สถานที่ท่องเที่ยว

“เกาะญี่ปุ่น” ไข่มุกแห่งอันดามัน

“เกาะญี่ปุ่น” ไข่มุกแห่งอันดามัน วันนี้ เพื่อนร่วมทางจึงอยากชักชวนกัน ให้แวะมาเติมพลังกันที่ “เกาะญี่ปุ่น” หรือ “เกาะกำกลาง” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไข่มุกเม็ดงามแห่งอันดามัน เกาะญี่ปุ่นนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแหลมสน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะกำใหญ่และเกาะกำนุ้ย หากมองจากอุทยานไปจะเห็นเป็นแนวต้นไม้ในทะเล ร่มรื่นด้วยทิวสนเรียงราย เกาะญีปุ่นมีลักษณะเป็นภูเขาเล็กๆ บริเวณรอบเกาะมีจุดยอดนิยมในการดำน้ำชมปะการังแข็ง ปลาเสือ และเหล่าปลาการ์ตูนนีโม่สีส้มขาว รวมถึงพันธุ์อินเดียนแดงที่แหวกว่ายหยอกเย้ากับดอกไม้ทะเลอย่างรื่นเริง ด้านหน้าเกาะทางทิศตะวันออกเป็นแนวชายหาดสีขาวนวล เม็ดทรายละเอียด ผืนชายหาดที่ทอดยาวลาดลงไปในทะเลถูกปกคลุมด้วยน้ำทะเลสีใสจนแทบจะมองไม่เห็นจุดบรรจบระหว่างชายหาดกับน้ำทะเล ชื่อเกาะญี่ปุ่นมีที่มาจากหลายทาง บ้างก็ว่าในอดีตมีเรือทหารญี่ปุ่นเคยมาล่มที่เกาะแห่งนี้ บ้างก็เล่าย้อนไปยังสมัยสงครามโลก ว่ามีคนญี่ปุ่นมาทำสัมปทานหอยมุก แต่บางคนคิดว่าเป็นทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานทัพแล้วอ้างว่าเลี้ยงหอยมุกบังหน้า แต่แอบใช้พื้นที่ประกอบอาหารส่งเสบียงให้แก่ทหารญี่ปุ่นที่เดินทางผ่านจังหวัดระนองไปยังประเทศเมียนมาร์ เมื่อทางการสงสัยจึงส่งกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุม ชาวบ้านจึงเรียกว่าเกาะญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา การเดินทางไปยังเกาะญี่ปุ่นก็ไม่ยากเย็น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรืออ่าวบางเบน อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ที่ท่าเทียบเรือแห่งนี้จะมีชาวบ้านในพื้นที่ รวมตัวกันเป็นสมาคมบริการเรือนำเที่ยวแห่งอ่าวบางเบน คอยดูแลช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ระยะเวลาจากท่าเรือไปยังเกาะญีปุ่นอยู่ที่ 45 นาที โดยประมาณ ด้วยระยะเวลาในการเดินทางที่เรียกได้ว่าสั้นอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับบรรยากาศและความรู้สึกที่ได้รับมาหลังจากได้สัมผัสกับไข่มุกแห่งอันดามันเช่นนี้ พวกเรา “เพื่อนร่วมทาง” หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีโอกาสนำพาเหล่านักเดินทางทั้งหลายไปสัมผัสสถานที่ที่สวยงามเช่น “เกาะญีปุ่น” นี้อีกครั้ง … หรืออีกหลายๆ ครั้งในคราวต่อไป

“เกาะญี่ปุ่น” ไข่มุกแห่งอันดามัน อ่านเพิ่มเติม

ท่องเที่ยวธรรมชาติ ราชบุรี วันเดียวก็เที่ยวได้

“ราชบุรี” คือเป้าหมายของเราในวันนี้ …ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ ตลาดน้ำ วัดวาอาราม หรือเยี่ยมชมงานศิลป์ ที่มีความหลากหลายในจังหวัดเดียวกัน…

ท่องเที่ยวธรรมชาติ ราชบุรี วันเดียวก็เที่ยวได้ อ่านเพิ่มเติม

LET’S HAVE FUN ” PHUKET ” :)

เข้าสู่ปลายเมษาหน้าร้อนพร้อมกับสายลมอ่อนๆ ท่ามกลางความร้อนระอุของแสงแดดที่พร้อมจะแผดเผาเราได้ทุกเวลา แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งความสุขในการเดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอน…กับสวรรค์เมืองใต้ แดนไข่มุกแห่งทะเลอันดามัน “ภูเก็ต” ถ้าพูดถึงภูเก็ตคงไม่มีใครไม่นึกถึง หาดทรายขาว น้ำทะเลใส การได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่มีชื่อเสียง แต่ทริปนี้เราจะมาเปลี่ยนบรรยากาศ ท่องเที่ยวในเมืองแบบ Chic Chic Cool Cool เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยออกเดินทาง จากกทม.เย็นวันที่ 24 เมษายน พวกเราใช้บริการของบริษัทขนส่ง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เมื่อนาฬิกาไปบรรจบกันที่เวลา 18.30 น. ก็ได้เวลาออกเดินทาง On the way to PHUKET หลับๆตื่นๆอยู่บนรถทัวร์รู้สึกตัวอีกทีเป็นเวลา 7 โมงเช้า กว่า 12 ชั่วโมงจากกรุงเทพ – ภูเก็ต จขกท.ตื่นมาพบกับสะพานสารสิน สะพานเชื่อมระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดภูเก็ต สถานที่ที่เป็นตำนานความรักของหนุ่มสาวที่ไม่สมหวังและท้ายสุดเลือกที่จะจบชีวิตที่สะพานแห่งนี้ บรรยากาศเวลา 7 โมงเช้า แสงแดดอ่อนๆกระทบกับพื้นผิวของน้ำทะเล ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีขาวประกายมุก ชวนมองไปอีกแบบ ประมาณ 7.30 น.ก็ถึงสถานนีขนส่งจังหวัดภูเก็ต พวกเราทั้งหมด 5 ชีวิตเหมารถแท็กซี่ลงที่โรงแรมชิโนเทล ในตัวจังหวัด เป็นโรงแรมแนวบูติก ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก อยู่ใกล้ตลาดสดดาวน์ทาวน์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก ตอนนี้ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนดีกว่า ด้านนอกโรงแรม 10 โมง พร้อมลุย !! สถานที่แรกที่ของวันนี้ คือ “พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว” สถานที่เก็บหลักฐานและจัดแสดงภาพถ่ายและวีดิทัศน์ที่สื่อถึงความเป็นมาของชาวจีนในภูเก็ต สำหรับการเดินทางไปไม่ยาก พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ถนนกระบี่ย่านเมืองเก่าของภูเก็ต ค่าเข้าชมคนไทย 50 บาทต่างชาติ 200 บาท ด้านในพิพิธภัณฑ์ พวกเราใช้เวลาเยี่ยมชมประมาณ 1 ชม. ก็ออกจากพิพิธภัณฑ์เพื่อที่จะเยี่ยมชมเมืองเก่าภูเก็ตไปพลางๆ เดินมาได้สักพัก สายตาพวกเราก็สะดุดกับร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์มากนัก ไม่รอช้าไปกันเลย ^^ ร้านนี้ชื่อว่า I 46 Old town เป็นร้านที่ดัดแปลงจากบ้านโบราณแบบชิโนโปรตุกีส ภายในร้านตกแต่งด้วยของเก่าโบราณ ส่วนหน้าและส่วนกลางเป็นร้านกาแฟ พวกเราเลือกดื่มชาเซล้อง หรือเซล้องอ๊อซึ้ง แปลว่า ชาดำเย็น (น้ำร้อนใส่น้ำตาลทรายแบบภูเก็ต) รสชาติหวาน หอม อร่อย สักรูป ที่นี่เจ้าของร้านเป็นกันเอง(คนที่ 2 จากด้านซ้าย) พร้อมกับให้คำแนะนำในการท่องเที่ยว ไม่ผิดหวังที่มาร้านนี้ค่ะ แดดร้อนเกินกว่าจะเที่ยวกันต่อ 555+ หลังจากที่อิ่มหนำสำราญและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ Style vintage กันแล้ว เวลานี้ขอกลับไปตั้งหลักที่ห้องพักกันก่อน(พักผ่อนนั่นเอง) ประมาณ 5 โมง พวกเราแวะไปฝากท้องกับร้าน “ระย้า” อาหารพื้นเมืองของภูเก็ต เป็นบ้านเก่าสองชั้น ตั้งอยู่แถวสี่แยกถนนดีบุกตัดใหม่ บรรยากาศภายในร้าน เมนูแรก…แกงเนื้อปูใบชะพลู เนื้อปูไม่อั้น น้ำกะทิเข้มข้น ทานกับเส้นหมี่ เข้ากันเป็นอย่างดี ยกนิ้วให้เลย อร่อยมาก และเมนูที่สองของเราก็มา…หมูฮ้อง ขอสารภาพก่อนเลยว่า จขกท.เห็นแล้วรู้สึกไม่อยากทาน เพราะหน้าตาดูเลี่ยนๆ หวานๆเยิ้มๆ แต่ผิดคาด หมูฮ้องอร่อยมาก เป็นหมูสามชั้นหมักด้วยกระเทียมพริกไทย แล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำพะโล้ เนื้อหมูชิ้นใหญ่แต่นุ่ม รสชาติกลมกล่อมอูมามิ 555+ ไม่หวาน(เหมือนอย่างที่คิด)จนเกินไป น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมนูวันนี้ รสชาติไม่ต้องพูดถึงครบเครื่อง จัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมกับผักหลากชนิด เช่น แตงกวา ขมิ้น อิ่มท้องกับระย้ากันแล้ว อีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้ “หลาดปล่อยของ” อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับระย้า เป็นถนนคนเดินของชาวภูเก็ต มีเฉพาะวันพฤหัสฯ ศุกร์ ตั้งแต่ 16.00-22.30 น. ใครมีอะไรดีๆเจ๋งๆก็เอามาปล่อยกัน หรอยแรงงงงง ง ! วันแรกของพวกเราก็จบลง ถึงสถานที่ที่ไปอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ทำพวกเราหมดแรงได้ง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางของคืนก่อน ยังไงรีวิวฉบับนี้ยังไม่จบลงอย่างแน่นอนค่ะ อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เราใช้บริการรถ TAXI ดั้งเดิมของจังหวัดภูเก็ต ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1200 บาท หน้าตาเป็นอย่างนี้ พวกเราเรียกกันว่า รถกระป๊อ ^^ แปดโมง คนพร้อมรถพร้อม Let’s go ! จุดหมายของเราวันนี้คือ ติ่มซำโชคชัย หากพูดถึงร้านติ่มซำแล้ว ถือเป็นอาหารที่ชาวภูเก็ตนิยมทานในช่วงเช้า ติ่มซำโชคชัย ตั้งอยู่ถนน แม่หลวน อำเภอเมือง เปิดตั้งแต่ตี 4 ถึงเที่ยงวัน ที่นี่เน้นบริการเร็ว พวกเราสามารถเดินเข้าไปรอในร้านได้เลย ไม่ต้องยืนเลือกให้เสียเวลา เพราะทางร้านจะนำมาเสิร์ฟเป็นถาดใหญ่ๆ ให้เราเลือกทานได้เลย รับรวมมิตรติ่มซำสักที่ไหมคะ หากใครอยากเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้อย่างชัดเจน “เขารัง” เป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกจุดหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมวิวกันอย่างไม่ขาดสาย ทั้งในตอนเช้าตรู่ ตอนสาย บ่าย เย็น ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟตามบ้านเรือน ยิ่งทำให้เกาะภูเก็ตน่าชมยิ่งขึ้นไปอีก น่าเสียดายที่ตอนที่เราไป ทางเขารังกำลังสร้างจุดชมวิวอยู่ไม่ค่อยสะดวกต่อการทัศนาสักเท่าไหร่ แต่เราไม่พลาดที่จะนำรูปมาฝากแน่นอน ^^ มาต่อกับจุดหมายปลายทางแห่งที่ 3 เชื่อได้ว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตานักเพราะเป็นสถานที่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน กับบ้านตีลังกา หรือ The up side down บ้านกลับหัวแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ณ ตอนนี้ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ เก๋ แปลก แหวกแนว บ้าน 3 ชั้นที่มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ฯลฯ พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ที่กลับหัวทุกชนิด ! พร้อมจะให้นักท่องเที่ยวสนุกไปกับการ design ท่วงท่าถ่ายรูป หรือ salfie บนฝ้าเพดานได้อย่างเต็มเหนี่ยว สำหรับค่าเข้าชม ตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น คนไทย 100 บาท ต่างชาติ 150 บาท เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-18.00

LET’S HAVE FUN ” PHUKET ” :) อ่านเพิ่มเติม

MAGAZINE REVIEW : ภูเก็ต ลุย PHUKET เพราะดีบุกจะบุกภูเก็ต ไปถ่ายรูปกับป้ายถนนดีบุกให้จงได้

Magazine Review ตอนภูเก็ตมาซะทีไปด้วยโปร 0 บาท หางแดง อีกครั้ง วัยรุ่นอย่างเรา ไปแบบฮาๆอีกครั้งด้วยเส้นทางขำๆ ไปแบบไม่ตะลุย ไปแบบไม่เหนื่อย เน้นไปพักผ่อนภาระกิจใหญ่คือไปถ่ายรูปกับ “ป้ายถนนดีบุก” ดินแดนซึ่งพระมารดาเคยไปทำงานสมัยสาวๆ เลยเป็นที่มาของชื่อเล่นผมนี่แหล่ะเพราะภูเก็ต คือแหล่งใหญ่ของ “แร่ดีบุก” ซึ่งถ้าใครแม่น สปช. คงเคยเจอ ไปเที่ยวกันดีกว่าเนอะ 4 วัน 3 คืน ไฟล์ทเช้าสุดของวัน ตื่นแทบไม่ทัน เดินทางไปภูเก็ตนี่ บินไปเหนื่อยน้อยสุดจริงๆ ไม่ได้ไปภูเก็ตนานแล้ว ไปเที่ยวด้วยคนนะคะ เข้าเมือง มีทั้งรถบัส ออกเป็นรอบ และมีรถตู้ รอคนเต็ม อยู่หน้า Terminal เลย ถ้าอยู่ในเมือง เค้าจะไปส่งหน้าโรงแรมเลย มาภูเก็ตนี่ ผมต้องระวังเรื่องค่ารถโดยสารหน่อย ที่นี่เรื่องเยอะ แกะแผนที่มาให้เลย ประเด็นของภูเก็ตก็ประมาณนี้แหล่ะครับ ป่าตอง กะตะ กะรน ในเมือง แหลมพรหมเทพ หรือมีเงินก็ไปศรีพันวาไปเล้ยยยยยยยย ดูทิศไว้นะครับ จะได้รู้ว่าประมาณไหน ถ้าไม่เข้าตัวเมืองรถสองแถวก็มี แต่หาสายเอาเองนะ ถ้าเหมา Taxi อย่างก็จ่ายอย่างเดียวเลยครับ แต่ชำนาญหน่อยขึ้นรถประจำทางในภูเก็ตเอา ถ้าไม่เช่ารถ ไปถึงโดยรถตู้หน้าสนามบิน ไปที่พักแรกก่อน Phuket Center Apartment ถ.รัษฎา ไม่ชอบตรงที่รถตู้มันพาไปแวะเอเย่นต์ทัวร์ก่อน แกมบังคับน่ะ ที่เหลือโอเค ส่งหน้าโรงแรมเลย ห้องพักหน้าตาดี จองผ่าน Agoda ราคาประมาณ 800 – 900 แฮ่ๆ จำไม่ได้ โอเคสำหรับท่านๆที่อยากเที่ยวกลางเมืองครับ ไม่ต้องใช้รถเลย เดินเข้าแหล่งเลย ห้องพักดูดีทีเดียว เราอยู่ที่นี่เพียงหนึ่งคืนครับ ความสะดวกดีเลย ข้างๆมี Minimart ด้วย ห้องอาบน้ำโอเคเลยนะ ก็ชอบนะ ที่นี่ ในเว็บเค้าก็แนะนำอยู่นะ อันนี้คือแผนที่ย่านตัวเมืองเก่า ให้ยึดไว้ที่ ถ.เยาวราช ถลาง พังงา ดีบุก กระบี่ และ ซ.รมณีย์ นั่นแหล่ะ คุมทั้งโซนเมืองเก่า ถนนที่นี่ใช้ชื่อจังหวัดและสถานที่ต่างๆ จากนั้นเดินไป ยังไม่เช่ารถ เดินเลาะไปตาม ถ.เยาวราช ตัดกับ ถ.ดีบุก มีศูนย์รวมอาหารพื้นถิ่นภูเก็ต “ลกเที้ยน” ที่ภูเก็ต จะมีการรวมวัฒนธรรมของ จีนฮกเกี้ยน ท้องถิ่น และมลายูนะครับ มื้อแรก ตอนเที่ยง ตามหาหมี่ฮุ้งบะxxxดก่อนเลย เหมือนหมี่ผัดซีอิ๊ว มากับน้ำซุปครับ ก็หาได้ที่นี่แหล่ะครับ มีหลายอย่างมากๆ จากนั้นเดินมาฝั่งตรงข้าม ไปกินโอ้เอ๋ว เหมือนน้ำแข็งใสน่ะ มีขายที่ภูเก็ตเท่านั้น อย่างงกับชื่อนะ ที่นี่มีชื่อแปลกๆอีกเยอะ มีน้ำแปลกๆ น่ากินเยอะแยะ ลองดู ราคาถูกมาก ที่ภูเก็ตนี่ ถ้ารู้แหล่ง ราคาไม่แพงหรอก เจอแล้ววววววว ป้ายถนนดีบุก เดี๋ยวไปลุยโซนชิโน-โปรตุกีสต่อ ที่นี่มีความผสมผสานเยอะมาก เหมือนปีนัง มะละกา เมืองที่เคยเป็นเมืองท่าก็งี้แหล่ะ ตึกที่นี่สีสวยจริงๆ ถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ไม่ทันเลยนะ …ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่นี่สวยมาก ซ.รมณีย์ ควรไปสุดๆ วันนี้ไปแล้วฟ้าหมอง เซ็งเป็ด สวยมาก อยากมีเลนส์ 10-20 เลยอ่ะ ใครมีบริจาคมั่ง เส้นนี้มีโรตีดังหลายเจ้า @ ถ.ถลาง ใครมาควรแวะ ไปต่อที่ ถ.กระบี่ แถวนั้นแหล่ะ ไปพิพิธภัณฑ์ไทยหัว มีค่าเข้าชม จะถ่ายรูปเก็บเงินเพิ่มประมาณ 200 บาท น่าไปชม แต่ไม่น่าเก็บค่าถ่ายรูปเลย ข้างในสวยดี ทำใหม่ ภาพถ่ายเก่าๆ และปัจจุบันสวย จัดแสดงดี ตะกี้ค่าเข้า 50 บาทมั้ง ตอนนี้ออกมาเที่ยวเล่นต่อ หาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มีศูนย์บริการข้อมูลของจังหวัดที่ ถ.ถลาง ที่ ถ.ถลาง จะมีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวของภูเก็ต ไปเอาแผนที่ ดูแนะนำของกิน ที่เที่ยว และของที่ระลึกได้เลย มีข้อมูลและของฝากเพียบ ไปร้านกาแฟข้างๆต่อ ร้านหนัง(สือ) น่านั่งทีเดียว พักร้อนก่อนลุยต่อ อ่านแผนที่ก่อน ของที่ระลึกดูดีทีเดียว อยู่กลาง ถ.ถลาง เลย ไงๆก็ต้องเจอ จัดเครื่องดื่มไปนิดหน่อย พักร้อน ก่อนกลับไปพักที่โรงแรมนิดหน่อย บอกแล้ว เที่ยวไปรีบ ชิลล์ๆ รอบนี้เวลาเยอะ เรื่อยๆ วันนี้ร้อน เที่ยวอย่ารีบ ที่นี่มีรถรับจ้าง มอร์ไซค์รับจ้าง แถวกลางเมืองมีสวนสาธารณะ มีมังกรทอง ข้างๆมีเรือจำลอง เดินไปเจอโดยบังเอิญ ไม่รู้ละ ร้อนนนนนนนนนนนนนนน ขอไปพักก่อนนะ ตอนเย็น ไปกินข้าวต้ม ไม่มีโพยใดๆทั้งสิ้น อยู่ที่ ถ.กระบี่ เห็นคนมารุมๆ เราก็ตามน้ำไป ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ไทยหัวเลย อย่าได้กลัว สอยปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา กะ หอยลายผัดน้ำพริกเผา ไม่แพง คนท้องถิ่นเยอะ มันต้องอร่อยแน่ๆ ไปเดินเล่นต่อที่ ซ.รมณีย์ ตอนกลางคืน คนมาถ่ายรูปเต็มเลย ใจเย็นๆนะ ทำไปดูบอลไป ชมภาพภูเก็ตยามค่ำคืนไปพลางๆ ที่นั่งเล่นตอนกลางคืนแถวนี้มีเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยนะ วันต่อมา เรา Check out ออกจาก Phuket center apartment ซื้อทัวร์ไว้ ไปเกาะพีพี

MAGAZINE REVIEW : ภูเก็ต ลุย PHUKET เพราะดีบุกจะบุกภูเก็ต ไปถ่ายรูปกับป้ายถนนดีบุกให้จงได้ อ่านเพิ่มเติม

รายา…น้ำใส ภูเก็ต…ฟ้าสวย

หน้าร้อนอีกแล้ว ร้อนอย่างนี้ ต้อง ไป … “ ทะเล ” คิดถึงน้ำสีฟ้าใส หาดทรายขาวเนียนตา เม็ดทรายนุ่มเท้า ลมพัดเย็นสบาย แสงแดดสดใส ด้วยความชื่นชอบในท้องทะเลสีครามมากเป็นพิเศษ จึงวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้า จองตั๋วเครื่องบินในราคาสบายกระเป๋า กับสายการบินแอร์เอเชีย ราคา 0 บาท (ราคานี้ ไม่รวมภาษีสนามบินนะ ^ ^ ) ความตื่นเต้นเริ่มต้นเมื่อเครื่องออกทะยานสู่ท้องฟ้า จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่Fd 3023 เวลา เจ็ดโมงสิบนาที ใช้เวลาประมาณ 1ชั่งโมงครึ่ง เจ้านกเหล็กก็บินพาเรามาถึงเกาะแห่งมนต์เสน่ห์ “ ภูเก็ต ” asdfasdf -*- เมื่อถึงที่หมาย แผนการเดินทางที่เตรียมไว้ก็เริ่มต้นขึ้น เราไปรับรถที่จองไว้กับบริษัทให้เช่า แล้วขับออกจากสนามบิน มุ่งหน้าไปที่ทางหลวงหมายเลข 402 เมื่อถึงทางหลวงแล้วขับเลี้ยวไปทางซ้ายมือ จะพบทางโค้ง ให้สังเกตป้าย “บ้านคอเอน” อยู่ทางขวามือ ให้กลับตัวรถแล้วขับย้อนกลับไป ตรงช่วงทางโค้งนี่เอง จะมีป้าย ท่าเรือ “Yacht Heaven” เลี้ยวเข้าไปตามเส้นทางเล็กๆนี้ ผ่านชุมชนบ้านคอเอน เรารู้สึกได้ถึงความสงบของชุมชนแห่งนี้ อาจเป็นเพราะว่า ชุมชนนี้อยู่ทางตอนบนของเกาะ ความวุ่นวายจึงไม่มีให้ได้เห็นและสัมผัส ขับรถต่อไปสักพัก ก่อนลงเนินเขา จะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นท่าจอดเรือ “Yacht Heaven” ทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้สึกอยากลงไปดูใกล้ๆเข้าไปอีก ระยะทางจากสนามบินถึงท่าเรือประมาณ 3-4 กิโลเมตร ที่นี้เป็นท่าจอดเรือของเอกชน ที่ซ่อนตัวอย่างสงบอยู่บริเวณแหลมพร้าว บริเวณท่าเรือที่แสนกว้างใหญ่ มีเรือมากมายจอดหลบคลื่นลมอย่างสงบ มองไปแล้วเหมือนรู้สึกเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์ฝรั่ง ที่มีเรือยอร์ชลำเล็กใหญ่ จอดอยู่เป็นฉากเบื้องหลัง การเข้าไปเดินชมต้องขออนุญาตก่อนเข้าไป แต่ไม่ยุ่งยากอะไร แค่ไปเขียนชื่อลงทะเบียนไว้ที่ทำการของทางท่าเรือ ก็สามารถเข้าไปเดินชมได้แล้ว เราพากันเดินทอดน่อง ชมเรือไปเรื่อยเปื่อย ปราะหนึ่งว่าเรามีเรือส่วนตัวของเราจอดไว้ด้วย 555 เมื่อได้เข้าไปมองดูใกล้ๆ เรายิ่งรู้สึกถึงความสวยงามของเรือ แม้จะจอดนิ่งสงบก็ตามที และยังมีวิวสวยๆให้ถ่ายภาพอีกด้วย หลังจากออกมาจากท่าเรือแล้ว เราได้ขับรถมาตามเส้นทางหลวง 402 อีกครั้ง มุ่งหน้าไปทางเข้าเมือง เพื่อเข้าพักยังโรงแรมที่เราได้ จองไว้ โรงแรมภูคีตาคือที่พักของเราในค่ำนี้ โรงแรมนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่ บนถนนเทพกษัตริย์ตรี มีสระว่ายน้ำให้เล่นด้วย เด็กๆว่ายน้ำอย่างสนุกเต็มที่ แทบหมดแรงไปตามกัน เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย พักเหนื่อยและว่ายน้ำเล่นแล้ว กระเพาะก็เริ่มทำงานทันทีเชียว เข้าข่าย นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็น….. ^ ^ อาหารมื้อค่ำนี้เราจึงมุ่งไปยังตัวเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก จากที่หาข้อมูลไว้ เมืองภูเก็ตมีอาหารอร่อยๆมากมายและมีหลายร้านที่ขึ้นชื่อ แต่เพื่อไม่ให้ท้องอิ่มเกินไป เราจึงอยากหาข้าวต้มร้อนๆทาน โกเบนซ์ชวนชิม ร้านข้าวต้มชื่อดังของเมืองภูเก็ต ร้านตั้งอยู่หัวมุมถนน บริเวณสี่แยกปฏิพัทธ์-กระบี่ เมื่อถึงร้าน คนยืนรอคิวแน่นขนัด ไม่มีโต๊ะว่างเลย ต้องรอให้มีคนทานเสร็จและลุกออกไปก่อน คนยืนรอเพื่อใส่ถุงกลับไปทานที่บ้านก็เยอะ ไม่ต่างจากร้านอาหารดังๆที่กรุงเทพเลยทีเดียว เราสั่งข้าวต้มแห้ง ของขึ้นชื่อของทางร้าน มาแล้ว ข้าวต้มแห้งและเกาเหลาที่สั่งไว้ หน้าตาดูน่าทานทีเดียว ต้องรีบชิมซะแล้ว อืม……..รสชาติคุ้มค่ากับการรอคอย รสชาติกลมกล่อม น้ำซุปหอม เผ็ดกำลังดี ………….อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อแล้วเรา ^ ^ เช้าวันที่สอง วันนี้เราจะเที่ยวแบบ one day trip กัน เกาะราชาคือที่หมายของวันนี้ การซื้อทัวร์แบบ one day trip นี้สามารถหาซื้อได้ตามในตัวเมืองและตามชายหาดทั่วไปสนนราคา 1,000 บาทต่อคน มีอาหารดกลางวันหนึ่งมื้อ รถจากบริษัททัวร์ที่จองไว้เพื่อไปเกาะราชา มารับที่โรงแรมที่พักตอน 8.00 น. เพื่อไปยังท่าเรืออ่าวฉลอง เมื่อไปถึง มีนักท่องเที่ยวมากมายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว มีทั้งชาวยุโรป หัวทอง และ เอเชีย หัวดำแบบเรา (รู้สึกเหมือนมาเที่ยวต่างประเทศเลยแฮะ ก็หาคนไทยแทบไม่เจอเลยนี่น่า) 9.30 น. เรือสปีดโบ๊ทหลายลำจอดรออยู่ที่ท่า ลำหนึ่งบรรทุกคนได้ประมาณ 50-60 คน เรือแล่นฉิวปะทะคลื่นลมอย่างดุเดือดเล่นเอาผมเผ้ายุ่งเหยิงทีเดียว ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เกาะราชาใหญ่ หรือเกาะรายา อยู่ทางใต้ของเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นที่ 3,000 ตารางกิโลเมตร เกาะราชามีทั้งหมด 5 อ่าว แต่อ่าวที่สามารถเดินติดต่อกันได้มี 3 อ่าว คืออ่าวปะตก อ่าวสยาม และ อ่าวทือ อีก 2 อ่าว คืออ่าวขอนแค และอ่าวหลา ก่อนจะถึงตัวเกาะ ทางทัวร์ได้จอดแวะให้ลงดำน้ำแบบ snorkel ที่อ่าวสยามและอ่าวหลาก่อน เมื่อดำน้ำพอสมควรแล้ว ก็ขึ้นเรือเพื่อไปยังเกาะราชาต่อไป ทางเดินขึ้นเกาะ มี Floating Box ทำเป็นทางเดินยาวถึงชายหาด หาดทรายขาวบริสุทธิ์รออยู่เบื้องหน้าแล้ว หาดที่มาขึ้นนี้คืออ่าวปะตก มีรายารีสอร์ท รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ เมื่อขึ้นมาถึงหาดทราย ก็ต้องตะลึงกับความสวยของหาดทราย ที่ไม่เพียงแต่มีทรายที่ขาวเนียนสะอาดตา เม็ดทรายที่ได้ก้าวเท้าสัมผัสลงไป แสนนุ่มสบายเท้าอย่างน่าประทับใจ หาดทรายแสนสวยนี้ ทอดตัวยาวเป็นทางโค้งไกล ว้าว! อยากลงไปนอนเล่นบนทรายจัง มีเตียงไม้และร่มสีขาวมากมายของทางรีสอร์ท ถูกกางเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ รอต้อนรับแขกผู้มาเยือนบนชายหาด ให้ได้เอนกาย มองดูทะเลสีฟ้าใสตัดกับทรายขาวเบื้องหน้าอย่างมีความสุข ก่อนที่จะได้พักผ่อนเล่นน้ำกัน เราได้แวะทานอาหารกลางวันโดยทางทัวร์ได้จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรายารีสอร์ท เมื่อทานอาหารกลางวันกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็ออกมาเดินเล่น พักผ่อนตามอัธยาศัยที่หน้าหาดกันต่อไป ออกมายืนมองดูเกลียวคลื่นม้วนตัวซัดเข้าหาฝั่งแล้วก็ซ่าหายไป พร้อมกับมีคลื่นลูกใหม่พัดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เสียงคลื่นเหมือนกล่าวทักทายต้อนรับเราอยู่ ^ ^ ผืนน้ำเบื้องหน้าสะอาดใส น้ำทะเลสีฟ้าสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายเจิดจ้า จากชายหาด เมื่อเดินไปทางซ้ายสุดของเกาะ จะเป็นทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน เราค่อยๆเดินไปเรื่อยๆตามชายหาด

รายา…น้ำใส ภูเก็ต…ฟ้าสวย อ่านเพิ่มเติม

. . . GO DOWN DEEP INTO ,,, PHUKET . . .

ภูเก็ตคือสถานที่ยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ รวมถึงตัวผมและของเพื่อน ๆ ด้วยแน่นอน ทริปนี้ถือเป็นการพาตัวเองไปพักผ่อน ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักไว้นานแล้วครับและถือเป็นการกลับไปภูเก็ตในรอบ 2 ปี และแน่นอนครับ เราจะคืนความสมดุลให้ร่างกายและจิตใจ เพื่อปลีกตัวเองจากเมืองใหญ่อันวุ่นวาย และฉีกเส้นทางมุ่งสู่ความสุขสบายแนบชิดกับธรรมชาติและท้องทะเลในทริปนี้ครับ . . . Go Down Deep into ,,, Phuket . . . ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินยอดฮิตแอร์เอเชีย ไฟล์ทของผม 10.50 เที่ยวบิน FD3025 ครับ ก่อนการเดินทาง ผมได้ทำเว็บเช็คอินมาเรียบร้อย ประกอบกับเดินทางถึงสนามบินเร็วด้วย เลยเดินเล่น สำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่เดินมุ่งหน้าไปที่เกตครับ ทริปนี้ผมเดินทางคนเดียว เรื่องกินดูจะไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ครับ เดินผ่านมาถึง Food Stop ตอนแรกจะเดินเข้าไปหาอะไรใส่ท้องสักหน่อย แต่ลืมไปว่า…ผมได้เลือกอาหารไว้บนเครื่องบินแล้ว เลยไม่ต้องเสียสตางค์ครับ ไฟลท์ของผมอยู่ที่ Gate 4A คุณพระ ! ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว น่าจะอยู่เกือบจะสุดทางเดินเลยครับ เดินมาถึง Lounge ของ Bangkok Airway ช่วงหลัง ๆ ไม่ได้นั่ง PG เลยคิดถึงข้าวต้มมัดที่แสนอร่อย ซึ่งใครหลายคนที่ได้ชิม เป็นต้องติดใจทุกรายนะครับ 🙂 เดินมาจนใกล้ถึง Gate A4 แล้วครับ ดูจากเวลาแล้วผมน่าจะเป็นคนแรก ๆ เลยที่มาถึงเกตก่อน ใครที่ไม่ได้โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง สามารถนำกระเป๋ามาชั่งน้ำหนักได้ที่บริเวณเกตได้เช่นกันนะครับ … ได้เวลา Boarding ขึ้นเครื่องกันดีกว่าครับ เพราะดีเลย์กันมาได้เกือบ 30 นาทีแล้วด้วย.. ก่อนมา 1 วันผมได้ทำการ Booking ที่นั่งไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะครับ นั่งริมหน้าต่างเลย 25F ได้เวลาแล้วครับ…หลังติดเบาะ ทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเรียบร้อย กำลังดริ๊ฟท์เข้าสู่เส้นทาง อีกสักครู่เราจะมีบริการอาหารเครื่องดื่มให้บริการให้แก่ท่านครับ ได้มาแล้วครับ ข้าวกะเพราไก่ที่สั่งเอาไว้ เมื่อเช้าทานขนมปังมาจากบ้านแค่นั้นเอง เลยซัดไม่เหลือ ด้วยความหิว อร่อยไหม..ก็โอเคครับ อิ..อิ.. สภาพอากาศแจ่มใส เพราะก่อนเดินทางเช็คกับพี่ตุ๊ พี่ที่จะขับรถพาผมเที่ยวในครั้งนี้ พี่เค้าบอกว่าฝนตกเหมือนกัน แต่เห็นท้องฟ้าแบบนี้แล้วค่อยยังชั่ว แม้เมฆจะเยอะไปสักหน่อยก็ตาม … สัญญาณรัดเข็มขัดดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเรากำลังจะทำการลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ครับ … ถึงสนามบินภูเก็ตเรียบร้อย อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า มาคราวนี้ได้ใช้บริการพี่ตุ๊เช่นเดิมครับ พี่ตุ๊มารับที่สนามบินเสร็จแล้ว เดี๋ยวเรามุ่งหน้าเข้าที่พักเลย อยู่ที่หาดกมลาครับ เป็นหาดหนึ่งที่สวยงามและมีสงบเงียบ เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ๆ ที่พักสำหรับทริปนี้ของผมคือที่นี่ครับ Courtyard by Marriott Phuket at Kamala beach จุดหมายปลายทางที่จะเติมความสุขในวันพักผ่อนได้ดีไม่แพ้ที่ไหน ๆ ครับ โดยเฉพาะหากสิ่งที่ผมหวังไว้ในช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนี้ คือการบริการที่ยอดเยี่ยม และความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนของทริปนี้ครับ รอยยิ้มของพนักงานต้อนรับ และความมีไมตรีของพนักงานยกกระเป๋าที่หยิบยื่นให้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ล็อบบี้ของโรงแรม เค้าว่ากันว่าคือด่านแรกที่สร้างความประทับใจ และขณะที่ผมกำลังเช็คอิน คลายร้อนด้วยความเย็นจากน้ำพันช์และผ้าเย็นกลิ่นหอมที่ถูกส่งมาถึงมือ เป็นเวลคัมดริงค์ มาถึงก็ได้ความสบายทันทีครับ สำหรับข้อมูลที่นี่ ภายในโรงแรมกว้างขวางใช้ได้ครับ ด้วยตึกยาวขนานสองฝั่ง ได้รวมเอาห้องพักไว้ถึง 180 ห้องที่มีทั้งห้องแบบ One,Two,Three-Bedroom Suite … Check-in กันเสร็จเรียบร้อย เดี๋ยวเราไปยังห้องพักกันดีกว่าครับ ห้องของผมเป็นแบบ One-Bedroom Suite โดยทุกห้องของที่นี่จะมีระเบียงส่วนตัวพร้อมพื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหาก ซึ่งจะไม่สามารถเดินผ่านหน้าห้องของกันและกันได้ ถือว่าเหมาะแก่การมาพักผ่อนและความเป็นส่วนตัวมากครับ … เปิดห้องเข้าไปก็จะพบส่วนนี้ก่อนเลย One-Bedroom Suite Living Room ต้อนรับด้วยชุดโซฟาที่แสนสบาย ถือว่าเป็นห้องที่ขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่มากครับ พร้อมด้วย LCD ขนาดใหญ่ โดยด้านใน ก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำ และห้องนอนครับ … นั่งดูทีวี นั่งพักผ่อนสบายเลยครับสำหรับมุมนี้ ที่มีขนาดใหญ่กำลังดี มีมุมโต๊ะทำงานเล็ก ๆ อยู่ทางด้านข้างให้ด้วยครับ เข้าไปดูห้องน้ำกันบ้าง อาจจะเล็กไปสักหน่อย และไม่มีสายฉีดชำระให้ครับ -*- ในส่วนของ Shower น้ำร้อน-เย็น ใช้การได้ดีครับ แต่ห้องของผมกระจกด้านล่างปิดไม่สนิทกับพื้น ทำให้มีน้ำซึมออกมาเวลาอาบบ้างครับ … Amenities ให้มาไม่มากครับ แต่กลิ่นหอมน่าใช้ที่สุดเลย อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ ถือว่าโอเคครับสำหรับมุมนี้ ห้องน้ำอาจจะเป็นข้อด้อยสำหรับที่นี่ หรือห้องแบบนี้ครับ เล็กไปนิด … ไปสำรวจห้องนอนกันครับ เตียงขนาดใหญ่ หมอนหนา ๆ นอนสบายมากครับ ชอบเลยล่ะ… ห้องนอนขนาดกำลังดี มีแสงส่องเข้ามาเล็กน้อย อากาศถ่ายเท และยังช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีครับ ถือว่าจัดได้อย่างลงตัวครับ ทั้งกรอบรูปบนเพดาน โคมไฟทั้งสองฝั่งของเตียง … มุมหัวเตียงก็มีนาฬิกาปลุกไว้ให้ พร้อมโคมไฟสวย ๆ ทำให้การพักผ่อนของผมในห้องนี้ ยอดเยี่ยมมากครับ … ภายในห้องนอนก็มี LCD เช่นกันพร้อมด้วยตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ อยู่ทางด้านซ้ายมือครับ … สำรวจห้องกันมาเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราออกไปเดินดูส่วนอื่นในโรงแรมกันดีกว่าครับ เดินลงมาจากห้องพักก็มาที่สระว่ายน้ำเลย … บริเวณของสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางของโรงแรมขั้นกลางตึกสองฝั่งครับ ทำให้ดูมีพื้นที่ค่อนข้างมากพอสมควร และมีกิจกรรมให้เล่นมากมาย เด็ก ๆ หรือผู้เข้าพักที่มาเป็นแบบครอบครัว น่าจะชอบกัน … ช่วงที่ผมไปใช้บริการ มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ครับ ยังมองไม่ค่อยเห็นคนไทยเลย และที่เป็นจุดขาย ของโรงแรมในเครือคอร์ทยาร์ท คือเจ้าสไลด์เดอร์นี่แหละครับ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต เล่นกันอย่างสนุกสนาน อยากลองเล่นบ้าง อะไรบ้าง แต่ไม่เอาดีกว่า อิ..อิ.. ขนาดของสไลเดอร์ ถือว่ายาวใช้ได้ครับ กำลังดี … ผมมีโอกาสได้ใช้สระว่ายน้ำที่นี่ตลอดครับในช่วงที่เข้าพัก

. . . GO DOWN DEEP INTO ,,, PHUKET . . . อ่านเพิ่มเติม

ที่เที่ยว:ภูเก็ต…เมืองเก่าเล่าเรื่อง…

“เกาะภูเก็ต” เอ่ยชื่อนี้ออกมาใครๆก็คงรู้จัก ผมเองมีโอกาสมาภูเก็ตหลายๆครั้ง ทุกๆครั้งต้องพักหาดใดหาดนึงเสมอ หนนี้เป็นอีกครั้งที่ขอเดินเที่ยวในเส้นทางที่แปลกออกไปบ้าง เราอยากเที่ยวชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล ์ชิโน-โปรตุกีส แสนเท่และหาดูหาชมได้ยากมากที่จะมีให้ได้เพลิดเพลินเท่าที่นี้ มาครับมา…มาเดินเที่ยวชมยลเมืองเก่าแสนงามแห่งนี้กันดีกว่า ชมภาพตึกเก่าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองทั้งหมดใส่ gallery ไว้แล้วชมได้ตามอัธยาศัยครับ http://blog.one22.com/pics/longtrips/andaman_sea/gallery_phuket_town (ภาพจากเว็บไซต์http://www.phukhao.com/) การเดินทางมาภูเก็ตมีหลายทางทั้งรถทัวร์ เครื่องบิน ถ้าคุณเลือกมาลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ตและมาถึงหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว ถ้าไม่จองรถเช่าไ้ว้ ก็จะมีการเดินทางอีก 2 ทางที่จะพาคุณไปยังตัวจังหวัดหรือโรงแรมตามหาดที่คุณจองไว้ได้ คือ รถตู้ปรับอากาศที่จอดเป็นคิวไว้ด้านทางออก หรือไม่ก็ taxi สำหรับแบบแรกจะต้องรอจนรถเต็มแล้วจึงจะออกได้ เฉลี่ยก็คือ 10 คนขึ้น นั้นเอง สำหรับ taxi นั้นถ้าคุณใช้บริการtaxi meter ก็สามารถเดินออกประตูมามองไปทางขวาจะเห็นมีป้ายบอกจุดรอรถ taxi meter บอกไว้ราคาก็ว่ากันตามระยะทางแต่จะมีการ ชารต์จากมิเตอร์เพิ่มนับจากรถออกผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่นะครับแต่คุ้นๆว่า เกิน 70บาทแล้วละครับ สำหรับ taxi อีกแบบจะมายืนออดักนักท่องเที่ยวคอยทักเราว่าจะไปกับเค้าไหม ส่วนใหญ่แบบนี้จะเป็นการเหมาครับไม่เกี่ยวใดๆกับ taxi meter สนนราคาว่ากันไปตามหาด เช่นเข้าเมืองก็ 500บาท ไปหาดป่าตองก็ 6-700 ขึ้นเรียกว่าแพงกันสุดๆไปเลย เนื่องจากสนามบินเองอยู่ห่างจากเขตเมืองก็ร่วมๆ 30กว่ากิโลฯแล้ว แต่ผมก็ว่ามันแพงมากๆอยู่ดี เป็นไปได้ถ้ารอไหวก็รอรถตู้ดีกว่าครับ ช้าแต่ประหยัดกว่าเพราะจะตกคนล่ะ 80 บาทเท่านั้นครับ(ราคาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในเวลานั้นนะครับ) หลังรับรถเช่าที่สนามบินและขับเข้ามาพักกันในเมืองภูเก็ตเช้าวันรุ่งขึ้น เราจึงเริ่มต้นท่องเที่ยวกันตามแผนที่วางไว้ เราเริ่มต้นการสำรวจเมืองเก๋ๆกันที่หน้าโรงแรมเก่าแก่ที่สุดของเมืองภูเก็ต โรงแรม ออน ออน โรงแรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสตั้งอยู่ที่ถนนพังงาเปิดกันมาตั้งแต่ ปี 2472 นับรุ่นก็น่าจะรุ่นปู่ย่าตายายกันเลย ที่นี้ถือเป็นขวัญใจของเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์ทั้งหลายที่แวะเวียนมาพักกันตลอดเวลา คนไทยเห็นที่ counter บอกว่าก็มีแต่ไม่มากเท่านักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากโรงแรมสไตล์เท่ๆแห่งนี้แล้ว ยังมีร้านที่นักท่องเที่ยวและคนภูเก็ตรู้จักกันดี ร้าน kopi de phuket ร้านกาแฟเก๋สุดๆอยู่หน้าโรงแรมออนออนพอดี ผมแวะลองชิมชาดูก็อร่อยเข้มข้นไม่เลวทีเดียว ได้เครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจก็เริ่มต้นได้แล้ว ทริบเที่ยวรอบเมืองนี้เราใช้ทั้งรถขับเที่ยวและเดิน ถนนที่นี่เหมาะกับการเดินมากครับ ยิ่งในย่านถนนหลักๆแล้วเดินเอา มันกว่าเยอะเลยได้สัมผัสบรรยากาศตึกสวยๆหามุมถ่ายรูปได้เรื่อยๆ เดินออกมาปั้บเรามุ่งหน้าเลยผ่านไปยังหนึ่งใน Landmark สำคัญของ City Tour หนนี้ “อาคารพรหมเทพ” หรือจะเรียก “ศูนย์ข่าวพรหมเทพ” ก็ได้ ฝั่งตรงข้ามก็เป็น “อาคารชาร์เตอร์แบงค์” ธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่เข้ามาเปิดทำการในภูเก็ต และภูมิภาคนี้ทั้งสองอาคาร ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถ่ายภาพกันทั้งนั้น จุดเด่นก็อยู่ตรงหอนาฬิกาด้านบนที่มีหลังคาทรงหมวกตำรวจในสมัยก่อน ที่นี้เคยเป็นสถานีตำรวจมาก่อนจึงยังหลงเหลือเค้าลางกลิ่นอายที่มาของมันอยู่ ทั้งสองตึุกอยู่ตรงหัวมุมถนนพังงาตัดกับถนนภูเก็ตหรือตามป้ายกำกับที่ปักไว้ว่า “สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์” เวลามาไม่ยากถ้าเดินเลยมาจากร้าน kopi ก็ใกล้นิดเดียวครับ ตึกต่อมาที่เราได้เจอกัน “อาคารเอกวานิช” อยู่หัวมุมถนนดีบุกตัดกันกับถนนเยาวราช ตึกสวยๆที่อยู่มานาน และยังคงอนุรักษ์ของงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์จีน-ยุโรบไว้ได้อย่างดี ผมเริ่มต้นเข้าโดยมุ่งหน้าไปย่านถนนดีบุกก่อน ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส สีสันตามตึกล้วนดึงสายตาให้เราเหลียวกลับไปมองได้ทั้งนั้น “อั่งม้อหลาว” เป็นชื่อเรียกคฤหาส์นแบบฝรั่งโบราณผมถ่ายรูปนี้ไว้ โดยมาทราบภายหลังว่าเป็นของตระxxxลตัณฑเวทย์ คฤหาส์นหลังนี้สังเกตุให้ดียังคงสถาปัตยกรรมงามๆให้ได้ชมอยู่แม้จะไม่อนุญาติให้เข้าไปได้ก็ตาม ผมเดินต่อมาจนถึงสามแยกถนนดีบุก ที่แยกนี้มีร้านอาหารน่าลิ้มลองอยู่ 2 ร้านเป็นร้านดั่งเดิมทั้ง 2 ร้าน เริ่มกันที่ร้านขึ้นชื่อ อย่าง “หมี่แป๊ะเถว” ร้านบะหมี่ที่ได้รับการการันตีจากหลายๆสำนักมาแล้วผมเข้ามาตอนสายๆคนจึงน้อยมาก เช้าๆแบบนี้ยังไม่ได้ทานอะไรต้องของลองชิมซักหน่อยแล้ว ได้โอกาสผมเลยสอบถามพี่ๆน้าๆป้าๆในร้านถึงที่มาของร้าน แกหยิบรูปภาพเก่าแก่ให้ผมดูด้วยพร้อมเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟัง และ หยิบเมนูอาหารมาให้ซึ่งมีเรื่องราวของแป๊ะเถวให้ผมได้ทราบทุกๆคนลองอ่านดูเองได้เลยครับตามภาพ ผมจึงสั่งตามคำแนะนำของพี่ๆในร้านเมนูดั่งเดิมมาลองดูครับ น่าทานไหมครับ มีทั้งเย็นตาโฟแห้งแป๊ะเถว … ชิมดูรสชาติผสมผสานกันทั้งรสหวานอมเปรี้ยวของซอลจากสูตรของร้านเข้ากันดีกับของทอดแบบต่างๆที่ใส่เข้ามาอร่อยครับ ลูกชิ้นปลาลวกจิ้มและน้ำจิ้มรสแซ่บ สดและสะอาดดีทีเดียว กุ้งทอดปิดท้าย อาหารอร่อยดีทีเดียวครับใครมาในเมืองอยากทานก๋วยเตี๋ยวอร่ิอยๆ ร้านแป๊ะเถว คือหนึ่งในนั้นที่ควรมาแวะทานกันดูครับ อิ่มกันดีแล้วยังเหลืออีกร้านที่น่าแวะเช่นกัน เห็นร้านนี้คนภูเก็ตเข้ามาทานอาหารกันพอควรจนดึงเราเข้าไปชิมดูกับ “ขนมจีนป้ามัย” ขนมจีนสารพัดน้ำยาที่มีให้ลูกค้าเลือกชิมกันได้เนื่องจากอิ่มกันมาสุดๆขอสั่งทานชิมด้วยกัน อร่อยครับผักสดมากมายมีเติมให้ไม่ขาด วางให้ลูกค้ากินแกล้มกับขนมจีน อิ่มคูณสองขนาดนี้ขอเดินย่อยกันต่อดีกว่าครับ ผมเดินเลี้ยวซ้ายจากแยกดีบุกมาจนถึงสามแยกถนนสตูล มองไปเจอป้ายภัตรคารที่พึ่งเปิดหมาดๆ(ณวันทีเราเดินทางคือ 01/03/10) เราจึงขอเดินเข้าไปชมกันครับ ที่นี้คือ “อั่งม้อหลาว” อีกแห่งของภูเก็ต เป็นคฤหาสน์พระพิทักษ์ชินประชา ที่ปรับเปลี่ยนมาเป็น ภัตตาคาร Blue Elephant และโรงเรียนสอนทำอาหาร ผมเดินสำรวจรอบๆทางเจ้าหน้าที่อนุญาติให้ถ่ายภาพได้วันที่ไปเพิ่งเปิดและยังปรับปรุงส่วนด้านหน้ากันอยู่ คฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นที่นิยมของคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวได้ไม่ยากเพราะภายนอกดูงดงามดีทีเดียว เดินออกมาจากร้านอาหารผมเดินเลี้ยวกลับไปที่สามแยกและตรงเข้าสู่ถนนสตูล ย่านนี้นับเป็นอีกย่านที่ไม่ควรพลาดเพราะตึกสวยๆแปลกตามีให้ชมตลอดสองฝั่ง ภาพตึกเก่าๆบางทีผมมองว่ามันก็สวยแบบของมันครับ อย่างภาพนี้ถ่ายตอนคุณยายแกเดินระหว่างตรอกของตึกย่านนี้ เดินเลยเข้ามาได้กลางถนนสายนี้ผมก็เจอ “พิพิธภันฑ์ภูเก็ตไทยหัว” พิพิธภันฑ์หลังงามสง่าแห่งนี้อยู่คู่เมืองภูเก็ตมากว่า 75 กว่าปีแล้ว เดิมเคยเป็นโณงเรียนสอนภาษาปัจจุบันเป็นที่ๆเก็บสิ่งของและเรื่องราวความเป็นมา วิถีชีวิตจากอดีตจนถึงปัจจุบันของเมืองภูเก็ตแห่งนี้ไว้อย่างดี เสียดายวันที่เราไปเป็นวันหยุดจึงอดเข้าไปชมอย่างน่าเสียดายจริงๆ (ปิดทุกๆวันจันทร์ครับ นอกนั้นเปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-19.00) เดินกันต่อครับสองข้างทางทีนี้มีเสน่ห์ให้เก็บภาพได้ตลอดการเดิน ผมยังเก็บภาพไปได้เรื่อยๆก่อนจะเดินยาวไปจนสุดถนนเข้าสู่ถนนเส้นงามอีกเส้นเดินต่อจนมาทะลุที่ถนนเยาวราช และข้ามฝั่งมาเข้าสู่ถนนถลางถนนสายฮิพอีกแห่งที่รวมร้านเก๋ๆไว้เพียบใครอยากเดินชิวๆเส้นนี้ใช่เลยครับ เจอร้านเก๋ๆร้านแรกที่เราจะเริ่มสำรวจกัน ร้าน Larp-yai นี่ผมสะกดตามป้ายหน้าร้านนะครับถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วย ข้างในตกแต่งเก๋ดีทีเดียวเอาพวกของเล่นโบราณมาตกแต่งไว้เดินดูเพลินดีครับ ด้านหน้าร้านมีเก้า้อี้แนวๆ น่านั่งวางไว้รอบๆ เราเดินกันต่อครับหนทางยังอีกไกลการเดินสำรวจเส้นทางเมือเก่าเรื่องเล่าย่อมมากมาย และที่นี้ยังมีอะไรให้ชมกันอีกมาก อย่างร้านถัดมาไม่ไกล เป็นร้านอาหารสไตล์จีนอย่าง “ไชน่า อินน์” ภายในตกแต่งไว้สวยงามดีทีเดียว สีแดงบ่งบอกความเป็นจีนตามชื่อแต่ของตกแต่งผสมผสานกันทั้งจีน-ยุโรบ-ไทยดูน่าสนใจมากๆเลยทีเดียว ด้านหลังจะเป็นร้านอาหารและทางร้านไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพเพราะอาจจะเป็นการรบกวนแขก อันนี้ยิ่งดีครับเป็นความพิถีพิถันของทางร้านในการบริการดี ออกมาเดินชมเมืองกันต่อเดินมาเรื่อยๆ ผมเจอโรงแรมแห่งแรกของย่านนี้ที่เดินเจอครับ เดินต่อมาจนเจออีกร้านนึง “43@talang” เหมือนจะยังไม่เปิดดีสำหรับตอนนี้ เดาว่าน่าจะเปิดในยามค่ำมากกว่า ผมเดินผ่านร้านมาเรื่อยจนเจอร้าน Sin&Lee เมื่อสมัยอดีตหลายๆสิบปีก่อน เป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเมืองก็ว่าได้ ทุกวันนี้ดูไม่ต่างจากร้านขายของชำทั่วไปแต่ถ้าลองหลับตานึกย้อนไปซัก 20-30 ปี ก่อนคุณอาจจะเห็นห้างขึ้นมาได้ครับ เลยได้ไอติมมากินแก้ร้อนซะ2แท่ง เดินดูดไอติมแก้ร้อนมาไม่ทันหมดดีก็เจอร้านฮิพๆอีกร้านที่ไม่แวะก็กระไรอยู่ “ร้านหนังสือ” ร้านน่านั่งที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาถ่ายภาพแวะชมไม่ขาด เราเลยแวะตามประสานักท่องเที่ยวที่ดี บรรยากาศภายในตกแต่ง retro สุดๆทั้งเกา้อี้มานั่งหนังสือรวมถึงขอตกแต่งกระจุกกระจิกรวมๆดูแล้วได้บรรยากาศดีจริงๆ ผมนั่งพักแก้ร้อนเห็นเค้กน่าทานเลยสั่งมาชิมกันหน่อยครับ ช็อคเค้กน่าทานชิมแล้วโอเคมากๆเลยทีเดียว ไม่หวานเกินจนเลี่ยน อร่อยมากครับ ชิมจนพุงแทบปริกันดีทั้งคู่ ก็พากันเดินให้มันย่อยกันต่อ มาจนถึงถนนสายสำคัญอีกสายเป็นซอยรมณีย์ ถนนสายฮิตและฮิพสุดๆแล้วในเมืองนี้ ด้านหน้าซอยฝั่งทางเข้าถนนถลางจะมีหลัก กม.โตๆ ใหญ่สุดๆวางอยู่หน้าซอย เดี๋ยวนี้จะให้รู้ว่าแถวไหนฮิตไม่ฮิตเค้าดูกันตรงหลัก กม.แบบนี้ล่ะครับแม้ว่าจริงๆแล้วมันไม่น่าจะมีอยู่ก็ตาม เข้าซอยมานิดนึงก็เข้าใจว่าทำไหมซอยนี้เค้าฮิตกันจัง ในนี้มีทั้งร้านอาหาร และโรงแรมแนวๆอยู่ทั้ง 2ฝั่งถนนสีสันของบ้านทุกหลังก็ไม่ธรรมดา จี๊ดจ๊าดเรียกคนให้เข้ามาชมได้อย่างดี ผมเดินต่อเข้าไปจนเจอร้านแรกที่หยุดแวะถ่ายภาพ ร้าน “Glastnost” ในเวลากลางวันแบบนี้ ที่นี้อาจจะดูหงอยๆบ้างแม้จะมีนักท่องเที่ยวอย่างเราๆแวะมาขอถ่ายรูป หรือสั่งเครื่องดื่มแก้ร้อนเพื่อขอถ่ายภาพบ้างก็ตาม แต่เมื่อยามเย็นย่ำค่ำมืดในวัีนอาทิตย์มาถึง ที่นี้คือแหล่งรวมนักดนตรีแจ๊สและบูลที่นิยมมาร่ายมนต์ให้คนรักชอบในเสียงดนตรียามค่ำได้มานั่งฟังกันอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว เสียดายที่ผมมีเวลาเพียงชั่วอาทิตย์ตกและัวันนั้นไม่ใช่วันอาทิตย์ซะด้วยจึงพลาดที่จะขอเสนาะรับฟังกันดูบ้าง *มุมนี้ขอร้านผมชอบเป็นพิเศษครับ

ที่เที่ยว:ภูเก็ต…เมืองเก่าเล่าเรื่อง… อ่านเพิ่มเติม

BACKPACK G-!-RL : PHUKET SIVILAI

เดินทางไปเที่ยวไกลถึงภูเก็ตคนเดียวครั้งแรกค่ะ โชคดีหน่อยที่มีเพื่อนทำงานที่นั่น สนุกและเหนื่อยมากๆ เอาพลังทั้งหมดไปทิ้งไว้ที่ภูเก็ตกันเลยทีเดียว เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชีย จากอุดรธานี บินตรงไปยัง ภูเก็ต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที และโดยสารรถบัสจากท่าอากศยานภูเก็ตตรงดิ่งไปที่ บขส.ภูเก็ตใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และแล้วเราก็เจอไกด์สาว นั่นคือ “แพรวา” เพื่อนของเราเอง การเดินทางของทริปนี้ เราใช้รถจักรยานยนต์ หรือ มอเตอร์ไซ นั่นเองในการเดินทาง ไกด์แพรวาพาไปกราบหลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม และต่อด้วยไปทำบุญไหว้พระที่วัดฉลอง จากนั้นไปแว๊นต่อที่เขารัง ดูภูเก็ตจากมุมสูงจากที่นี่ สวยทีเดียว อากาศดีด้วยนะ วันที่สอง นั่งเรือเฟอร์รารี่ แวะดำน้ำใกล้เกาะพีพี จำชื่อจุดดำน้ำไม่ได้แล้ว พักเที่ยงหลังเสร็จกิจกรรมดำน้ำ มุ่งเข้าฝั่งเกาะพีพี รับประทานอาหารกลางวันที่พีพีโฮเต็ล ไม่แน่ใจว่าเพราะเหนื่อยและหิวรึเปล่า มื้อกลางวันวันนี้พิเศษสุดๆ และอร่อยมากที่เดียว หลังจัดการกับความหิวแล้วเราก็เดินย่อยไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลากลับขึ้นบกที่ภูเก็ต พักเหนื่อยไปหนึ่งวันเต็มๆ แต่เย็นของวันที่สามนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก เนื่องจากไกด์สาวของเราเป็นพนักงานในโรงแรม เราจึงได้มีโอกาสไปรับประทานอาหารเย็นแบบบุปเฟต์ที่ Sala Phuket resort & spa Hotel บรรยากาศสงบ น่าพักผ่อน อาหารอร่อยทีเดียว วันที่สี่ วันสุดท้ายของทริปปล่อยพลัง ไกด์แพรวา พาแว๊นไปแหลมพรหมเทพ เลาะริมชายหาดกะตะและหาดกะรน ซิ่งอ้อมเขาไปเรื่อย และไปหยุดที่หาดพาราไดส์ ชายหาดส่วนตัว เสียค่าบำรุงเพียง 100 บาท พักผ่อนสักงีบใต้ร่มไม้ที่หาดแห่งนี้ เงียบสงบไม่น้อยเลยทีเดียว วันที่ห้า สุดท้ายก่อนกลับ ไกด์สาวพาแวะชมตลาด บ่งบอกบรรยากาศเก่าๆ และอำลาเพื่อนรักเดินทางกลับสู่อุดรธานีที่รัก

BACKPACK G-!-RL : PHUKET SIVILAI อ่านเพิ่มเติม

ผ่อนคลายสบายๆ กับน้ำใสๆ หาดทรายขาวๆ แห่งทะเลใต้

…หลายครั้ง หลายครา ที่นั่งตั้งตารอวันหยุดยาว อย่างมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็สมใจอยาก ได้มีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ เลยได้โอกาสแบกเป้ไปเที่ยวทะเลน้ำใส หาดทรายขาวที่จังหวัดภูเก็ต-กระบื่ สวนทางกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่แห่กันไปเที่ยวสงกรานต์ทางเชียงใหม่ ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจไว้แล้วที่ไม่อยากแย่งที่กิน ที่เที่ยวกับใคร และประจวบเหมาะกับช่วงนั้นเป็นช่วงหลังฝนตกหนักน้ำท่วมภาคใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์กันเกือบหมด แต่เราดันทุรังที่จะไปเที่ยวให้ได้ ก็ตั้งตารอมาเป็นปีนี่ แต่เมื่อไปถึงแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ ทะเลไทยสวยสมใจอย่างนี้นี่เอง…. การเดินทางไปภูเก็ตและกระบี่ครั้งนี้ ถูกวางไว้ล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินจากเชียงใหม่บินตรงไปยังสนามบินภูเก็ต ใช้เวลานั่งๆ นอนๆ อยู่ 2 ชั่วโมงก็ถึงภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามัน นั่งรถตู้เข้าเมืองจ่ายไปคนละ 100 บาท ก็มาถึงโรงแรมที่จองไว้ “มนตรีรีโซเทล” สถานที่แรกที่ตั้งใจจะไป คือ วัดฉลอง เพื่อนมัสการหลวงพ่อแช่ม เลยเดินไปเช่ามอไซด์ที่อยู่ข้างๆ โรงแรมวันละ 150 บาท แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปวัดฉลอง เพราะหลงทางเลยได้ไปเที่ยวเขารังแทน เพื่อชมวิวเมืองภูเก็ต ลองดูนะค่ะว่าเมืองภูเก็ตจากภาพมุมสูงนี้จะสวยแค่ไหน น่าไปเที่ยวจังค่ะ..^^.. ….และที่เขารัง ไม่เพียงแค่ชมวิวเท่านั้นยังมีลิงพิสดารด้วย ที่ว่าพิสดารก็เพราะลิงทั่วไปกินผลไม้กัน แต่ลิงที่นี่กินหมากฝรั่งค่า….555 จิ๊กโก๋น่าดูเลย ช่วงที่ไปนั้น จังหวัดภูเก็ตกำลังจัดงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นพอดิบพอดี เลยได้ภาพป้ายผ้าบรรยากาศการประชาสัมพันธ์ทั่วเมืองภูเก็ตเลย พอตกค่ำออกมาเดินกินอาหารตามสั่ง (อาหารทะเล) ร้านข้างทางแถวๆ โรงแรม ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากถนนเส้นหนึ่งใกล้ๆ กับร้านอาหารนั้น จึงเดินไปท่องราตรี โชคดีมากๆ เพราะถนนเส้นนั้นเป็นถนนคนเดินแถวเมืองเก่า แบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสหรือโปรตุเกตนะ (จำไม่ได้อะค่ะ) เป็นถนนคนเดินที่ให้บรรยากาศแตกต่างไปอีกจังหวัดหนึ่ง …และสีสันต์งานช่วยเหลือผู้สบภัยจากสึนามิ ประเทศญี่ปุ่น ก็ทำให้ถนนคนเดินดูมีสีสันต์เพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว สีสันต์อีกอย่างที่เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่า ก็เห็นจะเป็นรถโฟล์ค (น่าจะใช่นะ พอดีไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ…แฮ่ๆ) คันงามนี่แหละค่ะ เดินเที่ยวจนเหนื่อยเริ่มหาอะไรเย็นๆ สดชื่นๆ กินกันดีกว่า นี่เลยแนะนำไอศครีมภูเก็ตโบราณ ไม่แพงแค่ 40 บาท ได้มะพร้ามมาทั้งลูกเลยที่เดียว หลังจากเดินจนเหนื่อย กินจนอิ่ม ก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อเตรียมตัวเที่ยว 4 เกาะ โปรแกรมแบบวันเดย์ หรือวันเดียวที่จังหวัดกระบี่ต่อในวันรุ่งขึ้น ทัวร์จัดการให้ทุกอย่างตั้งแต่รถมารับ-ส่งโรงแรม เรือนำเที่ยว และอาหารกลางวัน ช่วงที่ไปราคาตกอยู่ประมาณ 1000 บาท/คน โดยมีรถตู้มารับที่ รร.ในตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือรัษฎา บรรยากาศบนเรือเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ เค้าหลงใหลทะเลไทยมากๆ บางคนมาเที่ยวมาอยู่เมืองไทยแถบทะเลใต้เป็นเดือนๆ จากภูเก็ตไปกระบี่ทางเรือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงบริเวณอ่าวนาง จ.กระบี่เพื่อเปลี่ยนลงเรือสปีดโบ๊ท แยกนักท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมต่างๆ ภาพนี้ถ่ายจากบนเรือหันหน้าออกทางทะเล …และแล้วก็ได้ลงเรือสปีดโบ๊ทเพื่อไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ได้ง่ายกว่าเรือใหญ่ ทะเลแหวก แต่ไกด์บอกว่าวันนี้แหวกแค่ครึ่งเดียว เลยดูไม่ค่อยสวยเหมือนตามนิตยาสารการท่องเที่ยวอื่น ๆ ยังไงน้ำก็ใส สะอาด หาดทรายขาวอยู่ดี ที่หมายต่อไปเป็นเกาะไก่ เนื่องจากรูปร่างเหมือนไก่ เค้าจึงตั้งชื่อว่า “เกาะไก่” จริงๆ มองเป็นอย่างอื่นก็ได้นะแล้วแต่จินตนาการ …จุดเด่นของเกาะไก่ เป็นที่ดำน้ำดูปลาเสือ…ไกด์มักพานักท่องเที่ยวมาให้อาหารปลาและเล่นน้ำบริเวณนี้ จุดต่อไปเป็นเกาะปอดะ ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวแต่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ มีบริการห้องน้ำ ราคาประมาณ 10 บาท ไอศครีมและข้าวโพดปิ้งที่นี่ค่อนข้างแพง หากนักท่องเที่ยวไม่หิวจริงๆ แนะนำให้อดทนไปกระจายรายได้กับพ่อค้าแม่ค้าบนฝั่งจะดีกว่า เที่ยวจนหมดแรงวันนี้จึงนอนหลับสบาย อ้อ..ไม่ต้องย้อนกลับไปภูเก็ตก็ได้หากนักท่องเที่ยวต้องการไปพักหรือเที่ยวต่อที่กระบี่ให้แจ้งบริษัทและผู้ขับเรือ เพื่อเค้าจะพาเรามาส่งที่ท่าเรืออ่าวนาง จ.กระบี่ ที่กระบี่ได้จองโรงแรมซิตี้ไว้ เพราะอยู่ใจกลางเมืองเนื่องจากไม่ได้เอารถส่วนตัวมา จึงคิดว่าโรงแรมนี้สะดวกที่สุดแล้วมีของกิน ของขายมากมาย บรรยากาศและของอำนวยความสะดวกในห้องก็โอเค ไปจังหวัดไหนก็หนีไม่พ้นถนนคนเดิน และโชคดีที่ถนนคนเดินอยู่ด้านหลังโรงแรมนี่เอง หากมาเมืองทะเลแล้วไม่กินอาหารทะเลก็คงมาไม่ถึง นี่เลยภูมิใจเสนอยำไข่แมงดาทะเล ราคาไม่แพงมากประมาณ 80 บาท “เขาขนาบน้ำ” สัญลักษณ์เมืองกระบี่ แม้ไม่ได้นั่งเรือไปดูใกล้ๆ ก็ขอถ่ายรูปแบบไกลๆ ละกัน กลัวไปไม่ถึงเมืองกระบี่

ผ่อนคลายสบายๆ กับน้ำใสๆ หาดทรายขาวๆ แห่งทะเลใต้ อ่านเพิ่มเติม

ทริปพาเด็กดอยไปปล่อยเกาะ ภูเก็ต-ตาชัย ไม่ไปไม่ได้แล้ว !!!!!!!!!!!

พบกันอีกครั้งนะครับ วันนี้จะพาไปเที่ยว สถานที่สวยๆอีกเช่นเคยครับ โดยครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวเกาะสองเกาะครับ คือ ภูเก็ต กับ เกาะตาชัย ดูว่าจะสวยสมคำร่ำลือหรือไม่ ตามมาเลยครับ ทริปนี้ ผมบินด้วยโปร 0 บาทของหางแดง เช่นเคย และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องบินสองตุ๊บ จากเชียงรายมาสุวรรณภูมิ ไฟล์ตเที่ยง แล้วก็ออกไปรับเด็ดดอยที่แอร์พอร์ตลิ้งค์ หัวหมาก (สาเหตุที่ไปรับเดาไม่ยากครับ เด็กดอยขึ้นรถไฟไม่เป็น) ก่อนอื่นต้องถ่ายรูปกับป้ายก่อนจะได้เอาไปลง FB อวดเพื่อนๆได้ ก็ต้องยืนรอกันสักพักนึงกว่ารถไฟจะมา แอร์พอร์ตลิ้งค์ นี่มีประโยชน์จริงๆสำหรับคนบ้านไกลแบบเด็กดอย ที่จะไปสุวรรณภูมิ ไม่งั้น ค่าแท๊กซี่ แพงกว่าค่าเครื่องบินอีก ระหว่างรอเห็นวิวสวยๆเลยกดไปสักภาพก่อนจะไปขึ้นเครื่องไปภูเก็ต ไฟล์ต สามทุ่ม ก่อนมาทริปนี้ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากเช่นเคย จองที่พักก่อนเดินทางแค่ สองวัน โปรแกรมเที่ยวไม่มี ไปหาเอาข้างหน้า เรียกว่าไปเพราะเสียดายตั๋วเครื่องบิน แต่เสียตังค์ เพราะที่พักและเที่ยวแพง แทน 55 เนื่องจากเลิกงาน 5 โมง แล้ว มาเลย ทำให้ลงเครื่องที่ภูเก็ต ก็ยืนหลับ รอรถตู้ไปส่งที่ โรงแรม ดูทำหน้า ง่วงนอนสุดๆ ไม่สมกับที่หลายๆคนรอคอย เด็กดอยมาตั้งนาน ลงเครื่องเสร็จ โทรหา โรงแรมถามการเดินทางไปที่พัก ปรากฎว่าได้คำตอบว่า ให้นั่งรถตู้มาเลย นั่งแท๊กซี่แพง รถตู้ คนละ 150 แต่แท๊กซี่ 700 บาท พอขึ้นรถตู้ซึ่งมีผมและเด็กดอยเป็นคนไทยเพียงสองคน ก็จะถูกพาไปแวะที่ บริษัททัวร์ ก่อนประมาณ ครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่า ฝรั่งพวกนั้นโดนฟันหัวแบะไปเท่าไหร่ ไอ่เราก็ไม่กล้าพูดมาก กลัวโดนฟันหัวแบะจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ทุกคันหรือปล่าว กว่าจะถึงที่พัก ปาเข้าไปเที่ยงคืน เหนื่อยมาก ไม่ขอถ่ายรูปอะไรทั้งสิ้น อาบน้ำนอน เพราะว่าตอนจองโรงแรม ได้ให้พนักงาน ซื้อทัวร์ วันเดย์เกาะตาชัยไว้ พนักงานแจ้งว่ารถมารับ 6.30 น เลยรีบนอนเรียกว่าสลบไปเลย ตื่นแต่เช้าออกเดินทางด้วยรถตู้จากภูเก็ตไปพังงา เพื่อไปขึ้นเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ ชั่วโมงครึ่ง อยู่บ้านไม่เที่ยงไม่ตื่นมาเที่ยวนี่ตื่นได้ ดูเอาเช้าแค่ไหนพระอาทิตย์ พึ่งจะโผล่มาให้ยลโฉม นั่งรถมาชั่วโมงครึ่ง ฟังการสรุปการเดินทางคร่าวๆแล้ว ก็ต้องนั่งเรืออีกชั่วโมงครึ่ง เรียกว่าเดินทาง ก็เหนื่อยแล้ว กว่าจะถึงที่หมาย ทริปนี้ มีเรือออกไปตาชัยสองลำ สิมิลันสองลำ ไม่มีคนไทยอีกเช่นเคย บักสีดาล้วนๆ นั่งเรือมาสักพักก็เห็นเกาะตาชัย อยู่ริบๆ วันนี้แดดแรงมาก มีเมฆเล็กน้อย ถึงน้อยมาก ก่อนขึ้นเกาะ จะเป็นจุดดำน้ำจุดแรก หน้าหาด จากเมื่อก่อนเคยหลงไหลโลกใต้น้ำจนเกือบจะไปเรียนดำน้ำลึก แต่เดี๋ยวนี้หมดโอกาส เพราะกลับมาอยู่บนดอยแล้ว จะเรียนดำน้ำลึก ไปดำแม่น้ำหลังบ้านก็ใช่ที่ เตรียมอุปกรณ์ พร้อม ลุยยยยย ผมใช้เวลาดำประมาณ ยี่สิบนาที ก็ขึ้นมาแล้ว เนื่องจาก ไม่ประทับใจมากนัก อาจเพราะ เห็นปะการังตาย ฟอกขาว ปลาเลยน้อยไปด้วย ก็ขึ้นมาบนเรือ จิบเบียร์ช้างฟรี กินขนมฟรี เก็บภาพไปเรื่อยๆดีกว่า ขณะนั้นเวลา 11.00 น ก็มีเรือของอีกบริษัทพานักท่องเที่ยวมาอีกลำหนึ่ง หลังจากปล่อยให้ดำน้ำ 40นาที พี่ไกคืก็เรียบักสีดา ทั้งหลายขึ้นเรือ สอบถามว่าใครเห็นปลาอะไรบ้าง ปรากฏว่า คุณลุงจาก เยอรมัน คนนึงเจอเต่าด้วย ดี๊ด๊า กันใหญ่ จากการสอบถามพี่ไกค์บอกว่า ที่สิมิลัน ก็พอๆกัน ปะการังฟอกขาวตาย ปลาน้อย ไม่รู้จะแก้ใขกันอย่างไร แล้ว หลังจากนั้นเรือก็นำมาสู่เกาะตาชัย เกาะที่เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน แต่จริงๆแล้วอยู่xxxงจากสิมิลันพอสมควร อยู่ระหว่างเกาะ สิมิลันและเกาะสุรินท์ ภาพแรกบนเกาะตาชัย เกาะตาชัย ชื่อนี้ผมได้ยินครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั้งมาเห็นกระทู้ใครสักคนใน พันทิป ดูรูปแล้วสวยมาก เลย หาข้อมูล แล้วจองตั๋วมาภูเก็ต ไว้ล่วงหน้า เกาะตาชัย ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายที่ขาวละเอียด นุ่มเท้าเวลาเดิน เหมือนคอฟฟี่เมต หาดทรายของเกาะตาชัย มีความยาวประมาณ 300 ร้อยเมตร เกาะตาชัยเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากขึ้น ในเรื่องของความสวยงามและเงียบสงบ ไม่แพ้สิมิลัน จึงจะเห็นภาพแบบนี้อยู่ทั่วไป นอกจากหาดทรายที่ขาวแล้ว เกาะตาชัยยังมี น้ำทะเลที่ใส มากๆ น้ำที่ใสราวกระจก ยามเมื่อแสงแดดส่องลงมา ช่างสวยงามประทับใจจริงๆ ขณะที่ พี่ๆทีมงานไกค์ กำลังเตรียมอาหารกลางวัน จึงปล่อยให้ลูกทัวร์เดินเก็บบรรยากาศ ของเกาะตาชัยไปเรื่อยๆก่อน แดดร้อนมากเพราะ เกือบเที่ยงแล้ว ขอมาหลบแดดเก็บภาพสักหน่อย เกาะสวย ทรายหาดขาว ร่มไม้ กับ ชิงช้า ย่อมเป้นของคู่กัน และสามารถพบเห็นเกือบทุกที่ แต่ก็ไม่เบื่อที่จะเก็บภาพมาอวดกัน ทะเล กับก้อนหิน เป็นเป็นของคู่กัน แต่หากทะเลกับก้อนหิน ไม่มีคลื่นซัด ก็เหมือนท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆ มันจะดูเรียบๆเกินไป เหมือนชีวิตนั่นแหละ มันต้องโดนคลื่นซัดซะมั่งจะได้ไม่เบื่อหน่ายกับชีวิต แต่อย่าเผลอปลิวหายไปกับคลื่นเสียก็เท่านั้น จะว่าโชคดี ที่วันนี้ฟ้าใส แต่ในใจก็อยากให้มีเมฆบ้าง เพราะฟ้าที่ว่าสวยๆก็เพราะมีเมฆ มีคนเคยบอกผมไว้แบบนี้ เดินเหยียบคลื่นกลับไปที่ทำการเกาะตาชัย มองจากลานหน้าทำการเกาะตาชัยออกไปด้านทะเล บนเกาะตาชัย ไม่มีรีสอร์ท ไม่มีบ้านพัก สำหรับนักท่องเที่ยว เคยมีให้กางเต้นท์แต่ไม่แน่ใจว่ายกเลิกไปแล้ว เพราะ ว่าบนเกาะ ไม่มีแหล่งน้ำจืด ทำให้ลำบากในการอยู่อาศัย จึงคงมีแต่เจ้าหน้าที่ และ ธงชาติ ที่คอยดูแลและต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเกาะนี้ ต่อไป หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินไปสำรวจอีกด้านของหาด มุมนี้ ที่ใครๆก็ถ่ายกัน เราก็ขอถ่ายบ้างแม้ไม่สวยเท่าคนอื่นเขา แดดร้อนจัด ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวดำนะครับ นั่งพักสักแปบ ก็เริ่มมีเรือมารับ นักท่องเที่ยว

ทริปพาเด็กดอยไปปล่อยเกาะ ภูเก็ต-ตาชัย ไม่ไปไม่ได้แล้ว !!!!!!!!!!! อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top