วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร
.
หากเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดชุมพร สิ่งที่พลาดไม่ได้คือเรื่องของกาแฟ
เพราะกาแฟเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่สำคัญของจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนในจังหวัดชุมพร ก็จะได้เห็นต้นกาแฟเป็นไร่ ๆ จนชินตา
หากใครกำลังมองหากิจกรรมดี ๆ เช่น การทำ workshop กาแฟ พร้อมที่พักสไตล์บ้านสวนริมน้ำที่มีบรรยากาศสุดชิลและเงียบสงบ Villa Varich เป็นอีกสถานที่ที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันค่ะ
Villa Varich เป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและติดริมแม่น้ำ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้สะดวก
.
นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การปั่นจักรยาน พายเรือคายัค และ Coffee Workshop
.
56/1 ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
โทร. 08 6964 7123
พิกัด : https://g.page/villavarich?share
วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ มาทำ Coffee Workshop กันค่ะ เริ่มตั้งแต่การคั่วกาแฟ ไปจนถึงชิมกาแฟที่เราลงมือทำเอง ซึ่งคุณคม ศรีราช เจ้าของ Villa Varich จะเป็นคนพาเราทำ workshop ครั้งนี้ มาดูกันว่า กาแฟที่แอดคั่วเองกับมือ รสชาติจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
.
คุณคมเล่าว่า การทำ Coffee Workshop มีจุดประสงค์คือ ให้เรารู้ถึงความแตกต่างของรสชาติและจุดเด่นของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ เพื่อเอาไว้สังเกตเวลาไปซื้อกาแฟ และเป็นการเพิ่มความสนุกในการดื่มกาแฟอีกด้วย
ก่อนเริ่ม workshop คุณคมพาแอดไปดูว่าต้นกาแฟมีหน้าตาเป็นยังไง ต้นกาแฟมีลักษณะเป็นข้อและปล้อง ใบมีผิวเรียบ นุ่มเป็นมัน ออกผลดิบสีเขียว ฤดูเก็บเกี่ยวของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่จังหวัดชุมพรจะเป็นช่วงต้นเดือนมกราคม
คุณคมได้นำสารกาแฟหรือเมล็ดกาแฟสีเขียวที่ยังไม่ผ่านการคั่วมาให้ชม เมล็ดกาแฟที่ดีต้องมีความชื้นไม่เกิน 10-12 เปอร์เซนต์ โดยใช้เครื่องวัดความชื้นเป็นตัววัด ถ้าไม่ใช้เครื่อง ให้สังเกตจากรูปร่าง สีและกลิ่น โดยกาแฟต้องมีเมล็ดสวยและแข็ง ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน กลิ่นเน่าหรือกลิ่นรา
มาค่ะ กะทะพร้อม ไฟพร้อม นาฬิกาจับเวลาพร้อม เรามาเริ่มคั่วกาแฟกันเลยดีกว่า
เริ่มจากการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่ว โดยเริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนที่เอาเมล็ดกาแฟลงกระทะ 3 นาทีแรกจะเรียกว่า Dry phase เป็นการไล่ความชื้นในเมล็ดกาแฟออกไป
จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า High pressure โดยเมล็ดจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พอคั่วต่อไปจนถึงนาทีที่ 9 จะมีเสียงเป๊าะแป๊ะเบา ๆ เรียกว่าระยะ Frist crack เมล็ดกาแฟจะแตกออก คั่วต่ออีกไปสัก 1-2 นาที ก็จะได้กาแฟคั่วอ่อนที่พร้อมนำไปบดและชงดื่มค่ะ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยังคั่วต่อไป จะเป็นการคั่วเพื่อสร้างกลิ่นของกาแฟให้ชัดเจนขึ้น เช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นคาราเมล
หากต้องการกาแฟคั่วกลางจะใช้เวลาประมาณ 12 นาที กาแฟคั่วเข้ม จะใช้เวลาประมาณ 14-15 นาที ไม่ควรใช้เวลามากกว่านี้ เพราะจะเข้าสู่ระยะ Second crack ซึ่งเป็นระยะที่ไม่แนะนำ เป็นการเผาอโรม่า กรด และไขมันที่ดีในเมล็ดกาแฟไปจนหมด
จากนั้นนำเมล็ดกาแฟมาฝัดเพื่อให้เปลือกหรือเยื่อบาง ๆ หลุดออกไป
เกร็ดน่ารู้ : 3 วันหลังจากการคั่ว กาแฟจะมีรสชาติอร่อยที่สุด
นำมาบด อาจจะกะปริมาณหรือชั่งก่อนใส่ลงไปในเครื่องบด
มาถึงขั้นตอนการชง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสำหรับการชงกาแฟคือ 90 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้สัมผัสถึงรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้ชัดเจน แต่ถ้าใช้น้ำอุณหภูมิต่ำกว่านั้น รสชาติของกาแฟก็จะเบาลง… อื้มมม กาแฟที่แอดคั่วเอง รสชาติก็ใช้ได้อยู่นะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากลุกไปชงกาแฟดื่มเลย ใช่มั้ยล่ะ ถ้าใครวางแผนจะไปเที่ยวจังหวัดชุมพรและสนใจอยากทำ workshop สนุก ๆ แบบนี้ สามารถจองล่วงหน้าได้ที่ลิงก์นี้เลย Facebook : https://www.facebook.com/villavarich/
เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563