สัมผัสเสน่ห์ย่านชุมชนเก่าแก่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แวะไหว้พระ เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ตามหาของอร่อยๆ ทานให้หนำใจ ที่ “ย่านวังหน้า – บางลำพู”
.
บอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่เดินไม่เหนื่อย เข้าไปไหว้พระสงบจิตสงบใจ ถ้าใครกลัวแดดร้อนก็สามารถเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในพิพิธภัณฑ์ หรือจะหามุมนั่งเล่นพักผ่อนในร้านกาแฟก็ย่อมได้
สถานที่กิน ที่เที่ยว
– ร้านปาท่องโก๋ คาเฟ่
– วัดบวรนิเวศวิหาร
– ร้าน ณ บวร
– พิพิธบางลำพู
– ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ
– พิพิธภัณฑ์เหรียญ
– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
– วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
– นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
– ร้าน A pink rabbit + Bob
ก่อนเริ่มทริป เราไปเติมพลังกันที่ร้าน “ปาท่องโก๋ คาเฟ่” กันก่อน
ร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา อยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศพอดี ภายในร้านไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋นะ แต่ยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกทานเลย
ทั้งเมนูของคาวและของหวานที่ใช้ปาท่องโก๋มาประยุกต์ เช่น ปาท่องโก๋หน้าไก่ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่อง และอีกมากมาย
แอดทานแบบเบาๆ กับเมนูปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูหยอง บอกเลยอร่อยมากๆ อิ่มกำลังพอดี ปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันด้วย
อีกเมนูก็คือ ปาท่องโก๋ไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้ก็เก๋ไม่แพ้กัน เพราะเป็นปาท่องโก๋ที่โปะด้วยไอศกรีม 1 สกู๊ปอยู่ด้านบน ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด มีหลายรสชาติทั้งชาไทย กาแฟ วานิลลา และลิ้นจี่ น่าลองทุกรสเลย
ปาท่องโก๋ คาเฟ่
ที่ตั้ง : 246 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ (อยู่ตรงหัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ)
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
โทร. 02 281 9754
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินข้ามถนนมาที่ “วัดบวรนิเวศวิหาร”
วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2367-2375 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง
ต่อมา พ.ศ.2379 รัชกาลที่ 3 ได้เชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส มาจำพรรษาที่วัดนี้ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช แล้วพระราชทานนามวัดว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร”
พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงตรีมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางเป็นตราพระมหามงกุฏและพระแสงขรรค์ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีใบเสมาศิลาติดอยู่ที่ผนังด้านหน้า
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวช
ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์
องค์หน้าคือ “พระพุทธชินสีห์” อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
องค์หลังคือ “พระสุวรรณเขต” หรือ หลวงพ่อโต อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จ.เพชรบุรี
ที่ฐานพุทธบัลลังก์ของพระพุทธชินสีห์ยังเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วย
เจดีย์ประธานของวัดสร้างสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ หุ้มกระเบื้องสีทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
บนฐานทักษิณชั้นบน ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ มีซุ้มปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 องค์จำลอง ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 (ส่วนองค์จริงทำจากปูนปลาสเตอร์ ประดิษฐานอยู่ภายในตำหนักเพ็ชร)
เดินไปอีกนิดจะพบ “วิหารพระศาสดา” ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2402 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในวิหารแบ่งเป็น 2 ตอน
ทิศตะวันออกประดิษฐาน “พระศาสดา” พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
ทิศตะวันตกประดิษฐาน “พระไสยา” พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองปางไสยาสน์ สมัยสุโขทัย ที่ฐานบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ภายในวัดยังมีตำหนัก วิหาร และอาคารต่างๆ ที่สวยงามและน่าชมอยู่อีกมากเลยล่ะ
วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
ที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/mKqHQMqkr7n
หลังจากไว้พระ เดินชมวัดเรียบร้อยแล้ว แอดก็มานั่งพัก หาอะไรดื่มกันที่ร้าน “ณ บวร”
ร้านกาแฟโมเดิร์นคลาสสิกประยุกต์ ตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณ ริมถนนพระสุเมรุ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร
คำว่า “ณ บวร” มีความหมายตามหลักภาษาไทย ดังนี้
“ณ” หมายถึง ที่นี่
“บวร” หมายถึง ประเสริฐ เลิศล้ำ
แต่สำหรับร้านนี้ คำว่า “ณ บวร” ยังซ่อนความหมายและเจตนารมย์ของร้านเอาไว้ในตัวอักษรด้วย นั่นก็คือ
“บ” คือ บ้าน สถานที่อบอุ่นผ่อนคลาย
“ว” คือ วัด เขตของความสุข สงบ สบาย
“ร” คือ ร้านกาแฟ อันหมายถึงศูนย์กลางเล็กๆ ของชุมชนที่พร้อมบริการเครื่องดื่ม ขนม และบริการที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี
ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายและร่วมสมัย น่านั่งมากๆ
เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร่างกายต้องการคาเฟอีน แอดเลยสั่ง คาราเมล แมคเคียโต้เย็น (Iced Caramel Macchiato) รสชาติเข้มข้น หอมคาราเมล ไม่หวานเกินไป ชอบมากกก
อีกเมนูคือ ช็อกโกแลตร้อน (Hot Chocolate) เข้มข้นถึงใจมากๆ ฟองนมละมุนลิ้น ฟินนน
ณ บวร Na Bowon
ที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 02 003 5361
พิกัด : https://goo.gl/maps/MWcV5ikj2YK2
หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินกันไปต่อที่ “พิพิธบางลำพู”
กรมธนารักษ์ได้บูรณะซ่อมแซมอาคารโรงพิมพ์คุรุสภาและปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณและเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ ผสมผสานกับการแสดงวิถีชุมชนบางลำพูในอดีต
ภายในมี 2 อาคารหลักๆ อาคารแรกที่เราจะได้เข้าชมคืออาคารปูน
เป็นนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับความเป็นมาและบทบาทหน้าที่ของกรมธนารักษ์ แสดงขั้นตอนการผลิตเหรียญกษาปณ์ รวมไปถึงการจัดสรรดูแลที่ราชพัสดุ ซึ่งจะมีวิทยากรนำชมตามจุดต่างๆ
จากนั้นเราก็เดินผ่านทางเชื่อม เพื่อไปยังอาคารไม้
ภายในอาคารไม้ ช้นบนแบ่งห้องจัดแสดงออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย
– สีสันบางลำพู บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนหลากหลายเชื้อชาติในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
– พระนครเซ็นเตอร์ จำลองวิถีชีวิตของชาวบางลำพูในอดีต มีทั้งโรงภาพยนตร์บุศยพรรณ โรงลิเกหอมหวน และห้าง ต.เง็กชวน
– ถิ่นคนดีศรีบางลำพู จัดแสดงประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงและสร้างคุณูปการให้แก่สังคม
ชั้นล่าง จัดเป็น “ห้องสมุดชุมชนบางลำพู” เป็นแหล่งรวบรวมหนังสือหายากและข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บางลำพูที่เยอะที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ริมคลองบางลำพู ใกล้กับป้อมพระสุเมรุ
พิพิธบางลำพู
ที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.
เข้าชมฟรี
โทร. 02 281 0345-51 ต่อ 1223, 1224
หลังจากชมพิพิธบางลำพูเสร็จ แอดก็วิ่งข้ามถนนมาที่ “ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ”
ร้านพัวกี่ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรดั้งเดิมสุดอร่อยในย่านพระนคร มีทั้งก๋วยเตี๋ยว ต้มยำ เย็นตาโฟ เเห้งน้ำ ครบเครื่อง รสชาติถึงรสถึงใจ
แอดสั่งตามเมนูแนะนำเลย นั่นก็คือ “ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำน้ำข้น” เพิ่มเกี๊ยวกุ้งด้วย
อยากจะบอกว่า รสชาติเข้มข้นมากกกก มากๆๆๆๆๆๆๆ ถึงเครื่องสุดๆ อร่อย กลมกล่อม ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย อยากจะได้ข้าวสวยร้อนๆ อีกซักจาน เพราะน้ำซุปเข้มข้นมากจริงๆ
ร้านพัวกี่
ที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 08.30-17.00 น.
โทร. 02 281 4673
เติมพลังจนเต็มท้องแล้ว ก็เดินยาวๆ ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์เหรียญ”
กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนอาคารสำนักบริหารเงินตราให้เป็น “พิพิธภัณฑ์เหรียญ” เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเงินตราของแผ่นดิน
โดยต้องการให้คนไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของเหรียญกษาปณ์ไทย และเพื่อใช้เป็นบันทึกทางประวติศาสตร์บอกเล่าเรื่องในอดีตที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และศิลปวัฒนธรรมไทย
ภายในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งโซนที่จัดแสดงนิทรรศการ โซนห้องสมุด รวมทั้งห้องกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับเหรียญ นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การเข้าชมจริงๆ
การเข้าชมจะแบ่งเป็นรอบทุกๆ 20 นาที โดยรอบแรกเริ่มเวลา 10.00 น. และรอบสุดท้ายเวลา 17.00 น. แต่ละรอบจะมีวิทยากรบรรยายนำชมและให้ความรู้
เนื้อหาของนิทรรศการนำเสนอที่มาที่ไปของเงินตราก่อนการกำเนิดของเหรียญ โดยเริ่มต้นเล่าจากภาพรวมทั่วโลก ก่อนจะขยับแคบลงเพื่อตามหาที่มาของเงินตราจากแต่ละทวีป และเจาะลึกที่เงินตราของประเทศไทย
ภายในพิพิธภัณฑ์มีอักษรเบรลล์ สำหรับผู้พิการทางสายตาอีกด้วยนะ
ก่อนจบการบรรยายจะมีมุมกิจกรรมประทับตราเล็กๆ น่ารักๆ ให้เราได้ลองทำและนำกลับไปเป็นของที่ระลึกด้วย
พิพิธภัณฑ์เหรียญ
ที่ตั้ง : ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ วันปีใหม่ และสงกรานต์) เวลา 10.00-18.00 น.
เข้าชมฟรี
โทร. 02 282 0818
พิกัด : https://goo.gl/maps/58Joi3KiYu42
เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ จนถึง “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”
เดิมพื้นที่นี้คือวังหน้า หรือ พระราชวังบวรสถานมงคล มีพระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เป็นต้น
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยและเพื่อนบ้าน นับเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2402
แต่น่าเสียดาย แอดมาวันอังคารซึ่งเป็นวันที่พิพิธภัณฑ์ปิดพอดี เลยไม่ได้เข้าไปชมข้างใน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ที่ตั้ง : ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดวันพุธ-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-16.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
– ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท
– นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พระภิกษุ สามเณร และนักบวชทุกศาสนา เข้าชมฟรี
โทร. 02 224 1370
เดินต่อมาไม่นานก็ถึง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร”
เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อว่า วัดสลัก ในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างถาวรวัตถุขึ้นมาใหม่ พร้อมกับการก่อสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดนิพพานาราม”
ต่อมาเมื่อมีการสังคายนาพระไตรปิฎกที่วัดนี้ รัชกาลที่ 1 จึงโปรดฯ ให้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดพระศรีสรรเพชญ์”
และได้รับพระราชทานนามวัดใหม่อีกครั้งว่า “วัดมหาธาตุ” ตามอย่างวัดในกรุงศรีอยุธยาที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช
ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฏราชกุมารสวรรคต รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เพื่อใช้ในการปฎิสังขรณ์วัด จึงโปรดฯ ให้เพิ่มสร้อยนามพระอารามเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ว่า “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์”
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
ที่ตั้ง : แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
เข้าชมฟรี
โทร. 02 221 5999
เดินออกมาจากวัด เราก็จะเห็นตึกถาวรวัตถุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างอาคารหลังนี้เพื่อเตรียมไว้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพของพระองค์เองแทนการสร้างพระเมรุมาศซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง และเมื่อเสร็จงานพระบรมศพแล้วจะพระราชอุทิศถวายเป็นสถานที่เล่าเรียนของสงฆ์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ใช้ที่นี่เป็นที่ตั้งของหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร และใช้เป็นหอสมุดเรื่อยมา จนมาในสมัยรัชกาลที่ 9 ภายหลังจากที่ได้ย้ายหนังสือทั้งหมดไปไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรีแล้ว อาคารหลังนี้ก็ได้ใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานต่างๆ ของกรมศิลปากร
ในปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาส 100 ปีแห่งการสวรรคต
ซึ่งวันที่แอดมา ก็เป็นวันที่เค้าก็ปิดทำการอีกแล้ว เลยอดเข้าชมข้างในเลย
อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัว (ตึกถาวรวัตถุ)
ที่ตั้ง : ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เปิดวันพุธ-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-16.00 น.
เข้าชมฟรี
โทร. 02 222 4867
ปิดท้ายทริปกันที่ร้าน “A pink rabbit + Bob”
ร้าน A pink rabbit + Bob เป็นร้านที่โดดเด่นในเรื่องขนมเค้ก เพราะในแต่ละวันจะมีเค้กแบบต่างๆ มาให้เลือกทานอย่างหลากหลาย
การตกแต่งร้านก็สวยงามสะดุดตาด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ โต๊ะกลมแบบจีน โซฟาแบบตะวันตก และโคมไฟนีออน ที่มองรวมๆ แล้วมีเสน่ห์มากๆ
แอดสั่ง New York Cheese Cake มาทาน มีกลิ่นชีสและกลิ่นเลมอนบางๆ แป้งเค้กนุ่มกำลังดี มี Texture ของครัมเบิ้ลด้านล่างให้เคี้ยวกรุบๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังดี
ส่วนเครื่องดื่ม Ovation Volcano (โอวัลตินภูเขาไฟ) รสชาติเข้มข้น ไม่หวานมาก ผงโอวัลตินให้เยอะมากๆ
อีกเมนูคือ Strawberry Pineapple Smoothie (สตรอว์เบอร์รีสับปะรดสมูตตี้) รสชาติมีความเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีกับสับปะรด ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ
A pink rabbit + Bob
ที่ตั้ง : ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
โทร. 062 639 8880
เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 18 มกราคม 2562