กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด

ว่างหนึ่งวันแต่ไม่อยากออกนอกเมือง งั้นมาเที่ยวกลางเมืองก็แล้วกัน วันนี้แอดจะชวนไปเดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ นั่นก็คือเยาวราชค่ะ ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิม แต่แอดมาได้มาดีไม่มีเบื่อ เพราะแต่ละจุดก็มีเรื่องราวใหม่ ๆ ร้านใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ คราวนี้แอดจะพาไปเดินเล่นที่ซอยนานากับถนนทรงวาดกันค่ะ เป็นย่านที่ครบจบทุกอย่าง ทั้งเดินเที่ยว ตะลุยกิน ชมวิถีชีวิตคนในชุมชน ได้สัมผัสบรรยากาศวัฒนธรรม ที่สำคัญการเดินทางก็แสนจะง่ายอีกด้วย 1.The Mustang Blu Cafe & Restaurant2.Wallflowers Cafe3.Nahim Cafe4.103 Bed and Brews5.เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม6.Baan 2459 Heritage Hotel7.หนูรี่ไอศกรีมเกาลัด เกล็ดหิมะ8.มัสยิดหลวงโกชา อิศหาก9.Woodbrook Bangkok10.เอฟ.วี (F.V)11.ขนมจีบอาเหลียง12.ตึกแขก ถนนทรงวาด13.ก๋วยจั๊บอ้วนโภชนา (หน้าโรงหนัง) สาขา 214.ปาเฮ่าเถียนมี่ พุดดิ้ง ย่านนานา ซอยนานา ตั้งอยู่บริเวณถนนไมตรีจิตต์ ไม่ไกลจาก MRT สถานีหัวลำโพงมากนัก เดินออกทางออกที่ 1 เราก็จะเจอถนนกรุงเกษม เดินข้ามไฟแดงก็จะพบกับถนนไมตรีจิตต์แล้วล่ะ ระหว่างก้าวเดินหันขวาไปจากตรงนี้จะเป็นสถานีรถไฟหัวลำโพงที่มองไกล ๆ ก็ยังสวยงามและคลาสสิกอยู่เสมอ เมื่อได้กลิ่นสมุนไพร ยาจีนเข้าจมูกเมื่อไหร่ แสดงว่าเราอยู่ในย่านนานาแล้วล่ะ ย่านนี้แต่เดิมมีร้านขายยาจีนหลายร้าน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บ้านเก่าหลายหลังกลายเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ลับนั่งดื่มชิลล์ยามค่ำคืน เพิ่มสีสันแปลกใหม่ให้ย่านนานาคึกคักต่างจากเยาวราชจุดอื่น เอาล่ะ ไปเดินเล่นกันดีกว่า ในย่านนานา เรายังได้เห็นอาคารเก่าสวยคลาสสิคอยู่หลายอาคารเลย และที่สะดุดตาแอดที่สุดก็คือ The Mustang Blu Cafe & Restaurant ตึกเก่าวินเทจอายุกว่าร้อยปี น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ดึงดูดสายตาแบบนี้ต้องเก็บภาพสักหน่อย The Mustang Blu เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ ได้ยินว่าด้านในตกแต่งสวยมาก คงโครงสร้างของตึกสไตล์โคโลเนียลไว้เหมือนเดิม บรรยากาศมีความดิบ และจัดจ้านในสไตล์คิวบา ไว้โอกาสหน้าแอดจะพาชมด้านในนะคะ เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 2293 6191 ขอบคุณรูปภาพจากเพจ The Mustang Blu Wallflowers Cafe เป็นร้านดังในย่านนานาที่หลายคนน่าจะได้เห็นรูปอยู่บ่อย ๆ หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และไม้เลื้อยหลากหลายชนิด ตัดกับโครงสร้างตึกและการตกแต่งแบบย้อนยุค คุมด้วยโทนสีน้ำตาลและดำ ดูดีเลยทีเดียว มาร้านนี้เสมือนเราได้มานั่งจิบกาแฟในสวนทำนองนั้น บอกเลยว่าเป็นคาเฟ่ที่สามารถเก็บภาพได้ทุกมุมเลย นอกจากความโดดเด่นของร้าน เมนูก็มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เบเกอรี เค้กโฮมเมดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้จนเป็นซิกเนเจอร์ แอดสั่ง เค้กแครอท เนื้อเค้กนุ่มฟู ท็อปด้วยดอกไม้หน้าตาดูดีเลยทีเดียว เครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee / Non-Coffee / Sparking มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ ที่ตั้ง 31-33 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.00-18.30 / วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-21.00 น.โทร. 09 0993 8653 Nahim Cafe ร้านนี้อ่านว่า นะฮิม คาเฟ่ค่ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้าน Wallflowers เลย หาไม่ยาก บอกเลยว่าร้านนี้เน้นแจกความสดใสสุด ๆ ร้านน่ารักมาก (ก.ไก่ล้านตัว) แค่เห็นหน้าร้านก็ทำให้รู้สึกว่าต้องเข้าไปแล้วล่ะ ในร้านตกแต่งในสไตล์แฮนด์คราฟท์ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นนั่ง ขั้นบันได ผนังที่มีลายเส้นของตัวการ์ตูน นอกจากร้านจะน่ารักแล้ว เมนูแต่ละเมนูก็น่ารักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโดนัท โทสต์ เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย คาเฟ่เล็ก ๆ นี้ดูแปลกตาต่างจากร้านอื่นในบริเวณเดียวกัน เป็นความน่ารักท่ามกลางความคลาสสิกของตึกเก่าย่านนานาที่แอดชอบมากเลยทีเดียว ที่ตั้ง 78-104 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 5946 8892 103 Bed and Brews เดินไปสักพักแอดก็สะดุดตากับตึกเก่าบริเวณหัวมุมซอยนานา นี่คือ “103 Bed and Brews” โฮสเทลและคาเฟ่ที่นำอาคารเก่ามาปรับปรุง โดยยังคงกลิ่นอายจีนย้อนยุคที่อบอุ่นเอาไว้ ประตูไม้บานเฟี้ยมสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีอ่อนของตัวตึก ผสมผสานการตกแต่งในสไตล์จีน ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ ส่วนชั้นสองเป็นโฮสเทล ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอนเล่นมาลองดูกันค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม ถึงคราวของคาวกันบ้าง เฮงยอดผัก เป็นร้านราดหน้าชื่อดัง สาขานี้อยู่ปากซอยนานา ขายมานานกว่า 30 ปี มีสโลแกนว่า กินไม่รู้อิ่ม แบบนี้ก็ต้องขอลองซะหน่อย เมนูมีหลากหลายมากค่ะ ทั้งราดหน้าหมี่กรอบ เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ผัดซีอิ๊วก็มี แอดสั่งราดหน้าหมี่กรอบใส่ไข่ ทางร้านบอกต้องลองใส่ไข่แล้วจะติดใจ พอได้ลองชิมก็เป็นอย่างที่ว่าเลยค่ะ น้ำเข้มข้น หมูนุ่มละลายในปาก แทบไม่ต้องปรุงเลยล่ะ.ที่ตั้ง 221-227 ซอยนานา ถนนพระราม 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 222 2648 ย่านทรงวาด ทรงวาดเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ขนานกับถนนเยาวราช เป็นย่านเก่าแก่ที่ยังมีอาคารเก่าอายุร้อยปีหลงเหลือให้ชื่นชม มีศาลเจ้า […]

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด อ่านเพิ่มเติม

ชิล เที่ยว เจ้าพระยา

สำหรับสายชิล การได้ไปเที่ยวถ่ายรูป นั่งจิบกาแฟ กินขนม ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นอะไรที่มันแสนจะผ่อนคลายแล้ว วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำสถานที่ที่จะทำให้สายชิลได้ไปถ่ายรูปเล่น และได้รู้สึกผ่อนคลายที่ริมน้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ กันจ้า และถ้าอยากสนุกกันมากขึ้นก็ลองเดินทางกันทางน้ำดู อาจจะเป็นเรือด่วน หรือเรือข้ามฟากก็ได้ ได้ฟิลลิ่งแปลกใหม่กันไปอีกอย่างนะ ลองตามมาดูกัน แผนที่ เอาไว้ดูกันพอสังเขปจ้า.ร้านชิล ๆ แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยาของเราวันนี้จะอยู่โซนระหว่างสะพานพระปกเกล้าและสะพานตากสินนะ เราอาจจะเลือกเริ่มต้นจากจุดแรกที่ตลาดน้อย สามารถนั่งเรือด่วนมาลงท่าสีพระยา แล้วก็เดินไปที่ตลาดน้อยได้ ที่แรกของเราก็คือ “Mother Roaster (ตลาดน้อย)”.Cafe ลึกลับในย่านตลาดน้อย ใครที่ไปตลาดน้อยบ่อย ๆ ในซอยตรอกศาลเจ้าโรงเกือก อาจจะคุ้นเคยกับประตูบานนี้ ที่ข้าง ๆ จะมีรูปวาดเด็ก ๆ อยู่ แต่ถ้าลองดูให้ดีก็จะรู้ว่า มันมีร้าน Cafe อยู่ข้างบนนะ ลองตามมาดูกันเลย เมื่อเข้ามาข้างในสิ่งแรกที่เห็น กองอะไหล่ล้อต่าง ๆ มากมายเลย มันจะใช่ Cafe มั้ยนะ หันมาทางซ้ายมีบันไดด้วย เดินขึ้นไปดูกัน อ่า เริ่มเห็นแสงสว่างกันแล้ว ก็ดูร่มรื่นอยู่นะ ต้องเข้าไปดูข้างในซะแล้ว ชัดเลยมันคือ Cafe.ที่ Mother Roaster เขาจะโดดเด่นด้วยรสชาติกาแฟคุณภาพดีจากเครื่อง ROK Presso ที่ดริปและคั่วเองจากฝีมือ Mother บาริสต้าสุดเท่ มุมนั่ง Slow Bar เอาไว้นั่งคุยกันได้นะ Mother บาริสต้าสุดเท่ของเรา ที่ลงมือคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง  ที่นี่เหมาะกับคอกาแฟเลย มีเมล็ดกาแฟหลายแบบให้ได้เลือกลิ้มรสกันเลย  ของตกแต่งก็น่ารัก ๆ มีพร็อพไว้ถ่ายรูปกันสบายเลย มุมนั่งชิลเขาก็มีเยอะ แสงก็ดี ถ่ายรูปสวย ๆ กันได้นะ Cafe ต่อไป “บ้านริมน้ำตลาดน้อย”.Cafe นี้อยู่ติดริมแม่น้ำเลยจ้า เดินต่อมาจากซอยศาลเจ้าโรงเกือก เมื่อผ่านศาลเจ้าโรงเกือกแล้ว ทางริมซ้ายมือริมแม่น้ำ เราก็จะเห็น Cafe สุดชิลนี้ ลองเข้าไปดูข้างในกัน ที่นั่งริมแม่น้ำนี้ เอาไว้นั่งชิล ๆ ผ่อนคลายอารมณ์ กันได้เลย ช่วงเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกก็น่าจะสวยน่าดู ข้างในร้านมีที่นั่งเยอะแยะเลย มุมนี้ กลางคืนคงสนุกนะเนี่ย ที่นั่งก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้เยอะแยะ เครื่องดื่มเย็น ๆ เขาก็มีให้เลือกหลายแบบ กินแล้วก็ชื่นนนใจ ขนมนี่ก็หน้าตาน่ากิน  ขนมแบบไทย ๆ ก็มี ดูเข้าบรรยากาศกันไปอีกแบบ Cafe ต่อมา “1608 Cafe & Bistro”.Cafe สุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแล้ว หลังจากที่เราหลุดออกมาจากย่านตลาดน้อยแล้ว ตรงสุดทางซอยวานิช 2 เราก็จะเห็นวัดปทุมคงคมราชวรวิหาร ให้เราเดินออกมาที่ถนนทรงวาด เดินผ่านหน้าวัดไปเราจะเห็นป้อมตำรวจ ก็เดินเข้าไปในซอยนั้นเลยจ้า.ที่นี่จะมีคนจองที่นั่งเข้ามาล่วงหน้า ทางที่ดีลองสอบถามกับทางร้านก่อนนะ ช่วงนี้โควิดก็ไม่มีอะไรแน่นอน เขาอาจจะยังควบคุมพื้นที่อยู่ ติดต่อจากทางเพจเขาเลย.FB: Doo Nam 1608 ถ้านั่งเรือด่วนผ่านมา ก็จะเห็นวิวของร้านแบบนี้  เดินเข้ามาจากซอยป้อมตำรวจ ก็จะเห็นทางเข้าประมาณนี้ ข้างหน้าจะมีเศษเหล็กกองเอาไว้ ดูทางเข้ากันดีดี มีป้ายโปสเตอร์เล็ก ๆ แปะไว้ให้เห็นหน่อยนึง สังเกตกันดีดีนะ เมื่อเดินผ่านเศษเหล็กเข้ามาในซอยทางซ้ายมือเราก็จะเห็นหน้าร้าน ก็แหวกม่านเข้าไปเลย เคาน์เตอร์บาร์ในร้าน น้อง ๆ พนักงานก็จะคอยต้อนรับอยู่ ช่วงเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า เราก็จะได้แสงสวย ๆ สะท้อนกับริ้วแม่น้ำ มันก็น่าจะได้มุมถ่ายรูปดีดีหลายจุดเลย  มุมในร้านเขาก็ดูกันเองมาก มุมนี้ก็งานศิลปะ ใครอยากจะถ่ายรูปไว้เป็นความทรงจำก็ได้นะ มุมนั่ง Slow Bar.เครื่องดื่มเย็น ๆ กับบรรยากาศสุดชิลริมแม่น้ำ แสงก็สวยด้วย มันคือดี ไว้นั่งคุยกันได้นะ มุมนี้ก็ชิลไปอีกแบบ Cafe ต่อไป อยู่ติดกับศาลกวนอูเลย.“My Grandparent’s House บ้านอากงอาม่า”.แค่ชื่อก็ดูเป็นกันเองมาก Cafe นี้ เป็นบ้านไม้เรือนไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และเรื่องราวของต้นตระกูลจีน “ทังสมบัติ” ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำปลาตรารวงทอง มีใครเคยเห็นกันบ้างนะ.การเดินทางมาที่นี่ อาจจนั่งเรือข้ามฟากจากท่าราชวงศ์มายังท่าดินแดงแล้วต่อรถอีกที ใครจะเดินก็ไม่ว่ากัน หรือจะนั่งเรือด่วนมาลงที่ท่าสะพานพุทธ ขึ้นสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ข้ามฟากมา และแวะชมพิพิธภัณฑ์สวนสมเด็จย่าก่อน เหนื่อยก็ค่อยเข้ามานั่งพักหาอะไรกินกันที่นี่ได้ ถึงจะเปิดเป็น Cafe แต่ข้างในบ้านก็ดูเป็นกันเอง เหมือนนั่งอยู่ในบ้าน และยังมีร่องรอยเรื่องราวให้ได้ศึกษากันด้วย อาหารว่างและเครื่องดื่มที่นี่ก็จะเป็นแนวแบบคลาสสิก ที่ทำให้นึกถึงวิถีชีวิตผู้คนในสมัยก่อน อาหารว่างบางอย่าง ก็อาจจะหาทานได้ยากนะ อย่างเช่น “กุ้งโสร่ง” มีทั้งแบบไทยและแบบจีนเลย น้ำปลาตรา “รวงทอง” เคยเห็นกันมั้ย ปัจจุบันเขาก็ยังทำขายกันอยู่ พอออกมาจากนอกบ้านก็ยังมีมุมเก๋ ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปกันได้  มุมจากตึกข้างบน ที่ยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณ

ชิล เที่ยว เจ้าพระยา อ่านเพิ่มเติม

ชิล | ชิม | ริม | คลอง กับคลองที่ดังที่สุดในตอนนี้ “คลองโอ่งอ่าง”

ที่มาที่ไปของคลองโอ่งอ่างนี้ ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล เดิมคือพื้นที่ที่เราเรียกว่าย่านสะพานเหล็ก แหล่งขายเครื่องเล่นเกมส์และแผ่นเกมส์ต่างๆ สุดฮิตแห่งยุค 90 นั่นเอง ต่อมากรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง โดยย้ายร้านค้าเดิมที่ตั้งปิดคลองทั้งหมดออกไปและฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้เป็นระเบียบสวยงาม กลายมาเป็นสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจให้กับชุมชนและนักท่องเที่ยว โดยมีผลงานสตรีทอาร์ตเท่ ๆ เก๋ ๆ ตลอดแนวคลองให้ได้มาถ่ายภาพสวย ๆ ไปอวดเพื่อน ๆ และถ้าใครอยากได้บรรยากาศความคึกคักต้องมาในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะจะมีการจัดกิจกรรม “ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง” ที่เราจะพบทั้งของกินหลากหลาย สินค้าน่ารักๆ ดนตรีเปิดหมวก ผู้คนถ่ายรูปกับผลงานสตรีทอาร์ต เรียงรายตลอดแนวริมคลอง และกิจกรรมล่าสุดที่เพิ่งเปิดให้มีคือ พายเรือคายัค หรือจะพายซับบอร์ดเท่ ๆ ในคลองโอ่งอ่างก็ได้ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ ไม่ได้ไปไหน มาเดินชิล ชิม ริมคลองโอ่งอ่างกัน ช้าเดี๋ยวตกเทรนด์นะ .ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่างเปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น – สี่ทุ่ม การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสามยอด | ทางออก 1

ชิล | ชิม | ริม | คลอง กับคลองที่ดังที่สุดในตอนนี้ “คลองโอ่งอ่าง” อ่านเพิ่มเติม

ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ประตู สู่ “เยาวราช”

ย่านเยาวราช แหล่งรวมของกินอร่อยในยามค่ำคืนที่มีผู้คนล้นหลามไปตะลุยกินไม่เว้นในแต่ละวัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ไปเยาวราชนั้นจะต้องได้ผ่านหรือแวะไปเช็คอินถ่ายรูปกันที่ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” หรือ “ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน” กันมาบ้าง . เดิมที บริเวณนี้เคยเป็นวงเวียนน้ำพุ หรือ “วงเวียนโอเดียน” ซึ่งเป็นการเรียกชื่อตามโรงภาพยนตร์โอเดียนที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ต่อมามีการปรับปรุงพื้นที่ และสร้างเป็นซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีนขึ้นมา โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีน และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ร่วมใจกันจัดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 . ซุ้มประตูแห่งนี้เป็นจุดตัดของถนนเจริญกรุง ถนนเยาวราช และถนนมิตรภาพไทย-จีน เป็นสัญลักษณ์ของเยาวราช และเปรียบเสมือนเป็นประตูสู่เยาวราช ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ออกแบบโดยช่างผู้ชำนาญด้านศิลปกรรมของจีน ที่พิถีพิถันสร้างสรรค์ซุ้มแห่งนี้ขึ้นมาอย่างสวยงาม แต่ละจุดล้วนน่าสนใจและแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล.– ยอดหลังคาของซุ้มประตู ประกอบด้วยมังกร 2 ตัว ชูตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 และทองคำบริสุทธิ์ หนัก 99 บาท ที่หุ้มพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. สื่อความหมายถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่เทิดทูนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้เหนือเกล้า – บริเวณเพดานซุ้มประตู มีคำจารึกบนแผ่นทองเหลืองอ่านว่า “เทียน” ที่หมายถึงฟ้า มุมทั้งสี่มีรูปค้างคาว 4 ตัว หรือ “ฟู่” พ้องเสียงกับคำว่าโชคลาภในภาษาจีนกลาง ส่วนที่พื้น มีคำว่า “ตี้” หมายถึงดิน และมีต้นไผ่ล้อมรอบ ต้นไผ่ หรือ “เต็ก” ในภาษาแต้จิ๋ว หมายถึงคุณธรรม ซึ่งตรงจุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดรับพลังชีวิต คือการรับพรที่มาจากฟ้าดิน – สิงโตหยกขาวแกะสลัก 1 คู่ เป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนที่มอบให้กับไทยเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา เป็นสิงโตหยกขาวเพศผู้ ที่เท้าเหยียบลูกแก้ว หมายถึง การมีลาภยศ อำนาจบารมี ชื่อเสียง ส่วนสิงโตหยกขาวเพศเมีย ที่เท้ากุมลูกสิงโต หมายถึง มีลูกหลาน บริวารมากมาย อยู่ในกรอบแห่งความดีงาม สร้างแต่ชื่อเสียงที่ดีให้วงศ์ตระกูล.มีผู้คนนิยมมาขอพรจากสิงโตทั้งสองนี้เป็นจำนวนมาก โดยการนำกระเป๋าสตางค์ไปวางไว้ที่ปากสิงโตทั้งเพศผู้และเพศเมีย เชื่อกันว่าจะทำให้เงินทองไหลมาเทมา – กระต่ายหยกขาวแกะสลัก เป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนที่มอบให้กับไทยเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา (7 รอบ) ซึ่งในปีนั้นตรงกับปีนักษัตรเถาะ

ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ประตู สู่ “เยาวราช” อ่านเพิ่มเติม

1 วัน @ ตลาดน้อย

ว่างหนึ่งวันไปไหนดี? คำถามนี้ยากพอ ๆ กับวันนี้กินอะไรดีเลยใช่ไหมล่ะ? . วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินเล่นที่ “ตลาดน้อย” ย่านการค้าและชุมชนจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านนี้ยังคงความเก๋าสมกับเป็นย่านที่รุ่งเรืองในอดีต แถมตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม หรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย เหมาะจะเป็นทริปหนึ่งวันเป็นอย่างยิ่ง #TravelLikeaLocal 1 วัน @ ตลาดน้อย  1.เป็ดตุ๋นเจ้าท่า2.ศาลเจ้าโรงเกือก3.โซวเฮงไถ่4.ศาลเจ้าโจวซือกง5.ขาหมูแช่เย็น6.ธนาคารไทยพาณิชย์7.โบสถ์กาลหว่าร์ . การเดินทางไปตลาดน้อย (ซอยเจริญกรุง 22).1.รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่, ตุ๊กๆ มาที่ซอยเจริญกรุง 222.รถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ ซอยเจริญกรุง 223.รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย สาย 36, 93 ลงสี่พระยา เดินมาอีกนิด.ไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวมาเพราะค่อนข้างหาที่จอดรถยาก  แอดเริ่มต้นทริปที่ซอยเจริญกรุง 22 หากเพื่อน ๆ ไม่อยากเดิน สามารถเช่าจักรยานได้ที่ร้าน lofitel 22 ตรงหน้าปากซอยเลย แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ เดินนะ เพราะแต่ละจุดที่แอดจะพาไปไม่ไกลกัน แถมระหว่างทางยังมีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด รับรองว่า เดินเพลินแน่ ๆ.ภายในซอย เป็นซอยค่อนข้างเล็ก แต่เพราะความเล็กนั่นแหละที่ทำให้แอดรู้สึกเชื่อมโยงกับบรรยากาศในอดีตได้ไม่ยาก แม้บางตึกจะมีการรีโนเวทใหม่ก็ตาม แต่ตลอดสองฝั่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นตึกแถวเก่าแก่เรียงรายไปตลอดทาง ดู ๆ ไปเหมือนเข้าไปอยู่ในละครแนวพีเรียตเลยล่ะ เป็ดตุ๋นเจ้าท่า.เริ่มต้นที่แรกด้วยร้านดังประจำย่านนี้ “เป็ดตุ่นเจ้าท่า” ร้านนี้เปิดขายมากว่า 40ปีแล้ว บอกได้เลยว่าร้านนี้เด็ดจริง น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อเป็ดนุ่มไม่เหนียว เครื่องในสะอาดไม่มีกลิ่น ชอบมาก ๆ ร้านนี้มีทั้งเมนูเส้นและเมนูข้าว แต่ที่ถูกใจแอดที่สุดเห็นจะเป็น “ก๋วยเตี๋ยวแห้งเส้นเป๊าะ”(เหมือนเส้นหมี่ แต่ใหญ่กว่า) อร่อยเต็มปากเต็มคำจนอยากให้เพื่อน ๆ ได้มาลองบ้างจริง ๆ . ที่ตั้ง: ตลาดน้อย ซอยวานิช2 (ซอยกรมเจ้าท่า) แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-15.00น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 0 2233 2541 กินอิ่มแล้ว เราจะเดินไปเที่ยวต่อที่ฝั่งตรงข้าม นั่นคือ “ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก” ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด ศาลเจ้าโรงเกือก.เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนปัจจุบันก็ยังสวยอยู่ แอดว่ายิ่งเวลาผ่านไปความเก่าแก่ที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปและเดินชมอยู่ไม่น้อยเลย คนดูแลที่นี่บอกว่า เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในวันตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย.ที่ตั้ง: ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ซอยวานิช 2 ตลาดน้อย แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น. โซวเฮงไถ่ (ร้านกาแฟ+โรงเรียนสอนดำน้ำ).เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย แอดอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา.ที่ตั้ง: ซอย วานิช 2 แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์)โทร. 08 0218 7000  ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย เอาจริง ๆ แอดอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ใครเป็นทาสแมว เตรียมใจไว้เลย ระหว่างทางมีน้องงงอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้จะชมตึกหรือชมแมวก่อนดี ศาลเจ้าโจวซือกง.เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึง ศาลเจ้าโจวซือกง ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2347) ด้านในศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่น ๆ ที่ชาวจีนนับถือ เช่น พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ และสามสิบหกเทพเจ้า ด้านหน้าของที่นี่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศดีมากเลย ขอบอก อ๊ะ ๆ อย่าลืมแวะไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกศาลที่อยู่ริมน้ำนะ ภายในจะประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ไฉซิ้งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) และไต่เซี้ยฮุกโจ้ว (เห้งเจีย) ได้ข่าวว่ามีคนมาขอเรื่องการงานแล้วสำเร็จตามใจหวังกันเยอะเลย ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนแล้ว ยังมีคุณค่าทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรมอีกด้วย ทั้งรูปแบบศิลปะลายปูนปั้น และการวางผังอาคาร ยังคงรักษารูปแบบสมัยราชวงศ์ชิงไว้อย่างเด่นชัด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย แอดประทับใจลายปูนปั้นมาก สวยมากจริง ๆ.ที่ตั้ง:

1 วัน @ ตลาดน้อย อ่านเพิ่มเติม

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก

ย่านบางรักถือเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน ที่มีทั้งวัด โบสถ์ และมัสยิด ครั้งนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักตึกเก่าสไตล์ตะวันตกสวย ๆ ในย่านนี้ มีหลายอาคารเลยที่ตกทอดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน อายุกว่าร้อยปี ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเดินเที่ยวแถวบางรัก แอดเชื่อว่าเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะทำให้เดินเที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้นแน่นอน . ทำไมย่านบางรักมีสถาปัตยกรรมตะวันตกอยู่หลายแห่ง คำตอบของคำถามนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ชาวตะวันตกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำการค้ากับชาวสยาม ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นช่วงที่มีชาวตะวันตก เช่น ชาวโปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เข้ามาทำธุรกิจและตั้งรกรากอยู่มากที่สุด ทำให้มีการสร้างตึกสไตล์ตะวันตกอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก อาคารสำนักงาน โรงเรียน โบสถ์ โรงแรม ฯลฯ พร้อมกับในช่วงรัชกาลที่ 4 มีการตัดถนนเจริญกรุง มีการจัดผังเมืองใหม่ และจัดสรรพื้นที่ให้ชาวต่างชาติอยู่ร่วมกับชนชาติอื่น ๆ อย่างเหมาะสม เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนชาวตะวันตกย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ………………………………………………………………………………………………………… สถาปัตกรรมตะวันตกอันโดดเด่นย่านบางรัก มีดังนี้ 1. สถานทูตโปรตุเกส ถือเป็นสถานทูตแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 หรือซอยกัปตันบุช สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 จุดเด่นคือสำนักงานสุดโมเดิร์นของสถานทูตที่ดัดแปลงมาจากโกดังเก็บสินค้า บ้านพักท่านทูตที่เป็นอาคารทรงโคโลเนียลแบบโปรตุเกสอายุประมาณ 150 ปี และงานสตรีทอาร์ตเท่ ๆ บนกำแพงหน้าสถานทูต ซึ่งเป็นผลงานของ วีลส์ (Vhils) ศิลปินชาวโปรตุเกส พิกัด: https://goo.gl/maps/xzbnqhazrqyqJ8VB6 ขอบคุณรูปภาพจาก สถานทูตโปรตุเกส 2. บ้านเลขที่ 1 ตั้งอยู่เยื้องกับสถานทูตโปรตุเกส สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เคยเป็นที่ทำการของ “กรมพระคลังข้างที่” หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน เคยเป็นที่ทำการของบริษัทสุราฝรั่งเศส รวมถึงเคยเป็นที่ตั้งของ “โรงเรียนอาชีพช่างกล” โรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันคือสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GDiGm3HBUTyFtSw58 3. อาสนวิหารอัสสัมชัญ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอาสนวิหาร (สถานที่ที่พระสังฆราชประทับอยู่) แห่งแรกของประเทศไทย เดิมโบสถ์อัสสัมชัญเป็นโบสถ์แบบกอธิค แต่ในช่วงรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะโบสถ์ใหม่ให้เป็นทรงโรมาเนสก์แบบที่เห็นในปัจจุบัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GdjSCBtWEZ9719UA6 4. ตึกเก่า บริษัทอีสต์ เอเชียติก ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 40 สร้างขึ้นสมัยปลายรัชกาลที่ 5 เป็นที่ทำการและเป็นโกดังเก็บสินค้าของบริษัท East Asiatic Company ที่ก่อตั้งโดย ฮานส์ นีล แอนเดอร์สัน นักเดินเรือและนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก จุดเด่นของอาคารคือ ตราสัญลักษณ์สมอเรือด้านหน้าตึก และสัญลักษณ์ของเทพเมอคิวรี เทพแห่งการค้าขาย ตามความเชื่อของกรีก-โรมัน พิกัด: https://goo.gl/maps/mJnPApEUREbuMjje6 5. โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เดิมคือ โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 ก่อตั้งโดยนายทหารชาวเดนมาร์ก 2 คน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อาคารที่โดดเด่นที่สุดคือ อาคารออเธอร์ส วิง (Author’s Wing) เป็นสถาปัตกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยสะดุดตา และได้รับรางวัล อนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2545 พิกัด: https://g.page/MandarinOrientalBangkok?share ขอบคุณรูปภาพจาก โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล 6. ห้าง O.P. Place สร้างขึ้นปลายรัชกาลที่ 5 เดิมชื่อห้างสิงโต มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนิโอคลาสสิคผสมศิลปะไทย ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2525 ร้านค้าส่วนใหญ่ขายงานศิลปะ เครื่องประดับ โบราณวัตถุ และของตกแต่งบ้าน พิกัด: https://goo.gl/maps/8qbh7wKPD5XPhVz78 ขอบคุณรูปภาพจาก ห้าง O.P. Place …………………………………………………………………………………………….. 7. อาคารศุลกสถาน หรือโรงภาษีร้อยชักสาม ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 36 สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ออกแบบโดยโยอาคิม กราสซี สถาปนิกชาวอิตาลี ที่นี่เป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าและขาออก นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ภายหลังถูกปรับเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรักยาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2568 พิกัด: https://goo.gl/maps/f9XeHBSWQQDb4Qsa8 8. อาคารไปรษณีย์กลาง อาคารที่เราเห็นกันในปัจจุบัน เป็นอาคารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนอาคารไปรษณีย์กลางหลังเก่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2478 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เน้นความเรียบและสมัยใหม่ ลักษณะอาคารเป็นรูปตัวที โดดเด่นด้วยลายอิฐบนตัวอาคาร และมีประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว ครุฑยุดแตรงอน อยู่ที่มุมตึกด้านบน พิกัด: https://goo.gl/maps/AUC4U1K5cnkDuJWu5

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก อ่านเพิ่มเติม

Bangkok 1 day trip พาคนพิเศษเที่ยวต้อนรับวันวาเลนไทน์

1. ทานอาหารเช้าที่ ร้านโจ๊กปรินซ์2. ไหว้พระขอพร วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก)3. ชมความสวยงามของห้องสมุดเนียลสัน เฮส์4. ดำดิ่งสู่โลกใต้น้ำที่ Sea Life Bangkok Ocean World5. ชมนิทรรการแสงสีสุดล้ำที่ House of Illumination6. ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาทานอาหารค่ำ เริ่มต้นทริปด้วยการจูงมือกันไปทานมื้อเช้าที่ ร้านโจ๊กปรินซ์ ย่านบางรัก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตำนานความอร่อยในย่านนี้ เพราะร้านเปิดมานานกว่า 60 ปี และยังอยู่ในลิสต์ บิบ กูร์มองต์ของมิชลิน อีกด้วย ทุกวันหน้าร้านจะเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่มาชิมความอร่อย.แค่กลิ่นหอมเตาถ่านอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านลอยมาแตะจมูก ก็ชวนอยากให้ลิ้มลองเสียแล้ว เชื่อว่าใครลองแล้วก็ต้องติดใจกับเนื้อโจ๊กเนียนนุ่มละมุน จะเพิ่มความอร่อยด้วยไข่ หมูสับเนื้อเด้ง หรือไข่เยี่ยวม้าก็เข้ากัน รับรองอร่อยทุกแบบแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ที่นี่ยังมีปาท่องโก๋ตัวเล็กด้วย สั่งมาทานคู่กับโจ๊กก็ยิ่งอร่อย โจ๊กปรินซ์.ที่ตั้ง: 1391 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 น. และ 16.30-22.00 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/yyQrHipsdaMb6Vdx6.การเดินทาง– เรือด่วนเจ้าพระยา : ลงที่ท่าเรือสาทร และเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร– รถไฟฟ้าบีทีเอส : สายสีลม (สีเขียวเข้ม) ลงสถานีสะพานตากสิน และเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร– รถประจำทาง สาย 1, 15, 35, 75, 77, 115, 504, 547 …………………………………………………………………………… หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ไปอิ่มใจกันต่อที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก).วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เป็นวัดในศาสนาฮินดู สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2453-2454 โดยชาวทมิฬที่อพยพมาจากประเทศอินเดีย สถาปัตยกรรมของวัดมีความวิจิตรงดงาม ตามรูปแบบศิลปะอินเดียตอนใต้.คู่รักคู่ไหนอยากมีความรักที่ดี และความรักที่ยืนยาว มักจะมาขอพรกับพระแม่อุมาเทวี ที่เป็นองค์เทพประธานของวัด และพระแม่ลักษมี เทพแห่งความงามและความรัก ที่ตั้ง: ถนนปั้น แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 06.00-20.00 น. วันศุกร์ 06.00-21.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.00-20.30 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/zN7uMfKmrZHRxSrs5.การเดินทาง– รถไฟฟ้าบีทีเอส : สายสีลม (สีเขียวเข้ม) ลงสถานีสุรศักดิ์ เดินต่อประมาณ 650 เมตร– รถประจำทาง สาย 15, 77, 504, 547 …………………………………………………………………………… เข้าวัดขอพรเสร็จแล้ว เราไปเดินเล่นกันต่อที่ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที.ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์ (Neilson Hays Library) ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปี มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน มารีโอ ตามัญโญ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม.บรรยากาศบริเวณห้องสมุดร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะกับการเดินถ่ายรูปเล่น และนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ภายในห้องสมุดมีการตกแต่งอย่างสวยงาม มีหนังสือให้ยืมกว่า 20,000 เล่ม ห้องสมุดแห่งนี้ถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่นก็คือคุณหมอโทมัส เฮส์ และเจนนี่ เนียลสัน โดยเจนนี่ เนียลสัน เป็นชาวเดนมาร์กที่เดินทางเข้ามาเป็นมิสชันนารีในประเทศไทย และได้พบรักกับคุณหมอเฮส์ อาจารย์สอนวิชาแพทย์คนแรกของโรงพยาบาลศิริราช เจนนี่ทำงานที่สมาคมห้องสมุดสตรีกรุงเทพฯ อย่างทุ่มเทเป็นเวลายาวนานกว่า 25 ปี เมื่อเธอเสียชีวิต หมอเฮส์เห็นถึงความรักของภรรยาที่มีต่อห้องสมุดและหนังสือ จึงตัดสินใจทำห้องสมุดถาวรแห่งนี้ขึ้นมา ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อจากห้องสมุดสตรีกรุงเทพฯ เป็นห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ เพื่อระลึกถึงบุคคลทั้งสอง.ห้องสมุดได้ด้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ปี พ.ศ. 2525 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้เข้าไปชมด้านในห้องสมุด ก็สามารถมาทานอาหาร หรือชิมขนมอร่อย ๆ ได้ที่ “ปะแล่ม ปะแล่ม” ร้านคาเฟ่ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และขนมอร่อย ๆ ให้บริการ.ที่ตั้ง: 195 ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 09.30-17.00 น.หากไม่ได้เป็นสมาชิกของห้องสมุดและต้องการเข้าไปใช้บริการ ต้องเสียค่าบำรุงห้องสมุดคนละ 100 บาทพิกัด: https://goo.gl/maps/uMEY75SVzZBA1Yw5Aโทร. 0 2233 1731.การเดินทาง– รถประจำทาง สาย 1, 16, 18, 35, 36, 75, 93 …………………………………………………………………………… เปลี่ยนบรรยากาศไปท่องโลกใต้น้ำที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กันเถอะ.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีโซนจัดแสดงถึง 11 โซน มีสัตว์น้ำให้ชมมากกว่า 100 สายพันธุ์ ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด คือ อุโมงค์ใต้น้ำสุดอลังการที่สามารถชมความสวยงามของสัตว์น้ำหลากสายพันธุ์ โซนมหาสมุทรเขตร้อนที่จำลองมาไว้ในแทงก์น้ำขนาดใหญ่สูงกว่า 7 เมตร กิจกรรมการให้อาหารปลา และความน่ารักของเพนกวิน Gentoo ที่ใครได้เจอจะต้องรักน้อง ๆ อย่างแน่นอน.ที่นี่เคยมีคนมาขอแต่งงานและจัดงานแต่งงานด้วย คู่ไหนกำลังหาไอเดียจัดงานแต่งงาน เก็บที่นี่ไว้ในลิสต์ก็ได้นะ ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้นบี1-บี2 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ https://www.visitsealife.com/bangkok/tickets/พิกัด: https://g.page/sea-life-bangkok-ocean-world-554?shareโทร. 0 2687 2000.การเดินทาง– รถไฟฟ้าบีทีเอส : นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสลงสถานีสยาม– รถประจำทาง สาย 15,

Bangkok 1 day trip พาคนพิเศษเที่ยวต้อนรับวันวาเลนไทน์ อ่านเพิ่มเติม

8 สถานที่ขอพรความรักในกรุงเทพฯ

1. ศาลพระตรีมูรติ (ลาน Central World)2. พระแม่อุมาเทวี (วัดแขก สีลม)3. พระแม่ลักษมี (เกษรวิลเลจ แยกราชประสงค์)4. พระนอน (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร,วัดโพธิ์)5. พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร (สมาคมฮินดูสมาช)6. หลวงพ่อเกษร (วัดท่าพระ)7. ศาลย่านาคพระโขนง (วัดมหาบุศย์)8. ศาลเจ้าแม่ประดู่ (ตลาดเก่าเยาวราช) ศาลพระตรีมูรติ (ลาน Central World ).ศาลพระตรีมูรตินี้ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพรเรื่องความรักมาก ไม่เฉพาะคนโสดที่มาขอ คนที่มีคนรักอยู่แล้วก็มา เพราะเชื่อว่าจะยิ่งรักกันมากขึ้นไปอีก หากใครอธิษฐานแล้วสมหวังต้องนำของมาถวาย เช่น มะพร้าว น้ำอ้อย นมสด หรือของหวานก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลย แต่ห้ามถวายของคาวทุกชนิด.วิธีขอพร : ใช้กุหลาบสีแดง 9 ดอก หรือพวงมาลัยดอกกุหลาบ 1 พวง ธูปสีแดง 9 ดอก และเทียนสีแดง 1 เล่มหรือ 1 คู่ก็ได้ หากใช้เทียน 1 คู่ควรประกบเทียนให้ชิดกัน เชื่อว่าจะช่วยให้เจอคู่ได้เร็ว สำหรับคนที่มีคู่อยู่แล้วจะทำให้ความรักยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น.เวลาขอพร : วันพฤหัสบดี เวลา 09.30 และ 21.30 น. (ปกติจะเปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน) ที่อยู่ : ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชประสงค์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 พระแม่อุมาเทวี (วัดแขก สีลม) “วัดแขก” หรือ “วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” เป็นอีกแห่งที่คนโสดนิยมมาสักการะพระแม่อุมาเทวี เนื่องจากพระแม่อุมาเทวีมีความรักที่มั่นคงต่อองค์พระศิวะนั่นเอง ใครที่อยากมีรักที่มั่นคง จริงใจต่อกัน แนะนำที่นี่เลย.ด้านหน้าวิหาร มีบริการขายเครื่องสักการะ ชุดละ 60 บาท แต่เพื่อน ๆ จะหามาเพิ่มเองก็ได้ เช่น ดอกไม้ มะพร้าว กล้วย ขนมหวาน (สามารถหาซื้อได้บริเวณนอกวัด) เงินค่าของสักการะนี้ ทางวัดจะนำไปบำรุงวัด และนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงงานประจำปีวัดแขกนั่นเอง. วิธีขอพร : ถวายดอกไม้ นม ผลไม้ ขนมอินเดียที่ทำจากนมและน้ำตาล ห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกชนิดเข้าโบสถ์. เวลาขอพร : 06.00 – 20.00 น. ทุกวัน. ที่อยู่ : วัดพระศรีมหาอุมาเทวี 2 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร.***ด้านในห้ามถ่ายรูปเทวาลัยและรูปปั้นเทพแต่ละองค์*** พระแม่ลักษมี (เกษรวิลเลจ แยกราชประสงค์) หลายคนอาจไม่ทราบว่า ที่ดาดฟ้าชั้น 4 ของห้าง Gaysorn Village เป็นสถานที่ขอพรความรัก หลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อสักการะพระแม่ลักษมี ตามความเชื่อของทางฮินดู พระแม่ลักษมีเป็นเทวีแห่งความรักเพราะเป็นชายาที่ซื่อสัตย์ และเป็นที่รักยิ่งของพระนารายณ์ จึงเชื่อกันว่าสามารถขอพรให้สมหวังในเรื่องของความรัก หรือได้พบกับความรักที่ซื่อสัตย์.วิธีขอพร : ขอพรด้วยธูป 9 ดอกและดอกบัวสีชมพู หากพรสำเร็จมักนิยมนำน้ำอ้อย หรือผลไม้รสอ่อน เช่น มะพร้าว มาแก้บน เตรียมของไหว้มาเองด้วยนะ เพราะที่นี่ไม่มีร้านขาย.เวลาขอพร : 10.00 – 18.00 น. ทุกวัน.ที่อยู่ : เกษรวิลเลจ 999 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ  พระนอน (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร,วัดโพธิ์) พระนอนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) เป็นพระนอนมีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์ของตัวเลข และตัวเลขนั้นก็คือเลข 3 เพราะนอกจากจะสร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 3 แล้ว ยังเป็นพระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ จึงมีความเชื่อว่า ใครอายุขึ้นเลข 3 แล้วยังไม่มีคู่ หากมาไหว้ขอพรที่นี่จะได้คู่นั่นเอง . วิธีขอพร : ใช้ขนมจีน 3 จับกับน้ำยาปลา ธูป 8 ดอก เทียนสีผึ้ง 8 เล่ม ดอกบัว 8 ดอก และเงิน 8 บาท ตั้งนโม 3 จบ แล้วสวดคาถาบูชาพระพุทธไสยาสน์ รอจนธูปหมด แล้วลาขนมจีนมากินเป็นอันเสร็จพิธี . เวลาขอพร : 08.00 – 18.30 น. (ขอวันอังคาร) . ที่อยู่ : วัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง. เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นเทพอีกองค์หนึ่งที่คนโสดต้องมาขอพร มีความเชื่อว่าเมื่อครั้งที่พระกฤษณะอวตารมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ แม้ท่านมีสนมมากถึง 10,000 คน แต่ก็มีจิตใจรักมั่นต่อนางราธา หญิงเลี้ยงวัวผู้เป็นรักแรก จึงมีความเชื่อกันว่า หากได้มาไหว้และขอพร จะสมหวังและพบเจอเนื้อคู่ที่ดี มีรักที่เป็นสุข สามารถขอพรได้ทั้งความรักในครอบครัว และความรักแบบหนุ่มสาว . วิธีขอพร : ไหว้ด้วยดอกไม้ สาลี่ ส้ม ผลไม้ต่าง ๆ ห้ามถวายของคาวและเนื้อสัตว์ทุกประเภท เพื่อน ๆ ต้องเตรียมของไหว้ไปเอง เนื่องจากภายในวัดไม่มีจำหน่าย แต่เพื่อน ๆ สามารถถวายเงินตามกำลังศรัทธา เป็นค่าบำรุงรักษาโบสถ์ได้ .

8 สถานที่ขอพรความรักในกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา…

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา….หากจะกล่าวถึงย่านบางรัก แอดเชื่อว่าคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะบางรักมักจะกลับมาป็อบเสมอช่วงวาเลนไทน์ มีคู่รักรอมาจดทะเบียนสมรสที่เขตนี้เป็นจำนวนมาก แต่โดยปกติแล้ว บางรักถือเป็นย่านสำคัญในแง่เศรษฐกิจ และมีความเก่าแก่ในแง่ชุมชน มีอาคารเก่าที่สวยงาม ร้านอาหารหลากหลาย มุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่ชวนให้เราไปเที่ยวไปเช็คอิน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าเหตุไฉน บางรักจึงได้ชื่อว่า “บางรัก” ชักจะสงสัยกันแล้วใช่ไหม.มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับชื่อ “บางรัก” อยู่หลายแบบ แต่แบบที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเล่ากันว่า เดิมเคยมีคลองแห่งหนึ่งในบางรัก อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านพบซุงไม้ต้นรักขนาดใหญ่มากจมอยู่ในคลองแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าซุงไม้รักต้นนี้มาจากไหน ต่อมาเมื่อมีการเอ่ยถึงสถานที่แถวนั้น ก็จะใช้ชื่อไม้รักกำกับด้วยจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน เมื่อผ่านนานไปชื่อเรียกไม้รักหายไป และกลายเป็นบางรักในที่สุด.ส่วนคลองที่พบซุงไม้รักต้นนั้นก็เป็นที่เรียกกันติดปากว่า “คลองต้นซุง”ภายหลังเมื่อถมคลองกลายเป็นตรอก จึงเรียกว่า “ตรอกซุง” ซึ่งในปัจจุบัน ตรอกซุงนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดบางรักนั่นเอง

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา… อ่านเพิ่มเติม

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้

วันนี้แอดขอเอาใจสายหวานฟรุ้งฟริ้งด้วย 3 คาเฟ่ดอกไม้ต้อนรับวาเลนไทน์ ที่สวยกันไปคนละแบบ รวมถึงเมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ 3 ร้านนี้ด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ และอิ่มท้องจนลืมอ้วนเลยทีเดียว คอระฆัง Kor Ra Kang.คอระฆัง มี 4 สาขาสาขาบางลำพู (ปากซอยไกรสีห์ จุดสังเกตไปรษณีย์บางลำพู)สาขาห้วยขวาง (สามแยกตลาดห้วยขวาง)สาขาอารีย์ (พหลโยธิน 7)สาขาประตูผี (ใกล้ผัดไทยทิพย์สมัยตรงข้ามวัดเทพธิดาราม).สาขาที่แอดมาคือ สาขาอารีย์ที่ตั้ง : 29 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 09 2571 5555  เริ่มต้นร้านแรกที่ร้านคอระฆังค่ะ คอระฆังเป็นคาเฟ่ดอกไม้ชมพู้วว…ชมพู สวยหวานน้ำตาลขึ้นเลยทีเดียว ไฮไลท์ของร้านนี้คือมวลหมู่ดอกไม้ตกแต่งร้านที่จะเป็นโทนชมพูทั้งร้าน ไล่สีตั้งแต่ชมพู ม่วง ขาว และแดง ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็จะเจอดอกไม้เหมือนยกมาทั้งสวนเลยค่ะ ในส่วนของเมนู ขอบอกว่าอร่อยลืมอ้วนกันเลย ที่นี่มีทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม เสิร์ฟมาแบบไทย ๆ สไตล์ชาววังด้วยเครื่องทองเหลือง ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อนส้อม และยังตกแต่งด้วยดอกไม้ช่อเล็ก ๆ อีกด้วย น่ารักมาก โอดิบ : นมสดเย็นโปะด้วยโอวัลติน คล้าย ๆ กับโอวัลตินภูเขาไฟ ไม่หวานเกินไป หอม มันกำลังดี โรตีรวม : เป็นโรตีรวมมิตร มีทั้งฝอยทอง แป้งกรอบ วิปครีมไมโล โรตีชีส และตรงกลางเป็นต้นตำรับ โรตีชีส : ใครเป็นสายชีส ต้องลองโรตีชีสยืด ๆ เลยล่ะ Floral Café at at Napasorn.“นภสร” เป็นร้านดอกไม้ชื่อดังย่านปากคลองตลาดที่เปิดมานานกว่า 20 ปี ด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้าน จึงเปิดส่วนที่เป็นร้านกาแฟขึ้นมา โดยใช้ความถนัดของตัวเอง หยิบเอาบรรยากาศของร้านดอกไม้นภสรด้านล่างมาตกแต่งใน Floral Café โซนคาเฟ่จะอยู่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ประดับประดาด้วยต้นไม้ ดอกไม้สด และดอกไม้แห้ง คุมโทนด้วยสีเอิร์ธโทนของผนังอิฐมอญ เฟอร์นิเจอร์ไม้ มีทั้งตู้กระจก เซรามิก ของสะสมย้อนยุคมีดีเทล กิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร รวมถึงแชนเดอเลียร์สุดอลังการกลางห้อง พร็อพแน่นและสวยจริง ๆ ค่ะ เมนูของทางร้าน เป็นการครีเอทจากวัตถุดิบต่าง ๆ ตามฤดูกาล ทำให้ลูกค้าได้เมนูที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก หรือไอศกรีมโฮมเมด ชาและกาแฟคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ชาดอกไม้ที่เบลนด์เป็นพิเศษเพื่อให้กลิ่นหอมเฉพาะของร้าน Brownie Raspberry : บราวนีราสเบอร์รีกินคู่กับกาแฟ เข้ากันได้ดีเลยค่ะ เนื้อช็อกโกแลตเข้มข้น หนุบหนับตัดกับรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ใครเป็นบราวนี่เลิฟเวอร์ต้องลอง Sparkling Honey : อเมริกาโน่ผสมน้ำผึ้งมะนาว กินกับบราวนี่เข้ากันได้ดีเลยค่ะ Green Apple Mint Smoothie : ใครที่ชอบดื่มสมูทตี้ แอดแนะนำ Green Apple Mint Smoothie แอปเปิ้ลเขียวปั่นเย็น ๆ ได้รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลและกลิ่นของมิ้นท์เพิ่มความสดชื่น ที่ตั้ง : 67 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 0 2222 6895, 0 2221 2039, 06 1852 8866 ทองย้อยคาเฟ่.เดิมทองย้อยเป็นแบรนด์เสื้อผ้ามานานกว่า 10 ปี แต่ด้วยความอยากทำสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยมาแต่เด็กในเรื่องของขนมไทย เจ้าของร้านทองย้อยจึงทำคาเฟ่ขนมไทยขึ้นมาด้วย ในคอนเซ็ปต์ Sunset กับ Sky ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ประกอบกับกลิ่นอายฮาวายหน่อย ๆ ของเม็กซิโกและเกาะมาดากัสการ์ เกิดเป็นกำแพงดอกไม้หลากสีโดดเด่น กลายเป็นจุดที่ลูกค้าชอบมาถ่ายรูปกันเยอะเลยทีเดียว ทองย้อยคาเฟ่เน้นความเป็นกันเอง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยใช้สโลแกนว่า “ทองย้อย for all” หรือคาเฟ่สำหรับทุกคนนั่นเอง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe ขนมไทยที่นี่รสชาติหวานมัน กลมกล่อม ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยทองคำเปลวขนาดเล็กติดที่ตัวขนม ไม่ว่าจะเป็นตะโก้ ขนมชั้น ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่ที่ผสมผสานระหว่างขนมฝรั่งกับขนมไทย หาทานไม่ได้ที่ไหน เช่น เค้กรวมมิตร เค้กลอดช่องแตงไทย เค้กลูกตาลมันเชื่อม เค้กทับทิมกรอบ เค้กทุเรียน เค้กเงาะ ชีสเค้กส้มโอ ชีสเค้กเลมอน เป็นต้น เสริร์ฟมาในภาชนะทองเหลืองทั้งหมด เรียกได้ว่าคงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe อัญชันทองคราม : เมนูสุดซ่าของร้าน ใครชอบเครื่องดื่มสดชื่น ๆ ต้องลอง.ทองย้อยคาเฟ่มี 3 สาขา– สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ 7โทร. 08 3298 7288– สาขาสยามพารากอน ชั้น G หน้ากูเมร์ฝั่งเหนือโทร. 08 9262 4661, 08 4110 9865– สาขาเซนทรัลลาดพร้าว ชั้น 4

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top