Spread the love

บทความ

  • บทความทั้งหมด
  • Ang Thong
  • Bangkok
  • Bueng Kan
  • Buriram
  • Chachoengsao
  • Chaiyaphum
  • Chiang Rai
  • Chonburi
  • Chumphon
  • Kamphaeng Phet
  • Kanchanaburi
  • Khon Kaen
  • Krabi
  • Lamphun
  • Loei
  • Lopburi
  • Mukdahan
  • Nakhon Pathom
  • Nakhon Phanom
  • Nakhon Ratchasima
  • Nakhon Sawan
  • Nakhon Si Thammarat
  • Nan
  • Nong Bua Lamphu
  • Nong Khai
  • Phang Nga
  • Phetchabun
  • Phetchaburi
  • Phitsanulok
  • Phra Nakhon Si Ayutthaya
  • Phrae
  • Phuket
  • Prachuap Khiri Khan
  • Ranong
  • Ratchaburi
  • Rayong
  • Samut Songkhram
  • Sing Buri
  • Sukhothai
  • Suphan Buri
  • Surat Thani
  • Tak
  • Thailand Reopening
  • Trang
  • Udon Thani
  • Uthai Thani
  • Uttaradit
  • กระบี่
  • กรุงเทพมหานคร
  • กาญจนบุรี
  • กาฬสินธุ์
  • กำแพงเพชร
  • ขอนแก่น
  • จันทบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • ชัยนาท
  • ชัยภูมิ
  • ชุมพร
  • ตรัง
  • ตราด
  • ตาก
  • ที่เที่ยวภาคกลาง
  • ที่เที่ยวภาคตะวันตก
  • ที่เที่ยวภาคตะวันออก
  • ที่เที่ยวภาคอิสาน
  • ที่เที่ยวภาคเหนือ
  • ที่เที่ยวภาคใต้
  • นครนายก
  • นครปฐม
  • นครพนม
  • นครราชสีมา
  • นครศรีธรรมราช
  • นครสวรรค์
  • นนทบุรี
  • นราธิวาส
  • น่าน
  • นาราธิวาส
  • บึงกาฬ
  • บุรีรัมย์
  • ปทุมธานี
  • ประจวบคีรีขันธ์
  • ปราจีนบุรี
  • ปัตตานี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • พะเยา
  • พังงา
  • พัทลุง
  • พิจิตร
  • พิษณุโลก
  • ภูเก็ต
  • มหาสารคาม
  • มุกดาหาร
  • ยะลา
  • ยโสธร
  • ร้อยเอ็ด
  • ระนอง
  • ระยอง
  • ราชบุรี
  • ลพบุรี
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • ศรีสะเกษ
  • สกลนคร
  • สงขลา
  • สตูล
  • สมุทรปราการ
  • สมุทรสงคราม
  • สมุทรสาคร
  • สระบุรี
  • สระแก้ว
  • สิงห์บุรี
  • สุพรรณบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • สุรินทร์
  • สุโขทัย
  • หนองคาย
  • หนองบัวลําภู
  • อ่างทอง
  • อุดรธานี
  • อุตรดิตถ์
  • อุทัยธานี
  • อุบลราชธานี
  • อํานาจเจริญ
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • เพชรบุรี
  • เพชรบูรณ์
  • เลย
  • แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว
  • แนะนำการท่องเที่ยว
  • แพร่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ไม่จัดหมวดหมู่
บทความทั้งหมด
  • บทความทั้งหมด
  • Ang Thong
  • Bangkok
  • Bueng Kan
  • Buriram
  • Chachoengsao
  • Chaiyaphum
  • Chiang Rai
  • Chonburi
  • Chumphon
  • Kamphaeng Phet
  • Kanchanaburi
  • Khon Kaen
  • Krabi
  • Lamphun
  • Loei
  • Lopburi
  • Mukdahan
  • Nakhon Pathom
  • Nakhon Phanom
  • Nakhon Ratchasima
  • Nakhon Sawan
  • Nakhon Si Thammarat
  • Nan
  • Nong Bua Lamphu
  • Nong Khai
  • Phang Nga
  • Phetchabun
  • Phetchaburi
  • Phitsanulok
  • Phra Nakhon Si Ayutthaya
  • Phrae
  • Phuket
  • Prachuap Khiri Khan
  • Ranong
  • Ratchaburi
  • Rayong
  • Samut Songkhram
  • Sing Buri
  • Sukhothai
  • Suphan Buri
  • Surat Thani
  • Tak
  • Thailand Reopening
  • Trang
  • Udon Thani
  • Uthai Thani
  • Uttaradit
  • กระบี่
  • กรุงเทพมหานคร
  • กาญจนบุรี
  • กาฬสินธุ์
  • กำแพงเพชร
  • ขอนแก่น
  • จันทบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • ชัยนาท
  • ชัยภูมิ
  • ชุมพร
  • ตรัง
  • ตราด
  • ตาก
  • ที่เที่ยวภาคกลาง
  • ที่เที่ยวภาคตะวันตก
  • ที่เที่ยวภาคตะวันออก
  • ที่เที่ยวภาคอิสาน
  • ที่เที่ยวภาคเหนือ
  • ที่เที่ยวภาคใต้
  • นครนายก
  • นครปฐม
  • นครพนม
  • นครราชสีมา
  • นครศรีธรรมราช
  • นครสวรรค์
  • นนทบุรี
  • นราธิวาส
  • น่าน
  • นาราธิวาส
  • บึงกาฬ
  • บุรีรัมย์
  • ปทุมธานี
  • ประจวบคีรีขันธ์
  • ปราจีนบุรี
  • ปัตตานี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • พะเยา
  • พังงา
  • พัทลุง
  • พิจิตร
  • พิษณุโลก
  • ภูเก็ต
  • มหาสารคาม
  • มุกดาหาร
  • ยะลา
  • ยโสธร
  • ร้อยเอ็ด
  • ระนอง
  • ระยอง
  • ราชบุรี
  • ลพบุรี
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • ศรีสะเกษ
  • สกลนคร
  • สงขลา
  • สตูล
  • สมุทรปราการ
  • สมุทรสงคราม
  • สมุทรสาคร
  • สระบุรี
  • สระแก้ว
  • สิงห์บุรี
  • สุพรรณบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • สุรินทร์
  • สุโขทัย
  • หนองคาย
  • หนองบัวลําภู
  • อ่างทอง
  • อุดรธานี
  • อุตรดิตถ์
  • อุทัยธานี
  • อุบลราชธานี
  • อํานาจเจริญ
  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • เพชรบุรี
  • เพชรบูรณ์
  • เลย
  • แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว
  • แนะนำการท่องเที่ยว
  • แพร่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ไม่จัดหมวดหมู่

ขนมไทยในงานมงคลสมรส 9 ชนิด

เดือนแห่งความรักแบบนี้ มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักชวนให้รู้สึกถึงความหวาน คู่ไหนที่ความรักสุกงอมพร้อมแต่งงานแล้ว แอดมินก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดมินมีเรื่องขนมไทยในงานแต่งงานมาฝากค่ะ . ไปดูกันว่าขนมไทยในงานมงคลสมรสปัจจุบันมีอะไรบ้าง และมีความหมายเป็นมงคลยังไง แถมท้ายด้วยพิกัดคาเฟ่ขนมไทยให้เพื่อน ๆ ชวนหวานใจไปลองชิมกันอีกด้วย ขนมทองหยิบ.ทองหยิบเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วัตถุดิบหลักคือแป้งและไข่แดงที่นำมาตีจนขึ้นฟู จากนั้นนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วจึงนำมาใส่ถ้วย จับจีบเป็นรูปดอกไม้ จัดใส่ถ้วยเล็ก ๆ.สื่อถึงความร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ขนมทองหยอด.รสชาติเหมือนทองหยิบ ต่างกันที่หน้าตา โดยการหยอดตัวขนมเป็นหยดน้ำกลม ๆ ลงน้ำเชื่อมเดือดแทน.ทองหยอดเปรียบเสมือนทองคำ อวยพรให้คู่บ่าวสาวมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินมีทองใช้จ่ายไม่รู้หมด ขนมฝอยทอง.เป็นขนมอีกหนึ่งชนิดที่มีวัตถุดิบหลักคือไข่แดงและแป้ง แต่จะใช้กรวยสำหรับโรยฝอยทองให้เป็นเส้นลงในน้ำเชื่อมเดือด แล้วจับเป็นแพเรียงสวยงาม.สื่อความหมายถึงการครองรักครองเรือนที่ยาวนานเหมือนเส้นฝอยทองนั่นเอง ขนมเม็ดขนุน.ขนมไทยอีกหนึ่งในขนมตระกูลทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ด้านในสอดไส้ถั่วเขียวบดละเอียด รสหวานมัน เคลือบด้วยไข่แดงด้านนอกให้เป็นสีเหลืองทอง ก่อนนำลงไปต้มในน้ำเชื่อมเดือด.ชื่อของขนมเม็ดขนุนช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้มีคนคอยเกื้อหนุน ทั้งเรื่องของการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน รวมถึงกิจการต่าง ๆ ขนมทองเอก.เป็นหนึ่งในขนมตระกูลทองที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น หลังจากกวนขนมจนแป้งจับตัวปั้นได้ นำไปกดในพิมพ์ ก่อนจะเพิ่มความพิเศษด้วยการติดทองคำเปลวบนขนม.คำว่า “เอก” หมายถึง การเป็นที่หนึ่ง ทองเอกจึงมีความหมายว่าเป็นที่หนึ่ง มีความมงคลทั้งในเรื่องการงาน และชีวิตครอบครัว ขนมดาราทอง.หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จ่ามงกุฎ” เป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำซับซ้อน หลายขั้นตอน เริ่มจากอบแป้งส่วนฐาน ก่อนจะทำส่วนตัวขนมซึ่งวิธีทำเหมือนขนมทองเอก ติดเมล็ดแตงโมรอบชิ้น แล้วติดแผ่นทองคำเปลวด้านบน หน้าตาสง่างามมาก.ขนมชนิดนี้คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว จึงสื่อถึงความสง่างาม ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุด มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นการอวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า และชื่อเสียงเกียรติยศ ขนมชั้น.ขนมที่เราซื้อหารับประทานได้ทั่วไปชนิดนี้ ก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่นำมาใช้ในงานมงคลสมรส มีลักษณะเป็นชั้นๆ ปกติทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แต่ปัจจุบันมีรูปร่างหน้าตาหลากหลายตามความคิดสร้างสรรค์.ขนมชั้นเปรียบเสมือนตำแหน่งชั้นยศ จึงนำมาใช้อวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า ได้รับการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ขนมเสน่ห์จันทน์.เป็นขนมไทย ทำจากแป้ง น้ำตาล ไข่แดง กะทิ และเพิ่มความหอมด้วยจันทน์เทศป่น กวนจนเหนียวพอปั้นได้ ปั้นเป็นทรงกลมแบนเลียนแบบหน้าตาของผลลูกจัน.สื่อถึงเสน่ห์ ที่ทำให้คนรักและเอ็นดูนั่นเอง ขนมลูกชุบ.ขนมลูกชุบก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่หาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งเดิมก็จะทำเป็นรูปผลไม้ แต่ในปัจจุบันก็มีหน้าตาแปลกใหม่หลากหลายมากขึ้น เป็นขนมที่คล้ายขนมเม็ดขนุน แต่ด้านนอกชุบด้วยวุ้นหลาย ๆ ชั้น.สื่อถึงให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่เจริญรุ่งเรืองงอกงามเหมือนผลไม้ต่าง ๆ ที่นำมาปั้นเป็นขนมลูกชุบนั่นเอง หมายเหตุ : เดิมพานขันหมากมักมีขนมถ้วยฟูเป็นหนึ่งในขนมมงคล แต่ปัจจุบัน ร้านรับทำพานขันหมากหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้ลูกชุบแทน เนื่องจากขนมถ้วยฟูนั้นหาซื้อได้ยาก และเสียง่าย รู้จักกับขนมไทยในงานแต่งงานกันแล้ว มาเก็บพิกัดคาเฟ่ขนมไทยกันค่ะ ถ้ามีจังหวะเหมาะๆ ...
อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยหนังรักโรแมนติก…คิดถึงวิทยา

เวลาดูหนังหรือละครสักเรื่อง นอกจากจะอินไปกับพระเอกนางเอกแล้ว วิวสวยๆของเรื่องก็ทำให้เราประทับใจและจดจำเรื่องราวได้มากขึ้นไปอีก ขอสารภาพว่ามีหลายเรื่องเลยที่เป็นแรงบันดาลใจให้แอดเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยว เพราะอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง .ในเดือนแห่งความรักนี้แอดเลยนำเรื่องราวของ “คิดถึงวิทยา” หนังรักโรแมนติกที่ฉายไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คน จนอยากจะไปตามรอยกันถึงที่เลยล่ะ อีกทั้งยังได้รับรางวัลอีกมามาย .สำหรับวันนี้แอดจะพาไปตามภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ เพราะมีฉากถ่ายทำที่โรงเรียนเรือนแพ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูนซึ่งสถานที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง นอกจากนี้ แอดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงภายในอุทยานฯ มาฝากเพื่อน ๆ ด้วย คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายอย่าง “คิดถึงวิทยา” .แต่นอกจากฉากในภาพยนตร์ที่เราจะไปชมกันแล้ว ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกมากมายภายในอุทยานฯ ไปดูกันเลย เรื่องราวของครูสองและครูแอนที่เชื่อมโยงกันด้วยไดอะรี่และโรงเรียนเรือนแพ จากภาพยนตร์โรแมนติกเรื่อง “คิดถึงวิทยา” น่าจะทำให้หลายคนยังประทับใจไม่รู้ลืม มีแฟน ๆ ตามรอยไปเยือนโรงเรียนเรือนแพที่เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันคึกคักทีเดียว โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาห้องเรียนเรือนแพ อยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร แก่งก้อ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ เป็นโรงเรียนแห่งเดียวในไทยที่ลอยอยู่กลางน้ำที่โอบล้อมด้วยภูเขา จัดทำขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม นอกจากจะได้เยี่ยมชมห้องเรียนจริง ๆ ที่เป็นฉากในหนังแล้ว เรายังสามารถไปเที่ยวชมแพเกษตรพอเพียง ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้สะดวกสบายที่สุด แต่เห็นบรรยากาศแล้ว ต้องลองไปสักครั้ง หากใครไปเที่ยวชม อยากมีของติดไม้ติดมือเป็นของอุปโภคบริโภคไปให้กับทางโรงเรียนได้ด้วยนะคะ ที่โรงเรียนมีนักเรียนทั้งหมด 6 คนรอทุกคนไปเที่ยวหาอยู่น้าา☺.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 09 5802 2202​ (ครูน้อย โรงเรียนเรือนแพ) นอกจากจะได้ไปชมโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ตามเรื่องราวของครูแอนและครูสองแล้ว แอดก็มีสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ อีกหลายแห่งมาฝากด้วยค่ะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 เข้าสู่หมู่บ้านก้อ ไปจนสุดเส้นทางจะเจอทางแยกเลี้ยวขวา ไปอีก 7 กิโลเมตรก็จะถึงแก่งก้อ และเดินทางโดยเรือจากแก่งก้อ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงโรงเรียนเรือนแพ ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังมี “น้ำตกก้อหลวง” เป็นน้ำตกหินปูน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นต่างๆ 7 ชั้น ก่อนจะไหลผ่านหน้าผาหินปูนและหินงอกหินย้อยลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าอมเขียวเป็นไฮไลท์ของที่นี่ มีความลึกถึงประมาณ 8 เมตร ฉะนั้นหากอยากลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ.ภายในมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำบริการ หรือหากต้องการพักค้างแรม ที่นี่ก็มีทั้งบ้านพักและเต็นท์ แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้านะคะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 ไปประมาณ 14 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อ เลี้ยวซ้ายไปทางหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ 1 (น้ำตกก้อหลวง) อีก ...
อ่านเพิ่มเติม

ตำนานพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง

ตำนานพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง.ความเชื่อเรื่องพญานาคอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่กล่าวถึงพญานาค หรือตามวัดวาอารามที่มีรูปปั้นพญานาคปรากฎให้เราเห็น โดยเฉพาะภาคอีสานที่ผูกพันกับพญานาคเป็นอย่างมาก พบเห็นได้ในวิถีชีวิตหลายเรื่อง.ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคนั้นมีหลายแง่มุม หนึ่งในแง่มุมที่ปรากฎหลักฐานชัดเจนคือ ความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดียทางตอนใต้ โดยในสมัยที่ยังไม่นับถือศาสนา และภูมิประเทศแถบนั้นเป็นป่ารกทึบ มีสัตว์มีพิษอาศัยอยู่เยอะ ผู้คนเกรงกลัว จึงเกิดลัทธิบูชางูเป็นเทพเจ้าขึ้น. ต่อมา ความเชื่อเรื่องพญานาคแผ่ขยายไปในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะภาคอีสานที่อยู่ติดแม่น้ำโขง เชื่อว่าพญานาคเป็นสัตว์กึ่งเทพ มีอิทฤทธิ์มาก เป็นสัญลักษณ์แห่งสายน้ำและความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าแม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองมนุษย์และเมืองบาดาลของพญานาค เราจะเห็นได้ว่ามีการสร้างรูปปั้นพญานาคอยู่ริมน้ำโขงหลายแห่ง เช่น รูปปั้นพญาศรีสัตตนาคราช 7 เศียร จังหวัดนครพนม ศาลพ่อปู่พญาอนันตนาคราช ใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 จังหวัดมุกดาหาร รูปปั้นพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช ที่แก่งกะเบา จังหวัดมุกดาหาร รูปปั้นนาคชัยยัญ ที่วัดไทย จังหวัดหนองคาย เป็นต้น. นอกจากนี้ พญานาคยังเกี่ยวข้องกับการทำนาอีกด้วย ตามตำราโบราณจะกล่าวถึง “นาคให้น้ำ” เพราะเชื่อว่าพญานาคมีอิทฤทธิ์ดลบันดาลให้เกิดฝนตกตามฤดูกาล จึงนำมาเป็นหน่วยวัดว่าแต่ละปีฝนจะตกมากน้อยแค่ไหน โดยมีนาคให้น้ำ 1 – 7 ตัว บางตำราจะระบุจำนวนนาคให้น้ำตามปีนักษัตรอย่างชัดเจน เช่น ปีฉลู นาคให้น้ำ 5 ตัว ฝนต้น กลาง ปลาย เสมอกัน เป็นต้น นอกจากดูจำนวนนาคให้น้ำแล้ว ก็ยังดูด้วยว่านาคให้น้ำหันหัวไปทางทิศไหน เพราะ เวลาทำพิธีแรกนา จะได้เริ่มไถจากหัวนาคไปถึงหางนาค ไม่ไถทวนเกล็ดพญานาค เพราะเชื่อว่าจะเป็นอัปมงคลนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม

สะพานทาชมภู จังหวัดลำพูน : สะพานรถไฟสวยต้องห้ามพลาด

สะพานทาชมภู หรือที่ชาวลำพูนเรียกว่า สะพานขาว ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดทาชมภู ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างสถานีรถไฟขุนตานกับสถานีรถไฟทาชมภู.เริ่มก่อสร้างสะพานแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2462 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2463 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟจากลำปางมายังเชียงใหม่ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน หรือพระนามเดิม พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ทรงเป็นวิศวกรควบคุมงาน สะพานแห่งนี้มีความโดดเด่นกว่าสะพานรถไฟแห่งอื่น คือ เป็นสะพานโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะรูปทรงโค้ง ทาด้วยสีขาว รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ยาว 87.3 เมตร.ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกและท้าทายทางวิศวกรรมของคนไทยในสมัยนั้น เนื่องจากโดยปกติแล้วสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็กเพราะสามารถทนต่อแรงสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า.แต่ช่วงเวลาที่สร้างสะพานแห่งนี้เป็นช่วงภาวะสงคราม ขาดแคลนเหล็ก ทำให้ไม่สามารถนำมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยมทำให้สะพานทาชมภูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้  หลาย ๆ คนคงแปลกใจว่า สะพานนี้มีชื่อว่า ทาชมภู คงจะคิดว่า สะพานแห่งนี้ทาด้วยสีชมพูแน่ ๆ.สาเหตุเพราะว่าสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำแม่ทา ที่ไหลผ่านหมู่บ้านทาชมภู อำเภอแม่ทา จึงถูกเรียกว่า สะพานทาชมภู นั่นเอง  คำว่า “ทา” ในที่นี้ไม่ใช่คำกริยา แต่เป็นคำนามอันหมายถึง “แม่น้ำแม่ทา” ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านอำเภอแห่งนี้ หลายตำบลหลายหมู่บ้านที่นี่จึงมีคำว่าทาอยู่ในชื่อ เช่น ตำบลทาสบเส้า ตำบลทาสบชัย วัดทาทุ่งหลวง เป็นต้น  ปัจจุบันสะพานทาชมภู กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดในจังหวัดลำพูน ที่ไม่ว่าใครเดินทางไปท่องเที่ยวก็จะต้องแวะไปถ่ายรูปคู่กับสะพานรถไฟสีขาวแห่งนี้อยู่เสมอ.ที่ตั้ง ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
อ่านเพิ่มเติม

วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี

วัดป่าภูก้อน เกิดขึ้นจากพุทธบริษัท ที่ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำซึ่งกำลังถูกทำลาย จึงมีการทำเรื่องขออนุญาตกรมป่าไม้ในการใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสมขึ้นเพื่อสร้างวัด และฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมให้กลับมามีความสมบูรณ์ ทางวัดไม่ได้ดูแลเพียงในบริเวณวัด แต่ยังช่วยฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่อยู่รอบๆ วัดด้วย ต่อมา กรมป่าไม้ก็อนุญาตให้จัดตั้งพุทธอุทยานในนาม พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน ด้วยเหตุนี้ วัดป่าภูก้อนจึงมีความสงบเย็น มีความวิเวก เหมาะกับการบำเพ็ญภาวนากรรมฐานที่สุด.ปัจจุบันวัดป่าภูก้อนถือเป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ โดยทางวัดได้ช่วยกรมป่าไม้ดูแลงานด้านป่าไม้ ในการป้องกันไฟป่า การบุกรุกป่า ตลอดจนการล่าสัตว์ผิดกฎหมายในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ วัดป่าภูก้อน มีพระวิหารสวยงามโดดเด่นสะดุดตา เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ มีประตูทางเข้าออก 3 ด้าน ผนังด้านในพระวิหาร มีภาพพุทธประวัติ และภาพทศชาติ มีการตกแต่งแบบภาพปั้นนูนต่ำ หล่อด้วยทองแดง ด้านบนของทุกภาพ จะมีการแกะสลักบทสวดอิติปิโสด้วยสีเขียวเข้มบนหินอ่อนสีขาว ภายในพระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี มีความยาว 20 เมตร ใช้หินอ่อนถึง 43 ก้อน นำมาแกะสลักแล้วยกขึ้นเรียงบนฐาน มีพุทธลักษณะงดงาม สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบในปี พ.ศ. 2554 พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี จุดสำคัญอีกหนึ่งจุดคือ “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” หนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มีการอัญเชิญตราสัญลักษณ์ และพระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาประดิษฐานภายในองค์พระมหาเจดีย์ด้วย.ภายในองค์พระเจดีย์ ชั้นบนยอดจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนชั้นอื่นมีรูปหล่อเหมือนบูรพาจารย์ รวมถึงเครื่องอัฐบริขารและรูปภาพครูบาอาจารย์สายกรรมฐานจัดวาง นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวอีสานอีกหนึ่งแห่งเลยทีเดียว  วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี.ที่ตั้ง 99 หมู่ที่ 6 ตำบล บ้านก้อง อำเภอ นายูง อุดรธานี 41380สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารโครงการฯ 08 9111 9119, 08 6243 7864คุณจันทิมา 08 2835 0668คุณยูร 09 0747 ...
อ่านเพิ่มเติม

โบสถ์คริสต์อีสานบ้านเฮา

วัดนักบุญอันนา หนองแสง จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บนถนนเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง มองเห็นวิวภูเขาของฝั่งประเทศลาว ให้ความรู้สึกสงบและร่มรื่น โบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิกแห่งนี้อยู่คู่กับชาวนครพนมมายาวนานกว่าร้อยปี เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น คนไทย คนญวน คนจีน คนลาว เป็นต้น อาสนวิหารแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ด้านหน้าเป็นหอคอยคู่ ยอดแหลมสูง ตัวอาคารภายนอกทาสีเหลือง งามเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกล.โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิมที่ถูกฝรั่งเศสทิ้งระเบิดพังเสียหายในสมัยที่มีกรณีพิพาทอินโดจีน โดยคงสถาปัตยกรรมให้คล้ายคลึงกับโบสถ์หลังเดิม ก่อนวันคริสต์มาสของทุกปี ชาวคริสต์ในแต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ตกแต่งดาวในรูปแบบต่าง ๆ จัดเป็นขบวนแห่ดาวบริเวณรอบวัดแห่งนี้ นับเป็นงานประจำปีที่มีความสำคัญต่อชุมชนมาก หากสนใจเข้าเยี่ยมชมและถ่ายรูปสวย ๆ ในโบสถ์ แอดแนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้าหรือสอบถามผ่านFacebook : https://web.facebook.com/saintannanongsang(เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจำกัดจำนวนการเข้าชม).ตารางมิสซา วันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 06.15 น. วันอาทิตย์ มิสซาเช้า 07.00 น. มิสซาเย็น 19.00 น..ที่ตั้ง 184 / 1 ถนนสุนทรวิจิตร ตำบลหนองแสง เมืองนครพนม จังหวัดนครพนมเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.30 น. – 16.30 น.โทร. 08 1975 6826 วัดสองคอนมรณสักขี หรือสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี จังหวัดมุกดาหาร.ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และเคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539.พื้นที่ทั้งหมดของโบสถ์คริสต์มีประมาณ 90 ไร่ ส่วนหน้าของโบสถ์เป็นลานกว้าง เพื่อรองรับผู้คนที่มาร่วมงานเฉลิมฉลอง บุญราศรี ที่จัดขึ้น 2 ครั้งของทุกปี คือวันที่ 22 ตุลาคม และวันที่ 16 ธันวาคม โบสถ์คริสต์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุญราศรีมรณสักขี ทั้ง ๗ ท่าน ที่ได้สร้างวีรกรรมแห่งวีรชนคริสตชน โดยยอมพลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเจ้า ณ หมู่บ้านสองคอนแห่งนี้ จนได้รับการยกย่องเป็นบุญราศีทั้งเจ็ดแห่งเมืองสองคอน.คำว่า “บุญราศี” หรือ “นักบุญ” (THE BLESSED) เป็นการใช้นำหน้าชื่อยกย่องคริสตชนที่เสียชีวิตไปแล้ว ...
อ่านเพิ่มเติม

Happy Moo, Happy Meal โคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร

Happy Moo, Happy Meal โคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร.เมื่อพูดถึงอาหารอีสาน ก็ต้องนึกถึงอาหารรสแซบอย่างส้มตำ ปลาร้าสุดนัว และข้าวเหนียวไก่ย่างร้อน ๆ แต่จริง ๆ แล้วภาคอีสานก็มีชื่อเสียงเรื่องเนื้อไม่แพ้ส้มตำ เนื้อที่แอดพูดถึงคือ เนื้อโคขุนโพนยางคำ ของขึ้นชื่อจังหวัดสกลนครนั่นเอง คนรักเนื้อคงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะโด่งดังทั้งคุณภาพและความอร่อย มาดูกันว่าความอร่อยของเนื้อโพนยางคำมีที่มาอย่างไร.เนื้อโคขุนโพนยางคำมีต้นกำเนิดที่หมู่บ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดตั้งเป็นสหกรณ์โพนยางคำขึ้นในปี พ.ศ. 2523 วัวที่เกษตกรเลี้ยงเป็นวัวเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส ที่เกิดจากการผสมเทียมโดยใช้น้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์วัวเนื้อ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ชาโรเลส์ (Charolais) จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้เป็นสายพันธุ์หลัก พันธุ์ซิมเมนทอล (Simmental) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และพันธุ์ลิมูซีน (Limousin) จากประเทศฝรั่งเศส ทำให้ได้วัวที่ทนต่อสภาพอากาศของเมืองไทย และมีโครงสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงไขมันที่ดี.เกษตกรจะเริ่มทำการขุนวัว เมื่อวัวมีอายุประมาณ 2 ปี โดยให้วัวยืนในคอกและป้อนอาหารสูตรพิเศษ ที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างหญ้า ฟาง และธัญพืชเป็นหลัก เพื่อทำให้เนื้อนุ่มยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการดูแลอย่างพิถีพิถัน เช่น ทำความสะอาดคอกวัวเป็นประจำ อาบน้ำ แปรงขน และเปิดเพลงให้วัวฟัง การทำเลี้ยงดูแบบนี้ ทำให้วัวไม่เครียด และกินอาหารได้มากขึ้นระยะเวลาในการขุน จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือบางตัวก็นานถึง 1 ปีครึ่ง เพื่อให้เนื้อมีไขมันแทรกอย่างทั่วถึง.เมื่อรู้กันแล้วว่า เกษตรกรตั้งอกตั้งใจเลี้ยงวัวเพื่อให้พวกเราได้บริโภคเนื้อแสนอร่อย แอดก็ขอเอาใจคนรักเนื้อด้วยพิกัดร้านโคขุนโพนยางคำรสเด็ด ที่เมื่อไปถึงจังหวัดสกลนครต้องไปทานให้ได้ – ร้านสเต็กสหกรณ์ฯ โพนยางคำ มีสเต็กและอาหารอีสานรสเด็ดให้เลือกหลายเมนู และถ้าใครอยากซื้อเนื้อไปทำกินเอง ที่นี่ก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกันที่ตั้ง : หมู่ 10 บ้านโพนยางคำ ต.โนนหอม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนครพิกัด : https://goo.gl/maps/S93XwSG6hzKuJTKq7เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.45 น.โทร. 0 4270 4677.– ร้านเตาถ่าน โพนยางคำ ร้านปิ้งย่างโคขุนเจ้าดังของสกลนคร เนื้อที่ร้านใช้จาก 3 แหล่ง ...
อ่านเพิ่มเติม

หนองหาร สกลนคร

หนองหาร เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเนื้อที่ 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่เทศบาลเมืองสกลนครและอำเภอโพนนาแก้ว เป็นแหล่งรับน้ำจากลำห้วยหลายสาย และเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม.มีตำนานเล่าขานการกำเนิดหนองหารชื่อ “ตำนานผาแดงนางไอ่” เล่าว่า พระธิดาแห่งนครเอกชะทีตา ชื่อนางไอ่คำ มีความงามเลื่องลือ พระบิดาของนางประกาศว่าผู้ชนะแข่งขันจุดบั้งไฟจะได้อภิเษกกับนางไอ่คำ มีชายหนุ่มมาร่วมแข่งขันมากมาย แม้ท้าวพังคีผู้เป็นเจ้าชายพญานาคก็ยังปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกขึ้นมาชมโฉมนางไอ่คำ นางไอ่คำนั้นรักอยู่กับท้าวผาแดง แต่ท้าวผาแดงพ่ายแพ้การแข่งขัน ขณะเดียวกันกระรอกเผือกท้าวพังคีก็ถูกนายพรานยิงตาย พญานาคแห่งเมืองบาดาลโกรธแค้นนัก บันดาลฟ้าฝนกระหน่ำ แผ่นดินยุบตัว บ้านเมือง ผู้คน รวมทั้งท้าวผาแดงที่พยายามช่วยนางไอ่คำหนีก็จมหายไปจนหมด เหลือแต่หนองน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลาต่อมาก็คือหนองหารแห่งนี้นี่เอง.ระดับน้ำในหนองหารมีความลึกประมาณ 3-4 เมตร อำนวยประโยชน์ในด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาร .นอกจากนั้น เมื่อครั้งที่ชาวท่าแร่ที่เป็นคริสตังอพยพมาจากตัวเมืองสกลนครที่อยู่อีกฝั่งของหนองหาร โดยวิธีการต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่บรรทุกผู้คนและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ข้ามหนองหารมายังฝั่งชุมชนท่าแร่ในปัจจุบัน.ภายในชุมชนจึงสร้างโบสถ์ชื่อว่า “อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” เป็นโบสถ์รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพมาจากตัวเมืองสกลนครนั่นเอง  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 14 ธันวาคม 2563
อ่านเพิ่มเติม

หนาวนี้ที่ภูผายล…สกลนคร

หนาวนี้ที่ภูผายล…สกลนคร . ช่วงนี้อากาศกำลังดี หากใครอยากไปสัมผัสลมหนาวท่ามกลางป่าเขา แอดขอแนะนำภาคอีสานแถบเทือกเขาภูพานค่ะ นั่นคือ อุทยานแห่งชาติภูผายล อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร เราจะได้กางเต็นท์ดูดาว โต้ลมหนาวแบบชิล ๆ . แอดบอกเลยว่าใครไปแล้ว จะต้องติดใจบรรยากาศของที่นี่อย่างแน่นอน อุทยานแห่งชาติภูผายล เดิมเรียกว่าอุทยานแห่งชาติห้วยหวด เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนชลประทานตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 บริเวณนี้เป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาหินทราย ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญหลายสาย.เนื่องจากอุทยานแห่งชาติถภูผายลอยู่ในพื้นที่ราบสูง จึงมีอากาศเย็นตลอดปี หากไปในช่วงฤดูหนาว เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสอากาศหนาว และไอหมอกที่ลอยเหนืออ่างเก็บน้ำ.ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทเต็นท์ เปิดให้เข้ากางเต็นท์ทุกวัน เข้าได้ไม่เกิน 18.00 น.ค่าสถานที่กางเต็นท์ (กรณีนำเต็นท์ไปเอง) หลังละ 30 บาทเช่าเต็นท์ หลังละ 225 บาทบ้านพักอุทยานฯ หลังละ 1,800 บาท พักได้ 6 คนโทร. 083 835 9096 ภายในอุทยานฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบ้านพักอุทยานฯ และลานกางเต็นท์ นักท่องเที่ยวนิยมมาพักแรมโต้ลมหนาวกัน แอดบอกเลยว่าชิลสุด ๆ ไม่ว่าจะมากับแก๊งค์เพื่อนหรือครอบครัว ร้านค้าจะเป็นร้านสวัสดิการ ยังไม่มีร้านอาหารเปิดบริการมากนัก แอดแนะนำให้เตรียมอาหาร เครื่องดื่มเข้ามาเอง แต่อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด และรักษากฎระเบียบของอุทยานฯ กันด้วยนะคะ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำภายในอุทยานฯ คือ อ่างเก็บน้ำห้วยหวด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 700 เมตร รถยนต์สามารถเข้าถึง หรือจะเดินเท้าเข้าไปก็ได้เช่นกัน บริเวณนี้เป็นอ่างเก็บน้ำ และเป็นจุดชมวิว โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตก สะท้อนกับสายน้ำยามเย็น เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยล่ะ.นอกจากนี้ สามารถติดต่อเช่าเรือแคนู พายเล่นในอ่างเก็บน้ำได้ด้วยนะ แต่ต้องระมัดระวัง ทำตามกฎระเบียบเพื่อความปลอดภัยของตัวเองนะคะ.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ : อุทยานแห่งชาติภูผายล – Phu Pha Yon National Park  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center ...
อ่านเพิ่มเติม

สวนหลวง ร.9

เพื่อน ๆ ชอบเที่ยวสวนดอกไม้กันไหม? . ถ้าชอบล่ะก็ ตามมาเลย เพราะวันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสวนพฤษศาสตร์กลางกรุงอย่าง ”สวนหลวง ร.9” ซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้จัดงานประจำปี “งานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร. 9” ไป ใครที่พลาดโอกาสไม่ต้องเสียดาย เพราะแอดจะบอกว่า สวนหลวง ร.9 เที่ยวได้ทุกวัน ไม่ต้องรอให้มีงานก็สวยเหมือนจัดงานอยู่ตลอดเวลา สวนหลวง ร.9 เป็นสวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 500 ไร่ เกิดจากกลุ่มบุคคลและส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมกันบริจาคก่อสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530.ภายในสวนหลวง ร.9 รวบรวมพันธุ์ไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งของไทยและต่างชาติ ไม้หายาก รวมถึงสมุนไพรต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ที่จัดเป็นสวนสวย ๆ ให้ชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชม  เนื่องจากสวนหลวง ร.9 มีพื้นที่ใหญ่มาก จึงมีการแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ สถานรัชมงคล สวนกิจการ และลานพฤกษพรรณ ซึ่งแต่ละโซนเป็นยังไง ตามไปดูกันเลย 1.สถานรัชมงคล ประกอบด้วย.– อุทยานมหาราช มีสวนราชพฤกษ์และสระน้ำพุ 3 สระ ตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้มากมาย– หอรัชมงคล เป็นอาคารศิลปะไทยประยุกต์หลังคาสีทองทรง 9 เหลี่ยม ภายในเป็นห้องกระจก 9 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และสิ่งของส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9– สวนนานาชาติ รวมสวนหลายสัญชาติทั้งจากโลกตะวันออกและตะวันตก คือ สวนจีน สวนญี่ปุ่น สวนสเปน สวนอังกฤษ สวนฝรั่งเศส สวนอิตาลี และยังมีอาคารจิโอเดสิคโดม ที่มีการแสดงพันธุ์ไม้ทนแล้งเช่น พันธุ์ไม้ทะเลทราย ไม้อวบน้ำต่าง ๆ ...
อ่านเพิ่มเติม
Scroll to Top