มหาสารคาม

มหาสารคาม

แนะนำกิจกรรม วันมาฆบูชา

พาไปเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ส่งท้ายอากาศหนาว ที่ #บ้านป่าเหมี้ยง ใครอยากมาพักผ่อนใช้ชีวิตเรียบง่าย สโลวไลฟ์ ต้องมาที่นี่เลย เพราะที่นี่มีอากาศที่อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก และมีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เพื่อสักการะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปีนี้ตรงกับวันที่ 6 มีนาคม 2566 แต่ละวัดจะมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ ส่วนช่วงเย็นก็จะมีการเวียนเทียนด้วยเช่นกัน และที่สำคัญ วัดในแต่ละพื้นที่แต่ละภูมิภาคก็จะมีกิจกรรมอื่น ๆ ตามวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นในช่วงวันมาฆบูชาอีกด้วย วันนี้ ขอแนะนำสถานที่ทำกิจกรรมในวันมาฆบูชา ให้แก่ผู้ที่สนใจได้เข้าร่วมและวางแผนล่วงหน้ากันได้ จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกัน  งานมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ประจำปี 2566 ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช  2-6 มีนาคม 2566 ประเพณีประจำปีของจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกได้ว่ามีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ต้อนรับประชาชนทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวแสวงบุญที่เดินทางมายังวัดนี้ และมีกิจกรรมให้ทำตลอดทั้ง 5 วัน เพื่อน ๆ สามารถดูกำหนดการและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/TAT.NST/posts/pfbid0hcSYQT26NKZ3nrGQK3no3i4KNfKRHBxQ7MaiKkk2YUh5sWTKJJzZRrE87vkijR8Ql  เวียนเทียนทางน้ำ แห่งเดียวในโลก ณ วัดติโลกอาราม กว๊านพะเยาตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา  4-6 มีนาคม 2566 เป็นอีกแห่งที่มีกิจกรรมในวันมาฆบูชาที่มีชื่อเสียงอย่างมาก คือ กิจกรรมนั่งเรือเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอารามซึ่งตั้งอยู่กลางกว๊านพะเยา โดยปกติแล้ว ทุกๆ ปีจะมีการเวียนเทียน 3 ครั้ง ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา หากเพื่อน ๆ สนใจ สามารถไปร่วมกิจกรรม พร้อมชมแสงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดินกันได้ด้วย พิธีเวียนเทียน จัดขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม เวลา 17.00 น. ขึ้นเรือได้ที่ ท่าเรือวัดติโลกอาราม ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เพื่อน ๆ สามารถดูกำหนดการและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/tatchiangrai/posts/pfbid02ub8DXAMETK8yUEY8nkLVxSRQQ7oMtfggrvno5MjttrT6XS86yBzLHmowxJEiaC22l  งานสรงน้ำพระธาตุ ห่มผ้าพระนอน ประจำปี 2566 วัดพระนอนแม่ปูคา หรือ วัดพระป้านตำบลแม่ปูคา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่  6 มีนาคม 2566 ประเพณีสำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ แม้ในปีนี้จะไม่ได้มีการจัดงานอย่างคึกคัก แต่เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ทางวัดจึงมีการจัดกิจกรรมสรงน้ำพระธาตุ ห่มผ้าพระนอน และเจริญพุทธมนต์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไปและเวลา 19.00 น. จะมีการเวียนเทียนรอบอุโบสถ   วันมาฆบูชา สืบสานตำนานสองเจดีย์ธาตุ องค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัยและเจดีย์ปทุมวดี ประจำปี 2566 วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหารถนนรอบเมืองใน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน  6 มีนาคม 2566 ร่วมงานประเพณีเดือนหกเป็ง ถวายผ้าห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยและเจดีย์ปทุมวดี ปูชนียสถานสำคัญที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนาน กิจกรรมไฮไลต์ 18.00 น. แห่ผ้าห่มองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยและเจดีย์ปทุมวดี 19.00 น. ชมการแสดงแสง สี เสียง เล่าขานตำนานสองเจดีย์ธาตุ  งานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน ประจำปี 2566 พระบรมธาตุนาดูน พุทธมณฑลอีสานตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม  4-12 มีนาคม 2566 นมัสการปูชนียสถานสำคัญแห่งอีสาน สถานที่ที่ค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของนครจำปาศรี เมืองโบราณในอดีต อีกทั้งยังค้นพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 (สมัยทวารวดี) กิจกรรมไฮไลต์ ชมพิธีเปิดสุดตระการตา การแสดงแสง สี เสียง ขบวนแห่ประเพณีสิบสองเดือน และมหรสพ เพื่อน ๆ สามารถดูกำหนดการและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/phathatnadun?locale=th_TH

แนะนำกิจกรรม วันมาฆบูชา อ่านเพิ่มเติม

ฮูปแต้ม…ตามรอยจิตรกรรม สิมอีสาน 🌟

ฮูปแต้ม คือ จิตรกรรมฝาผนัง ที่จะเขียนอยู่บนผนังด้านนอกของ “สิม”หรือโบสถ์วัด มักจะเห็นกันทั่วไปทางภาคอีสาน ซึ่งแอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ อาจจะเคยเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัดเก่าแก่กันมาบ้าง 🖌 ✨ฮูปแต้มแต่ละที่จะมีอัตลักษณ์แตกต่างกัน เพราะกลุ่มช่างแต้มแต่ละพื้นที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะในการสร้างสรรค์ออกมาเป็นเรื่องราวต่างกัน วันนี้แอดจะพาไปตามรอยฮูปแต้มที่จังหวัดมหาสารคาม หนึ่งในฮูปแต้มที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของภาคอีสาน ตามแอดไปชมกันเลย วัดโพธาราม  ฮูปแต้มวัดโพธาราม ภายในสิมได้มีการเขียนเรื่องราวของพุทธประวัติ มหาเวสสันดรชาดก ส่วนผนังด้านนอกเขียนเรื่องพุทธประวัติ สินไซ และพระมาลัยโปรดสัตว์ ภาพแต่ละตอนเขียนอักษรไทยบรรยายภาพไว้เป็นช่วง ๆ บ้านดงบัง ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม : https://goo.gl/maps/9YbDqKnAYS5L8jbH6 วัดป่าเลไลย์  ฮูปแต้ม วัดป่าเลไลย์โดดเด่นในเรื่องราวพุทธประวัติ พระมาลัยและพระอดีตพุทธะ ด้านนอกเขียนเป็นประวัติศาสตร์สังคมของคนอีสานในอดีตผ่านวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่องรามเกียรติ์  ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม : https://goo.gl/maps/ZLSN92uegvxAf1i59 วัดยางทวงวรวราราม ฮูปแต้มวัดยางทวงวรวราราม ได้มีการเล่าเรื่องของวิถีชีวิต เชื่อมโยงกับสังคมในยุคสมัยก่อน การดํารงชีวิต การแต่งกาย อาคารบ้านเรือน สภาพสังคม ฯลฯ ซึ่งต่างจากวัดโพธาราม ที่ภาพเขียนมีเรื่องเล่าในวรรณคดีนั่นเอง  : ตำบลยาง อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม : https://goo.gl/maps/hXPezDqE9osmo8v86

ฮูปแต้ม…ตามรอยจิตรกรรม สิมอีสาน 🌟 อ่านเพิ่มเติม

มาหา…สารคาม

คนสารคามมักบอกว่า มหาสารคามเป็นเมืองรองของรองอีกทีหนึ่ง เพราะไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมายเหมือนเพื่อนจังหวัดข้างเคียง ภูเขาก็ไม่มีอย่างใครเขา แต่เสน่ห์ของที่นี่คือความเป็นเมืองทางผ่านที่สงบเงียบ ใช้ชีวิตแบบคนพื้นถิ่นที่ผูกพันกับวัดวาในพระพุทธศาสนา มีพระบรมธาตุนาดูนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน สะท้อนความสำคัญในอดีตของพื้นที่จังหวัดมหาสารคามที่มีมานานนับพันปี แต่คนสารคามก็ภูมิอกภูมิใจที่บ้านของพวกเขาเป็น ‘เมืองการศึกษา’ ไม่ว่าจะโรงเรียนประถม มัธยม วิทยาลัยอาชีวะ และมหาวิทยาลัยชั้นนำ ต่างอัดแน่นกันอยู่ในตักสิลานครนี้ จนเป็นแหล่งผลิตกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติมาช้านาน ไม่เพียงแต่การศึกษาสมัยใหม่ ตามบ้านต่าง ๆ ก็ยังเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่รวมภูมิปัญญา หัตถกรรมพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อ อย่างผ้าไหมทอมือและงานจักสานที่มีเอกลักษณ์ เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out ครั้งนี้เราขออาสาแง้มม่านบ้านเพื่อนถิ่นสะดืออีสาน ที่ดูเหมือนหน้าฉากจะขึ้นชื่อแต่เรื่องการเรียนการศึกษา เสาะหากิจการและกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ที่อยู่เบื้องหลัง น่าสังเกตว่าหลายคนเป็นลูกหม้อที่เล่าเรียนจากสถานศึกษาในจังหวัด ซึ่งพวกเขามีความตั้งใจอยากผลักดันให้คนภายนอกรู้ว่า แม้จะเป็นเมืองรองแต่ก็มีดีไม่แพ้ใคร นอกจากขึ้นชื่อเรื่องการศึกษา มหาสารคามยังเป็นเมืองตาฮักแท้ ลูกหลานเมืองสารคามนำเสนอเรื่องราวบ้านเกิดผ่านร้านกาแฟหลายสไตล์ที่ผลัดกันหยิบเอากลิ่นอายลูกอีสานมาใช้อย่างสนุก เฟอร์นิเจอร์เครื่องหวายดีไซน์ร่วมสมัยจากวัสดุในพื้นที่ สวนผักอินทรีย์กลางผืนดินแล้งที่ส่งขึ้นห้างถึงเมืองหลวง และคณะหมอลำหุ่นที่ถ่ายทอดศิลปกรรมของเมืองสารคามด้วยการแสดงของเยาวชนในท้องถิ่น ตามเราเก็บทั้ง 10 สถานที่เข้าลิสต์ หลังโควิด-19 เตรียมตัวให้พร้อม รับรองคุณจะฮักนะ … สารคาม  1 Friends film lab แล็บล้างฟิล์มของหนุ่มสารคามที่อยากสนับสนุนวงการฟิล์มในบ้านเกิด หลายปีมานี้กระแสกล้องฟิล์มกลับมาบูมอีกครั้ง แล็บล้างฟิล์มตามหัวเมืองใหญ่เหมือนฟื้นคืนชีวิต อำนวยความสะดวกให้สายสแน็ปทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่าในท้องถิ่นได้มีร้านล้าง-สแกน และเลือกซื้อฟิล์มถ่ายภาพกันได้ง่ายขึ้น หลังจาก เล็ก-เอกพงษ์ เลิศสกุณี โลดแล่นอยู่ในบริษัทใหญ่ที่จำหน่ายเครื่องล้าง-สแกนฟิล์มมากว่าสิบปี เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจึงลาออกมาเป็นเจ้านายตัวเอง พร้อมกับความคิดอยากเปิดร้านฟิล์มเล็ก ๆ ที่บ้านเกิด ก่อนเปิดร้านเขาทำการบ้านอยู่พักใหญ่ คอยดูทิศทางลมของกระแสการถ่ายภาพฟิล์มว่าจะพัดผ่านเมืองรองแห่งนี้แรงแค่ไหน เล็กพบว่าคึกคักไม่ต่างจากเมืองอื่น Friends film lab แล็บล้างฟิล์มกลางเมืองมหาสารคามจึงเกิดขึ้น โดยมีโจทย์ตั้งต้นว่าอยากช่วยนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ให้มีแล็บล้างฟิล์มใกล้ ๆ ไม่ต้องเอาม้วนฟิล์มข้ามแดนไปล้าง-สแกนไกลถึงจังหวัดข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มสี ฟิล์มขาว-ดำ หรือฟิล์มสไลด์ จนกระทั่งฟิล์มหนัง ฟิล์มบูด แล็บเพื่อมิตรภาพแห่งนี้ยินดีรับล้างและสแกนด้วยราคาฉันเพื่อนสมชื่อ แถมเรื่องคุณภาพวางใจได้ เพราะเล็กยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานซ่อมและดูแลเครื่องล้างฟิล์มในกรุงเทพฯ อีกหลายร้านที่ถ้าเอ่ยชื่อต้องมีร้องอ๋อ และเล็กกำลังมองหาจุดดร็อปม้วนฟิล์มถ่ายแล้วให้ใกล้กับสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดมากที่สุด เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าได้ฝากฟิล์มมาล้างที่นี่กันง่ายขึ้น เล็กเล่าว่าการเปิดแล็บฟิล์มทำให้พบปะกับเพื่อนวัยเด็กอีกครั้ง รวมถึงเพื่อนใหม่ในนามลูกค้าที่แวะมาขอคำปรึกษาเรื่องกล้อง เรื่องฟิล์ม อยู่เนือง ๆ เป็นความสุขที่ได้รับ พร้อมกับรันวงการฟิล์มในท้องถิ่นให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่ตั้ง : 10 ซอยนครสวรรค์ 32 ตำบลตลาด อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม พิกัด : https://goo.gl/maps/JsBKKUmr4NoW6Cgi6 วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 11.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 08 6332 1691 Facebook : Friends film lab 02 โรงละคร หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา โรงละครกลางบ้านสุดม่วนกุ๊บ ของลูกอีสานผู้เปลี่ยนกระติ๊บเป็นหุ่นหมอลำ เสียงแคนคลอเสียงพิณ เคล้าคำร้องหมอลำลอยมาจากหมู่บ้าน เป็นสัญญาณว่า คณะหมอลำหุ่น เด็กเทวดา กำลังจะเริ่มทำการแสดงแล้ว ย้อนที่มาไปหลายปีก่อน ครูเซียง-ปรีชา การุณ นักทำหุ่นกระบอก ได้เข้ามาเจอเข้ากับละครเงาอีสานหรือหนังบักตื้อ มรดกของบ้านดงน้อย อำเภอนาดูน ซึ่งแต่เดิมหนังชนิดนี้นิยมเล่นในท้องเรื่อง สังข์สินไซ วรรณกรรมท้องถิ่นที่มักเขียนเป็นภาพฮูปแต้มอยู่ตามสิมเก่าแก่ของวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน เมื่อมาลงพื้นที่เต็มตัว ครูเซียงเห็นว่าพ่อใหญ่แม่ใหญ่แห่งบ้านดงน้อยมีความสามารถด้านงานจักสาน ทำตะกร้า และกระติ๊บใช้กันในชีวิตประจำวัน เลยปิ๊งไอเดียเกิดเป็นหุ่นกระติ๊บที่ใช้วัสดุจากท้องถิ่น สวมผ้าซิ่น พาดผ้าขาวม้า มองแวบแรกก็รู้ว่ามาจากถิ่นที่ราบสูง ส่วนเรื่องราวที่เลือกมาใช้ทำการแสดง นอกจาก สังข์สินไซ สุดฮิตที่รีเมกเล่นซ้ำกันอยู่บ่อย ๆ แล้ว หมอลำหุ่นรุ่นใหม่ยังเพิ่มเรื่องราวให้ม่วนยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องเล่า ตำนาน และวรรณกรรมพื้นบ้านทั้งหลาย ในรูปแบบของหมอลำ โดยขอแรงพ่อครูแม่ครูในหมู่บ้านช่วยถ่ายทอดทักษะการร้องลำ และการเล่นดนตรีพื้นบ้านให้กับเด็ก ๆ ในท้องถิ่น กลายเป็นคณะหมอลำที่ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม ทุกวันนี้โรงละครหมอลำประจำบ้านดงน้อยทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านไว้คอยต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน หากดูหมอลำหุ่นจบแล้วติดลม อยากใช้ชีวิตท่ามกลางท้องนา ก็มีโฮมสเตย์ที่ชวนสัมผัสวิถีชาวอีสานอย่างเต็มอิ่ม และเสิร์ฟอาหารพื้นบ้านให้ได้ลองด้วย ตอนนี้โรงละครหมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา กำลังปรับปรุง เพิ่มแสงสีที่นั่งใหม่ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป คงเสร็จสมบูรณ์พร้อมพอดี รอให้ทุกคนได้ไปพบกับความม่วนกุ๊บฉบับคนนาดูนอีกครั้ง ที่ตั้ง : บ้านดงน้อย ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม พิกัด : https://goo.gl/maps/WMAZVy1HJmEexyC3A วัน-เวลาทำการ : ติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ : 09 3083 5298 Facebook : หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา 3 Miso home cafe 미소 홈 카페 โฮมคาเฟ่สไตล์เกาหลี ที่มีมาการองเป็นทีเด็ดประจำร้าน 미소 (Miso) ในภาษาเกาหลี แปลว่า รอยยิ้ม และยังเป็นชื่อลูกคนเล็กของ แตงโม-อภิญญา เอ ออร์เดรย์ เธอเลือกเอาคำนี้มาตั้งเป็นชื่อร้าน เพราะอยากเชื่อมโยงรอยยิ้มเข้ากับความสุขของตัวเองและลูกค้าที่ได้มาเจอกัน “เราทำเพราะมันเป็นความสุข ยิ่งเห็นคนกินขนมและเครื่องดื่มของเรา เขามีความสุข เราก็ยิ่งดีใจ” ที่มาที่ไปเกิดจากประสบการณ์เที่ยวมาแล้วทั่วโลก พบเจอร้านรวงมากมาย สร้างแรงบันดาลใจให้อยากมีคาเฟ่เมื่อกลับเมืองไทย จึงลงมือรีโนเวตโรงรถของบ้านให้กลายเป็นร้านสีขาวสะอาดตา บวกกับแตงโมมีแฟนเป็นชาวเกาหลี ร้านเลยปกคลุมไปด้วยมวลของคาเฟ่เกาหลี ตั้งแต่ภายนอกร้าน การตกแต่ง จนถึงเมนูเครื่องดื่มและขนม คาเฟ่แห่งนี้ต่อท้ายด้วยโฮมคาเฟ่ ไม่ใช่เพียงเพราะร้านอยู่ในบริเวณบ้านเท่านั้น แต่ขนมก็เป็นโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสตามที่แตงโมสังเกตมาจากร้านในเกาหลี โดยจะลงมือทำเองทุกวัน ส่วนกาแฟประจำร้าน ก็เลือกใช้เมล็ดกาแฟที่ดื่มง่ายเพียงชนิดเดียว แต่ถูกปากสำหรับคนทั่วไป หากอยากดื่มรสเข้มขึ้น หวานน้อยลง หรือต้องการรสชาติแบบไหน เพียงกระซิบบอกบาริสต้าประจำร้านได้เลย เป็นความตั้งใจที่อยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนชงดื่มเองที่บ้าน แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือความเด็ดดวงของมาการองประจำร้าน มีมากมายควรค่าแก่การลิ้มลองถึง 10 รสชาติ อาทิ

มาหา…สารคาม อ่านเพิ่มเติม

อีสาน cool cool : เที่ยวสารคาม

มหาสารคาม ดินแดนที่อยู่กึ่งกลางของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนถูกเรียกว่าเป็น “สะดือแห่งอีสาน” และยังได้รับฉายาว่าเป็น “ตักสิลานคร” หรือเมืองแห่งการศึกษานั้น จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลย.ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา มาถึงมหาสารคามแล้วก็ต้องไม่พลาดมาสักการะ “พระธาตุนาดูน” ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น พุทธมณฑลแห่งอีสาน ในอดีตที่ตั้งของอำเภอนาดูนคือ เมืองจัมปาศรี (หรือจำปาศรี) ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในสมัยทวารวดี เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่มีประวัติมายาวนาน  การสร้างพระธาตุนาดูนมีที่มาจากการขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทำด้วยทองสำริด หลังจากนั้นจึงได้มีการสร้างพระธาตุขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในบริเวณที่ขุดพบสถูป โดยรูปทรงของพระธาตุนาดูนได้จำลองแบบมาจากสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวนั่นเอง  ที่ตั้ง : ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคามโทร. 043 797 021, 043 777 231พิกัด : https://goo.gl/maps/48PoY2y384U2 เดินเล่นบนสะพานไม้เก่าแก่ร้อยปี “สะพานไม้แกดำ” เป็นสะพานไม้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทอดยาวข้ามบึงบัวจากฝั่งวัดดาวดึงษ์ไปยังหมู่บ้านหัวขัว หรือ บ้านหัวสะพาน (ขัว ภาษาอีสาน แปลว่า สะพาน บ้านหัวขัว ก็คือ บ้านหัวสะพาน นั่นเอง)  จุดเริ่มต้นของสะพานแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ร่วมกันสร้างสะพานไม้เล็กๆ นี้ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นทางสัญจรไปมาระหว่างสองหมู่บ้านที่อยู่คนละฟากฝั่งของหนองแกดำ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งของจังหวัด ที่ตั้ง : ตำบลแกดำ อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคามโทร. 043 227 714 – 5 (ททท. สำนักงานขอนแก่น)พิกัด : https://goo.gl/maps/ak9pT9j3VUM2 ชม “สิมวัดโพธาราม” วัดโพธารามเป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ไฮไลท์ที่ต้องชมก็คือ สิมโบราณที่มีอายุกว่าร้อยปี ทั้งภายในและภายนอกอาคารมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่า ฮูปแต้ม ที่ตั้ง : ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคามโทร. 043 227 714 – 5 (ททท. สำนักงานขอนแก่น)พิกัด : https://goo.gl/maps/JuUkXGWfJgA2 ฮูปแต้มที่นี่เป็นฝีมือช่างท้องถิ่น วาดเป็นเรื่องราวต่างๆ เช่น พุทธประวัติ พระเวสสันดรชาดก และสินไซ เป็นต้น ซึ่งภาพวาดต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ตามเนื้อเรื่องแล้ว ก็ยังสะท้อนสภาพสังคมในอดีตของชาวอีสานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ ฯลฯ สีที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้า สีคราม สีขาว สีดินแดง และสีเขียว ชมหมอลำหุ่นกระติ๊บข้าวแบบคูลๆ ศิลปวัฒนธรรมแห่งภาคอีสาน ของกลุ่มละครเล็กๆ ที่ใช้ชื่อว่า “หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา” ที่เกิดขึ้นบริเวณโรงละครหมอลำหุ่นเพื่อชุมชน โฮมทองศรี บ้านหนองโนใต้ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ที่ตั้ง : ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม โทร. 093 083 5298พิกัด : https://goo.gl/maps/z6fRcNBw2qm จุดเริ่มต้นภูมิปัญญาสร้างสรรค์นี้เกิดขึ้นจาก ครูเซียง หัวหน้าคณะหมอลำหุ่นเด็กเทวดา ที่นำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานอย่างหมอลำและศิลปะการเชิดหุ่นมาประยุกต์ โดยนำเอาวัสดุพื้นบ้านที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันอย่างกระติ๊บข้าวเหนียว มาใช้ในการประดิษฐ์หุ่นเชิด โดยทำเป็นส่วนลำตัวและส่วนหัว แต่งตัวหุ่นด้วยชุดผ้าขาวม้าและผ้าพื้นเมือง ซึ่งการแสดงหมอลำหุ่นกระติ๊บข้าวนั้นจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านอีสาน ตำนาน และวรรณกรรมต่างๆ ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา การเชิดหุ่นกระติ๊บข้าวแต่ละตัวนั้น เป็นฝืมือของเด็กๆ ในชุมชน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้และได้รับการฝึกฝนจากครูเซียง  ปัจจุบันคณะหมอลำหุ่นเด็กเทวดา จัดแสดงตามงานในจังหวัดมหาสารคามและทั่วประเทศ พร้อมสาธิตการประดิษฐ์หุ่นกระติ๊บข้าวอีกด้วย ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา “กาแฟขี้ช้าง หรือ กาแฟช้างทองคำ” หนึ่งเดียวในภาคอีสานตั้งอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง ช้างทองคำ จังหวัดมหาสารคาม ที่นี่เป็นแหล่งผลิตกาแฟขี้ช้างคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ซึ่งนอกจากจะผลิตกาแฟขี้ช้างแล้ว ยังมีกิจกรรมให้เราสามารถมาทำร่วมกับช้างได้ด้วย ที่ตั้ง : 212 หมู่ 1 ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามโทร. 093 686 9016, 043 706 572พิกัด : https://goo.gl/maps/jxjDi224jGT2 ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ คาเฟ่ช้างทองคำCafeChangthongkhum ผลิตกาแฟขี้ช้าง-ElephantCoffee หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่ากาแฟขี้ช้างเป็นยังไง ความจริงแล้วกาแฟขี้ช้างก็มีกรรมวิธีในการผลิตคล้ายๆ กาแฟขี้ชะมดนั่นแหละค่ะ คือ เริ่มจากการนำผลกาแฟสุกมาให้ช้างกิน ซึ่งทางศูนย์อนุรักษ์ฯ จะใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่สุกแดงจัดที่ปลอดสารเคมี เมื่อช้างขับถ่ายออกมาก็จะนำไปคัดแยกเฉพาะเมล็ดกาแฟออก และนำไปผ่านกระบวนการบ่มต่างๆ ร่วม 3 ปี จนออกมาเป็นเมล็ดกาแฟที่พร้อมสำหรับนำไปชงดื่มนั่นเอง  กาแฟขี้ช้างมีเอกลักษณ์ที่เเตกต่างจากกาแฟทั่วไป คือ – มีกลิ่นหอมละมุน เนื่องจากกระบวนการบ่มและย่อยด้วยกระเพาะช้าง ทำให้มีกลิ่นหอมพิเศษ– มีรสขมลดลงและมีรสเปรี้ยวน้อยกว่ากาแฟปกติมากพอสมควร เมื่อเทียบกับในระดับการคั่วเดียวกัน – เมื่อดื่มแล้วจะมีความหวานติดอยู่ที่ปลายลิ้น อยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง ต่างกับกาแฟขี้ชะมดมั้ย ต้องไปลองนะคะ  ในอำเภอกันทรวิชัย มีพระพุทธรูปเก่าแก่ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านอยู่ 2 องค์ เรียกกันว่า “หลวงพ่อพระยืน” มีนักท่องเที่ยวสายบุญมากมายเดินทางมาสักการะกันอยู่เสมอ ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตอำเภอกันทรวิชัยเป็นเมืองขอม มีผู้ครองเมือง ชื่อ “ท้าวสิงโตดำ” มีอุปนิสัยใจคอโหดร้ายอำมหิต ทรมานบิดามารดาจนเสียชีวิตเพราะต้องการแย่งราชสมบัติ แต่เมื่อได้ขึ้นครองเมืองแล้วบ้านเมืองก็มีแต่ความวุ่นวาย ไม่มีความสงบ ท้าวสิงโตดำจึงให้โหรทำนายเพื่อหาวิธีแก้ไข โหรทำนายว่าต้องสร้างพระพุทธรูปเพื่อเป็นการล้างบาป ท้าวสิงโตดำจึงสร้างพระพุทธรูปขึ้น 2 องค์ เพื่อระลึกถึงบิดาและมารดา ซึ่งก็คือ พระพุทธมงคล และ พระพุทธมิ่งเมือง นั่นเอง  ซ้ายพระพุทธมงคล ประดิษฐานอยู่ที่ลานโพธิ์ วัดพุทธมงคล เป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะทวารวดี แกะสลักจากหินทราย เป็นที่เคารพสักการะของชาวอำเภอกันทรวิชัยมาแต่โบราณ เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล ที่ตั้ง : หมู่ 2 ตําบลคันธารราษฎร์ อําเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคามพิกัด : https://goo.gl/maps/d3hCVsuGaAB2 ขวาพระพุทธมิ่งเมือง วัดสุวรรณาวาส เป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะทวารวดี แกะสลักจากหินทราย เช่นเดียวกับพระพุทธมงคล เป็นที่นับถือในความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะมีผู้คนมากราบสักการะขอพรแล้ว ยังนิยมมาบนบานศาลกล่าวกันอีกด้วย

อีสาน cool cool : เที่ยวสารคาม อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พา : ไหว้พระธาตุอีสาน 4 เมือง รุ่งเรืองตลอดชีวิต

วันนี้แอดจะมาแนะนำพระธาตุอีสาน 4 เมือง (5 พระธาตุ) ประกอบด้วย 1. พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระมหาธาตุเจดีย์สูง 9 ชั้น ศูนย์รวมจิตใจของชาวขอนแก่นเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรวบรวมคำภีร์ทางพระพุทธศาสนา บานประตู-หน้าต่างแต่ละชั้นแกะสลักภาพชาดก พุทธประวัติ และเรื่องราวทางศาสนา  บนชั้นที่ 9 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายในบุษบก และยังเป็นหอชมทิวทัศน์ตัวเมืองขอนแก่นที่สวยงามอีกด้วย  อานิสงส์ : ก้าวหน้ารุ่งเรือง สักการะพระธาตุ 9 ชั้น ก้าวหน้ารุ่งเรือง เปรียบดังบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น.  การเดินทางจากสี่แยกประตูเมือง ตรงไปตามถนนศรีจันทร์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนกลางเมือง ขับตรงไปเรื่อยๆ วัดหนองแวงจะอยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/Gv546YwsoMu 2. พระธาตุขามแก่น วัดเจติยภูมิ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตามตำนานกล่าวว่าเป็นพระธาตุที่สร้างขึ้นครอบต้นมะขามที่ตายแล้วเหลือเพียงแก่น แต่กลับยืนต้นแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวชะอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ พร้อมกับบรรจุพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ด้วย อานิสงส์ : เรื่องร้ายกลายเป็นดี ดุจดังแก่นขามตายแล้วฟื้น รักยั่งยืน โรคภัยที่มี หลีกลี้ห่างหาย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 209 (ขอนแก่น-กาฬสินธุ์) ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 12 กิโลเมตร เมื่อข้ามสะพานน้ำพองแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2183 ไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/BZTuRgnysf22 3.พระธาตุยาคู อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์  เดิมเรียกว่าธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐ เชื่อกันว่าภายในบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ บริเวณโดยรอบองค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ  อานิสงส์ : ร่มเย็นเป็นสุข สักการะพระธาตุโบราณ เบิกบานร่มเย็น อัศจรรย์บูชาพระธาตุโบราณ ชีวิตเบิกบาน สมบูรณ์พูนสุข เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/7XVtDRUixHN2 4.พระมหาเจดีย์ชัยมงคล วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนสลักด้วยหินทรายของพระคณาจารย์ ปราชญ์แห่งอีสาน และพระสุปฎิปันโน 101 องค์ รวมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมอัฐบริขารของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้สร้างพระมหาเจดีย์ไว้อีกด้วย  อานิสงส์ : เสริมมงคลชีวิต อลังการพระมหาเจดีย์ชัยมงคลเสริมส่งมงคล ท่วมท้นชัยชนะด้วยพุทธานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-17.30 น. การเดินทางจากตัวเมืองร้อยเอ็ด ใช้ทางหลวงหมายเลข 2044 และ ทางหลวงหมายเลข 2136 (หนองพอก-เลิงนกทา) ให้สังเกต อบต.ผาน้ำย้อย ทางขวามือ เลย อบต.ผาน้ำย้อยไปไม่ไกลจะเจอทางแยกซ้ายเข้าวัด พิกัด : https://goo.gl/maps/YSrJbe4KnF62 5.พระธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น และที่สำคัญยิ่งก็คือการขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 13-15 สมัยทวาราวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างพระธาตุนาดูนขึ้น อานิสงส์ : เพิ่มพูนบารมี ศูนย์รวมความดี บารมีแดนอีสาน เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. การเดินทางจากตัวเมืองมหาสารคาม ใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ขับตามเส้นทางมาประมาณ 61 กม. จนถึงแยก ปากทางนาดูน จากนั้นเลี้ยวขวาไปถนนหมายเลข 2381 ขับต่อไปอีกประมาณ 5 กม. สังเกตุซุ้มประตูทางเข้าพระธาตุ อยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/SF6ZXL5evYQ2

ธรรม(ดา) พา : ไหว้พระธาตุอีสาน 4 เมือง รุ่งเรืองตลอดชีวิต อ่านเพิ่มเติม

ปูทูลกระหม่อม..ปูน้ำจืดที่มีสีสันสวยที่สุดของประเทศไทย

ปูทูลกระหม่อม..ปูน้ำจืดที่มีสีสันสวยที่สุดของประเทศไทย…

ปูทูลกระหม่อม..ปูน้ำจืดที่มีสีสันสวยที่สุดของประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top