ระยอง

ระยอง

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน

เริ่มเข้าสู่ซีซั่นแห่งท้องทะเลกันแล้ว ช่วงนี้เหมาะแก่การไปเที่ยวทะเลแบบสุดๆ วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำ 5 เกาะสวยทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ที่พร้อมให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับความงดงาม และทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ ชมปะการัง เล่นน้ำทะเลใสๆ หรือเดินเล่นบนหาดทรายขาว หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ถือเป็นจุดดำน้ำดูปะการังยอดฮิต ที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ที่สุดและโดดเด่นในเรื่องความสวยงามของท้องทะเลที่ไม่แพ้ที่ไหนเลยทีเดียว ช่วงเวลาเปิดเกาะ : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือโดยสารจากท่าเรือคุระบุรีไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ก็ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร.076 472 145-6 เกาะทะลุ จังหวัดระยอง เกาะทะลุ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลสีฟ้าใสและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่สวยงาม ไฮไลท์อยู่ที่จุดดำน้ำตื้นบริเวณเกาะทะลุ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่ได้ ขอบอกว่าสวยไม่แพ้ทะเลใต้เลย การเดินทางไปยังจุดดำน้ำเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เกาะช้าง จังหวัดตราด เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราดและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีปะการังสวยที่สุดในบรรดาหมู่เกาะทางภาคตะวันออก เหมาะสำหรับการดำน้ำทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลยล่ะ เกาะช้างสามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี แต่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม เป็นช่วงที่มีคลื่นลมน้อยที่สุด การเดินทางไปเกาะช้างหรือเกาะต่างๆ จึงค่อนข้างสะดวก บนเกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย ค่าธรรมเนียมชาวไทย– วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท– วันศุกร์ – วันอาทิตย์ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท การเดินทางไปยังเกาะช้าง สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติหรือท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ เฟอร์รี่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมท่าเรืออ่าวธรรมชาติ โทร. 039 555 188, 039 512 528, 081 943 5872ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ โทร. 039 538 196, 039 597 198, 086 056 9555 หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร หมู่เกาะง่าม ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ประกอบด้วยเกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามน้อย ซึ่งมีทรัพยากรทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย เกาะง่ามใหญ่และเกาะง่ามน้อย นับเป็นแหล่งดำน้ำที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งทางฝั่งอ่าวไทย โดยดำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลย ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชม แต่ถ้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม เราก็อาจจะได้เห็นฉลามวาฬด้วยนะ สามารถติดต่อขึ้นเรือได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งให้บริการเรือแบบเหมาลำ หรือจะใช้บริการของบริษัทสยามคาตามารันที่ให้บริการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลชุมพรก็ได้ ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 077 558 144 (ในวันและเวลาราชการ) เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี เกาะแสมสารเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอสัตหีบ เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยที่สวยไม่แพ้ฝั่งอันดามันเลยทีเดียว เกาะแสมสารสามารถมาเที่ยวแบบ One day trip ได้ และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยมีหาดที่เปิดให้เที่ยวชมอยู่ 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม ซึ่งมีจุดดำน้ำที่สวยงาม มีปะการังหลากหลายสีสัน และหายทรายสีขาวนวล นอกจากนี้นี้ยังมีร้านขายขนมและเครื่องดื่มด้วย ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที รอบเรือไปเกาะแสมสาร09.00 / 10.00 / 11.00 / 12.00 และ 13.00 น.รอบเรือเที่ยวกลับ11.30 / 12.30 / 13.30 / 15.30 และ 16.00 น. ค่าเรือบริการ (ไป-กลับ รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท ค่าบริการกิจกรรมดำน้ำ คนละ 50 […]

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND

1. เกาะนางยวน สุราษฎร์ธานี ที่อยู่ : เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ 3.เกาะมันใน ระยอง ที่ตั้ง : ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 4.หาดมังกร หรือสันหลังมังกร เกาะกวาง เกาะปูเลาอูบี และเกาะปูเลาตีกอ  ที่ตั้ง: เกาะกวาง หมู่ 1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 5.หาดแม่หาด เกาะพะงัน  ที่ตั้ง : บ้านโฉลกหลำ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND อ่านเพิ่มเติม

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์

1. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ศูนย์ฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพัฒนาอาชีพด้านการประมงและการเกษตรในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลจันทบุรี รวมไปถึงการสร้างระบบนิเวศเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และการอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ  ภายในพื้นที่ป่าชายเลนจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ระหว่างทางมีศาลาพักซึ่งมีบอร์ดให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศูนย์ฯ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ในป่าชายเลน จำนวน 10 ศาลา กระจายตัวอยู่เป็นระยะ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอดสองข้างทาง นอกจากกิจกรรมเดินชมและศึกษาพื้นที่ป่าชายเลนแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ – การขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนหอดูเรือนยอดไม้ ซึ่งนอกจากจะได้เห็นพื้นที่ป่าชายเลนโดยรอบแล้ว ยังอาจพบนกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งมีมากกว่า 120 ชนิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นนกยางเปียง นกยางเหนียว นกจาบคาเล็ก ฯลฯ – กิจกรรมพายเรือคายัครอบพื้นที่ป่าชายเลน – บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์ฯ ยังมีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งมีพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ จัดแสดงไว้ให้ชมถึง 36 ชนิดด้วยกัน  นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังมีบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย  ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 นโทร. 039 433 216-8, 039 433 210  สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) – วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-17.30 น. โทร. 039 433 105 Website: http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen พิกัด : https://goo.gl/maps/6xQ3crf1cAm 2. โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งพื้นที่ป่าชายเลน ที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับน้ำเน่าเสียและขยะมูลฝอยของจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาธรรมชาติอีกด้วย  ภายในพื้นที่โครงการฯ จะมีทางเดินไม้ทอดยาวไปตามป่าชายเลน ระยะทางประมาณ 850 เมตร ตลอดทางค่อนข้างร่มรื่นเพราะมีต้นโกงกางและต้นแสมคอยปกคลุม รวมทั้งยังมีจุดชมวิวหอภูมิทัศนา เป็นจุดชมวิวมุมสูงเหนือป่าชายเลน ให้เราได้ศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลน รวมทั้งยังเป็นจุดชมนกประเภทต่างๆ ซึ่งที่นี่นับว่าเป็น 1 ใน10 ของแหล่งดูนกที่ดีที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ไฮไลท์อยู่ที่ปลายทางของสะพานที่ยื่นออกไปกลางทะเล จากจุดนี้เราจะเห็นวิวที่สวยงามของท้องทะเลและป่าชายเลน เหมาะแก่การนั่งพักหรือถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมระบบการจัดการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการต่างๆ ของโครงการฯ และที่นี่ยังมีที่พักให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรมอีกด้วย  ภายในโครงการฯ มีบริการรถรางนำชมตามจุดต่างๆ หรือถ้าอยากชิลล์จะปั่นจักรยานชมรอบๆ ก็ได้  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 02 579 2116Website: http://www.lerdilc.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/ZwuMxrEj6h32 3. ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์  หนึ่งในป่าชายเลนในพื้นที่ปากน้ำปราณบุรี ซึ่งแต่ก่อนเคยมีสภาพเสื่อมโทรมจากการทำนากุ้งมาเป็นเวลานาน แต่ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จฯ ปราณบุรี พ.ศ.2539 ทำให้มีการยกเลิกสัมปทานนากุ้ง และฟื้นฟูพื้นที่ 786 ไร่ ให้กลายเป็นป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางเช่นทุกวันนี้  ภูมิทัศน์โดยรอบของป่าชายเลนแห่งนี้ มีความสงบ ร่มรื่น และเย็นสบาย มีทางเดินลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ระยะทาง 1 กิโลเมตร ระหว่างทางมีป้ายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับป่าชายเลนแห่งนี้ เหมาะสำหรับศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ ต้นโกงกางและพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมไปถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนด้วย นอกจากการเดินชมต้นโกงกางตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมในจุดอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นชมวิวบนหอชะคราม หอคอยสูงเท่าตึก 6 ชั้น ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็นผืนป่าชายเลนเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หรือชมต้นโกงกางประวัติศาสตร์ ต้นโกงกางใบเล็ก 2 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปลูกไว้อีกด้วย  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 032 632 255 Website: https://welovesirinart.wordpress.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/wup77tyRCyJ2 4. ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง  สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ริมน้ำประแส ซึ่งแต่เดิมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่นี้เคยเป็นพื้นที่ทำการประมง เลี้ยงกุ้ง และทำการเกษตรของชาวบ้านมาเป็นเวลานาน จนทรัพยากรบริเวณนี้เกิดความเสื่อมโทรม หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่เริ่มเห็นความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน จึงได้ร่วมกับชาวบ้านฟื้นฟูป่าชายเลนแห่งนี้ เพื่อให้ระบบนิเวศได้ฟื้นคืนกลับมา และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ป่าชายเลนมีสะพานไม้ให้เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองข้างทางตลอด 1 กิโลเมตร จะมีพันธุ์ไม้หลายชนิดขึ้นอยู่มากมาย จุดเด่นคือต้นโปรงงมากมายที่ขึ้นเบียดเสียดกันเต็มท้องทุ่งจนมองไม่เห็นพื้นดินด้านล่าง จนเรียกกันว่าเป็น “ทุ่งโปรงทอง” ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมทุ่งโปรงทองก็คือ ช่วงเช้า และบ่ายแก่ๆ ที่เมื่อสีเขียวปนเหลืองอ่อนของใบไม้กระทบกับแสงแดดก็จะกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งทุ่ง งดงามมาก เชื่อว่าใครที่ได้ไปชมก็คงไม่พลาดที่จะเก็บภาพไว้อย่างแน่นอน  นอกจากทุ่งโปรงทองแล้ว ภายในบริเวณนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงาม ได้แก่ ศาลาริมน้ำ หรือ ท่าน้ำที่ยื่นออกไปในทะเล และถ้ามาจากทางวัดตะเคียนงาม ปลายทางจะไปที่ปากน้ำประแสจะมีเรือรบหลวงประแส ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมด้วย เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.เทศบาลตำบลปากน้ำประแส โทร. 038 661 720-1พิกัด : https://goo.gl/maps/XH6LQtYv8jo 5. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ป่าชายเลนผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนไว้ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ด้านหน้าศูนย์ฯ มีต้นจิกทะเลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จมาเยือน พ.ศ.2549  ภายในบริเวณมีทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ที่มีระยะทางถึง 2,300 เมตร ซึ่งนับเป็นทางเดินชมป่าชายเลนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตลอดเส้นทางมีพันธุ์ไม้ต่างๆ ทั้งต้นโกงกาง ต้นแสม ต้นตะบูน ฯลฯ รวมไปถึงสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน เช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ นอกจากนี้ยังมีปูหยกฟ้า ซึ่งเป็นปูก้ามดาบชนิดหนึ่งที่มีกระดองสีฟ้าอมเขียว สวยงามแปลกตาอีกด้วย  สิ่งที่น่าสนใจภายในศูนย์ยังมีสะพานแขวนโยกเยกที่สร้างความหวาดเสียวให้แก่นักท่องเที่ยว

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์ อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก

“ลพบุรีน่ะมีแต่ลิง แต่ถ้าคนรักจริงคงจะมีแต่เรา” “รักชาติให้ยืนตรง ถ้าอยากรักมั่นคงให้มายืนข้างๆ กัน” “อยากรวยต้องลงทุน อยากสร้างอนาคตกับคุณต้องทำไง” อ่ะ โพสแคปชั่นอ่อยก็แล้ว ลงรูปให้ดูว่าโสดก็แล้ว ยังนก!!! ได้!! ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา!!!  ใครสายนกมาทางนี้ วันนี้แอดมินมีวัดที่เชื่อกันว่า หากไปไหว้บูชาขอพร แล้วอานิสงส์จะช่วยส่งไปหนุนนำความรักให้สมหวังดังใจ แต่เดี๋ยวก่อนคนที่มีแฟน หรือเป็นคู่รักก็ไปไหว้บูชาขอพรได้เหมือนกันนะ อานิสงส์จะยิ่งทำให้คู่ของคุณนั้นยืนยาวและมั่นคงต่อๆไป ใครที่เคยไปที่ไหนแล้วสมหวังดังใจ มาบอกต่อได้เลยนะ แบ่งปันกัน เพื่อนๆคนอื่นจะได้สมดังใจบ้าง  ศาลท่านท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่ทรงมีเมตตา สามารถบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก ชีวิต การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสี เจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ไม่มีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิฐานขอพรจากท่านมักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติบางคนถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การสักการะนั้นให้ใช้ ธูป 12 ดอก เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัย 4 พวง โดยเริ่มไหว้พระพรหมด้านที่ตรงกับประตูทางเข้าเป็นด้านแรก แล้วเดินเวียนขวาจนครบทั้งสี่ด้าน (ใช้ธูป พระพักตร์ละ 3 ดอก พวงมาลัย 1 พวง) บทบูชานะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ) บทสวดหลัก (นิยมใช้มากที่สุด)โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ  ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวง เนื่องจากเป็นวันครบรอบการตั้งศาล พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร หากผู้ใดที่ยังไร้คู่หรืออับโชควาสนาในด้านความรัก ถ้าได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตใจอธิฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่หรือรักแท้แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา ซึ่งรวมทั้งเรื่องของชีวิต และการงานอีกด้วย เชื่อกันว่าเวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ ทุกคืนวันพฤหัสฯ เวลา 21.30 น. บูชาท่านด้วยธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองไปด้วย คำสวดบูชาพระตรีมูรติ คือ คำว่าโอม แค่เพียงเอ่ยว่า โอม ก็เหมือนการเอ่ยนามของเทพเจ้าทั้งสาม ซึ่งโอม มาจาก โอมะ(พระพรหม) อะ(พระวิษณุ) อุ(พระศิวะ) ถือเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสนาพราหมณ์ เป็นการรวมกันของมหาเทพ 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ(พระนารายณ์) และพระศิวะ(พระอิศวร) ที่ถือเป็นผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย การรวมอานุภาพของมหาเทพทั้ง 3 ไว้ในองค์เดียวกัน ผู้บูชาย่อมบังเกิดความเป็นสิริมงคล และความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิต ดุจดังพลานุภาพของเทพทั้ง 3  วันบวงสรวง ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี เวลาที่ดีที่สุดที่จะขอพรคือ วันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.เชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับคำและประทานพรให้แก่ผู้ขอ วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวโคราชและประชาชนทั่วไปนิยมเดินทางมาสักการะรูปปั้นและเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโมที่วัดศาลาลอยนี้ เพื่อบนบานขอพรย่าโมให้ปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะในเรื่องของความรักและคู่ครอง มีความเชื่อว่าย่าโมจะสามารถดลบันดาลให้สมหวังได้ในที่สุด และเมื่อได้รับความสำเร็จดังอธิษฐานแล้ว ก็มักจะแก้บนด้วยเพลงโคราชที่มีทั้งนักร้องและนักรำแต่งตัวสวยงาม เพราะเชื่อว่าย่าโมนั้นชอบฟังเพลงโคราชเป็นชีวิตจิตใจ วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้นภายหลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้งนั้น จะได้ตามปรารถนาทุกประการ และถ้ามาขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป ข้อปฏิบัติที่ควรทราบ คือไม่ควรแต่งกายชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง และไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและรองเท้าขึ้นไปบนพระธาตุ สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต(เวียงจันทร์) ศาลเจ้าแม่สามมุข ใกล้หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี ด้วยตำนานรักที่อมตะ เจ้าแม่สามมุขจึงเป็นที่พึ่งทางใจของหนุ่มสาวที่พากันเดินทางมาอธิษฐาน ขอพรให้สมหวังในความรักและคู่ครองอยู่เสมอ เชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกัน หากนำว่าวที่เขียนชื่อตนเองกับคนรักมาไหว้เจ้าแม่ แล้วนำไปแขวนบริเวณศาลนั้น เจ้าแม่จะอวยพรให้มีความสุขสมหวัง และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ในที่สุด นอกจากนี้แล้วชาวประมงที่ให้ความเคารพนับถือ จะมาสักการะด้วยการจุดประทัดถวายทุกครั้งก่อนออกเรือ เพื่อให้เดินทางปลอดภัยและจับปลาได้มาก ตำนานเล่าว่า ศาลแห่งนี้สร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งรักแท้ของสาวมุก และนายแสน ที่กระโดดหน้าผาและตายไปตามกัน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาว่าจุอุทิศชีวิตให้ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหน้าผาว่า สามมุข และตั้งชื่อชายหาดริมทะเลที่อยู่เบื้องล่างว่า บางแสน และได้มีการสร้างศาล เจ้าแม่สามมุข ขึ้นที่บริเวณเชิงผา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วัดลุ่มหาชัยชุมพล) อ.เมือง จ.ระยอง ความเชื่อ เชื่อกันว่าพระบารมีของพระองค์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสุขเป็นสิริมงคล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและยังเชื่อกันว่าสามีภรรยาที่มีบุตรยาก หากมาขอพรจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้แล้ว มักจะสมดังใจปรารถนา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ซึ่งมีผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้เอกราชให้ผืนแผ่นดินไทยอยู่เสมอ มีการจัดงานสมโภชศาลแห่งนี้เป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายพวงมาลาและเครื่องสักการะ เพราะเป็นคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่นับถือในหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลในชีวิตนอกจากนี้ในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมความหวัง เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาสักการะขอพรหลวงพ่อแล้วมักจะได้ลูกชายและเมื่อสมดังใจอธิษฐาน จะนิยมถวายหลวงพ่อโสธรด้วย ละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย บทบูชา(ท่องนะโม 3 จบ) กาเยนะ วาจายะ เจตสา วา โสธะรัง นามะ อิทธิปะฏิหาริกะรัง พุทธะรูปัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ เดิมชื่อว่า วัดหงส์ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย…

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย อ่านเพิ่มเติม

ระยองไม่ได้มีแค่สวนทุเรียน เขามีสวนหม้อข้าวหม้อแกงลิงนะจ๊ะ

ระยองไม่ได้มีแค่สวนทุเรียน เขามีสวนหม้อข้าวหม้อแกงลิงนะจ๊ะ…

ระยองไม่ได้มีแค่สวนทุเรียน เขามีสวนหม้อข้าวหม้อแกงลิงนะจ๊ะ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top