1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ
วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย
หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์
วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร
ที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
เปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น.
2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย
วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด
มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง
ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย
วัดไชยวัฒนาราม
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน
ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น
ปราสาทหินพนมรุ้ง
ที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก
สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย
สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
ที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก
5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ
ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา
กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย
คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น
ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้
มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
กว๊านพะเยา
ที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา
7. ประภาคาร จ.ระนอง
ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ
ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย
ประภาคาร จ.ระนอง
ที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง
เปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น.
8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง
รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่
ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย
ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด
เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่
เกาะเต่า
ที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
10. แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต
ไฮไลท์หนึ่งของภูเก็ต ที่ถ้าไม่ได้มาเยือนก็เหมือนมาไม่ถึง
แหลมพรหมเทพ มีลักษณะเป็นหน้าผาที่ยื่นลงไปในทะเล มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมกันตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็น
เพราะนอกจากจะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแล้ว แหลมพรหมเทพในยามพระอาทิตย์ตกดินก็ยังมีบรรยากาศสุดโรแมนติกอีกด้วย
แหลมพรหมเทพ
ที่ตั้ง : ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 24 มีนาคม 2562