กระบี่

กระบี่

หลง(รัก) แหลมสัก

ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก เป็นวิสาหกิจชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของหลายหมู่บ้าน ชุมชนแห่งนี้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เพราะเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เรียกกันว่า “บาบ๋า ย่าหยา” (Baba Nyonya) ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก เป็นวิสาหกิจชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของหลายหมู่บ้าน ชุมชนแห่งนี้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เพราะเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เรียกกันว่า “บาบ๋า ย่าหยา” (Baba Nyonya) ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องมาติดต่อจองโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนแหลมสักกันที่ “บลูเฮ้าส์” อาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีส ซึ่งเป็นล็อบบี้ของ “บุหลัน อันดา บาบ๋า รีสอร์ท” สำหรับทริปท่องเที่ยวชุมชนแหลมสักนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ชุมชนนี้มีความสวยงามไม่เหมือนใคร การันตีด้วยรางวัลสุดยอดเส้นทางท่องเที่ยว “วิถีชุมชนวัฒนธรรมอันดามัน” จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเลยทีเดียว ทริปนี้เราจะได้นั่งเรือหัวโทงล่องไปยังจุดต่างๆ สามารถเที่ยวแบบวันเดียวหรือจะพักค้างคืนก็ได้ ค่าบริการโปรแกรม One Day เริ่มต้นที่ 1,300 บาท/คน (รับ 6 คนขึ้นไป)โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นที่ 2,800 บาท/คน (รับ 6 คนขึ้นไป)โปรแกรม 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 3,900 บาท/คน (รับ 11 คนขึ้นไป) “แหลมสัก” โอบล้อมด้วยทะเลอันดามันสามด้าน มีเกาะต่างๆ อยู่โดยรอบ ที่นี่จึงมีลักษณะเป็น “ทะเลใน” ปลอดภัยจากคลื่นลมแรงและมรสุม ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ใช้ชีวิตเรียบง่าย ระหว่างทางเราจะเห็นเรือหาปลาด้วย จุดแรกที่เรามากันคือ “ถ้ำชาวเล” มาชมร่องรอยของภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3,000 ปี เชื่อกันว่ามีการใช้ยางไม้และเลือดสัตว์มาเป็นส่วนผสมในการเขียนภาพ ภาพเขียนสีเหล่านี้วาดเป็นภาพคนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เล่นดนตรี ทานอาหาร และมีภาพคนถืออาวุธนั่งบนหลังสัตว์ ลักษณะคล้ายกำลังล่าสัตว์ จึงสันนิษฐานกันว่าสถานที่นี้ในอดีตคงเป็นที่อยู่ของมนุษย์ถ้ำนั่นเอง ถัดมาคือ “เขาเหล็กโคน” ตั้งอยู่บริเวณแนวเชื่อมต่อกับจังหวัดพังงา จุดนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กของแหลมสักเลยก็ว่าได้ ใครมาก็ต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก คำว่า “เหล็กโคน” เป็นภาษาใต้แปลว่า “ตะปู” เขาเหล็กโคน จึงหมายถึง ภูเขาที่มีลักษณะคล้ายตะปูตอกอยู่กลางทะเลนั่นเอง มาชมภาพสีเขียนโบราณอีกจุดหนึ่งคือที่ “แหลมไฟไหม้” มีภาพที่โดดเด่นคือ ภาพคน 2 คนยืนอยู่ติดกัน (สังเกตได้ว่ามี 2 แขน 4 ขา) จนดูคล้ายกำลังกอดกันด้วยความรักอันเปี่ยมล้น นักท่องเที่ยวสามารถมาอธิษฐานขอให้ความรักมั่นคงดั่ง “คนคู่” ได้  ใกล้ๆ กับภาพ “คนคู่” ก็มี “หัวใจแห่งขุนเขา” เป็นช่องเขาทะลุรูปหัวใจดวงน้อยๆ แหม บริเวณนี้ช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก เหมาะสำหรับคู่รัก เพื่อน และครอบครัวที่จะมาเติมเต็มความรักให้แก่กันจริงๆ  ถัดมาคือ “อ่าวเหนา” เป็นเวิ้งอ่าวที่น้ำทะเลค่อนข้างนิ่ง เหมาะแก่การเลี้ยงปลาและสาหร่าย จะเห็นได้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้านเรียงรายเป็นแถวๆ เลย ซึ่งเราจะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วย  จุดนี้เราจะได้เห็นกระชังสาหร่ายพวงองุ่นกันอย่างใกล้ชิด และชิมสาหร่ายพวงองุ่นกันแบบสดๆ อีกด้วย เห็นยกขึ้นมาแบบนี้บอกเลยว่าหนักมากจ้า กล้ามขึ้นเลยทีเดียว  มาดูกันใกล้ๆ นอกจากจะมีหน้าตาคล้ายพวงองุ่นแล้ว สาหร่ายพวงองุ่นยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายอย่าง และที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย  นอกจากสาหร่ายพวงองุ่นแล้ว ที่นี่ยังมีกระชังกุ้ง ซึ่งเราสามารถชมได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะ แต่อย่าเอานิ้วไปจิ้มเชียว เดี๋ยวจะบาดเจ็บได้นะ  มื้อกลางวันของเราวันนี้ อร่อยจนต้องบอกต่อ!! “ข้าวคลุกกะปิ” ของที่นี่อร่อยไม่เหมือนใคร ทางชุมชนแยกสำรับข้าวและเครื่องเคียงต่างๆ ไว้ให้เราเลือกตักได้เองเลย ส่วนประกอบก็จะมี ข้าวคลุกกะปิ กุ้ง ไข่เจียว มะม่วงซอย หอมซอย มะนาว พริกซอย กุ้งแห้ง และแตงกวา แถมยังใช้ใบตองกลัดด้วยไม้ทำเป็นกระทง ใช้เป็นภาชนะแทนจานโฟมอีกด้วย ดีมากๆ เลย ฝีมือแอดตักเอง น่าทานมั้ย หลังจากทานข้าวกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับเข้าฝั่งมาชม “วัดมหาธาตุแหลมสัก” ที่มีพระมหาธาตุเจดีย์ซึ่งถือเป็นเจดีย์เพียงองค์เดียวที่ตั้งอยู่ริมทะเลอันดามัน เจดีย์องค์นี้ก่อสร้างมากว่า 10 ปีแล้ว แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนได้ ซึ่งจะมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศาทีเดียว แอดบอกเลยว่าสวยมากๆ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองนะ “ศาลเจ้าซกโป้ซีเอี๋ย” เป็นจุดสุดท้ายที่เราจะมาชมกัน ศาลเจ้าเก่าแก่กว่า 100 ปีแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาหันหน้าออกสู่ทะเล สร้างขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวจีนฮกเกี้ยน ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณหน้าตลาดแหลมสักเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 กันยายน 2562

หลง(รัก) แหลมสัก อ่านเพิ่มเติม

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ

เวลานึกถึงจังหวัดกระบี่ เชื่อว่าทุกคนเป็นต้องนึกถึงภาพทะเลสวย ๆ อย่างเกาะพีพี อ่าวมาหยา อ่าวไร่เลย์ขึ้นมาแน่ ๆ แต่คราวนี้แอดไม่ได้ชวนเที่ยวทะเลหรอกนะ เพราะแอดจะขอเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการพาไปเที่ยวถ้ำ แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่อีกด้วย นั่นคือ “เขาขนาบน้ำ” . ใครที่ยังไม่ทราบว่า เขาขนาบน้ำคืออะไร มีอะไรน่าสนใจ มาค่ะ ตามแอดมา . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand ……………………………………………………………………………………………………………… เขาขนาบน้ำ คือ เขาสองลูกที่อยู่ใกล้กันมาก บริเวณระหว่างช่องเขาถูกคั่นด้วยแม่น้ำ ทำให้ดูราวกับว่าเขาทั้งสองกำลังขนาบแม่น้ำแห่งนี้อยู่ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “เขาขนาบน้ำ” ………………………………………………………………………………………… การเดินทางไปชมธรรมชาติโดยรอบของเขาขนาบน้ำนั้น เราจะต้องนั่งเรือหัวโทงไป ค่าเรือลำละประมาณ 500 บาท (ราคาต่อรองกันได้) นั่งได้ 6-8 คน สามารถขึ้นได้ที่บริเวณลานปูดำ แอดแนะนำว่าให้ไปช่วงเย็นๆ นะคะ อากาศจะได้ไม่ร้อนมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ระหว่างทาง นอกจากจะได้ชมธรรมชาติของป่าโกงกางที่สมบูรณ์แล้ว เรายังได้อมยิ้มกับเจ้าลิงตัวเล็กตัวน้อยที่พากันมาห้อยโหนโชว์ตัวอยู่ที่บริเวณริมตลิ่งอีกด้วย เมื่อนั่งเรือมาถึงบริเวณเขาขนาบน้ำ เรายังต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-10 นาที เพื่อไปชมความงามภายในถ้ำ โดยปกติแล้วเราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท แต่เนื่องจากช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางเขาขนาบน้ำจึงให้เข้าชมฟรีค่ะ (ชั่วคราว) เมื่อเดินเข้าไปชมภายในถ้ำ แอดเชื่อว่าทุกคนคงต้องสะดุดตากับโครงกระดูกมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่นี้แน่นอน และคงสงสัยว่านี่ใช่ของจริงหรือไม่.สิ่งที่เพื่อน ๆ กำลังเห็นอยู่นี้คือ ผลงานศิลปะของศิลปินชาวไต้หวัน Tu Wei-Cheng ชื่อ Giant Ruins ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อแสดงในงาน Thailand Biennale กระบี่ 2018 ที่ผ่านมา โดยมีแรงบันดาลใจมาจากตำนานเมืองที่เล่าสืบกันมาว่า มีพญายักษ์กับพญานาคเปิดศึกชิงเจ้าหญิงโฉมงามจนตัวตาย และศพทั้งคู่ได้กลายเป็นเขาหิน 2 ลูกที่ตั้งหันหลังชนกัน.ศิลปินจับตำนานนี้มาสร้างงานศิลปะ จำลองโครงกระดูกมนุษย์มีเขี้ยว ขนาดใหญ่กว่า 6.5 เมตร ถูกรัดด้วยโครงกระดูกงูยักษ์ บริเวณโดยรอบก็ยังจำลองเหมือนไซต์งานโบราณคดี จัดวางในถ้ำเขาขนาบน้ำ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้จริง ๆ นับเป็นการเชื่อมโยงความเชื่อจากตำนานและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ด้วยกัน ทำให้งานศิลปะนี้ทั้งน่าเชื่อและน่าเหลือเชื่อไปพร้อมกัน นอกจากจุดนี้ ยังมีการจัดแสดงอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในถ้ำอีกมากมายที่รอเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมชม หลังจากชมงานศิลปะ และความงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำแล้ว เพื่อนๆ จะเห็นปล่องถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีเชือกจัดเตรียมไว้ สำหรับคนที่ต้องการจะปีนขึ้นไปถ่ายรูปวิวพานอรามาที่บริเวณด้านบน แต่ขอบอกว่าทางค่อนข้างชันมาก ถ้ากำลังไม่ถึงไม่แนะนำให้ปีนเลย เพราะอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ ถัดจากชมถ้ำ คุณลุงคนขับเรือก็พาเราไปแวะกระชังปลา เพื่อให้อาหารปลากันต่อค่ะ.แต่แอดแอบกลัวตอนให้อาหารปลานิดหน่อย เพราะว่าเจ้าปลาพวกนี้ตัวใหญ่มาก และจู่โจมงับเหยื่ออย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เกิดอาการผวานิดหน่อย  ถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงรู้จักเขาขนาบน้ำกันขึ้นมาบ้างแล้ว ใครที่กำลังวางแพลนมาเที่ยวกระบี่ แอดขอชวนให้เติมเขาขนาบน้ำเข้าไปในลิสต์ด้วยอีกสักแห่งนะคะ

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ อ่านเพิ่มเติม

เสน่ห์…ทะเลไทย

เพื่อนๆ เคยสงสัยมั้ยคะว่า นอกจากวัดพระแก้วซึ่งเปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของประเทศไทยที่ชาวต่างชาติต่างเลือกมาเยือนแล้ว พวกเค้ายังชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนในประเทศไทยกันอีกบ้าง?.คำตอบก็คือ “ทะเล” ค่ะ แต่จะเป็นเพราะอะไรนั้น ตามแอดไปหาคำตอบกันเลยค่าาาา ถ้าถามว่าทำไมชาวต่างชาติถึงอยากมาเที่ยวทะเลไทย คำตอบแรกเลยที่แอดอยากจะบอกก็คือ เพราะบ้านเรามีหาดทรายชายทะเลที่สวยงาม เหมาะสำหรับการมาเล่นน้ำทะเล เดินเล่น และปูผ้านอนอาบแดดนั่นเองค่ะ อย่างต่อมาก็คงหนีไม่พ้นความสวยงามในท่ามกลางท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเกาะน้อยเกาะใหญ่ หรือแม้กระทั่งภูเขาหินปูนต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนต่างหลงใหลและอยากไปยลโฉมใกล้ๆ สักครั้ง นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำชมปะการังน้ำลึก-น้ำตื้น พายเรือคายัคไปชมถ้ำกลางทะเล หรือว่ายน้ำ เป็นต้น และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกเดินทางมาเที่ยวทะเลไทย ยังมีอีกหลายเหตุผลที่รอให้เราออกไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง.#เพราะเมืองไทยสวยงามกว่าที่คุณคิด

เสน่ห์…ทะเลไทย อ่านเพิ่มเติม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ : 14 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) 1 พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน.พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่พรุไม้เสม็ดขาว มีกก หญ้ากระจูด กระจูดหนู ขึ้นอยู่หนาแน่น ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา .ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ.เป็นบึงน้ำจืดที่มีลักษณะแคบยาว เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน โดยน้ำในบึงจะไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม ก่อนไหลออกแม่น้ำโขง ในพื้นที่มีเกาะกลางบึง ได้แก่ ดอนแก้ว ดอนสวรรค์ ดอนโพธิ์ ดอนน่อง และนอกจากนี้บนเกาะยังมีป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์อีกด้วย.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  3 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย.เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบเชียงแสน มีการสำรวจพบพันธุ์ไม้ในพื้นที่กว่า 185 ชนิด เช่น ผักบุ้ง บอน หญ้าไซ บัวหลวง กก เป็นต้น เป็นพืชต่างถิ่น 15 ชนิด เช่น กระถินยักษ์ หญ้าชน บัวบก และมะระขี้นก เป็นต้น.ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง .บริเวณนี้มีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยสังคมพืชในพื้นที่ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน และจัดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบรูณ์ของหญ้าทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยอีกด้วย.ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 5 พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ .กุดทิงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สำคัญหลายชนิด และยังพบปลาที่อยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เช่น ปลายี่สก หรือปลาเอิน ฯลฯ นอกจากนี้กุดทิงยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดงด้วย .ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 6 หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา.จุดเด่นของที่นี่คือแนวปะการังน้ำลึก ที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังมากกว่าที่อื่น มีการสำรวจพบแนวปะการังที่เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ เกาะกลาง เกาะเมี่ยง เกาะตารี และเกาะอื่นๆ โดยที่เกาะสุรินทร์มีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ที่อ่าวช่องขาด และอ่าวแม่บาย ปะการังที่พบมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังดาวใหญ่ และปะการังไฟ เป็นต้น.ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 7 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา .เป็นอ่าวตื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 132,381 ไร่ โดยบริเวณอ่าวพังงาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาดเฒ่า เกาะมะพร้าว เกาะปันหยี เกาะเขาพิงกัน เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆ ไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี ก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของแนวป่าชายเลนและหมู่เกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน.ที่ตั้ง : อำเภอเมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 8 พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ .มีพื่นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุสานหอย 75 ล้านปี เขตผังเมืองกระบี่ ป่าชายเลนหาดเลน เขาขนาบน้ำ หาดทรายลำคลองน้อมใหญ่หน้าเมืองกระบี่ ไปจนถึงป่าชายเลนและหญ้าทะเลผืนใหญ่ในบริเวณเกาะศรีบอยา  ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของนกอพยพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พบนกอย่างน้อย 101 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นอย่างน้อย 53 ชนิด เช่น นกยางเขียว นกนางนวลแกลบหงอนใหญ่ เหยี่ยวขาว เป็นต้น .ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 9 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี.หมู่เกาะอ่างทองประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 42 เกาะ ทั้งหมดเป็นเกาะขนาดเล็กและขนาดกลางตั้งอยู่เป็นกลุ่มเกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนมีแนวหน้าผาสูงชันตั้งดิ่งจากพื้นที่น้ำทะเล นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลแล้ว ป่าไม้บนแนวเขาก็ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 100 ชนิดเช่นกัน .ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10 พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม .ดอนหอยหลอดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำกลอง ทำให้แผ่นดินขยายออกไปในทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร.จุดเด่นของที่นี่คือหาดเลน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยหลอด เอกลักษณ์สำคัญของพื้นที่ และยังมีหอยอีกหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและในภูมิภาค.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 11 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส .พรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยและการท่องเที่ยว ท้องถิ่นและชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงจากการเก็บของป่า เช่น หวาย หลุมพี น้ำผึ้ง เพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงทั้งพืชและสัตว์ มีการสำรวจพบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกตะกรุม นกฟินฟุท นกเปล้าใหญ่ เต่าหับ เต่าดำ ตะโขง และจระเข้น้ำเค็ม เป็นต้น.ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 12 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .เพื่อนๆ หลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวที่สามร้อยยอดกันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งระบบนิเวศบก ป่าเขาหิน และระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำได้แก่ บึงน้ำจืด ป่าชายเลน หาดโคลน และหาดทรายชายทะเล  โดยป่าชายเลนจะอยู่บริเวณปากคลอง ซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่เป็นแนวแคบๆ ตามชายคลองบริเวณทางออกทะเล เช่น แสมทะเล โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก ลำพู เหงือกปลาหมอดอกขาว หญ้าน้ำเค็ม ฯลฯ ส่วนบริเวณที่ลุ่มน้ำกร่อยจะมีสังคมพืชทนเค็ม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND

1. เกาะนางยวน สุราษฎร์ธานี ที่อยู่ : เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ 3.เกาะมันใน ระยอง ที่ตั้ง : ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 4.หาดมังกร หรือสันหลังมังกร เกาะกวาง เกาะปูเลาอูบี และเกาะปูเลาตีกอ  ที่ตั้ง: เกาะกวาง หมู่ 1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 5.หาดแม่หาด เกาะพะงัน  ที่ตั้ง : บ้านโฉลกหลำ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ จังหวัดกระบี่

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ ท่าปอมคลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ระยะทางห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 24 กิโลเมตรท่าปอมคลองสองน้ำถือเป็นป่าพรุที่มีความอุดมสมบูรณ์และร่มรื่นมาก น้ำที่นี่ใสกริ๊ก แต่ที่เห็นเป็นสีเขียวอ่อนๆ เพราะมีสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต และกำมะถันปนอยู่ บางช่วงเวลาจะมีน้ำทะเลหนุนเข้ามารวมกับน้ำจืดในคลองท่าปอม และเกิดเป็นน้ำกร่อย จึงเป็นที่มาของชื่อ ท่าปอมคลองสองน้ำ รากไม้ที่แตกแขนงคดเคี้ยวไปมา ดูแปลกตาแต่ก็สวยงามไปอีกแบบ นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ต้องเสียค่าบริการคนละ 20 บาท จุดเล่นน้ำมีจุดเดียว อยู่ใกล้กับจุดเสียค่าบริการ บอกเลยว่าน้ำเย็นเจี๊ยบ จนอยากจะนอนแช่ไปทั้งวัน แต่ๆๆ ที่นี่เขามีกฎในการลงเล่นน้ำ ห้ามน้ำอาหาร เครื่องดื่ม สบู่ ยาสระผมเข้าไป ห้ามกระโดดเล่นน้ำเสียงดัง ขอความร่วมมือทุกคนควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะ จุดอื่นๆถึงจะลงเล่นน้ำไม่ได้ แต่ก็สามารถนั่งชิวเอาเท้าจุ่มน้ำ ถ่ายรูปเล่นได้ตามอัธยาศัย มีทางเดินเป็นสะพานยกระดับโดยรอบ และยังเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกด้วย

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ จังหวัดกระบี่ อ่านเพิ่มเติม

หาดไร่เลย์..สวรรค์ของนักปีนผา!

“หาดไร่เลย์”เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ต้องนั่งเรือจากอ่าวนางมาประมาณ 10-15 นาที ชาดหาดที่ถูกโอบล้อมด้วยเขาหินปูน น้ำทะเลสีเขียวมรกต หาดทรายขาวจรดปลายขอบฟ้าสวยงามมาก และหน้าผาที่นี่เหมาะสมต่อการปีนผาสุดๆ หาดไร่เลย์มีสองฝั่ง ด้านตะวันออกและตะวันตก แต่ส่วนใหญ่นักปีนผามักนิยมไปกันที่ฝั่งตะวันออก เพราะมีหน้าผาหินปูนที่มีความสูงเหมาะสมและมีเส้นทางการปีนกว่า 600 เส้นทาง ปะปนกันไปในระดับความยากง่ายต่างๆกัน นักท่องเที่ยวสามารถนำอุปกรณ์มาเองหรือจะหาเช่าอุปกรณ์ต่างๆ จากร้านที่เปิดให้บริการบริเวณหน้าอ่าวและยังมีมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำวิธีการปีนผาอีกด้วย นักผจญภัยทั้งหลายที่ชื่นชอบการปีนผา มาที่นี่สนุกแน่นอน นอกจากนี้ ยังสามารถไปชมความงดงามของถ้ำพระนางที่ต้องนั่งเรือไปทางฝั่งตะวันตก ภายในถ้ำเป็นที่ตั้งของศาลพระนางที่ชาวประมงให้ความเคารพกราบไหว้ขอพรก่อนที่จะออกเรือกลางทะเล อ่าวบริเวณถ้ำพระนางมีหาดทรายขาวสวยและน้ำทะเลสีฟ้าใสน่าเล่นน้ำและนอนอาบแดดอย่างมาก หรือจะเดินป่าขึ้นเขาเพื่อไปชมทิวทัศน์ของอ่าวไร่เลทั้งสองฝั่งก็ไม่เลวทีเดียว สำหรับนักผจญภัยทั้งหลายมาที่นี่รับประกันความความสนุกแบบจัดเต็มแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ชมรมปีนผาไร่เลย์ โทร. 089-294-0686, 081-797-2517

หาดไร่เลย์..สวรรค์ของนักปีนผา! อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ นั่งเรือเพียงแค่ 15 นาทีจากเกาะกลาง ถึง”เขาขนาบน้ำ” ภูเขาหินปูนสองลูกตั้งขนาบทะเลสองฝั่ง หรือถ้ามาจากฝั่ง สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้าก็ได้ ใช้เวลาพอๆกัน พื้นที่โดยรอบเขาเป็นป่าชายเลน ไฮไลท์อยู่ที่ “ปูก้ามดาบ” ตัวเล็กสีสวยที่ตามถ่ายรูปได้ยากมาก ภายในเขาขนาบน้ำมีถ้ำ จำลองเหตุการณ์ต่างๆในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นใช้ที่นี่เป็นที่ตั้งฐานทัพ ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม วิธีการดำเนินชีวิตยังเป็นไปในลักษณะพึ่งพาอาศัยกันแบบวัฒนธรรมมุสลิม แน่นอนว่า วิถีประมง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เพราะพื้นที่ที่นี้ถูดล้อมรอบด้วยน้ำทะเล ในน้ำมี “ปลา” ในนามี “ข้าว” นอกจากสัตว์น้ำที่หาได้จากทะเลและพื้นที่ป่าชายเลนแล้วบนเกาะชาวบ้านยังมีอาชีพเกษตรกรรมปลูกข้าว “ข้าวสังข์หยด” ข้าวกล้องชื่อดังจากพัทลุง ก็เป็นที่นิยมของเกษตรที่นี่ด้วยเช่นกัน เรือหัวโทงลำเล็ก…สัญลักษณ์แทนความคิดถึงยามไกลกัน กลุ่มผลิตเรือหัวโทงจำลอง เริ่มต้นจากช่างต่อเรือหัวโทง เรือที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก ใช้ประกอบอาชีพและใช้เดินทางสัญจรเข้าเมือง ได้กลายมาเป็นของที่ระลึกสุดเก๋ จนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้  สนามเด็กเล่นของชุมชนบ้านเกาะกลาง คุณยายประจิม เล็กดำ ผู้ออกแบบลาย “ผ้าปาเต๊ะ” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับสาวๆ ที่ชอบเรื่องของผ้า “ผ้าปาเต๊ะ” เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ โดยเพื่อนๆสามารถร่วม D.I.Y ได้ง่ายๆด้วยการเลือกลายที่ชอบ และเพ้นท์สีที่ใช่ ชุมชนแห่งนี้เคยได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว เป็นรางวัลอุตสหกรรมท่องเที่ยวไทย จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วยนะ ยังไงถ้าใครมีโอกาสแวะไปกระบี่ อย่าลืมข้ามเรือไปเที่ยวเกาะกลางกัน ไปกินอาหารทะเลสดๆ และหาซื้อของฝากเก๋ๆกันนะ

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top