สถานที่ท่องเที่ยว

หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ ตั้งอยู่ที่คลอง 15 อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เป็นแหล่งเพาะพันธุ์พืช ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับต่างๆ ด้วยการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านกว่า 500 ครัวเรือน ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรในด้านนี้ ตลอดระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร รวมเนื้อที่กว่า 900 ไร่ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ และหลากหลายที่สุดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ไม้หอม ไม้มงคล บอนไซ พืชสวนครัว และสมุนไพรไทยนานาชนิด หรือแม้แต่ไม้ล้อมขนาดใหญ่เพื่อปลูกให้ร่มเงาก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ ในอดีต ชาวบ้านย่านนี้ประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนท้องทุ่งที่กว้าง แลดูโล่ง ให้มีความหลากหลายด้วยแปลงปลูกดอกไม้ประดับหลากสี และขยับขยายพื้นที่ปลูกไม้ประดับขนาดเล็กใหญ่ หลากหลายสายพันธุ์ ทำให้ปัจจุบันภาพของถนนฝั่งคลอง 15 เส้นนี้ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกและไม้ประดับนานาชนิด สร้างอาชีพใหม่ให้กับชาวบ้านจนกลายเป็นอาชีพหลักในที่สุด  หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับแห่งนี้ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามโครงการ Unseen Thailand ในมุมมองใหม่ วิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เส้นทางแห่งความสุขของจังหวัดนครนายก ที่ทุกคนต้องแวะชม ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ตลอดถนนสายเลียบคลอง 15 จะมีการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับขึ้น ภายในงานรวมกิจกรรมหลากหลายเช่น ประกวดไม้ดอกไม้ประดับ การจัดสวนหย่อม และความรู้ทางด้านพรรณไม้ต่างๆ ทั้งเพาะชำ ทาบกิ่ง ติดตาล้อมราก นอกจากนี้ยังมีศูนย์เรียนรู้อาชีพ กลุ่มไม้ถัก ที่นำเอาต้นหลิว ไทรไข่มุก ไทรอังกฤษ ไผ่กวนอิม ไผ่เงิน ไผ่ทอง ฯลฯ มาถักเป็นรูปทรงหลากหลายแบบ เช่น ถักเป็นรูปหัวใจ หอไอเฟล ขวดแชมเปญ กระเช้า แจกัน แก้วนํ้า ฯลฯ การเดินทางไปยังหมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับนี้ไม่ยาก เริ่มต้นจากฟิวเจอร์พาร์ครังสิตแล้ววิ่งตามเส้นถนนรังสิต-นครนายก จากคลอง1 ไปจนถึงคลอง15 ปากทางเข้าอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีซุ้มประตูเขียนว่าหมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับอยู่ ให้เลี้ยวเข้าไปตลอดเส้นทางก็จะได้พบกับหมู่บ้านดอกไม้รังสิต คลอง 15 ยาวตลอดเส้นทาง การเดินทางในทุกๆ ครั้ง นักเดินทางบางท่านอาจเก็บสิ่งระลึกเป็นภาพถ่าย บางท่านรักที่จะเก็บเป็นภาพความทรงจำ … แต่จะดีแค่ไหน หากเราสามารถนำธรรมชาติที่ได้ไปพบเห็นกลับมาด้วย โดยวิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการพาต้นกระบองเพชรเล็กๆ กลับมาเป็นสัญลักษณ์ของความอดทน หรือจะซื้อไม้ดอกขนาดย่อม ที่ยังมีแต่ใบ นำกลับมารดน้ำดูแลเพื่อเฝ้ารอวันที่ดอกสวยผลิกลีบบาน เพื่อระลึกว่าวันหนึ่งเราเคยได้มาเยี่ยมชมแหล่งเพาะขยายพันธุ์พืชทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ และยังเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่โลกใบนี้ด้วยเช่นกันผู้แต่ง

หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก อ่านเพิ่มเติม

“สามพันโบก” ความสวยงาม..ยามหน้าแล้ง

“สามพันโบก” ความสวยงาม..ยามหน้าแล้ง ด้วยกระแสน้ำที่กัดเซาะแก่งหินผ่านกาลเวลาที่ยาวนาน กลายเป็นประติมากรรมแก่งหินใหญ่น้อยที่มีรูปร่างลักษณะต่างๆสวยงาม แปลกตา เช่น โบกหินรูปหัวใจ โบกหินรูปดาว โบกหินรูปการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ หินหัวสุนัข และอื่นๆมากมาย สามพันโบก ยังเป็นที่เพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดในลำน้ำโขงตามธรรมชาติแหล่งใหญ่ที่สุด รักษาระบบนิเวศและการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำในลำน้ำโขงให้อยู่ได้อย่างสมดุล ชาวบ้านบริเวณนี้ทั้งฝั่งไทยและลาว นอกจากทำการเกษตรแล้วยังจับปลาเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย การเดินทางไปยังสามพันโบก ต้องนั่งเรือจากบริเวณหาดสลึง ที่บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร ล่องตามลำน้ำโขงระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ระหว่างทางจะผ่าน “ปากบ้อง” จุดแคบที่สุดของแม่น้ำโขง ซึ่งมีความกว้างเพียง 56 เมตร และ “หินหัวพะเนียง” เป็นแก่งหินกลางแม่น้ำที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสายหรือที่เรียกว่า “สองคอน” ในภาษาท้องถิ่น จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านสองคอน”อีกด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆอีก เช่น ถ้ำนางเข็นฝ้าย ถ้ำนางต่ำหูก หาดหงส์ หาดหินสี หลักศิลาเลข แก่งสองคอน ภูเขาหิน และหาดแห่ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนั้นมีที่พัก ร้านอาหาร เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมากมาย พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย

“สามพันโบก” ความสวยงาม..ยามหน้าแล้ง อ่านเพิ่มเติม

Yellow Pumpkin Cafe จ.นครราชสีมา

ร้าน Yellow Pumpkin Cafe ชื่อก็บอกว่านางคือฟักทองสีเหลือง ฉะนั้นของหวานเขาไม่ธรรมดาเพราะทำมาจากฟักทอง ไปจัดๆๆ  เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันพฤหัสบดี) ตั้งแต่เวลา10.00 – 18.00 น.  พิกัด : ตั้งอยู่ในตรอกสำราญจิต ถ.จอมพล อ.เมือง จ.นครราชสีมา อยู่ด้านหลังของอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีโทร.098 221 2001 ร้านเล็กๆที่มองแล้วชวนเดินเข้าไปสุดๆ หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้เยอะมาก ก็ต้องเก็บภาพไว้หน่อยค่ะ บรรยากาศภายในร้านทำให้นึกถึงญี่ปุ่นเบาๆ ตรงนี้เป็นบริเวณเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มของหวาน โดยรวมแล้วร้านนี้มีความคุมโทนเบาๆแม้แต่บาริสต้า : D เข้ากันได้อย่างลงตัว โซนที่นั่งการตกแต่งเข้ากันดีมาก เลือกกันได้เต็มที่ช่วงเช้าๆคนอาจจะยังไม่เยอะ ถ่ายรูปได้โล่งๆเลย โทนอุ่นๆด้วยเเสงไฟสีเหลืองจางๆ มีต้นไม้มองสบายตา นอกเหนือจากของหวานๆก็มีของเท่ๆอยู่ในร้าน เพราะทางร้านเขาขายของแนวๆด้วย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ คนฮิปๆก็ต้องมีติดไม้ติดมือกลับไปบ้างแล้วล่ะ หยุดบรรยากาศเอาไว้ก่อน มากินกันดีกว่า เมนูแรก Yellow Pumpkin cheese cake ซิกเนเจอร์ของร้านทำจากฟักทองผสมครีมชีส หวานๆแต่ก็มีรสเปรี้ยวตัด เสิร์ฟคู่กับวิปครีม ฟินเลย… มาแล้วต้องกิน ห้ามพลาด!! ช็อคโกเเลตร้อนจ้า วันไหนฝนตกจัดเมนูนี้เลย Yellow pumpkin cream cheese เป็นเค้กฟักทอง ครีมชีสอยู่ด้านบนให้ได้รสเปรี้ยวๆนุ่มๆ มีความผสมอัลมอนด์ให้เคี้ยวด้วย อร่อยเว่อร์ เห็นทางเข้ามาไหมคะ อย่างที่บอกว่าแค่เดินเท้ากับจักรยานหรือจักรยานยนต์เข้ามาจะดีกว่ารถยนต์นะคะ ให้นางแบบเขาหน่อยค่ะ มีหนุ่มให้ดอกไม้ ฮ่าๆๆ ดูไม่ค่อยเขินเท่าไหร่นะคะ (ใช่หรอ) บริเวณนอกร้านก็จะมีมุมให้ได้ถ่ายรูปกันด้วย เก๋ๆ

Yellow Pumpkin Cafe จ.นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : เดิน ท่อง ล่อง คลอง ณ ดินแดนสามคลอง สองเมือง ชุมชนวิถีพุทธคลองแดน จังหวัดสงขลา

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : เดิน ท่อง ล่อง คลอง ณ ดินแดนสามคลอง สองเมือง ชุมชนวิถีพุทธคลองแดน จังหวัดสงขลา คนส่วนใหญ่จะรู้จักชุมชนคลองแดนผ่านตลาดริมคลอง ตลาดมีอาหารและขนมพื้นบ้าน ที่ชาวคลองแดนร่วมกันอนุรักษ์มาจำหน่าย เช่น ปลาทอดทรงเครื่อง (สูตรโบราณ) แป้งแดง ขนมกอ ขนมจาก ขนมลูกโดน ขนมโค ขนมพิมพ์ ขนมจำปี ขนมค่อม ขนมเทียน ขนมดอกลำเจียก เป็นต้น ตลาดริมคลอง ชุมชนบ้านคลองแดน เปิดเฉพาะวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. บรรยากาศชิลล์ๆริมคลอง กับอาหารอร่อยๆ ศูนย์รวมจิตใจของชุมชนอย่างวัดคลองแดน แวะมากราบไหว้สักการะ “องค์พระทอง” ชม “หอฉัน” หอที่สร้างจากไม้เคี่ยม ไม้หลุมพอ และไม้ยาง อายุกว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังมี “โพนฟ้าลั่น” กลองขนาดใหญ่ทำจากไม้หลุมพอ และเรือขุดโบราณ ที่ยังคงความสมบูรณ์ สวยงาม นอกจากนั่งเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตในชุมชนแล้ว ยังสามารถเช่าจักรยานจากที่พัก ปั่นเที่ยวชม -พิพิธภัณฑ์ครูสายัณห์ พิพิธภัณฑ์บ้านเรือนไม้ริมคลองอายุกว่า 100 ปี พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในของชุมชนตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน -ร้านขายยาโบราณ ร้านศรีสุขโอสถ ทั้งยาสมุนไพร ยาต้ม ยาชง และยาแคปซูล ตามตำรายาที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษชาวจีน อาชีพหลักของชุมชนคือการทำเกษตรกรรม “ข้าวซ้อมมือ”เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ ที่ผลิตโดยกรรมวิธีโบราณ ไม่ผ่านการสีข้าวโดยเครื่องจักร สุดท้ายพลาดไม่ได้การซื้อของที่ระลึก “ปูนปั้นรูปมโนราห์” จากนาฏศิลป์ปักษ์ใต้ สู่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชุมชนคลองแดน กลุ่มหัตถกรรมปูนปั้นรูปโนรา เกิดจากแรงบันดาลใจของครูมโนราห์เก่าแก่ในชุมชน ที่ต้องการช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม จึงร่วมมือกับครูสอนมโนราห์รุ่นใหม่ในการทำปูนปั้นรูปมโนราห์เด็กในท่ารำต่างๆ เพื่อบันทึกความรู้ไว้ ไม่ให้สูญหาย การพัฒนารูปปั้นมโนราห์ได้รับการสนับสนุนและออกแบบจากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย นอกจากปูนปั้นแล้ว ยังมีของที่ระลึกเก๋ๆที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานจริงได้และสื่อถึงมโนราห์ด้วย

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : เดิน ท่อง ล่อง คลอง ณ ดินแดนสามคลอง สองเมือง ชุมชนวิถีพุทธคลองแดน จังหวัดสงขลา อ่านเพิ่มเติม

ปั่นสองน่อง ท่องนครแห่งศิลาแลง

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของเมืองมรดกโลก (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร) ที่ยูเนสโกประกาศไว้เมื่อ พ.ศ.2534 มีโบราณสถานที่สวยงาม สามารถไปปั่นจักรยาน ซึมซับบรรยากาศของเมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แล้วเราจะพบว่าเมืองแห่งนี้นั้นสงบสุขเพียงไร  ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท : ชาวต่างประเทศ 100 บาท อัตราค่ายานพาหนะรถจักรยานสองล้อ คันละ 30 บาท/คัน พร้อมแล้ว ไปปั่นกันเลย! ที่แรกเราแวะที่ ศาลหลักเมืองเมืองกำแพงเพชร เป็นเมืองที่มีนามอันเป็นมงคล หมายถึง ความมั่นคง ประดุจเป็นเมืองที่มีปราการทำด้วยเพชร ศาลหลักเมืองกำแพงเพชรจึงเป็นสิ่งที่พ้องกับความมั่นคงไม่หวั่นไหว จึงเหมาะสำหรับขอพรเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อาชีพ ของหาย ของรัก ฯลฯ ปั่นมาแป๊บเดียว ใกล้ๆกัน คือ วัดพระแก้ว อยู่ใจกลางเมืองกำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นวัดสำคัญอยู่ในบริเวณวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย  ภายในวัดประกอบด้วยโบราณสำคัญๆ ได้แก่ พระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ ซึ่งภายในองค์พระก่อด้วยศิลาแลง ประกอบด้วยพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์ พระพุทธรูปมีพระพักตร์ค่อนข้างเหลี่ยม ตามแบบศิลปะอู่ทอง เจดีย์ประธานทรงระฆัง ที่ฐานมีร่องรอยของการทำสิงห์ล้อม เหนือขึ้นไปเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งชำรุดไปเกือบหมด  นอกจากนี้ภายในวัดยังมี เจดีย์ช้างล้อม วิหาร มณฑป อุโบสถ และเจดีย์ราย ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงเป็นแท่ง บรรยากาศ สงบ ร่มเย็นมากจริงๆ  ปั่นไปกันต่อที่ วัดพระธาตุ อยู่ด้านทิศตะวันออกติดกับวัดพระแก้ว มีเจดีย์ทรงระฆังฐานแปดเหลี่ยมเป็นประธาน ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ยิ่งใหญ่ สวยงาม ที่ถัดมาคือ วัดพระนอน.วิหารวัดพระนอน ภายในเรียงรายด้วยเสาขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ซึ่งความพิเศษอยู่ที่ เสาแต่ละต้นใช้ศิลาแลงเพียงก้อนเดียวเท่านั้น!  หลักฐานทางประติมากรรมที่พบคือ ใบเสมารูปเทพนม พาลีกับทรพีสันนิษฐานว่าสลักขึ้นในสมัยอยุธยา  ด้านหน้าของวิหารคืออุโบสถขนาดใหญ่ มีกำแพงศิลาแลงปักล้อมรอบวัดทั้ง 4 ด้าน ฐานและเสาทำจากศิลาแลง ทางเดินปูด้วยศิลาแลง  มาต่อกับที่ถัดมา วัดพระสี่อิริยาบถ หรือ วัดพระยืน ด้านหน้าวัดมีอุโบสถขนาดใหญ่ยกฐานสูง 2 เมตร ถัดเข้ามาเป็นมณฑปจัตุรมุข แต่ละทิศประดิษฐานพระพุทธรูป 4 อิริยาบถ เรียงจากทิศตะวันออกไปยังทิศเหนือ (ตามเข็มนาฬิกา) คือ เดิน นั่ง ยืน และนอน ตามลำดับ  ปัจจุบันเหลือเพียงพระยืนขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ พระพักตร์มีลักษณะแบบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยสกุลช่างกำแพงเพชร คือ พระนลาฏกว้าง และพระหนุเสี้ยม งดงามมาก ปั่นต่อไปอีกนิดจะถึง วัดสิงห์ ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถไปทางทิศเหนือ 100 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เวลาสร้างถึง 2 สมัยคือ สมัยสุโขทัยและอยุธยา ผังรวมของวัดแบ่งเขตพุทธาวาสให้อยู่ในกลุ่มกลางล้อมรอบด้วยเขตสังฆาวาสหรือกุฏิสงฆ์  โดยมีเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมมีมุขยื่น 4 ทิศเป็นประธาน ส่วนบนของเจดีย์ปรักหักพังไปหมดแล้ว สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์  ด้านหน้าเป็นอุโบสถขนาดใหญ่ยกฐานสูง บนฐานประทักษิณประดิษฐานใบสีมาไว้ทั้งแปดทิศ ตรงบันไดทางขึ้นอุโบสถพบชิ้นส่วนของสิงห์ประดับอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของชื่อวัด บรรยากาศ สงบ น่าหลงใหลจริงๆ ที่สุดท้ายของวันนี้คือ วัดช้างรอบ เป็นวัดที่สร้างอยู่บนเนินเขาขนาดย่อม มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ซึ่งยอดหักพังไปหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนฐาน รอบๆ ฐานเจดีย์ประดับด้วยช้างทรงเครื่องครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก ระหว่างช้างแต่ละเชือกมีภาพปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาในพระพุทธศาสนา เช่น ต้นโพธิ์ ต้นสาละ เป็นต้น เหนือขึ้นไปเป็นลานประทักษิณ มีบันไดทางขึ้นอยู่ทั้งสี่ด้าน จริงๆ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ ยิ่งเราได้ปั่นไปเยือน ยิ่งทำให้เราจินตนาการถึงความรุ่งเรืองในอดีต ได้ถ่ายรูปสวยๆ บรรยากาศร่มรื่นตลอดทาง ลองมาเที่ยวกันดูนะ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ททท. สำนักงานสุโขทัย (ดูแล สุโขทัย กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์) โทร 055 616 228-9อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร โทร 055 854 736-7 การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360

ปั่นสองน่อง ท่องนครแห่งศิลาแลง อ่านเพิ่มเติม

นั่งรถไฟไปเที่ยววังกรด ตลาดเก่าเล่าเรื่อง จ.พิจิตร

ตลาดเก่าวังกรดในพื้นที่ชุมชนย่านเก่าวังกรด ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ที่ตำบลวังกรด อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร ก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่  ย่านชุมชนเก่าเปิดวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่ 08.30-15.00 น. ตลาดเก่าเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-15.00 น. การเดินทางทริปนี้เราเดินทางโดยรถไฟ มีบริการรถไฟสายเหนือออกจากสถานีหัวลำโพงทุกวัน ขบวนจอดรถที่สถานีวังกรด วันละ 2 เที่ยว รอบ 07.00 – 13.00 น.รอบ 09.25 – 17.01 น.โทร 1690 หรือ www.railway.co.th  หรือหากสะดวกรถยนต์จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข32 (สายเอเชีย)ถึงนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงหมายเลข117 ถึงอำเภอสามง่าม แยกขวาใช้ทางหลวงหมายเลข115 ผ่านพิจิตรจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำน่าน แยกเข้าทางซ้ายมือตามป้ายบ้านวังกรด เลี้ยวขวาใต้สะพาน วิ่งขนานทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทศบาล 1 ถึงย่านเก่าบ้านวังกรด แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดย่านเก่าวังกรดที่รุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักอย่างมากมายในอดีต ก็ไม่เคยจางหายไปเห็นได้จากบ้านไม้เก่าแก่ สถานที่ สิ่งของต่างๆอาจจะเป็นความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคน ไปเที่ยวย่านเก่าวังกรดโดยรถไฟเก๋ไก๋นะจะบอกให้ ดูวิถีชีวิตเนิบๆของชุมชน เสน่ห์ทางวัฒนธรรมและความเรียบง่าย ลงจากรถไฟย่างก้าวเข้ามาถึงจะพบหอนาฬิกากลางตลาด แสดงให้เห็นว่ามาถึงแล้วไม่หลงจ้า ผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาทำการค้าก่อร่างสร้างตัวรุ่งเรืองทางด้านค้าขายเป็นอย่างมาก ก่อนจะไปตระเวนกัน มารู้จักกับประวัติของย่านนี้กันสักหน่อย เดิมทีนี่มีชื่อว่า ชุมชนวังกลม และเปลี่ยนเป็น วังกรด ตามชื่อสถานีรถไฟในสมัยรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้สร้างทางรถไฟสายเหนือขึ้นโดยสร้างตัดผ่านชุมชน ทำให้มีสถานีรถไฟวังกรดเกิดขึ้น และชุมชนวังกรดเจริญในเรื่องการค้าขายมากขึ้น  หลวงประเทืองคดี คหบดีในชุมชนที่มีอาชีพรับราชการอัยการ จึงก่อตั้งตลาดวังกรดขึ้นเพื่อเป็นชุมชนค้าขายอย่างจริงจัง สองเท้าก้าวเดิน..จะพบเห็นบ้านไม้ 2 ชั้นเรียงรายติดกันตามถนนเส้นเล็กๆนั้น แต่ละบ้านจะค้าขายของต่างๆ ร้านค้าเก่าแก่ยังคงอยู่สืบทอดกิจการอย่างร้านยาสมุนไพรและร้านอาหารที่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและเอกลักษณ์โบราณ  เดินลัดเลาะกันไปเรื่อยๆตามถนนเส้นเล็กๆ จะเจอบ้านเรือนที่มีทั้งร้านค้าและศูนย์ข้อมูลให้ความรู้ ความเป็นมาในอดีตของตลาดเก่าแห่งนี้ได้กลิ่นอายบรรยากาศในอดีต สักการะขอพรศาลเจ้าพ่อวังกลมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพของชาวชุมชนวังกรด มาถึงแล้วก็ต้องเข้าไปกราบหน่อยค่ะเพื่อสิริมงคล เดินชมตลาดเรื่อยๆถัดออกมาหน่อยจะเจอ บ้านหลวงประเทืองคดี เป็นบ้านของผู้ริเริ่มก่อตั้งตลาดวังกรดแห่งนี้ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ตัวอาคารเป็นตึกที่สร้างขึ้นเป็นหลังแรกของชุมชน ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาประวัติความเป็นมาของสถานที่อันน่าสนใจแห่งนี้

นั่งรถไฟไปเที่ยววังกรด ตลาดเก่าเล่าเรื่อง จ.พิจิตร อ่านเพิ่มเติม

ตำด๊องแด๊ง เมนูสุดแซ่บ ท้าลมร้อน ณ เมืองเลย

ตำด๊องแด๊ง เมนูแซ่บท้าลมร้อน ณ เมืองเลย ขอบคุณภาพจาก ททท.สำนักงานเลย เส้นด๊องแด๊ง คือ เส้นแป้งข้าวเจ้าที่บีบออกมาจากพิมพ์ ลักษณะเหมือนเส้นเกี้ยมอี๋ นำมาตำเป็นเมนูส้มตำ ส่วนใหญ่จะเป็นตำซั่วหรือตำปูปลาร้า ที่เรียกเส้นด๊องแด๊ง เพราะรูปร่างเป็นเส้นสั้นๆ อ้วนๆ เวลาตักขึ้นมาจากหม้อ เส้นจะดิ้นไปมา จึงเรียกแบบน่ารักๆว่า เส้นด๊องแด๊ง ขอบคุณภาพจาก : pantip สมาชิกหมายเลข 3060998 หลังจากบีบออกมาจากพิมพ์ และผ่านการลวกแล้ว เส้นที่ได้จะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ เนื้อสัมผัสหนึบๆ ดึ๋งๆ เอามากินเล่นเปล่าๆก็อร่อยไปอีกแบบ ขอบคุณภาพจาก : pantip สมาชิกหมายเลข 1597982 หลังจากได้เส้นมาแล้ว ก็เอามาตำเป็นส้มตำแบบนี้แหละค่ะ พูดมาขนาดนี้แล้ว หลายคงคงอยากไปจัดตำด๊องแด๊งสักจาน ให้รู้กันไปเลยว่าจะอร่อยแซ่บขนาดไหน แอดมินขอแนะนำร้านส้มตำที่ทำเมนูตำด้องแด้ง ได้อร่อยเด็ด แซ่บซี้ดถึงใจ ให้ทุกคนไปตามรอยกันเลย!! ขอบคุณภาพจาก : pantip สมาชิกหมายเลข 3060998 เปิดลายแทงส้มตำร้านเด็ดในเชียงคาน ตามนี้เลยค่ะ 1. ส้มตำป้าสรวง ที่ตั้ง 311/4 ซ.ศรีเชียงคานซอย 10 ติดกับตลาดสดเชียงคาน เปิด 08.00 – 17.00 น. 2. จิตส้มตำ ถนนศรีเชียงคาน ปากซอย 21 ด้านหลังโรงเรียนเชียงคาน วิจิตรวิทยา เปิดทุกวัน 9.00 – 18.00 น. ไม่อยากไปแล้วเงิบ เจอร้านปิด โทรไปก่อนที่เบอร์ 085 752 8887พิกัด : https://goo.gl/maps/cjQpnQHGbkA2 3. ตำด๊องแด๊ง ณ เชียงคาน ถนนศรีเชียงคาน ใกล้โรงพยาบาลเชียงคาน เปิดทุกวัน 07.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/6wgxoiwupLG2 ถ้าใครยังไม่มีเวลาไปจังหวัดเลย ที่กรุงเทพก็มีร้านตำด๊องแด๊งส่งตรงมาจากเมืองเลยให้ทานนะคะ  ร้านหน่อยตำซั่ว เมืองเลย สาขารามอินทรา ที่ตั้ง: ปากซอยพระยาสุเรนทร์ 25 ถนนพระยาสุเรนทร์ เปิดทุกวัน 11.00 – 21.00 น. พิกัด https://goo.gl/maps/kPdqQXTvJ9F2 ขอบคุณรูปภาพจาก : facebook ร้านหน่อยตำซั่ว

ตำด๊องแด๊ง เมนูสุดแซ่บ ท้าลมร้อน ณ เมืองเลย อ่านเพิ่มเติม

อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย

ยานธรณีสตูลเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้…

อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม

สุข สงบ งดงาม วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) อุทัยธานี

วัดอุโปสถารามมีอายุหลายร้อยปี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสิทร์ตอนต้น…

สุข สงบ งดงาม วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) อุทัยธานี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top