เที่ยวพิษณุโลก 3 วัน 2 คืน
.
วันที่ 1
– น้ำตกหมันแดง
– โรงเรียนการเมืองการทหาร
– กังหันน้ำ
– ลานหินแตก
.
วันที่ 2
– ทุ่งดอกเปราะภู
– ลานหินปุ่ม
– ผาชูธง
– ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
– สวนบัวอมรรัตน์
.
วันที่ 3
– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
– วัดนางพญา
วันที่ 1
.
ในวันแรกเราจะเดินทางไปที่ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” กันค่ะ สำหรับอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์นั่นเองค่ะ
.
ซึ่งที่นี่ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย แต่ก่อนอื่นเรามาเริ่มต้นที่ “น้ำตกหมันแดง” กันก่อนดีกว่าค่ะ
น้ำตกหมันแดง เป็นน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุดของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีทั้งหมด 32 ชั้น แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแค่บริเวณชั้น 1 ถึง 9 เท่านั้น
.
สำหรับการเดินทางไปยังน้ำตกหมันแดงนั้นจะต้องเดินเท้าเข้าไป ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงและจำเป็นจะต้องให้เจ้าหน้าที่ของทางอุทยานนำทางเท่านั้นนะคะ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยนั่นเองค่ะ
สำหรับจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปชมกันมากที่สุด ก็คือบริเวณชั้น 5 ค่ะ เนื่องจากในชั้นนี้นอกจากจะได้ชมความสวยงามของน้ำตกแล้วยังจะได้ได้พบกับ “ดอกลิ้นมังกรสีชมพู” อีกด้วย ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่หาชมได้ยาก มักบานในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะบานประมาณปลายเดือนสิงหาคมค่ะ
.
เพื่อนๆ ที่สนใจจะเดินทางไป แอดขอแนะนำให้โทรไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณ 3-5 วันนะคะ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้เรานั่นเองค่ะ
สถานที่ต่อมาเป็น “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ค่ะ โรงเรียนการเมืองการทหารมีลักษณะเป็นบ้านไม้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
.
สำหรับที่แห่งนี้ หากเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันในช่วงฤดูหนาวก็จะได้พบกับใบเมเปิล ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีแดงและร่วงหล่นลงมาจนทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าชมมากค่ะ
ตรงข้ามกับโรงเรียนการเมืองการทหาร เพื่อนๆ จะพบกับ “กังหันน้ำ” ที่สร้างขึ้นโดยนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ค่ะ
สถานที่สุดท้ายของวันนี้เราจะไปยัง “ลานหินแตก” กันค่ะ ลานหินแตกมีลักษณะเหมือนแผ่นดินที่แยกแตกเป็นแนว เป็นร่อง สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกนั่นเองค่ะ
.
ซึ่งในบริเวณนี้เพื่อนๆ สามารถเดินชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและถ่ายรูปเล่นได้ค่ะ
วันที่ 2
.
ในเช้าวันนี้เรายังอยู่กันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าค่ะ แอดแนะนำให้ตื่นเช้าหน่อยนะคะ เพราะเราจะไปชมความงามของ “ทุ่งดอกเปราะภู” กัน
.
ดอกเปราะภู เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องไปชมเมื่อมาเยือนอุทยานภูหินร่องกล้า ดอกเปราะภูมีลักษณะเป็นสีขาว มักจะผลิบานในช่วงหน้าฝนหรือประมาณเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ของทุกปี
.
จุดที่นิยมไปชม จะอยู่ตรงบริเวณทางเดินเข้าไปยังลานหินปุ่มนั่นเองค่ะ และนอกจากความงามของดอกเปราะภูแล้วเพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสกับไอหมอกที่ปกคลุมทุ่งแห่งนี้ในยามเช้าอีกด้วยค่ะ
เมื่อเดินผ่านทุ่งดอกเปราะภูมาแล้ว เพื่อนๆ ก็จะพบกับ “ลานหินปุ่ม” ลานหินที่มีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มกลมๆ ซึ่งขนาดของแต่ละปุ่มนั้นจะแตกต่างกันไป คาดว่าอาจเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินนั่นเอง
.
หากเพื่อนๆ ชื่นชอบในการชมวิว แอดคิดว่าบริเวณนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ห้ามพลาดเลยล่ะค่ะ
ถัดมาเป็น “ผาชูธง” ผาแห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล นอกจากนี้ผาชูธงยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วยค่ะ
.
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เปิดเวลา 08.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
โทร 081 596 5977
ต่อมาเราจะไปล่องแก่งที่ “ลำน้ำเข็ก” กันค่ะ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดล่องแก่งยอดนิยมของจังหวัดพิษณุโลก เพราะตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสกับความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลา
.
ลำน้ำแห่งนี้เป็นลำน้ำที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีแก่งมากถึง 18 แก่งและมีระยะทางยาวถึง 8 กิโลเมตร ดังนั้นจึงใช้เวลาล่องประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งความรุนแรงก็จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับ 1-5 สลับกันตลอดทั้งเส้นทาง
ช่วงเวลาที่นิยมล่องแก่งก็คือ ระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมของทุกปี หากเพื่อนๆ คนไหนที่ชอบความท้าท้าย แอดว่าการพิชิตลำน้ำเข็กก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
.
ปล.การล่องแก่งลำน้ำเข็ก มีผู้ประกอบการให้บริการหลายเจ้า สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก โทร. 055 252 742-3
.
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
ที่ตั้ง สะพานข้ามลำน้ำเข็กบ้านท่าข้าม ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
หลังจากสนุกสนานกันอย่างหนักหน่วงกับการพิชิตลำน้ำเข็กแล้ว เรามาเที่ยวแบบสบายๆ กันต่อที่ “สวนบัวอมรรัตน์” ดีกว่าค่ะ
.
บัวของที่นี่ คือ บัวพันธุ์วิคตอเรีย หรือบัวกระด้งยักษ์ เป็นบัวที่สามารถรองรับน้ำหนักของคนที่ลงไปยืนอยู่ตรงกลางบัวได้อย่างสบายๆ เลยล่ะค่ะ
.
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจะลงไปถ่ายรูปคู่กับบัวกระด้งยักษ์นี้ก็สามารถทำได้นะคะ โดยจะเสียค่าบริการ สำหรับผู้ใหญ่คนละ 100 บาท เด็กคนละ 50 บาทค่ะ แต่หากเข้าไปชมบัวอย่างเดียวก็จะเสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาทเท่านั้นค่ะ
.
สวนบัวอมรรัตน์ ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เปิดเวลา 08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
โทร. 083 162 0988
วันที่ 3
.
เมื่อมาเยือนถึงจังหวัดพิษณุโลกทั้งทีหากเราจะไม่แวะเข้าไปกราบไหว้ขอพร “พระพุทธชินราช” ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดใหญ่” ก็เหมือนมาไม่ถึง
.
เพราะพระพุทธรูปองค์นี้คือพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก อีกทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยค่ะ
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่หล่อด้วยสำริด มีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในโลก ดังนั้นจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปชมและสักการบูชากันเป็นจำนวนมาก
.
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เปิดเวลา 06.30-18.00 น.
และสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ก็คือ “วัดนางพญา” สำหรับวัดแห่งนี้ถือเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อจังหวัดพิษณุโลกเป็นอย่างมาก
.
สันนิษฐานว่าผู้สร้างคือ พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา หรือพระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั่นเองค่ะ
ภายในพระอุโบสถของวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระสมเด็จนางพญาเรือนแก้ว พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอีกองค์หนึ่งของชาวพิษณุโลก
.
นอกจากนี้วัดนางพญายังมีชื่อเสียงในด้านพระเครื่อง คือ พระนางพญา สุดยอดเบญจภาคีที่ขึ้นชื่อในด้านเมตตามหานิยม
.
วัดนางพญา ถนนจ่าการบุญ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เปิดเวลา 07.00-17.00 น.
เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 กรกฎาคม 2562