบูรณะมาโดยตลอด ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ และพระราชทานนามว่า “วัดราชาธิวาสวิหาร” มีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” เนื่องจากขณะทรงผนวชได้เคยเสด็จประทับที่วัดนี้นั่นเอง……………………………………………………………….พระอุโบสถออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มีรูปทรงและลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอม ภายในแบ่งเป็น 3 ห้อง ห้องแรกเป็นโถงทางเข้า ห้องกลางเป็นห้องพิธีและประดิษฐานพระประธานคือ “พระสัมพุทธพรรณี(องค์จำลอง)” ส่วนห้องหลังสุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธานองค์เดิมของวัดนามว่า “พระสัมพุทธวัฒโนภาส” จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ ฝีพระหัตถ์ทรงร่างของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ วาดและลงสีโดยนายคาร์โล ริโกลี จิตรกรชาวอิตาเลียนผู้มีชื่อเสียง ภายในวัดยังมีศาลาการเปรียญที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงให้สร้างเลียนแบบศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี ถือเป็นศาลาการเปรียญที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย .ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 9 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/s1gvobxNwRD2 วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อว่า “วัดสมอแครง” ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงรับเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร” ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัด.ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานที่ทำจากโลหะลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะทวารวดี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามว่า “พระพุทธเทวราชปฏิมากร”.พระอุโบสถ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. มณฑปจตุรมุข สร้างครอบพระอุโบสถเก่าเมื่อ พ.ศ. 2536 ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มณฑปจตุรมุขนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพุทธศิลป์ต่างๆ เช่น พระพุทธรูปโบราณ พระพุทธบาทสมัยอยธุยา ฯลฯ.เปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00 น.  พิพิธภัณฑ์สักทองเป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีอายุประมาณ 479 ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา และอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านสถาปัตยกรรม ภายในจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเท่าพระองค์จริงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา.เปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.……………………………………………………….วัดเทวราชกุญชรวรวิหารที่ตั้ง : 90 ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/VYXc7u8gsU72โทร. 02 281 2430  เดินมาเยอะแล้ว มาเติมพลังกันดีกว่า ร้านสี่เสาทะเลเดือดร้านนี้เด่นเรื่องก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ่บ ที่ยกทะเล มาไว้ในชามด้วย เรียกได้ว่าแซ่บจนทะเลเดือดเลยทีเดียว.ที่ตั้ง : สี่เสาเทเวศร์ ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.30-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร.02 628 6868, 083 642 2891  ที่ร้านมีเมนูแซ่บๆ ให้เลือกมากมายทั้ง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์ อ่านเพิ่มเติม

walking Bangkok : บางรัก-สีลม

วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ มาเดินเล่น ชิมอาหาร และชมตึกเก่าในย่านบางรัก ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ใครที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดจะไปไหนดี ก็มาเที่ยวตามแอดได้เลยนะ แอดพาทุกคนมาเริ่มกันที่ “ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ศาลเจ้าบางรัก” ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานตากสิน ข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานตากสิน หลังตลาดบางรักนี่เอง ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าไหหลำที่มีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักเดินทางชาวจีน 108 คน ที่ล่องเรือสำเภาเพื่อมาค้าขายที่นี่ แต่กลับถูกฆ่าตายที่เวียดนามเสียก่อนเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโจรสลัด นับป็นศาลเจ้าที่เป็นที่นับถือของชาวจีนในแถบนี้ ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว ที่ตั้ง : ซ.เจริญกรุง 50 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ขาหมูตรอกซุง เรามาต่อกันที่ “ร้านข้าวขาหมูตรอกซุง” ร้านขึ้นชื่อที่อยู่คู่บางรักมานานกว่า 40 ปี ข้าวขาหมูร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้ำพะโล้เข้มข้นแต่รสไม่จัดจ้านจนเกินไป กลมกล่อมกำลังดี ทานคู่กับผักกาดดองและน้ำส้มที่เผ็ดนิดๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ถ้ายังไม่จุใจสามารถสั่งไข่พะโล้หรือไส้หมูมาเพิ่มได้ด้วย นอกจากขาหมู ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีก อย่างวันจันทร์และวันพุธจะมีแกงจืดมะระ ส่วนวันอังคารและวันพฤหัสบดีจะมีแกงจืดไชเท้า ซดกันให้คล่องคอไปเลย ที่ตั้ง : 106/5 ถ.เจริญเวียง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ซอยตรงข้ามโรบินสันบางรัก)เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 235 4930 โหมงหวอ ร้านขายน้ำขมในตำนานของบางรัก ที่ขายมายาวนานกว่า 70 ปี มีน้ำขมให้เลือกทั้งขมมากและขมน้อย และยังมีน้ำสมุนไพรต่างๆ อีกมากมายให้เลือกดื่มด้วย ที่ตั้ง : 1441 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00–21.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 233 9263 แอดเคยดื่มน้ำขมมาแล้วครั้งนึง ฝาดและขมจนแอดตกใจ วันนี้ก็เลยจัดน้ำรากบัวและน้ำเก๊กฮวยมาลองชิมแทน น้ำรากบัวที่นี่รสหวานเบาๆ นุ่มๆ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น น้ำเก๊กฮวยก็ไม่หวานมากเช่นกัน ที่สำคัญหอมด้วย ประจักษ์เป็ดย่าง อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ของย่านบางรัก จากกิจการครอบครัวขนาด 1 คูหาที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2452 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 110 ปีแล้ว ปัจจุบันดำเนินการโดยทายาทรุ่นที่ 4 ที่ตั้ง : 1415 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น.โทร. 02 234 3755 วันนี้แอดสั่ง 2 เมนูมาลองทาน คือ ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ และเกี๊ยวน้ำกุ้ง ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ เป็ดนุ่มอร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำ ไม่มีกลิ่นสาบ หนังกรอบ หอม ไม่มัน หมูกรอบก็กรอบกำลังดี มีรสเค็มนิดๆ เข้ากับน้ำซอสที่ราดได้ดี ส่วนเกี๊ยวน้ำกุ้ง น้ำซุปกลมกล่อม ซดได้เรื่อยๆ เกี๊ยวกุ้งก็อร่อย หอมกลิ่นน้ำมันงา วัดสวนพลู อิ่มแล้วก็มาเที่ยวกันต่อ แอดพามาที่ “วัดสวนพลู” ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ หมู่กุฏิที่เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา ประดับส่วนต่างๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุลวดลายสวยงาม แบบที่เรียกว่า “ขนมปังขิง” นอกจากนี้ยังมี “ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม” ซึ่งเป็นศาลาทรงไทยตั้งอยู่กลางสระน้ำ ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม เป็นที่เคารพสักการะอย่างมาก มีผู้คนเข้ามาสักการะและเสี่ยงเซียมซีอยู่เสมอ ที่ตั้ง : 58/1 ซ.เจริญกรุง 42/1 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ใกล้โรงแรมแชงกรีลา)โทร. 02 234 4471 ปั้นลี่เบเกอรี่ เดินชิลๆ ต่อมาจนเกือบถึงแยกบางรัก จะพบกับ “ปั้นลี่เบเกอรี่” ร้านเบเกอรี่เจ้าดังขนาด 2 คูหา ที่เป็นตำนานร้านหนึ่งของย่านบางรัก เปิดขายมาตั้งแต่ พ.ศ.2498 ที่นี่มีขนมหลากหลายชนิดให้เลือก และยังมีมุมให้นั่งทานขนมที่บริเวณชั้นลอยด้วย จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ขนมที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่มีค้างคืน และไม่ใส่วัตถุกันเสีย รับรองว่าได้ของดีมีคุณภาพแน่นอน ที่ตั้ง : 1335 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน– วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-20.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-17.00 น.โทร. 02 233 5428 วันนี้แอดสั่งอเมริกาโน่ (ไม่หวาน) ชานมไข่มุก (หวานน้อย) เค้กมะพร้าว และบราวนี่มาทาน อเมริกาโน่ของที่นี่ใช้กาแฟอาราบิก้าจากเชียงใหม่ เมล็ดกาแฟที่ใช้เป็นแบบคั่วกลาง ทำให้รสชาติที่ได้ไม่เข้มมากนัก มีกลิ่นหอมติดลิ้น รสชาติโอเคเลย มาต่อกันที่ชานมไข่มุก แอดสั่งแบบหวานน้อยมา ก็หวานน้อยจริงๆ นะ แอดชอบมาก หอมน้ำตาลทรายแดง ไข่มุกสีเหลืองก็นุ่มหนึบหนับ ส่วนเค้กมะพร้าวและบราวนี่ก็อร่อย ดีงามตามท้องเรื่อง สมกับเป็นเบเกอรี่เจ้าดังจริงๆ ร้านอาหารมุสลิม ร้านนี้ตั้งอยู่ที่แยกบางรัก เปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ปี บรรยากาศเหมือนร้านอาหารหรือน้ำชาทางภาคใต้ ผนังสีเหลืองอ่อนลายกระเบื้องตัดกับสีฟ้าดูน่ารัก สามารถสั่งอาหารได้ทั้งจากเมนูและตู้หน้าร้าน รสชาติทานง่าย กลิ่นเครื่องเทศฉุนแต่ไม่เหม็น วัตถุดิบคัดมาแล้วเป็นอย่างดี ที่ตั้ง : 1354-1356 ถ.เจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.โทร. 02 234

walking Bangkok : บางรัก-สีลม อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : เยาวราช

“เยาวราช” เมื่อได้ยินคำๆ นี้ทีไรแอดก็อดนึกถึงวัฒนธรรมไทย – จีน และของกินแสนอร่อยไม่ได้เลย .ปกติแล้วเยาวราชจะเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมยามราตรี แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะถ่ายรูป เช็คอิน และแวะชิมของอร่อยย่านเยาวราชในตอนกลางวันแบบ 1 Day Trip กันค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มต้นทริปด้วยการมาไหว้พระขอพรกันที่ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” ค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดดเด่นด้วยพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่สวยงาม.ซึ่งกินเนสส์บุ๊คก็ได้บันทึกไว้ว่า “พระสุโขทัยไตรมิตร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระประธานภายในพระมหามณฑป เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยตาตนเองเป็นจำนวนมาก อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาวัดไตรมิตรก็คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร” เพราะที่นี่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับเยาวราชมากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดแสดงตามห้องต่างๆ ค่ะ.ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100วัดเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น..พิพิธภัณฑ์เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ออกจากวัดมา เพื่อนๆ ก็จะพบกับ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” ที่ชาวไทยเชื่อสายจีนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ใน พ.ศ.2542 .ปัจจุบันที่นี่ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามของเยาวราช ซึ่งเพื่อนๆ สามารถมายืนขอพรรับพลัง รวมทั้งโพสต์ท่าถ่ายรูปชิคๆ ได้ค่ะ .ที่ตั้ง ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 ตอนนี้ท้องเริ่มร้องครวญครางเพราะความหิวแล้ว แอดเลยแวะทานอาหารที่ “ร้านหลงโถว” ก่อนจะเดินทางต่อ ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์จีนที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ เมนูที่มาถึงแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ– Chinese Breakfast ชุดข้าวต้มสุดคลาสสิก– Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหลที่จัดว่าเด็ดมากๆ– Lhong Tou Shumai เกี๊ยวสอดไส้หมูสับและกุยช่าย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดไม่เหมือนใคร– และสุดท้าย เกี๊ยวกุ้งทอดไส้แน่นจุใจ มีความกรอบนอกนุ่มใน แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบหลายโซนเลย ซึ่งโซนยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นชั้นลอย เพราะดูแปลกตาไม่เหมือนใคร.แอดแนะนำให้ไปก่อนเที่ยงนะคะ เพราะคนยังไม่เยอะมาก ถ้าไปหลังจากนั้นอาจจะต้องรอคิวนานเลยละค่ะ.ที่ตั้ง 538 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.โทร 085 824 6934 จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนเยาวราช ลัดเข้าถนนแปลงนามเพื่อไปยังวัดเล่งเน่ยยี่ ระหว่างทางก็แวะชิม “ขนมจีบแป๊ะเซี๊ย” ตำนานขนมจีบรสเด็ดย่านเยาวราช หน้า “วัดมงคลสมาคม” หรือ “วัดญวน” กันซะหน่อย ตอนที่แอดมาถึงมีคนกำลังต่อคิวรอซื้อขนมจีบอยู่เป็นจำนวนมาก แต่รอไม่นานความอร่อยก็เดินทางมาสู่ปลายลิ้น ขนมจีบขนาดพอดีคำ อิ่มกำลังดี และที่สำคัญคือน้ำจิ้มอร่อยมาก.ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมมาลองชิมกันดูนะคะ เพียงลูกละ 3 บาทเท่านั้น รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ.ที่ตั้ง ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.00 น. หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีบกันแล้ว เราก็เริ่มเดินเท้าต่อไปยัง “วัดมังกรกมลาวาส” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” นั่นเอง วัดเล่งเน่ยยี่นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี่คือการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อขอพร และการแก้ปีชง สำหรับใครที่อยากมาแก้ชง แอดแนะนำที่นี่เลย เพราะเค้าว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยนะ ส่วนใครที่ไม่ได้ชงก็รอดื่มได้เลยค่ะ เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ! ส่วนใครที่ไม่ได้เกิดตรงกับปีชงก็ยังสามารถมาไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อเสริมสิริมงคลได้นะคะ .ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. สถานที่สุดท้ายของทริปวันนี้ แอดมาทำบุญที่ “ศาลเจ้าไต้ฮงกง” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ  ทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากต่อวัน และผู้เสียชีวิตบางรายก็ไม่มีญาติหรือแม้กระทั่งเงินทำศพให้กับตนเอง ดังนั้นหากเราอยากจะทำทาน การบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทีดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ.ที่ตั้ง ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 มกราคม 2562

Walking Bangkok : เยาวราช อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top