![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697217_69815205_3008346625904064_4621092915928629248_o.jpg)
ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก เป็นวิสาหกิจชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของหลายหมู่บ้าน ชุมชนแห่งนี้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เพราะเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เรียกกันว่า “บาบ๋า ย่าหยา” (Baba Nyonya)
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697233_70605647_3008171775921549_3719254735589474304_o.jpg)
ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก เป็นวิสาหกิจชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของหลายหมู่บ้าน ชุมชนแห่งนี้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว เพราะเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เรียกกันว่า “บาบ๋า ย่าหยา” (Baba Nyonya)
ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องมาติดต่อจองโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนแหลมสักกันที่ “บลูเฮ้าส์” อาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีส ซึ่งเป็นล็อบบี้ของ “บุหลัน อันดา บาบ๋า รีสอร์ท”
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697253_70494963_3005475966191130_4226125167882928128_o.jpg)
สำหรับทริปท่องเที่ยวชุมชนแหลมสักนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ชุมชนนี้มีความสวยงามไม่เหมือนใคร การันตีด้วยรางวัลสุดยอดเส้นทางท่องเที่ยว “วิถีชุมชนวัฒนธรรมอันดามัน” จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเลยทีเดียว
ทริปนี้เราจะได้นั่งเรือหัวโทงล่องไปยังจุดต่างๆ สามารถเที่ยวแบบวันเดียวหรือจะพักค้างคืนก็ได้
ค่าบริการ
โปรแกรม One Day เริ่มต้นที่ 1,300 บาท/คน (รับ 6 คนขึ้นไป)
โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นที่ 2,800 บาท/คน (รับ 6 คนขึ้นไป)
โปรแกรม 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 3,900 บาท/คน (รับ 11 คนขึ้นไป)
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697264_69998514_3005130286225698_7416269808397713408_o.jpg)
“แหลมสัก” โอบล้อมด้วยทะเลอันดามันสามด้าน มีเกาะต่างๆ อยู่โดยรอบ ที่นี่จึงมีลักษณะเป็น “ทะเลใน” ปลอดภัยจากคลื่นลมแรงและมรสุม
ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ใช้ชีวิตเรียบง่าย ระหว่างทางเราจะเห็นเรือหาปลาด้วย
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697283_69746398_3005130049559055_749934696137228288_o.jpg)
จุดแรกที่เรามากันคือ “ถ้ำชาวเล” มาชมร่องรอยของภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3,000 ปี เชื่อกันว่ามีการใช้ยางไม้และเลือดสัตว์มาเป็นส่วนผสมในการเขียนภาพ
ภาพเขียนสีเหล่านี้วาดเป็นภาพคนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เล่นดนตรี ทานอาหาร และมีภาพคนถืออาวุธนั่งบนหลังสัตว์ ลักษณะคล้ายกำลังล่าสัตว์ จึงสันนิษฐานกันว่าสถานที่นี้ในอดีตคงเป็นที่อยู่ของมนุษย์ถ้ำนั่นเอง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697301_70477486_3005136192891774_7060843049697411072_o.jpg)
ถัดมาคือ “เขาเหล็กโคน” ตั้งอยู่บริเวณแนวเชื่อมต่อกับจังหวัดพังงา จุดนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กของแหลมสักเลยก็ว่าได้ ใครมาก็ต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
คำว่า “เหล็กโคน” เป็นภาษาใต้แปลว่า “ตะปู” เขาเหล็กโคน จึงหมายถึง ภูเขาที่มีลักษณะคล้ายตะปูตอกอยู่กลางทะเลนั่นเอง
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697325_69908699_3005261419545918_5552583228356820992_o.jpg)
มาชมภาพสีเขียนโบราณอีกจุดหนึ่งคือที่ “แหลมไฟไหม้” มีภาพที่โดดเด่นคือ ภาพคน 2 คนยืนอยู่ติดกัน (สังเกตได้ว่ามี 2 แขน 4 ขา) จนดูคล้ายกำลังกอดกันด้วยความรักอันเปี่ยมล้น นักท่องเที่ยวสามารถมาอธิษฐานขอให้ความรักมั่นคงดั่ง “คนคู่” ได้
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697343_70729867_3005130756225651_5033054440815329280_o.jpg)
ใกล้ๆ กับภาพ “คนคู่” ก็มี “หัวใจแห่งขุนเขา” เป็นช่องเขาทะลุรูปหัวใจดวงน้อยๆ แหม บริเวณนี้ช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก เหมาะสำหรับคู่รัก เพื่อน และครอบครัวที่จะมาเติมเต็มความรักให้แก่กันจริงๆ
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697370_69857414_3005469466191780_7307174834465669120_o.jpg)
ถัดมาคือ “อ่าวเหนา” เป็นเวิ้งอ่าวที่น้ำทะเลค่อนข้างนิ่ง เหมาะแก่การเลี้ยงปลาและสาหร่าย จะเห็นได้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้านเรียงรายเป็นแถวๆ เลย ซึ่งเราจะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วย
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697382_69919068_3005119022893491_1079753605688328192_o.jpg)
จุดนี้เราจะได้เห็นกระชังสาหร่ายพวงองุ่นกันอย่างใกล้ชิด และชิมสาหร่ายพวงองุ่นกันแบบสดๆ อีกด้วย เห็นยกขึ้นมาแบบนี้บอกเลยว่าหนักมากจ้า กล้ามขึ้นเลยทีเดียว
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697393_70430337_3005118972893496_4693797886092115968_o.jpg)
มาดูกันใกล้ๆ นอกจากจะมีหน้าตาคล้ายพวงองุ่นแล้ว สาหร่ายพวงองุ่นยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายอย่าง และที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697405_70251599_3005118412893552_4349759976206499840_o.jpg)
นอกจากสาหร่ายพวงองุ่นแล้ว ที่นี่ยังมีกระชังกุ้ง ซึ่งเราสามารถชมได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะ แต่อย่าเอานิ้วไปจิ้มเชียว เดี๋ยวจะบาดเจ็บได้นะ
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697426_69817199_3005118869560173_3244529260173459456_o.jpg)
มื้อกลางวันของเราวันนี้ อร่อยจนต้องบอกต่อ!!
“ข้าวคลุกกะปิ” ของที่นี่อร่อยไม่เหมือนใคร ทางชุมชนแยกสำรับข้าวและเครื่องเคียงต่างๆ ไว้ให้เราเลือกตักได้เองเลย ส่วนประกอบก็จะมี ข้าวคลุกกะปิ กุ้ง ไข่เจียว มะม่วงซอย หอมซอย มะนาว พริกซอย กุ้งแห้ง และแตงกวา
แถมยังใช้ใบตองกลัดด้วยไม้ทำเป็นกระทง ใช้เป็นภาชนะแทนจานโฟมอีกด้วย ดีมากๆ เลย
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697449_70303255_3005118832893510_4324470066306351104_o.jpg)
ฝีมือแอดตักเอง น่าทานมั้ย
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697474_69903814_3005469609525099_5887466643084279808_o.jpg)
หลังจากทานข้าวกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับเข้าฝั่งมาชม “วัดมหาธาตุแหลมสัก” ที่มีพระมหาธาตุเจดีย์ซึ่งถือเป็นเจดีย์เพียงองค์เดียวที่ตั้งอยู่ริมทะเลอันดามัน
เจดีย์องค์นี้ก่อสร้างมากว่า 10 ปีแล้ว แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนได้ ซึ่งจะมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศาทีเดียว แอดบอกเลยว่าสวยมากๆ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองนะ
![](https://archived.tatcontactcenter.com/assets/data/blog/898/1608697490_70341064_3005469652858428_5399936491474386944_o.jpg)
“ศาลเจ้าซกโป้ซีเอี๋ย” เป็นจุดสุดท้ายที่เราจะมาชมกัน ศาลเจ้าเก่าแก่กว่า 100 ปีแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาหันหน้าออกสู่ทะเล สร้างขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวจีนฮกเกี้ยน ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณหน้าตลาดแหลมสักเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว
เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 กันยายน 2562