![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103651_34636626_2002340866504650_3015903482377928704_o.jpg)
1.ละลุ จ.สระแก้ว
คำว่า “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ทะลุ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เกิดจากการที่ดินถูกลมและฝนกัดกร่อน จนมีลักษณะเป็นรูปร่างต่างๆ กัน มองคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างก็มีลักษณะเป็นแท่งๆ จึงทำให้ละลุมีความสวยงามแปลกตา แตกต่างกันตามจินตนาการของแต่ละคน สวยจนได้รับสมญานามว่าเป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย”
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103681_34535246_2002340829837987_7717091710106337280_o.jpg)
การเข้าชมละลุ
นักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากนั้นใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้านเข้าไปชมละลุ ค่าเช่ารถประมาณ 200 บาท นั่งได้ 8-10 คน โดยมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นหรือยุวมัคคุเทศก์ท้องถิ่นคอยให้ความรู้ด้วย
สาเหตุที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปชมละลุเองนั้นก็เพราะอาจทำให้ดินบริเวณนั้นเกิดการยุบตัว และสร้างความเสียหายให้กับละลุได้นั่นเอง
หากใครต้องการพักค้างแรม ที่นี่ก็มีบริการบ้านพักที่ศูนย์บริการ หรือจะพักโฮมสเตย์ของชาวบ้านก็ได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 087 138 0865, 087 125 3709, 086 024 6678
ละลุเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
การเดินทาง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103697_34501726_2002340906504646_4861465081386369024_o.jpg)
2.ผาช่อ จ.เชียงใหม่
ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝน เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยหรือหลายพันปีก่อน บริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง สังเกตได้จากก้อนกรวดหินกลมมนซึ่งพบกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก
ภายหลังแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนเส้นทางไป บริเวณนี้ก็ได้ยกตัวเป็นเนินเขาสูง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านวันเวลา และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103713_34484090_2002340929837977_2579786107935784960_o.jpg)
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว : สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม :
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
การเดินทาง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103727_34558578_2002340966504640_6310217100048728064_o.jpg)
3.กองแลน จ.แม่ฮ่องสอน
กองแลน มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ปายแคนยอน” มีที่มาจากลักษณะของภูมิประเทศที่คล้ายแกรนด์แคนยอน แต่อยู่ที่อำเภอปาย จึงได้ชื่อว่า “ปายแคนยอน” นั่นเอง
กองแลนมาจากภาษาพื้นเมือง “กอง” หมายถึง ถนนหรือเส้นทางที่ใช้สัญจร ส่วน “แลน” หมายถึง ตะกวด (ตัวเงินตัวทอง) “กองแลน” จึงหมายถึง เส้นทางสัญจรของตะกวด ซึ่งเป็นทางที่แคบและเล็ก
เกิดจากเกิดจากการยุบตัวของภูมิประเทศ กลายเป็นภูเขาหินที่ลดหลั่นกันเป็นส่วนๆ บางส่วนยุบตัวมากกลายเป็นเหวลึก บางส่วนยังเหลือเป็นแนวสันเขาที่เป็นทางแคบๆ พอให้เดินได้ทีละคนเท่านั้น การยุบตัวและแผ่นดินที่ถูกกัดเซาะกินอาณาบริเวณกว่า 5 ไร่
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103743_34484505_2002341003171303_3792984278791356416_o.jpg)
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว : สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล และควรไปในช่วงเช้าหรือเย็น เพราะเวลากลางวันแดดจะร้อนจัด
หากใครชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติผสานความตื่นเต้นแล้วละก็ กองแลนก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้กินลมชมวิวชมธรรมชาติแล้ว ตามเส้นทางเดินที่แคบและสูงชันก็สร้างความตื่นเต้นให้เราไม่น้อย
การเดินทาง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103757_34507002_2002341029837967_4482414984650817536_o.jpg)
4.เสาดินนาน้อย-คอกเสือ จ.น่าน
เสาดินนาน้อย (ฮ่อมจ๊อม) มีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินสีแดงปนส้มรูปทรงต่างๆ กันไป บ้างเป็นแท่งแหลม บ้างก็มนกลม คล้ายฉาก คล้ายหลืบม่าน กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ โดยมีป่าเต็งรังขึ้นอยู่กระจัดกระจาย
เสาดินนาน้อยเกิดจากการที่ดินตะกอนทับถมและเลื่อนตัวสูงขึ้นจากผิวดิน ผ่านกาลเวลามานานราว 30,000-10,000 ปี สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน นอกจากนี้ยังค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่าอีกด้วย
ในช่วงฤดูหนาวป่าเต็งรังบริเวณรอบๆ เสาดินจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แดง ส้ม น้ำตาล ตัดกับสีน้ำเงินเข้มของท้องฟ้า สวยงามน่าชม
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103775_34725804_2002341059837964_9065871793654333440_o.jpg)
ห่างจากเสาดินนาน้อยมาประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับคอกเสือ ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดินด้านบนประมาณ10 เมตร เมื่อลงไปจะพบว่าบริเวณรอบๆ หุบผามีลักษณะเป็นหลืบม่าน รวมถึงมีแท่งดินรูปร่างต่างๆ กระจัดกระจายเหมือนกับที่เสาดินนาน้อย
ชาวบ้านเล่ากันว่า ในสมัยก่อนบริเวณนี้มีเสืออาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งชอบมาขโมยกินวัว ควาย และหมูของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงช่วยกันไล่ต้อนเสือให้ตกลงไปในบ่อดินดังกล่าว แล้วใช้ก้อนหินและไม้แหลมขว้างจนเสือตาย จึงได้เรียกบริเวณนี้ว่า “คอกเสือ”
แม้ว่าคอกเสือจะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ก็มีความงดงามเฉพาะตัว แตกต่างไปจากที่เสาดินนาน้อย จึงไม่ควรพลาดชมทั้ง 2 แห่ง
ช่วงเวลาการท่องเที่ยว : ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม :
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
เสาดินนาน้อยและคอกเสือ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.
การเดินทาง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103789_34536421_2002341156504621_2470042331949039616_o.jpg)
5.แพะเมืองผี จ.แพร่
แพะเมืองผี ความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นอย่างลงตัว จนปรากฏเป็นประติมากรรมธรรมชาติที่สามารถจับต้องได้
คำว่า “แพะ” เป็นภาษาพื้นเมือง แปลว่า ป่าละเมาะ ส่วน “เมืองผี” หมายถึงความเงียบเหงาวังเวง ซึ่งชื่อนี้อาจได้มาจากสภาพภูมิประเทศที่ดูเร้นลับน่ากลัวก็เป็นได้
แพะเมืองผี เกิดจากกรวดหินดินทราย อายุประมาณ 10,000-30,000 ปี ที่จับตัวกันไม่แน่นหนา ถูกกัดเซาะด้วยกระแสน้ำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นหน้าผาสูงต่ำสลับกัน และเกิดเสาดินเป็นแท่งกระจายอยู่ในพื้นที่ มีรูปร่างแตกต่างกันสวยงามแปลกตา เช่น ดอกเห็ดยักษ์ หน้าผา เสาม่าน แล้วแต่จินตนาการของผู้พบเห็น จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่แห่งความลับของดินตะกอน
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/480/1531103806_34380047_2002341183171285_2121211208496316416_o.jpg)
สำหรับผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพ ภาพกำแพงหินทรายสีน้ำตาลอ่อนตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มนั้นคงทำให้ช่างภาพกดชัตเตอร์กันได้รัวๆ อย่างไม่มีเบื่อ ประติมากรรมธรรมชาติรูปทรงต่างๆ ก็น่าเก็บไว้เป็นภาพความประทับใจจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
นอกจากนี้ตามรายทางยังมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านให้ชุ่มฉ่ำใจ จะนั่งทอดอารมณ์สัมผัสกับเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ ฟังเสียงสายลม ปล่อยใจไปกับจินตนาการก็ย่อมได้ ทุกวันนี้ความเร้นลับของประติมากรรมธรรมชาติรูปทรงแปลกประหลาดเหล่านี้ ก็ยังคงเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวเข้าไปไขปริศนาอยู่
แพะเมืองผีเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น ไม่เสียค่าธรรมเนียม
การเดินทาง