LET’S HAVE FUN ” PHUKET ” :)
เข้าสู่ปลายเมษาหน้าร้อนพร้อมกับสายลมอ่อนๆ ท่ามกลางความร้อนระอุของแสงแดดที่พร้อมจะแผดเผาเราได้ทุกเวลา แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งความสุขในการเดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอน…กับสวรรค์เมืองใต้ แดนไข่มุกแห่งทะเลอันดามัน “ภูเก็ต” ถ้าพูดถึงภูเก็ตคงไม่มีใครไม่นึกถึง หาดทรายขาว น้ำทะเลใส การได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่มีชื่อเสียง แต่ทริปนี้เราจะมาเปลี่ยนบรรยากาศ ท่องเที่ยวในเมืองแบบ Chic Chic Cool Cool เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยออกเดินทาง จากกทม.เย็นวันที่ 24 เมษายน พวกเราใช้บริการของบริษัทขนส่ง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เมื่อนาฬิกาไปบรรจบกันที่เวลา 18.30 น. ก็ได้เวลาออกเดินทาง On the way to PHUKET หลับๆตื่นๆอยู่บนรถทัวร์รู้สึกตัวอีกทีเป็นเวลา 7 โมงเช้า กว่า 12 ชั่วโมงจากกรุงเทพ ภูเก็ต จขกท.ตื่นมาพบกับสะพานสารสิน สะพานเชื่อมระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดภูเก็ต สถานที่ที่เป็นตำนานความรักของหนุ่มสาวที่ไม่สมหวังและท้ายสุดเลือกที่จะจบชีวิตที่สะพานแห่งนี้ บรรยากาศเวลา 7 โมงเช้า แสงแดดอ่อนๆกระทบกับพื้นผิวของน้ำทะเล ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีขาวประกายมุก ชวนมองไปอีกแบบ ประมาณ 7.30 น.ก็ถึงสถานนีขนส่งจังหวัดภูเก็ต พวกเราทั้งหมด 5 ชีวิตเหมารถแท็กซี่ลงที่โรงแรมชิโนเทล ในตัวจังหวัด เป็นโรงแรมแนวบูติก ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก อยู่ใกล้ตลาดสดดาวน์ทาวน์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก ตอนนี้ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนดีกว่า ด้านนอกโรงแรม 10 โมง พร้อมลุย !! สถานที่แรกที่ของวันนี้ คือ พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว สถานที่เก็บหลักฐานและจัดแสดงภาพถ่ายและวีดิทัศน์ที่สื่อถึงความเป็นมาของชาวจีนในภูเก็ต สำหรับการเดินทางไปไม่ยาก พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ถนนกระบี่ย่านเมืองเก่าของภูเก็ต ค่าเข้าชมคนไทย 50 บาทต่างชาติ 200 บาท ด้านในพิพิธภัณฑ์ พวกเราใช้เวลาเยี่ยมชมประมาณ 1 ชม. ก็ออกจากพิพิธภัณฑ์เพื่อที่จะเยี่ยมชมเมืองเก่าภูเก็ตไปพลางๆ เดินมาได้สักพัก สายตาพวกเราก็สะดุดกับร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์มากนัก ไม่รอช้าไปกันเลย ^^ ร้านนี้ชื่อว่า I 46 Old town เป็นร้านที่ดัดแปลงจากบ้านโบราณแบบชิโนโปรตุกีส ภายในร้านตกแต่งด้วยของเก่าโบราณ ส่วนหน้าและส่วนกลางเป็นร้านกาแฟ พวกเราเลือกดื่มชาเซล้อง หรือเซล้องอ๊อซึ้ง แปลว่า ชาดำเย็น (น้ำร้อนใส่น้ำตาลทรายแบบภูเก็ต) รสชาติหวาน หอม อร่อย สักรูป ที่นี่เจ้าของร้านเป็นกันเอง(คนที่ 2 จากด้านซ้าย) พร้อมกับให้คำแนะนำในการท่องเที่ยว ไม่ผิดหวังที่มาร้านนี้ค่ะ แดดร้อนเกินกว่าจะเที่ยวกันต่อ 555+ หลังจากที่อิ่มหนำสำราญและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ Style vintage กันแล้ว เวลานี้ขอกลับไปตั้งหลักที่ห้องพักกันก่อน(พักผ่อนนั่นเอง) ประมาณ 5 โมง พวกเราแวะไปฝากท้องกับร้าน ระย้า อาหารพื้นเมืองของภูเก็ต เป็นบ้านเก่าสองชั้น ตั้งอยู่แถวสี่แยกถนนดีบุกตัดใหม่ บรรยากาศภายในร้าน เมนูแรก…แกงเนื้อปูใบชะพลู เนื้อปูไม่อั้น น้ำกะทิเข้มข้น ทานกับเส้นหมี่ เข้ากันเป็นอย่างดี ยกนิ้วให้เลย อร่อยมาก และเมนูที่สองของเราก็มา…หมูฮ้อง ขอสารภาพก่อนเลยว่า จขกท.เห็นแล้วรู้สึกไม่อยากทาน เพราะหน้าตาดูเลี่ยนๆ หวานๆเยิ้มๆ แต่ผิดคาด หมูฮ้องอร่อยมาก เป็นหมูสามชั้นหมักด้วยกระเทียมพริกไทย แล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำพะโล้ เนื้อหมูชิ้นใหญ่แต่นุ่ม รสชาติกลมกล่อมอูมามิ 555+ ไม่หวาน(เหมือนอย่างที่คิด)จนเกินไป น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมนูวันนี้ รสชาติไม่ต้องพูดถึงครบเครื่อง จัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมกับผักหลากชนิด เช่น แตงกวา ขมิ้น อิ่มท้องกับระย้ากันแล้ว อีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้ หลาดปล่อยของ อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับระย้า เป็นถนนคนเดินของชาวภูเก็ต มีเฉพาะวันพฤหัสฯ ศุกร์ ตั้งแต่ 16.00-22.30 น. ใครมีอะไรดีๆเจ๋งๆก็เอามาปล่อยกัน หรอยแรงงงงง ง ! วันแรกของพวกเราก็จบลง ถึงสถานที่ที่ไปอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ทำพวกเราหมดแรงได้ง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางของคืนก่อน ยังไงรีวิวฉบับนี้ยังไม่จบลงอย่างแน่นอนค่ะ อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เราใช้บริการรถ TAXI ดั้งเดิมของจังหวัดภูเก็ต ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1200 บาท หน้าตาเป็นอย่างนี้ พวกเราเรียกกันว่า รถกระป๊อ ^^ แปดโมง คนพร้อมรถพร้อม Let’s go ! จุดหมายของเราวันนี้คือ ติ่มซำโชคชัย หากพูดถึงร้านติ่มซำแล้ว ถือเป็นอาหารที่ชาวภูเก็ตนิยมทานในช่วงเช้า ติ่มซำโชคชัย ตั้งอยู่ถนน แม่หลวน อำเภอเมือง เปิดตั้งแต่ตี 4 ถึงเที่ยงวัน ที่นี่เน้นบริการเร็ว พวกเราสามารถเดินเข้าไปรอในร้านได้เลย ไม่ต้องยืนเลือกให้เสียเวลา เพราะทางร้านจะนำมาเสิร์ฟเป็นถาดใหญ่ๆ ให้เราเลือกทานได้เลย รับรวมมิตรติ่มซำสักที่ไหมคะ หากใครอยากเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้อย่างชัดเจน เขารัง เป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกจุดหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมวิวกันอย่างไม่ขาดสาย ทั้งในตอนเช้าตรู่ ตอนสาย บ่าย เย็น ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟตามบ้านเรือน ยิ่งทำให้เกาะภูเก็ตน่าชมยิ่งขึ้นไปอีก น่าเสียดายที่ตอนที่เราไป ทางเขารังกำลังสร้างจุดชมวิวอยู่ไม่ค่อยสะดวกต่อการทัศนาสักเท่าไหร่ แต่เราไม่พลาดที่จะนำรูปมาฝากแน่นอน ^^ มาต่อกับจุดหมายปลายทางแห่งที่ 3 เชื่อได้ว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตานักเพราะเป็นสถานที่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน กับบ้านตีลังกา หรือ The up side down บ้านกลับหัวแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ณ ตอนนี้ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ เก๋ แปลก แหวกแนว บ้าน 3 ชั้นที่มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ฯลฯ พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ที่กลับหัวทุกชนิด ! พร้อมจะให้นักท่องเที่ยวสนุกไปกับการ design ท่วงท่าถ่ายรูป หรือ salfie บนฝ้าเพดานได้อย่างเต็มเหนี่ยว สำหรับค่าเข้าชม ตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น คนไทย 100 บาท ต่างชาติ 150 บาท เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-18.00 …