เที่ยวย้อมใจ ไปสกลนคร : ครามรุณณี ย้อมครามด้วยใจ ตอนที่ 2

หลังจากผ่านขั้นตอนการเข็นฝ้ายไปแล้ว คุณยายจะพาไปทำอะไรต่อ ติดตามกันได้เลย

ตั้งหม้อคราม

สิ่งหนึ่งที่ฉันค่อยๆสัมผัสระหว่างนั่งชมแม่ๆยายๆทั้งเข็นทั้งทอฝ้ายให้ชมคือความอบอุ่นในครอบครัว ที่ทุกคนต่างมาช่วยกันในทุกๆกระบวนการ ซึ่งระหว่างที่กำลังสาธิตการเข็นฝ้าย สามีพี่รุณณีก็ง่วนอยู่กับการตัดใบมะม่วง และเตรียมส่วนผสมไว้ตั้งหม้อคราม ส่วนลูกสาวก็ช่วยตั้งไฟเตรียมต้มน้ำสำหรับย้อมร้อน ท่ามกลางเสียงหัวเราะและยิ้มแย้มกันตลอดเวลา อดรู้สึกไม่ได้ว่าผ้าครามบ้านนี้ต้องมีความรักเป็นส่วนผสมด้วยแน่ๆ

พี่รุณณีอธิบายเรื่องการย้อมให้ฟังว่ามีทั้งแบบย้อมร้อน และย้อมเย็น ซึ่งการย้อมร้อนของพี่รุณณีใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการย้อมทั้งหมด และเน้นเฉพาะส่วนใบ ดอก ผล ที่จะไม่ไปทำลายต้นไม้หรือไปตัดโค่น ซึ่งพืชอื่นที่นำมาย้อมก็เช่น ใบมะม่วง กาบมะพร้าวน้ำหอม ผลกระบก ใบสัก ใบยูคาลิปตัส ประดู่ ผลคำแสด ใบสาบเสือ ใบขี้เหล็ก ฯลฯ เอามาต้มโดยอาจจะเติมปูนแดง หรือสารส้ม และเกลือเข้าไปเพื่อช่วยดึงสีสันและติดคงทนกับเส้นฝ้าย

ส่วนการย้อมครามจัดเป็นการย้อมเย็น พี่รุณณีเล่าว่าสมัยก่อนในหนึ่งหม้อครามมี 3 รสถึงจะกลมกล่อม คือ เปรี้ยวจากมะขาม หวานจากกล้วยหรือน้ำตาล และเค็มจากน้ำขี้เถ้า ส่วนสูตรของพี่รุณณีมีส่วนผสมของเนื้อคราม ปูนแดง น้ำขี้เถ้า เอามาขยำๆผสมกัน จากนั้นย้ายลงหม้อ ตามด้วยน้ำมะขามเปียกที่ต้มมาเดือดๆ เทตามลงไป จากนั้นใช้ขัน ตักน้ำเทออกไปเรื่อยๆ หรือเรียกว่าโจกคราม แค่ 5-10 นาที ก็จะขึ้นฟอง ส่วนน้ำครามจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด ซึ่งช่วงนี้พี่รุณณีเอ่ยปากชมตลอดว่าสีสวยมาก จากนั้นก็ปิดฝา ทิ้งให้เย็น นี่แหละการตั้งหม้อคราม

เดี๋ยวก่อนนน! มีหม้อครามแล้วไม่มีผ้าย้อมครามได้ไง หลังจากคุณยายสอนฉันทอผ้าจนอ่อนใจ เพราะกว่าจะพุ่งได้แต่ละเส้นต้องลุ้นไม่แพ้วันหวยออก พี่รุณณีเลยชวนมาพับผ้ามัดย้อมกันระหว่างรอหม้อย้อมเย็นและย้อมร้อนได้ที่ ซึ่งก็ไม่ต้องเน้นทฤษฎี เราเน้นตามใจชอบ แต่พี่รุณณีก็จะคอยไกด์ว่าอยากได้ลายยังไง แกก็จะบอกให้ลองมัดแบบนั้นแบบนี้ จากนั้นก็นำไปจุ่มน้ำและเอาไม้ตีให้น้ำเข้าเส้นใย เสร็จแล้วเอาลงไปขยำๆ อยากได้เข้มๆก็แช่ไว้ โดยเฉพาะย้อมร้อนด้วยใบมะม่วงที่พี่รุณณีสาธิตด้วยใจฝ้าย พอยกขึ้นมาได้สีเหลืองอมเขียว สวยมากๆ จากนั้นก็นำไปผึ่งให้แห้ง รอชื่นชมผลงาน 

ถนนผ้าคราม

หลายคนเรียกที่นี่ว่า ถนนผ้าคราม เป็นกิจกรรมถนนคนเดินที่จัดทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ถึงจะมาในวันธรรมดา ถนนสายนี้ก็มีร้านจำหน่ายผ้าย้อมครามสกลนคร เรียงรายอยู่หลายร้าน เพียงแต่ถ้าเป็นวันหยุดจะมีร้านรวงอื่นๆ และกิจกรรมพิเศษให้ชม ซึ่งหลังจากที่เราทำกิจกรรมย้อมครามกันมาทั้งวัน พี่รุณณีก็ใจดีขับรถพาฉันเข้าเมืองมาเดินเล่นผ่อนคลายซักหน่อย

ถนนผ้าครามสายนี้อยู่ด้านหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม เราจึงแวะสักการะพระธาตุเชิงชุมเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อน จากนั้นพวกเราก็เดินเล่นชมบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ ซึ่งตามตรอกซอกซอยก็ยังมีหลายบ้านที่ตั้งหม้อย้อมครามกันแบบเล็กๆ น่ารัก เป็นสังคมคนทำผ้าย้อมครามที่อบอุ่น พี่รุณณีเดินไปทางไหนก็ทักทายทุกคนทุกร้าน ส่วนฉันเอง ก็อดไม่ได้ที่จะแวะดูเสื้อผ้าย้อมคราม รวมทั้งกระเป๋า และพวกเครื่องประดับต่างๆ เรียกว่าได้แต่งตัวผู้ไทมาโพสต์ท่าสวยๆ โดดเด่นกันกลางถนน แล้วยังได้ซื้อผ้าครามแท้ๆ จากสกลนครกลับบ้านไปด้วย

ย้อมครามด้วยใจ

เป็นเช้าที่เต็มใจตื่นแต่ฟ้ายังไม่สว่างหลังจากนอนหลับสบายในโฮมสเตย์กับเสียงฝนพรำๆ อีกกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาพักกับพี่รุณณีก็คือการใส่บาตรข้าวเหนียว ซึ่งพระท่านจะออกจากวัดมาบิณฑบาตรตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้าซะอีก เช้านี้เราแต่งตัวชุดผู้ไทกันอีกรอบ (แต่ใส่ชุดนี้มาหนึ่งวันสังเกตได้ว่าใส่สบายไม่ร้อนเลย) มารอพระที่หน้าประตูวัดโนนสวรรค์ วัดประจำชุมชน ไม่นานก็มีพระเดินเรียงแถวออกมา ซึ่งชาวบ้านก็จะใส่ข้าวเหนียวในบาตรอย่างเดียว ส่วนกับข้าวเขาเอาไปถวายกันต่างหากที่วัด จัดรวมเป็นสำรับกับข้าวพร้อมถวาย จากนั้นก็รับพร กรวดน้ำ หิ้วตะกร้ากลับบ้านแบบอิ่มบุญกันถ้วนหน้า

เช้านี้พี่สาวพี่รุณณีทำกับข้าวให้กินทั้ง ลาบหอยเชอร์รี่ ผัดผักบุ้ง แกงหวาย แกงเห็ด หมูย่าง พร้อมข้าวเหนียวกระติ๊บใหญ่ สำหรับนั่งล้อมวงกินข้าวกันพร้อมหน้า

แต่ก่อนจะลงมือ พี่รุณณีกับคุณยายส่งข้าวเหนียวหนึ่งกำมือและไข่ต้มหนึ่งฟองมาให้ฉันถือไว้ คุณยายจับสายสิญจ์มาผูกข้อมือพร้อมอวยพรด้วยสำเนียงผู้ไท ชวนให้รู้สึกขลังมากๆ ตามด้วยพี่รุณณีที่ผูกข้อมือฉันอย่างบรรจง พร้อมคำอวยพรมากมายที่มองเข้ามาที่ตาฉันตรงๆ ข้อความหนึ่งที่จะจำไม่ลืม “ถือว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วนะคะ” เป็นความรู้สึกที่ตื้นตันจริงๆ

ถึงจะเป็นเพียง 1 คืนกับอีก 1 วันกว่าๆ ที่ได้มาเรียนรู้วิถีผ้าย้อมครามและฝ้ายเข็นมือ แต่ก็รู้สึกผูกพันกับพี่รุณณีและครอบครัวจริงๆ นั่งรถออกจากหมู่บ้านพี่รุณณีมา มองรูปในมือถือแล้วก็คิดว่า ผ้าน้ำเงินเข้มอาจจะย้อมด้วยคราม แต่คุณค่าแท้จริงอยู่ที่การย้อมด้วยใจ แล้วพบกันใหม่ค่ะพี่รุณณี
.
ครามรุณณี บ้านหนองไผ่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เปิดทุกวัน ติดต่อจองทำกิจกรรมล่วงหน้า โทร. 089 569 8293 (พี่รุณณี)

Scroll to Top
Send this to a friend