ลพบุรี

ลพบุรี

✨ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ✨

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญของ จ.ลพบุรี หนึ่งในสถานที่ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในสมัยอยุธยา ซึ่งในวันที่ 11 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3) พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ปราสาททอง ใครอยากย้อนรอยประวัติศาสตร์ ใส่ชุดไทยสวย ๆ แบบในละครหรือเที่ยวเทศกาลสนุก ๆ ในสถานที่ประวัติศาตร์ ลองเก็บคอนเทนต์นี้ไปเป็นตัวเลือกสำหรับเที่ยวในวันหยุดนี้ดู รับรองได้ประสบการณ์ใหม่ ประทับใจไม่รู้ลืม พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือวังนารายณ์ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดลพบุรี เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว ๆ ปี พ.ศ. 2208-2209 โดยวิศวกรชาวฝรั่งเศสและอิตาลี เพื่อใช้เป็นที่ประทับว่าราชการและต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2231 พระราชวังถูกทิ้งร้างจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้บูรณะพระราชวัง สร้างหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎและหมู่ตึกขึ้นในปี พ.ศ. 2399 จากนั้นได้พระราชทานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้จัดตั้งพระที่นั่งจันทรพิศาล หนึ่งในพระที่นั่งในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2467 ชื่อว่า “ลพบุรีพิพิธภัณฑสถาน” และในปี พ.ศ. 2504 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์” จนถึงปัจจุบัน สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้1. สิ่งก่อสร้างสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระที่นั่งจันทรพิศาล มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยคล้ายโบสถ์หรือวิหาร ถูกทิ้งร้างเหลือแต่ผนัง จนได้รับการซ่อมแซมให้สมบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นท้องพระโรงทรงสูง มียอดแหลมทรงมณฑป ผนังประดับกระจกเงา ด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่างเจาะเป็นช่องโค้งแหลมไว้สำหรับจุดตามประทีปในเวลากลางคืน พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มุมทั้งสี่มีสระน้ำขนาดใหญ่ 4 สระ สมเด็จพระนารายณ์สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ เมื่อ พ.ศ. 2231 ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ฐานรากเท่านั้น ตึกเลี้ยงรับแขกเมือง เป็นตึกชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากฝรั่งเศส ณ สถานที่แห่งนี้ ใน พ.ศ. 2228 และ พ.ศ. 2230 ตึกพระเจ้าเหา บันทึกของชาวฝรั่งเศสระบุว่าตึกนี้เป็นวัด ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชื่อว่า “พระเจ้าเหา” ประตูหน้าต่างทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ มีกำแพงแก้วเจาะเป็นช่องสำหรับวางตะเกียงล้อมรอบตึก สิบสองท้องพระคลัง เป็นอาคารชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ระหว่างถังเก็บน้ำประปาและตึกเลี้ยงรับแขกเมือง สร้างขึ้นเป็นเรือนยาวสองแถวเรียงชิดติดกันอย่างมีระเบียบ สันนิษฐานว่าเป็นคลังเก็บสินค้าสิ่งของเพื่อใช้ในราชการ ถังเก็บน้ำ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชาวฝรั่งเศสและชาวอิตาลีได้ช่วยกันสร้างระบบระบายน้ำ ด้วยท่อดินเผาเพื่อลำเลียงน้ำจากห้วยซับเหล็ก จากทางทิศตะวันออกของเมืองลพบุรี โรงช้างหลวง ตั้งเป็นแถวชิดริมกำแพง เขตพระราชฐานชั้นนอก โรงช้างส่วนใหญ่ปรักหักพังเหลือแต่ฐาน ปรากฏให้เห็นประมาณ 10 โรง  2. สิ่งก่อสร้างสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ทรงโปรดให้บูรณะและสร้างขึ้นใหม่ เช่น หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่– ชั้นที่ 1 จัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น โครงกระดูกมนุษย์ ขวานสำริด จารึกโบราณ และรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นต้น– ชั้นที่ 2 จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในลพบุรี เช่น พระพุทธรูป เครื่องถ้วยกระเบื้อง และทับหลังแกะสลัก เป็นต้น– ชั้นที่ 3 ห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดแสดงฉลองพระองค์ เครื่องแก้ว และภาชนะที่มีตราประจำพระองค์ หมู่ตึกพระประเทียบ ตั้งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น 8 หลัง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของข้าราชการฝ่ายในผู้ตามเสด็จ ปัจจุบันจัดแสดงเรื่องชีวิตของคนไทยภาคกลาง การปลูกเรือนอยู่อาศัย เครื่องมือทอผ้า เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรและเครื่องมือจับปลา พระที่นั่งจันทรพิศาล จัดแสดงเรื่องราวการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาพของประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น ภาพราชทูตฝรั่งเศส, ภาพราชทูตไทย, ภาพขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคและทางชลมารค เป็นต้น  ในวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 มี งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จัดขึ้นที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เพื่อรำลึกถึงองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สร้างความเจริญให้เมืองลพบุรี โดยในงานจะมีการแต่งชุดไทย ท่ามกลางบรรยากาศ ที่มีการตกแต่งให้เหมิอนย้อนกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการแสดงแสง สี เสียง และจำลองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศของการตกแต่งโบราณสถานที่สวยงาม  พระนารายณ์ราชนิเวศน์ : 182 ซอยสรศักดิ์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000 :โบราณสถานพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดบริการวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.30 น. / พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. : 0 3641 1458 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ : หากต้องการ เข้าชมเป็นหมู่คณะ พร้อมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญบรรยาย ติดต่อ 08 6810 3413 : 0 3677 0096-7 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.ลพบุรี : ค่าธรรมเนียม ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท 

✨ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ 10 สถานที่ท่องเที่ยวปราสาทหิน ✨

อารยธรรมขอมมีความเก่าแก่ และมีความสำคัญอย่างมาก ข้อหนึ่งที่เห็นได้ก็คือก่อให้เกิดศิลปะอันทรงคุณค่า เกิดเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามให้เราได้ชมจนถึงทุกวันนี้ การเผยแพร่อิทธิพลขอมในไทยที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ “ปราสาทหิน” ในประเทศไทยมีปราสาทหินโบราณที่สร้างในสมัยที่อาณาจักรขอมโบราณเจริญรุ่งเรืองนับร้อยแห่ง ทั้งอโรคยาศาลา ที่พักคนเดินทาง สะพานขอม หลายแห่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็มีอีกหลายแห่งที่ยังคงสภาพสมบูรณ์รวมถึงมีการบูรณะซ่อมแซมให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด วันนี้ แอดขอยก 10 สถานที่ปราสาทหินถิ่นแดนไทยมาแนะนำเพื่อน ๆ กัน  อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว ปราสาทสด๊กก๊อกธม เป็นชื่อเรียกในภาษาเขมร ตั้งอยู่ในจังหวัดสระแก้วที่มีอาณาเขตติดต่อกับกัมพูชา ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางปราสาทขอมโบราณที่เผยแพร่เข้ามาในไทย อาคารโบราณสถานเป็นแบบศาสนสถานฮินดู ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลงตามลักษณะศิลปะขอม แบบคลัง-บาปวน สร้างในช่วงพุทธศวรรษที่ 15-16 ปัจจุบัน ปราสาทสด๊กก๊อกธม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้มีสภาพสมบูรณ์ตามแบบเดิม และยังได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ที่รวบรวมประวัติ สถาปัตยกรรมของสด๊กก๊อกธม รวมทั้งนิทรรศการพิเศษเจาะลึกปราสาทเขมรในไทยอย่างละเอียดอีกด้วย  บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว  เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น. (ศูนย์บริการข้อมูล เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 16.00 น.)  037 550 454 https://goo.gl/maps/u5LMfmmoV266qGNB6  ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปกรรมเขมรโบราณ ตรงกับศิลปะสมัยบาปวนต่อเนื่องถึงสมัยนครวัด ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ที่นับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ภายในประกอบด้วย ปราสาทอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยมีปราสาทประธานอยู่ตรงกลาง สิ่งที่น่าสนใจของปราสาทศีขรภูมิ คือ ทับหลังหินทรายเหนือกรอบประตูทางเข้าปราสาทประธาน จำหลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระศิวะทรงฟ้อนรำ) อยู่บนหงส์ 3 ตัว เหนือหน้ากาล แวดล้อมไปด้วยบริวารที่ร่วมทรงดนตรี และยังมีรูปจำหลักเทพองค์สำคัญอยู่รอบ ๆ รูปศิวนาฏราช  บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์  เปิดทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น.  ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท  044 508 240 https://goo.gl/maps/k2pmA9h6has6EiTcA  โบราณสถานกลุ่มปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานที่มีปราสาททั้งหมดสามแห่งตั้งอยู่ใกล้กัน และมีความสำคัญแตกต่างกัน ได้แก่ ปราสาทตาเมือน เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นธรรมศาลาหรือที่พักคนเดินทาง ปราสาทตาเมือนโต๊ด เป็นอโรคยาศาลหรือสถานพยาบาลของชุมชน และอย่างในภาพนี้คือปราสาทตาเมือนธม สร้างขึ้นในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน และสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา แนะนำให้สอบถามข้อมูลจากหน่วยทหารที่ดูแลพื้นที่บริเวณนั้นก่อน และนำบัตรประชาชนติดตัวไปทุกครั้ง  บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  044 508 240 https://goo.gl/maps/k2pmA9h6has6EiTcA  ปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคอีสานตอนใต้ที่มีอาณาเขตติดต่อกับกัมพูชา ที่สำคัญยังคงวัฒนธรรมขอมเอาไว้อยู่ด้วย โบราณสถานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมขอมในอดีต คือ “ปราสาทสระกำแพงใหญ่” ปัจจุบัน ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดศรีสะเกษ สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะขอมแบบบาปวน เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ มีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์บนฐานเดียวกัน ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ก่อด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน ภายในมีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล  ตำบลสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ  062 142 9261 https://goo.gl/maps/G5YQPqnrqVk7zRdv5  อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทหินในไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดคงต้องยกให้ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” โบราณสถานที่มีสภาพสมบูรณ์อย่างมาก และมีขนาดใหญ่กว่า 451 ไร่ ปราสาทหินพนมรุ้งตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย เขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ และยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาลอีกด้วย กลุ่มอาคารบนยอดเขามีการก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 – 18 “พนมรุ้ง” หรือ “วนํรุง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขาอันกว้างใหญ่” โดยคำนี้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกอักษรขอมที่พบที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ “นเรนทราทิตย์” เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระ ผู้เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท หากไปชมปราสาทหินเมืองต่ำด้วย สามารถซื้อตั๋วเหมาได้ ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท  เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  044 666 251-2 https://goo.gl/maps/yWnKAEJdBiyfH5mA9  ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทแห่งนี้มีลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน ปนด้วยศิลปะขอมแบบคลัง ภาพจำหลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู ภายในปราสาท มีปรางค์อิฐ 5 องค์สร้างอยู่บนฐานเดียวกัน โดยองค์ปรางค์ประธานเหลือแต่เพียงฐาน นอกจากนี้ ยังมีบารายขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของปราสาท ชาวบ้านเรียกกันว่า “ทะเลเมืองต่ำ” จากการศึกษาทางโบราณคดีพบว่า มีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในละแวกนี้อยู่หลายชุมชน ที่สำคัญยังมีการขุดพบโบราณวัตถุมากมายที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า บริเวณนี้มีชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่มีการสร้างปราสาทเมืองต่ำ  ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท หากไปชมปราสาทหินพนมรุ้งด้วย สามารถซื้อตั๋วเหมาได้ ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท

✨ 10 สถานที่ท่องเที่ยวปราสาทหิน ✨ อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุด 8 น้ำตก เที่ยวพักผ่อน นอนแช่น้ำให้ชื่นใจ

ให้ธรรมชาติเยียวยา ปักหมุด 8 น้ำตก 💦 เที่ยวพักผ่อน นอนแช่น้ำให้ชื่นใจ 🍁🍃 น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ชุ่มฉ่ำสุด ๆ 🐟 🌲 พาตัวเองออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ปักหมุด 8 น้ำตก เที่ยวพักผ่อน นอนแช่น้ำให้ชื่นใจ ซึ่งแต่ละที่น้ำใสมาก เห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด บรรยากาศสดชื่น เล่นน้ำสนุก ๆ ท่ามกลางต้นไม้เขียวขจี ชุ่มฉ่ำในวันหยุดจนลืมร้อนกันไปได้เลย 🏞 🌤 รวม 8 น้ำตก ออกไปเที่ยวพักผ่อน นอนแช่น้ำให้ชื่นใจ 🌤💦 น้ำตกห้วยหลวง จ.อุบลราชธานี💦 น้ำตกวังก้านเหลือง จ.ลพบุรี💦 น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี💦 น้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี💦 น้ำตกวังตะไคร้ จ.นครนายก💦 น้ำตกสาริกา จ.นครนายก💦 น้ำตกทีลอซู จ.ตาก💦 น้ำตกคลองพลู จ.ตราด 💚 สายเที่ยวธรรมชาติต้องไม่พลาด ออกไปชาร์จพลังให้ร่างกายกันสักหน่อย บางที่ก็อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก ๆ เดินทางไม่นานก็ได้สัมผัสอากาศดี ๆ กันแล้ว 💙  น้ำตกทีลอซู จ.ตาก   น้ำตกทีลอซูเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยติดอันดับโลก ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร อลังการความสวยงามของน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงชัน ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ตกลงมากระทบกับหินเสียงดังกังวาล ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ จึงกลายเป็นลิสโปรดในดวงใจของใครหลาย ๆ คน และยังเหมาะสำหรับสายผจญภัย ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะถือว่าเดินทางเข้าลำบากทั้งนั่งรถ นั่งเรือยาง เดินเท้า แต่คุ้มค่ากับเวลาแน่นอน ส่วนทางด้านกิจกรรมก็มีให้ทำหลากหลาย เช่น ล่องแพ แคมป์ปิ้ง ชมน้ำตกสายรุ้งทีลอจ่อ ฯลฯ   เวลาเปิด-ปิด : 08.30-16.30 น. ปิดให้บริการเข้าชม 1 กรกฎาคม 2565 – 30 กันยายน 2565 เปิดให้เข้าชมอีกครั้งวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป  Maps : น้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก  Facebook : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง – Umphang Wildlife Sanctuary  โทร. 08 8427 5272 / 0 5550 8780  น้ำตกห้วยหลวง จ.อุบลราชธานี   น้ำตกห้วยหลวงหรือน้ำตกบักเตวเป็นน้ำตกขนาดใหญ่แห่งภาคอีสานตอนล่าง สูงประมาณ 40 เมตร ลักษณะเป็นหน้าผาหินที่มีน้ำไหลตกจากที่สูงลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เกิดเป็นหาดทรายขนาดเล็ก หาดทรายกลางป่าที่สามารถลงเล่นน้ำได้ และบริเวณด้านล่างผาหินจะมีซอกหินที่เราสามารถเดินเข้าไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้สีเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่นมาก ๆ ในช่วงหน้าฝนน้ำเยอะ เสียงน้ำตกจะดังกังวาลไปทั่วป่าเลย   Maps : น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี  เวลาเปิด-ปิด : 08.00-16.00 น.  Facebook : น้ำตกห้วยหลวง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี  น้ำตกวังก้านเหลือง จ.ลพบุรี   แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีน้ำให้เล่นตลอดทั้งปี เกิดจากแหล่งน้ำผุดจำนวนหลายจุดที่ผุดขึ้นมาจากลำห้วยมะกอก ไหลลงมารวมกันบริเวณสันหินปูน ทำให้เกิดเป็นน้ำตกกว้างประมาณ 20 เมตร และไหลลดหลั่นกันไปเป็นชั้น ๆ ถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นแน่นอน บรรยากาศดี ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ และที่นี่น้ำยังใสเห็นปลากำลังแหวกว่ายชัดเจนเลย แถมมีหลายชั้นให้เดินชมความงามกันแบบชิลล์ ๆ เพราะทางเดินไม่ชัน เดินสะดวกสบายมาก ๆ ส่วนใครอยากมานอนค้างก็มีจุดบริการนำเต้นท์มากางกันได้แบบฟรี ๆ จ้า  Maps : สวนรุกชาติวังก้านเหลือง ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี  Facebook : น้ำตกวังก้านเหลือง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี l Wung Kan Leuang Waterfall  โทร. 09 2909 1669  น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี  เดินทางง่ายใกล้กรุงเทพฯ บรรยากาศดี น้ำใสแจ๋ว เห็นปลาแหวกว่ายชัดเจน มีน้ำให้เล่นตลอดทั้งปี แถมมีที่พักสำหรับสายแคมป์ปิ้งด้วยนะ  ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง น้ำตกชั้นเล็ก ๆ สามารถปู่เสื่อปิคนิค นอนพักผ่อนได้ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ดูฝูงปลาพลวงเพลิน ๆ หรือลงเล่นน้ำเย็น ๆ ได้ ซึ่งชั้นนี้ถ่ายรูปสวยมาก ที่สำคัญมีร้านน้ำ อาหารทานเล่นด้วยนะชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นนี้น้ำตกจะตกลงมาจากที่สูงชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ มีสไลด์เดอร์น้ำให้เล่นที่ชั้นนี้ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เบื่อไม่ลงสมชื่อจ้า เป็นยังไงต้องมาชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ดูพันธุ์ต้นไม้ต้องชั้นนี้เลยชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ชั้นสุดท้ายที่สวยมาก คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน  ค่าเข้าชมน้ำตก  คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท /

ปักหมุด 8 น้ำตก เที่ยวพักผ่อน นอนแช่น้ำให้ชื่นใจ อ่านเพิ่มเติม

📍5 พิกัดเล่นน้ำตกใกล้กรุงเทพฯ📍

หน้าร้อนแบบนี้ ต้องจัดทริปเล่นน้ำคลายร้อนกันหน่อยแล้ว วันนี้แอดมีพิกัดน้ำตกใกล้กรุงเทพฯ มาฝาก หากยังไม่แน่ใจว่าจะไปที่ไหนดี ลองเปิดลิสต์ดูเป็นไอเดียได้เลยจ้า ก่อนเดินทาง อย่าลืมลงทะเบียนเข้าชมผ่านแอป QueQ ล่วงหน้ากันด้วยนะ  น้ำตกเอราวัณ – อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แหล่งท่องเที่ยวคลายร้อนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี แถมยังเป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติด้วย เป็นน้ำตก 7 ชั้น สามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จุดชมทิวทัศน์ และป่าผลัดใบที่สวยงาม น้ำตกแต่ละชั้นจะมีความสวยงามและพรรณไม้ที่แตกต่างกันออกไป หากเพื่อน ๆ ไปถึงชั้นที่ 7 จะสังเกตเห็นว่า ขณะน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้าง 3 เศียร จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง  ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไปปรับลดค่าธรรมเนียมเป็น ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท  ค่าจอดยานพาหนะรถจักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท รถบัส 100 -200 บาท หมู่ที่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.  034 574 222 https://goo.gl/maps/Bo2NLdVvdjxppTqH6 น้ำตกไทรโยคน้อย – อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค น้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นึกถึงเมื่อมาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี มีต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็ก ๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูน แม้จะชื่อน้ำตกไทรโยคน้อย แต่ความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ไม่แผ่วเลยจริง ๆ สามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี  ไม่มีค่าเข้าชม ตำบล ไทรโยค อำเภอไทรโยค กาญจนบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.  034 686 024 https://goo.gl/maps/XkC6yfwMraxYM6PB7  น้ำตกช่องลม – เขื่อนขุนด่านปราการชล น้ำตกใกล้กรุงอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ มีทั้งน้ำตกและลำธารไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ มีต้นน้ำมาจากน้ำตกเหวนรก ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ไหลมาเชื่อมต่อกับจุดนี้ เพื่อน ๆ สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี เดินทางโดยเรือจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งจะมีให้บริการช่วง 8 โมงเช้าเป็นต้นไป ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง หากมาในช่วงนี้ แม้น้ำจะน้อย แต่ยังสามารถเล่นได้ แถมยังได้บรรยากาศทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในช่วงฤดูร้อน หรือช่วงตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคมก็จะเป็นช่วงที่มีน้ำตกมาก สามารถล่องเรือเข้าไปใกล้น้ำตกแล้วเดินต่ออีกประมาณ 100 เมตรเท่านั้น  ไม่มีค่าเข้าชม ค่าบริการเรือ 1,500 บาท/ลำ หรือ 7-8 คนขึ้นไปคนละ 200 บาท (สามารถจับกลุ่มแล้วไปรวมกันได้)  ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก  เปิดทุกวัน 06.00-17.00 น.  037 384 192-3 (เขื่อนขุนด่านปราการชล) https://goo.gl/maps/D3ZmJJTWP8MUwpSNA  น้ำตกวังก้านเหลือง – สวนรุกขชาติวังก้านเหลือง น้ำตกแห่งนี้มีจุดกำเนิดที่ต่างจากที่อื่น ๆ และไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยในบ้านเรา คือ เกิดจากตาน้ำผุดจากลำห้วยมะกอก ไหลลงมารวมกันบริเวณสันหินปูน ทำให้เกิดเป็นน้ำตกกว้างขนาด 20 เมตร และไหลลดหลั่นกันไปเป็นชั้น ๆ ด้วยจุดกำเนิดจากแหล่งน้ำผุดทางธรรมชาตินี้เอง ทำให้น้ำตกวังก้านเหลืองมีน้ำให้เล่นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ในบริเวณสวนรุกขชาติยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีที่นั่งปิกนิก ลานกางเต็นท์ และยังมีร้านค้าร้านอาหารให้บริการ เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดได้ดีเลยล่ะ  หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.  092 909 1669, 080 812 1895 https://goo.gl/maps/JfEKAcA2GPyB4yCV7  อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย หนึ่งในน้ำตกขึ้นชื่อของสระบุรี มีที่มาชื่อจากหมู่บ้านสาวน้อยมารวมกับน้ำตกแห่งนี้ที่มีขนาด 7 ชั้น จึงเป็นชื่อมาของชื่อ “น้ำตกเจ็ดสาวน้อย” นั่นเอง น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าโปร่ง และเป็นน้ำตกเตี้ย ๆ ที่มีระยะห่างกันไม่มาก ใช้เวลาเดินไม่นาน มีแอ่งน้ำตื้นให้ลงเล่นหลายจุด เป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่เหมาะมาก ๆ หากเพื่อน ๆ จะมาเล่นน้ำคลายร้อนกัน  ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท  ค่าจอดยานพาหนะรถจักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท  หมู่ 9 บ้านแก่งหลุ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  036 346 586 https://goo.gl/maps/wSP9ZZyM8iVfzB9t6

📍5 พิกัดเล่นน้ำตกใกล้กรุงเทพฯ📍 อ่านเพิ่มเติม

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ต้องนึกถึงก็คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอพัฒนานิคม ซึ่งหลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าใกล้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง วันนี้แอดจะพาไปดูว่า ใน 1 วัน เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันได้บ้าง แม้ว่าหลายคนอาจจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่เพื่อน ๆ สามารถเก็บข้อมูลเส้นทางนี้ไว้ แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลังได้ค่ะ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง สามารถท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ๆ ทริปนี้แอดแนะนำให้ขับรถไปเที่ยว เพราะสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งไม่มีรถโดยสารหรือรถประจำทางเข้าถึงค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปปักหมุดกันในทริปนี้ 1. ไร่ทรัพย์ประยูร 2. บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ 3. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 4. ทะเลน้ำจืดมะนาวหวาน 5. หน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ 6. น้ำตกวังก้านเหลือง 7. จุดชมวิวเขาพระยาเดินธง ไร่ทรัพย์ประยูร เป็นสวนเฟิร์นขนาด 4 ไร่ ที่เกิดจากความชื่นชอบเฟิร์นของคุณโย เจ้าของร้าน จึงค่อย ๆ ศึกษา จนเกิดเป็นธุรกิจจำหน่ายเฟิร์นทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่มีเฟิร์นหลายขนาดให้ชม รวมทั้งยังมีต้นไม้ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคราฤาษีขนาดใหญ่ สับปะรดอากาศ และกระบองเพชร ในช่วงประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน จะมีทุ่งดอกคอสมอสและดอกทานตะวันบานสะพรั่งสวยงาม มีฉากหลังเป็นทางรถไฟ ถ้าโชคดีอาจได้เห็นรถไฟวิ่งผ่านด้วย ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดค่ะ ถึงตอนนี้ไร่ทรัพย์ประยูรจะยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เนื่องจากกำลังปรับปรุงส่วนของร้านอาหารและคาเฟ่อยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดภายในเดือนธันวาคมนี้ แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถไปซื้อต้นไม้และชมทุ่งดอกคอสมอสได้ค่ะ นอกจากนี้ ภายในสวนมีฟาร์มสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หมู กระต่าย นกแก้ว และปลาคาร์ฟด้วยนะ น่ารักสุด ๆ  51 หมู่ 6 ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.  094 392 9552 คุณนราพล บุญขยาย (คุณโย) https://goo.gl/maps/nJt5NdqKBntXfarE8  ขอบคุณรูปภาพจาก ไร่ทรัพย์ประยูร บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ เราแวะหาของอร่อยกินที่ ร้านบ้านกล้วย & ไข่กัน คาเฟ่นี้มีรูปปั้นผลไม้หลากชนิดอยู่หน้าร้านเป็นจุดสังเกต เรียกว่า ไม่ต้องกลัวหาร้านไม่เจอเลยล่ะ ร้านกาแฟตกแต่งแบบเรียบง่าย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และเครื่องดื่มให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผักปลอดสารพิษที่ทางร้านปลูกเองวางจำหน่ายอีกด้วย  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เมื่อเดินไปหลังร้าน จะพบกับบ่อปลาขนาดใหญ่ มีสวนร่มรื่น เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีสวนผัก และสวนผลไม้นานาชนิด เช่น สวนกล้วย ลำไย และมะม่วง ที่เพื่อน ๆ สามารถไปเดินชมได้  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 18.00 น.  08 9896 1107, 08 9890 6616 https://goo.gl/maps/K56BLTdNfX9Vcnqd8  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนป่าสักฯ เป็นเขื่อนดินที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันอุทกภัย และกักเก็บน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เอาไว้ให้ประชาชนใช้ในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร กิจกรรมที่น่าสนใจภายในเขื่อน นั่งรถรางชมทัศนียภาพรอบเขื่อน ใช้เวลาไป-กลับรอบละประมาณ 40 นาที ระหว่างทางจะมีมัคคุเทศก์น้อยคอยบรรยายประวัติความเป็นมา และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเขื่อน รถรางจะวิ่งไปตามสันเขื่อน และสิ้นสุดที่องค์พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย หรือหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณท้ายสันเขื่อน พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา นอกจากนี้ ยังมีหอคอยเฉลิมพระเกียรติ ที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ และมีพิพิธภัณฑ์ลุ่มแม่น้ำป่าสักที่จัดแสดงความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่กักเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯ อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมคือ การนั่ง “รถไฟลอยน้้ำ” ชมวิวเขื่อนป่าสักฯ ซึ่งขบวนรถไฟลอยน้ำนี้ เป็นขบวนรถไฟนำเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีช่วงที่รถไฟวิ่งข้ามเขื่อน และจะจอดแวะให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและชมวิวกลางเขื่อน ขบวนรถไฟนำเที่ยว กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปกติจะให้บริการในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคมของทุกปี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ https://www.facebook.com/pr.railway เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 / รถรางเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  0 3649 4031-4, 036 494 243 https://goo.gl/maps/1CvxtPYFJH6yTTsMA ถ้ายังไม่สามารถมูฟออนจากการชมวิวสวย ๆ ของเขื่อนป่าสักฯ ได้ บริเวณท้ายเขื่อนมีจุดชมวิวที่น่าไปนั่งชิลล์ นั่นคือ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างริมเขื่อนป่าสักฯ จะปรากฎขึ้นประมาณ เดือนมีนาคม-เดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในเขื่อนลดระดับลง นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิคหรือตั้งแคมป์ตอนแดดร่มลมตก และถ้าไปตอนเย็นจะได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่านเพิ่มเติม

ดินสอพอง ภูมิปัญญาท้องถิ่นลพบุรี

วันนี้แอดมินจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับ “ดินสอพอง” กันค่ะ.เชื่อว่าเพื่อน ๆ รู้จักดินสอพองเป็นอย่างดีและคงเคยใช้กันอยู่บ้าง อย่างเช่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เรานิยมนำมาปะแปงกันเพื่อความสนุกสนาน ดินสอพองเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในจังหวัดลพบุรี เป็นดินที่มีลักษณะสีขาว เนื้อเนียนละเอียด แต่ไม่เหมาะแก่การปลูกพืช แต่ด้วยภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น จึงได้นำดินชนิดนี้มาผลิตเป็นดินสอพองและนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายอย่าง.แหล่งผลิตดินสอพองอยู่ที่ “หมู่บ้านหินสองก้อน” เป็นหมู่บ้านที่มีการทำดินสอพองกันแทบทุกครัวเรือน เพราะในบริเวณนั้นจะมีดินที่ใช้ทำดินสอพองเป็นจำนวนมาก สามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด ได้แก่ แป้ง เครื่องสำอาง ยาสีฟัน ใช้ตกแต่งผิวเครื่องเรือน รวมถึงเป็นสมุนไพรเก่าแก่ ที่รักษาโรคให้กับผู้คนในสมัยนั้นได้ .นอกจากนี้ ยังมีไอเดียในการนำดินสอพองมาเป็นส่วนผสมใช้พอกไข่เค็ม หรือที่เรียกกันว่า “ไข่เค็มใบเตยดินสอพอง”  ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี เกิดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนชุมชน จัดจำหน่ายเป็นของฝาก เรียกว่าเป็นการนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แถมยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนได้หลายกลุ่มเลยทีเดียว.หมู่บ้านหินสองก้อน ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรีโทร. 086 013 6428เปิดทุกวัน 08.00-18.00 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/FmdrNmem34hC6nfM9

ดินสอพอง ภูมิปัญญาท้องถิ่นลพบุรี อ่านเพิ่มเติม

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงคัดเลือกพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อเป็นปูชนียสถานที่สำคัญในแต่ละภาค และเฉลิมนามว่า “จอมเจดีย์” ทรงกล่าวถึงความสำคัญของจอมเจดีย์แต่ละแห่ง ซึ่งเสมือนบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมโยงสัมพันธ์ของพุทธศาสนา โบราณสถาน และประวัติศาสตร์ มีหลักฐานที่กล่าวถึงพระธาตุจอมเจดีย์ คือภาพเขียนจอมเจดีย์ ๘ องค์ ในซุ้มคูหาผนัง ๘ ห้อง ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร การกำหนดพระธาตุจอมเจดีย์ให้กระจายในหลายพื้นที่ทำให้เกิดการเดินทางไปสู่หลากหลายภูมิภาคยิ่งขึ้น รวมทั้งแต่ละสถานที่มีตำนานและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ๑. พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พระปฐมเจดีย์ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ เนื่องจาก “สร้างขึ้นเมื่อแรกที่พุทธศาสนามาสู่สยามประเทศ” ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูตเดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าไว้ภายในองค์เจดีย์ องค์พระปฐมเจดีย์มีรูปทรงเป็นรูประฆังคว่ำ มีการจัด “งานเทศกาลนมัสการพระปฐมเจดีย์” ในวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึงวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (ประมาณช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน) รวม ๙ วัน ๙ คืน การเดินทาง รถยนต์: จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน สู่จังหวัดนครปฐม หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ถึงจังหวัดนครปฐม รถไฟ: จากกรุงเทพฯ มีบริการรถไฟไปนครปฐมวันละหลายเที่ยว ลงสถานีนครปฐม สอบถามข้อมูล โทร. ๑๖๙๐ www.railway.co.th รถโดยสารประจำทาง: มีทั้งรถบัสและรถตู้ จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี สอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. ๑๔๙๐ www.transport.co.th  ๒. พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ด้วยเป็น “สถูปเจดีย์องค์แรกที่ประดิษฐานพุทธศาสนาฝ่ายมหายานในสยามประเทศ” องค์ปรางค์เป็นศิลปะเขมรแบบบายน สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น และเป็นแบบอย่างเจดีย์ทรงปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้น ได้มีการขุดค้นพบว่าภายในองค์พระปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระพิมพ์จำนวนมาก ซึ่งต่อมาเป็นพระพิมพ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา ๐๗.๐๐-๑๗.๐๐ น. การเดินทาง พระปรางค์ตั้งอยู่ในตัวเมืองลพบุรี ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ห่างจากพระปรางค์สามยอดและศาลพระกาฬ ๑ กิโลเมตร และห่างจากพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ๕๐๐ เมตร จากสถานีขนส่งผู้โดยสารมีรถสองแถววิ่งผ่าน หรือนั่งจักรยานยนต์รับจ้างระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร  ๓. พระธาตุหริภุญชัย วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พระธาตุหริภุญชัย ได้รับเลือกเป็นพระธาตุจอมเจดีย์ ด้วยเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในล้านนา” สร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ สถาปัตยกรรมทรงเจดีย์แบบล้านนา ฐานเจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์เป็นลูกบัวแก้ว ย่อเก็จ องค์เจดีย์ทรงระฆังกลม และตำนานกล่าวว่าประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุหลายส่วน ได้แก่ พระบรมธาตุส่วนกระหม่อม พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) พระบรมธาตุส่วนนิ้วพระหัตถ์ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนย่อยเต็มหนึ่งบาตร มีการจัด “งานประเพณีแปดเป็ง สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย” ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (เดือน ๘ เหนือ จึงเรียก “แปดเป็ง”) โดยนำน้ำจากบ่อน้ำทิพย์จากยอดดอยขะม้อ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน มาเป็นน้ำสรงพระธาตุ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่โบราณ การเดินทาง ตัวเมืองลำพูน มาตามถนนเจริญราษฎร์ ๒ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองนอก ๒๐๐ เมตร ถึงวงเวียน เข้าซอยสันป่ายาง ๔๕ เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองใน ๔๕๐ เมตร ผ่านประตูเมืองท่านาง เลี้ยวขวา ๒๐ เมตร ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ ๑๕๐ เมตร  ๔. พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ถนนชยางกูร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุพนม ได้รับเลือกให้เป็นจอมเจดีย์ เนื่องจากเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” สร้างสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ในราวปี พ.ศ. ๘ โดยกษัตริย์ ๕ พระองค์ เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่งของชาวอีสานและชาวลาว เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนสองฝั่งแม่น้ำโขง ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า มีการจัด “งานนมัสการพระธาตุพนม” ในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม) กล่าวกันว่าผู้ที่ได้มาสักการะพระธาตุพนมครบ ๗ ครั้ง ถือเป็น “ลูกพระธาตุ” การเดินทาง รถยนต์: จากตัวเมืองนครพนม ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๒ (นครพนม-มุกดาหาร) ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร จะพบวัดตั้งอยู่ทางขวามือในตัวอำเภอธาตุพนม รถโดยสารประจำทาง: มีรถตู้โดยสารสายนครพนม-มุกดาหาร วิ่งผ่านหน้าวัด ต้นทางสามารถขึ้นได้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนมและมุกดาหาร  ๕. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พระธาตุศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง หรือ “วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง” เป็นโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ มีโบราณสถานที่สำคัญของวัด คือ “ปรางค์ประธาน” ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน เรือนธาตุด้านหน้าเป็นซุ้มโถง มีสถูปรูปดอกบัวตูมขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกว่า

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล อ่านเพิ่มเติม

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง

วันนี้แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “2 วัน 1 คืน สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง” มาฝาก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ เหมาะสำหรับไปกับครอบครัว ซึ่งสถานที่ที่เลือกมาส่วนใหญ่เป็นสถานที่เปิด มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะ social distancing เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามวิถี New Normal ให้ชิน เพื่อเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีของตนเองและผู้อื่นด้วย วันที่ 1– วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี– วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี– ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี– พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี วันที่ 2– พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี– บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จ.ลพบุรี– ร้านกระเพรา & coffee จ.ลพบุรี เริ่มกันที่ วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ตามประวัติไม่ปรากฏแต่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าราว พ.ศ.2163-2171 ภายหลังจากที่มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ อ.พระพุทธบาท แล้ว พระเจ้าทรงธรรมก็ได้มีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง และได้พบพระพุทธฉาย ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าเสือมีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธฉายเอาไว้ ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พระพุทธฉาย หรือรอยพระพุทธรูป มีลักษณะเป็นภาพสีแดงคล้ายพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีรอบพระวรกาย อยู่บริเวณเชิงเขาปถวี พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้เคยเสด็จมานมัสการพระพุทธฉายแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาที่นี่ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ณ บริเวณผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉาย นอกจากนี้ยังมีพระนามาภิไธยของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นด้านบนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศาเลย วัดพระพุทธฉายที่ตั้ง ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีเปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 08.00-18.00 นพิกัด https://goo.gl/maps/fxRaGQCJEtLKNiVGA สถานที่ต่อมาคือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 หลังจากที่ได้มีการค้นพบ “รอยพระพุทธบาทบนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี” ซึ่งพระเจ้าทรงธรรมทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีลวดลายมงคล 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ หลังจากนั้นก็ได้เสด็จมานมัสการเรื่อยมาจนกลายเป็นประเพณี และวัดพระพุทธบาทก็ได้รับการทำนุบำรุงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ตามคติโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติยังสรวงสวรรค์ และแม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จสมหวังทุกประการ เทศกาลประเพณี– งานนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 4 – งานตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นในวันเข้าพรรษาของทุกปี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารที่ตั้ง เขาสุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/DccHGR5T2nhuNDiW7  จากนั้นก็เข้าเมืองลพบุรีกัน มาลพบุรีทั้งทีถ้าไม่แวะไปศาลพระกาฬถือว่ามาไม่ถึงถิ่น เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ เป็นเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานสูง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ศาลสูง” ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทำด้วยศิลา สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกแปดเหลี่ยมอักษรมอญโบราณอีกด้วย บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าฝูงลิงน้อยใหญ่ ที่จะคอยเข้ามาทักทายและขออาหารจากนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ศาลพระกาฬที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 05.30-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/SdxeVMFywrF2 ไปต่อกันที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นปราสาทศิลาแลงเรียงต่อกัน 3 องค์ ศิลปะขอมแบบบายน ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิ พระปรางค์สามยอดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอดที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/TGwHQS4nrBz ปิดท้ายวันแรกกันที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดนี้ไม่มีประวัติการสร้างแน่ชัด แต่นักวิชาการสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ “ปรางค์ประธาน” ซึ่งนับเป็นปรางค์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากปราสาทแบบขอม และยังเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลพบุรีอีกด้วย “วิหารหลวง” สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่ผสมผสานศิลปะแบบไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน สังเกตได้จากหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งแหลมแบบศิลปะโกธิค นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์และปรางค์หลากหลายรูปแบบซึ่งยังคงสภาพดีหลงเหลือให้ชมอยู่ ปรางค์ประธานองค์นี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็น 1 ใน “8 จอมเจดีย์แห่งสยาม” อีกด้วย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/yu7cFNdweaE1eb3f6 วันที่ 2 เริ่มต้นกันที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรงนั้น มีคนเดินทางมาตามรอยละครที่นี่กันเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

10 เส้นทางรถไฟ เที่ยวประหยัดใกล้กรุง

ไหนใครอยากไปเที่ยว แต่มีเวลาว่างจำกัดบ้าง บอกเลยว่า เราหัวอกเดียวกันค่ะ เพราะฉะนั้น ที่เที่ยวที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ก็ต้องอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เอาแบบเที่ยววันเดย์ทริป หรือ 2 วัน 1 คืน ได้ยิ่งดี แต่ถ้าจะให้นั่งรถตู้หรือขับรถไปก็อาจจะดูธรรมดาไปหน่อย ลองเปลี่ยนมานั่งรถไฟดูสิ ได้ชมบรรยากาศสวยๆ ระหว่างทาง แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย . . ใครอยากนั่งรถไฟไปเที่ยว คลิกเข้าไปดูข้อมูลไว้เป็นแนวทางจัดทริปครั้งหน้าได้เลย . . สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยรถไฟได้ที่ : การรถไฟแห่งประเทศไทย call center 1690 http://www.railway.co.th/Home/Index . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  นครปฐม – ราคาตั๋ว 10-44 บาท– สถานีธนบุรี-สถานีนครปฐม– เวลารถไฟเที่ยวไป 07.30 น. / 07.50 น. / 13.05 น. / 13.55 น. / 18.25 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ– พระปฐมเจดีย์ – พระราชวังสนามจันทร์ ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ตั้งฮะเส็ง ข้าวหมูแดง นครปฐม – ตลาดนัดองค์พระปฐมเจดีย์ – ร้าน Boxgallery– ร้าน Fairy Tale cozy dessert home กาญจนบุรี – ราคาตั๋ว 25-110 บาท– สถานีธนบุรี-สถานีกาญจนบุรี– เวลารถไฟเที่ยวไป 07.50 น. / 13.55 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง – รถไฟท่องเที่ยว สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีน้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ – พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า– สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก– พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก– หอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก– สวนน้ำ West Wonder Waterpark  ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ก๋วยเตี๋ยววันวาน – ร้านบ้านเรา – ร้านชลุค– Gravite drip coffee พระนครศรีอยุธยา – ราคาตั๋ว 45-130 บาท– สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีอยุธยาเวลารถไฟเที่ยวไป 04.20 น. / 05.20 น. / 05.45 น. / 6.40 น. / 07.00 น. / 08.20 น. / 08.30 น. / 09.25 น. / 10.05 น. / 10.50 น. / 11.20 น. / 11.40 น. / 12.55 น. / 13.45 น. / 14.05 น. / 15.20 น. / 16.30 น. / 17.00 น. / 17.25 น. / 18.10 น. / 18.20 น. / 18.35 น. / 18.55 น. / 19.35 น. / 20.00 น. / 20.10 น. / 20.30 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง – 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับประเภทรถไฟ).สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ – ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช– วัดพิชัยสงคราม– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา – อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่กินใกล้สถานีรถไฟ– ร้านบ้านส้มตำ– แพกรุงเก่า – ร้านผักหวาน– บ้านข้าวหนม– The JIM’s Cafe ราชบุรี – ราคาตั๋ว 25-370 บาท– สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีราชบุรี เวลารถไฟเที่ยวไป 08.05 น. / 09.20 น. / 13.00

10 เส้นทางรถไฟ เที่ยวประหยัดใกล้กรุง อ่านเพิ่มเติม

4 ที่ขี่ม้าวิวธรรมชาติ ใกล้เมืองกรุง

ฟาร์มหมอปอ จ.นครราชสีมา ฟาร์มม้าในอำเภอปากช่องแห่งนี้ เป็นสถานที่รวบรวมม้าสวยงามหลายหลายสายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์หายากด้วย และยังเปิดสอนขี่ม้าให้แก่ผู้สนใจ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ขี่ม้าชมบรรยากาศโดยรอบฟาร์ม ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้และทิวเขาร่มรื่น  นอกจากม้าแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆ เช่น กระต่าย แพะ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถให้อาหารได้ รวมทั้งยังมีแม่ไก่ให้เราเก็บไข่ไก่สดๆ จากเล้าได้อีก และสำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมและอยากพักผ่อนสบายๆ ที่นี่เค้าก็มีที่พักไว้บริการด้วยนะ  บ้านคอกม้าบางพลี จ.สมุทรปราการ ฟาร์มม้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขี่ม้า เปิดสอนขี่ม้าสำหรับทุกเพศทุกวัย และเนื่องจากที่นี่มีสนามซ้อมทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม จึงสามารถฝึกได้ในทุกสภาพอากาศ สำหรับผู้ที่อยากขี่ม้าแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ทางฟาร์มก็มีบริการขี่ม้าไปชมทุ่งหญ้าเขียวขจีและบ่อปลา ซึ่งอยู่ใกล้กับฟาร์ม และยังสามารถชมวิถีชีวิตชนบทของชาวบางพลีได้ด้วย  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอาชาบำบัด ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กพิเศษที่มีปัญหาต่างๆ ทั้งสมาธิสั้น ออทิสติก ฯลฯ และยังมีบริการอื่นๆ เกี่ยวกับม้า ไม่ว่าจะเป็น จำหน่ายอุปกรณ์ขี่ม้า รับฝากเลี้ยงม้า หรือเพาะพันธุ์ม้าสายพันธุ์ดีด้วย วัลลภาฟาร์มสเตย์ จ.ลพบุรี ห่างจากตัวเมืองลพบุรีไป 15 กิโลเมตร ใกล้สถานีรถไฟโคกมะขาม ยังมีฟาร์มเลี้ยงม้าและสวนเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ นั่นก็คือ วัลลภาฟาร์ม กิจกรรมหลักของที่นี่คือการสอนขี่ม้าให้ผู้ที่สนใจตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น และยังมีบริการขี่ม้าชมธรรมชาติของฟาร์มที่แวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ลำคลอง และภูเขา  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ นั่งรถม้าไปไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประทานพรกาญจนาภิเษก สำนักบวรบรรพต (วัดศาลาแดง) หรือนั่งรถอีแต๋นชมสวนเกษตรอินทรีย์และควายทุ่งที่เชื่องมากๆ รวมทั้งทดลองทำการเกษตร เช่น ทำนาปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ เก็บไข่เป็ดไข่ไก่ในฟาร์ม ทำไข่เค็มดินสอพอง และทำของที่ระลึกจากดินเผา นอกจากนี้ยังมีที่พักไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่อยากพักค้างแรมด้วย ฟาร์มเชาวณัฎ จ.กาญจนบุรี  ฟาร์มม้าชานเมืองกาญจนบุรี กับบรรยากาศธรรมชาติที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ที่นี่เปิดสอนขี่ม้าให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีกิจกรรมป้อนอาหารม้า ขี่ม้าชมธรรมชาติ นั่งรถม้าชมรอบๆ ฟาร์ม และยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น ขี่เจ็ทสกี ขับรถเอทีวี และดำนาปลูกข้าวตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านกาแฟไว้ให้บริการด้วย

4 ที่ขี่ม้าวิวธรรมชาติ ใกล้เมืองกรุง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top