เชียงราย

เชียงราย

D.I.Y. Do it for you ทำงานฝีมือไปฝากคนรู้ใจ

เทศกาลวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้วว หลายๆ คนคงจะเริ่มวางแผนแล้วว่า วันแห่งความรักแบบนี้จะทำอะไรให้คนรู้ใจดีนะ วันนี้แอดจึงรวบรวมสถานที่สำหรับทำ D.I.Y เผื่อใครอยากจะทำของน่ารักๆ ด้วยฝีมือตัวเองไปมอบให้เป็นของขวัญสุดพิเศษไม่ซ้ำใคร จินนาลักษณ์ miracle of saa มาดูของฝากน่ารักๆ อย่างกระดาษสากัน สามารถมอบให้กับสาวๆ หรือผู้ใหญ่ก็ยังได้ ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำกระดาษสาแบบดั้งเดิม และเป็นศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกที่ทำจากกระดาษสา มีความกิ๊บเก๋อยู่ตรงที่เราสามารถออกแบบตกแต่งกระดาษสาได้เองด้วย ค่าใช้จ่ายกิจกรรม DIY กระดาษสา มี 2 แบบ คือ– ทำกระดาษสา พร้อมใส่กรอบไม้ ราคา 500 บาท– ทำกระดาษสาอย่างเดียว ไม่ใส่กรอบ (ทางร้านจะส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้าน) ราคา 190 บาท นอกจากนี้ยังมีของฝากน่ารักๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูป พัด หรือกล่องใส่ของ.ที่ตั้ง หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น.โทร. 064 679 7470, 081 883 9062 ครามสกล การนำผ้ามาย้อมกับสีธรรมชาติที่ได้จากพืชท้องถิ่นอย่าง “ต้นคราม” เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจังหวัดสกลนคร ที่สืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สำหรับใครที่อยากจะลงมือทำผ้าย้อมครามด้วยตัวเองในแบบฉบับ D.I.Y. แอดแนะนำร้านผ้าย้อมคราม @ครามสกลเลย เพราะที่นี่มีวิทยากรมาคอยสอนและสาธิตขั้นตอนการทำอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ร้านก็มีลวดลายเก๋ๆ ให้เลือกเยอะมาก หรือใครจะครีเอทออกมาเองให้เก๋ไก๋ไม่ซ้ำแบบใครก็ได้ สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจผลิตภัณฑ์จากผ้าคราม ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และของใช้ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเค้าพัฒนาดีไซน์ได้เก๋ไก๋ เป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นมากๆ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ได้ที่ Facebook : KhramSklKramsakon หรือถ้าใครสนใจอยากลองทำผ้าย้อมครามเก๋ๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ร้านผ้าย้อมคราม @ครามสกล-Kramsakon ที่ตั้ง บ้านพะเนาว์ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนครเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.Line id : @kramsakonโทร 080 582 6655 บ้านด่านเหนือแพรฝ้าย พูดถึงกาฬสินธุ์ หลายคนก็คงนึกถึงไดโนเสาร์และผ้าทอใช่มั้ย แอดจะพาไปทำความรู้จักกับชุมชนกลุ่มทอผ้ามัดหมี่และหมอนขิดที่บ้านด่านเหนือ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าขาวม้า ผ้าห่ม ผ้ามัดหมี่ และตุ๊กตาไดโนเสาร์นั่นเองค่ะ และเราก็สามารถลงมือทำกิจกรรม DIY ทำตุ๊กตาไดโนเสาร์ และพวงกุญแจได้ด้วย เราจะได้ลงมือทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตัดผ้า ยัดนุ่น ไปจนถึงเย็บให้เป็นตุ๊กตา บอกเลยว่าทั้งสนุกและได้ความรู้มากมายเลย เหมาะที่จะพาคนรู้ใจไปนั่งทำกิจกรรมร่วมกันมากๆ หากเพื่อนๆคนไหนสนใจกิจกรรม DIY การทำตุ๊กตาไดโนเสาร์ หรือพวงกุญแจ ต้องติดต่อล่วงหน้านะคะ ที่ตั้ง 116/2 บ้านด่านเหนือ ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์โทร. 081 739 1434 คุณนัฐพร มหิพันธุ์ (ผู้จัดการ) Cocoa Valley วาเลนไทน์เราจะพลาดช็อกโกแลตได้ไง สำหรับใครที่อยากจะให้ของขวัญคนที่เรารักเป็นช็อกโกแลตหวานๆ แอดแนะนำที่นี่เลย เราสามารถทำช็อกโกแลตได้ด้วยตัวเอง เริ่มตั้งแต่เก็บผลโกโก้ในสวน ไปจนถึงขั้นตอนการทำ เรียกได้ว่าเป็นฝีมือของเราจริงๆ เลยล่ะ กิจกรรมใช้เวลา 45 นาที ราคาคนละ 350 บาท ที่ตั้ง 339 หมู่ 8 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร 063 791 1619 Cocoa Valley เป็นทั้งรีสอร์ทสไตล์ลอฟท์ และยังมีโซนคาเฟ่ด้วย มีทั้งเบเกอรี และเครื่องดื่มที่ใช้ผลผลิตจากสวนโกโก้ของเค้าเองด้วยนะ เมืองไม้บาติก จังหวัดร้อยเอ็ด ผ้าบาติกของที่นี่มีเอกลักษณ์คือ นำผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของร้อยเอ็ดมาเพนต์ลายแบบบาติก โดยใช้สีสันโทนธรรมชาติและลวดลายกราฟิกที่แปลกตา บาติกผ้าไหมมีเทคนิควิธีการทำเหมือนกับผ้าบาติกของภาคใต้ ต่างเพียงแค่สีและลวดลายเท่านั้น โดยเมืองไม้บาติกจะใช้สีโทนธรรมชาติไม่ฉูดฉาด และลวดลายจะเป็นลายธรรมชาติง่าย ๆ เช่น ปลา ใบไม้ ดอกไม้ หรือใยแมงมุม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานบุญผะเหวด งานบุญใหญ่ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลายให้เลือกวาดเยอะมากๆ ที่สำคัญเราสามารถช่วยกันวาดได้ด้วยนะ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าไปทำกับคนรู้ใจมากๆ เลยล่ะ ใครอยากมาระบายสีผ้าบาติกแบบแอด มาได้ที่เมืองไม้บาติกเลย ที่ตั้ง 281 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ดเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00 – 20.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. คุณต่อศักดิ์ สุทธิสา 043 569 048, 081 261 4800

D.I.Y. Do it for you ทำงานฝีมือไปฝากคนรู้ใจ อ่านเพิ่มเติม

ชุมชนบ้านปางห้า จังหวัดเชียงราย

ชุมชนบ้านปางห้า เป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทยใน อ.แม่สาย ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพาะปลูก และทำงานฝีมือ ชุมชนแห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว โดยมีจุดท่องเที่ยวให้แวะชมถึง 12 จุดด้วยกัน จินนาลักษณ์ Miracle of Saa ถือเป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้านปางห้า ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำกระดาษสาแบบดั้งเดิม และเป็นศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกที่ทำจากกระดาษสา ใครมาที่นี่จะได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาและกรรมวิธีในการทำกระดาษสาด้วย ก่อนไปลงมือทำกระดาษสาแบบ DIY แวะจิบกาแฟให้ชื่นใจกันก่อนที่ “Craft Cafe” ร้านกาแฟที่ตกแต่งเพดานด้วยโมบายกระดาษสาน่ารักๆ เอาล่ะ มาลงมือทำกระดาษสากัน ขั้นตอนการทำกระดาษสาแบบ DIY1. คัดเลือกเปลือกอ่อนจากต้นปอสา2. นำเปลือกมาต้มทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงให้นิ่ม3. นำเปลือกที่ต้มแล้วมาทุบจนเป็นเยื่อละเอียด แล้วนำไปใส่ในแม่พิมพ์ที่แช่อยู่ในอ่างน้ำ เพื่อขึ้นรูปเป็นแผ่นกระดาษ4. ตกแต่งพิมพ์ด้วยใบไม้ดอกไม้ตามแต่จินตนาการของเรา5. นำไปตากให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จ ค่าใช้จ่ายกิจกรรม DIY กระดาษสา มี 2 แบบ คือ– ทำกระดาษสา พร้อมใส่กรอบไม้ ราคา 500 บาท– ทำกระดาษสาอย่างเดียว ไม่ใส่กรอบ (ทางร้านจะส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้าน) ราคา 190 บาท เมื่อกระดาษสาแห้งแล้ว หน้าตาก็จะออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ นอกจากการทำกระดาษสาแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือ การทำสปาหน้าด้วยใยไหมทองคำ มาส์กของที่นี่มีความพิเศษ เพราะเป็นมาส์กที่ทำจากใยไหม ซึ่งใยไหมนี้ได้มาจากตัวหนอนไหมที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมีโปรตีนและสารอาหารที่ดีต่อผิวหน้า มีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอย และทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าจางลงด้วย ค่าใช้จ่ายในการทำสปาหน้า 900 บาท ถ้าใครติดใจก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ใยไหมทองคำกลับไปใช้ที่บ้านได้นะ ผลิตภัณฑ์ยอดฮิตคือ สบู่ล้างหน้า มาส์กหน้า พัฟล้างหน้า และครีมบำรุง นอกจากนี้ ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมอีกหลายฐานให้เราได้แวะชม เช่น – สวนฝรั่งกิมจู ชิมฝรั่งกิมจูปลอดสารพิษ รสชาติหวานชื่นใจ – บ้านตีมีดไทลื้อ แหล่งตีมีดแห่งเดียวในชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์ศิลปะการตีมีดแบบดั้งเดิมจากพม่า – บ้านหยก ชมการแกะสลักและเจียระไนหยกพม่าที่ต้องใช้ฝีมือและความประณีตเป็นอย่างมาก – บ้านทำเทียน ทดลองทำเทียนไหว้พระด้วยตนเอง ตั้งแต่การผสมวัตถุดิบไปจนถึงการหล่อเทียน – บ้านเกษตรอินทรีย์ ชมพืชผักปลอดสารหลากหลายชนิด – บ้านอิ่มอุ่น อาหารไทลื้อ ชิมอาหารไทลื้อแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าไทลื้อ ข้าวแรมฟืน ข้าวซอยน้อย และข้าวซอยน้ำเงี้ยว – บ้านขนมล็อคนา ชิมขนมล็อคนาหรือขนมรังผึ้ง ที่มีความพิเศษอยู่ตรงแป้งที่ใช้ เป็นแป้งข้าวเจ้าที่โม่สดๆ ใหม่ๆ ไม่ใช้แป้งสำเร็จรูป สำหรับใครที่คิดว่า 1 วันที่ปางห้าไม่น่าจะพอ และอยากซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบให้นานกว่านี้ ที่นี่ก็มีโฮมสเตย์สวยๆ ให้พักด้วยนะ โฮมสเตย์ในชุมชนมีประมาณ 10 หลัง พักได้ 2-20 คน ราคาเริ่มต้นที่คนละ 500 บาท สำหรับเพื่อนๆ ที่มากันเป็นหมู่คณะ แอดแนะนำให้ซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวกับทางชุมชน เพราะจะได้ทำกิจกรรมและนอนพักที่โฮมสเตย์ไปในคราวเดียวกันเลย (อย่าลืม!! ติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์นะคะ) ที่ตั้ง : หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น.โทร. 064 679 7470, 081 883 9062

ชุมชนบ้านปางห้า จังหวัดเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : พะเยา และเชียงราย

สำหรับวันนี้แอดจะชวนเพื่อนๆ ไปชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางพะเยาและเชียงรายค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าน่าสนใจสุดๆ เพราะนอกจากจะได้ชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ระหว่างทางก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถแวะชมอยู่หลายแห่งด้วย  รับรองว่าสวยงาม คุ้มค่าการเดินทางสุดๆ ถ้าไม่เชื่อก็ตามแอดมาเลยจ้า  จังหวัดพะเยา แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : ขุนน้ำแม่ปืม ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแม่ปืม ต.บ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา เป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังเป็นต้นน้ำแม่ปืมอีกด้วย สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : วิหารวัดศรีโคมคำ อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา จังหวัดเชียงราย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : บ่อน้ำทิพย์ ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เชื่อกันว่าเทพารักษ์เป็นผู้เนรมิตบ่อน้ำแห่งนี้ขึ้น เพื่อใช้สรงพระธาตุในช่วงเทศกาล สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : อุโบสถวัดพระแก้วพระอารามหลวง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง จังหวัดพะเยา– วัดศรีโคมคำ– พิพิธภัณฑ์เวียงพยาว– วัดพระธาตุจอมทอง จังหวัดเชียงราย– วัดร่องขุ่น– วัดพระแก้ว– อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช– วัดร่องเสือเต้น– พระตำหนักดอยตุง

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : พะเยา และเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

5 จุดดูหมอกสุด FIN IN CHIANGRAI

ยามเมื่อสายลมหนาวพัดมาเยือน จุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้สำหรับคนชอบเที่ยว คือ จุดชมทะเลหมอก  เชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของไทย มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว สามารถพบเห็นทะเลหมอกตามเทือกดอยต่าง ๆ ซึ่งมีให้ได้เที่ยวชมกันอยู่หลายจุด รีวิวนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จัก 5 จุดชมทะเลหมอกที่น่าสนใจของเชียงราย รับรองว่าหากได้ไปสัมผัสบรรยากาศด้วยตาตัวเองแล้วนั้น จะต้องร้องว้าว!! ไม่ผิดหวังกันแน่นอน 1. ภูชี้ฟ้า ที่ตั้ง : ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นภูเขาที่มียอดแหลมชี้เฉียงขึ้นฟ้าและยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ฟ้า” บนยอดภูเป็นทุ่งหญ้ากว้างและแนวหน้าผา สามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ 360 องศา ทั้งทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี  หากมาเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จะพบดอกเสี้ยวขาวหรือดอกชงโคป่าบานสะพรั่งให้ได้ชมด้วย การขึ้นภูชี้ฟ้าแนะนำให้ติดต่อกับที่พักในหมู่บ้านด้านล่างที่เป็นทางขึ้นภู เช่น บ้านร่มฟ้าไทย บ้านร่มฟ้าทอง เพื่อเช่ารถกระบะรับ-ส่งขึ้นไปยังจุดเริ่มเดิน ซึ่งรถจะให้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 น. เป็นต้นไป ค่ารถคนละ 60 บาท ใช้เวลา 10 นาที ก็จะถึงจุดเริ่มเดิน จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูชี้ฟ้า ระยะทางประมาณ 800 เมตร  การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 (เชียงราย-เทิง) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1021 (เทิง-บ้านปี้) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 ผ่านบ้านปางค่า จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1093 จนถึงภูชี้ฟ้า 2. ภูชี้ดาว ที่ตั้ง : ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง บริเวณยอดเขามีลักษณะเป็นปลายแหลมชี้เฉียงขึ้นฟ้าจึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ดาว” สามารถชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกได้ในจุดเดียวกัน ทั้งยังมองเห็นภูชี้ฟ้า ภูชี้เดือน และดอยผาหม่น ได้อย่างชัดเจน ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของภูชี้ดาว คือ มีหมุดหลักเขตแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่บริเวณจุดสูงสุดบนยอดภู และมีระเบียงไม้กันตกกั้นเป็นแนวยาวสำหรับชมวิวด้วย ที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การขึ้นภูชี้ดาว จากถนนสายหลักคือทางหลวงหมายเลข 1093 ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เนื่องจากถนนแคบและที่จอดรถด้านบนไม่เพียงพอ ต้องจอดรถส่วนตัวไว้บริเวณลานที่จัดไว้ให้ และใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านขึ้นไปยังจุดเริ่มเดิน มีรถให้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 น. เป็นต้นไป ค่ารถไป-กลับ คนละ 100 บาท ใช้เวลา 10 นาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูชี้ดาว ระยะทาง 350 เมตร  สำหรับที่พักใกล้ภูชี้ดาวนั้น มีที่พักของเอกชนตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1093 บริเวณลานจอดรถขึ้นภูชี้ดาว และมีร้านอาหารให้บริการด้วย การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางเดียวกับไปภูชี้ฟ้า ไปจนถึงทางหลวงหมายเลข 1093 ให้เลี้ยวซ้ายตามเส้นทางไปดอยผาตั้ง จนถึงบ้านร่มโพธิ์เงิน จะพบถนนทางขึ้นภูชี้ดาวอยู่ขวามือ 3. ภูชี้เดือนที่ตั้ง : ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากภูชี้ดาวเพียง 1 กิโลเมตร ความโดดเด่นของภูชี้เดือนคือ จากบริเวณจุดชมวิว นอกจากจะได้ชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และพระอาทิตย์ตกแล้ว หากมองไปทางขวาจะเห็นยอดภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาว ส่วนทางซ้ายจะเห็นยอดดอยผาหม่นได้อย่างชัดเจน  การเดินเท้าจากลานจอดรถขึ้นมายังจุดชมวิวก็สะดวกมาก เพราะเดินขึ้นเนินที่ไม่ชันเพียง 50 เมตรเท่านั้น สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การขึ้นภูชี้เดือนนั้นมีขั้นตอนเหมือนการขึ้นภูชี้ดาวคือ จากทางหลวงหมายเลข 1093 ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ ต้องจอดรถส่วนตัวไว้บริเวณลานที่จัดไว้ให้ และใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านขึ้นไปยังจุดเริ่มเดิน มีรถให้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 น. เป็นต้นไป ค่ารถไป-กลับ คนละ 100 บาท ใช้เวลา 10 นาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิว ระยะทางเพียง 50 เมตร 4. ดอยผาตั้ง ที่ตั้ง : ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นแนวเขาคดเคี้ยว บนยอดดอยเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้า ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อน และยังมองเห็นแม่น้ำโขงซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทย-ลาว นอกจากนี้ยังสามารถชมพระอาทิตย์ตกในเวลาเย็นได้เช่นกันที่นี่เปิดให้ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี  จากลานจอดรถ ต้องเดินเท้าเลียบเลาะไปตามแนวสันเขาระยะทาง 200 เมตร จะถึงจุดชมวิวจุดแรก คือ “ผาบ่องประตูสยาม” ตามด้วย “ศาลาเก๋งจีน” “ช่องผาขาด” “เนิน 102” และไกลสุดคือ “เนิน 103” ซึ่งห่างจากลานจอดรถประมาณ 1 กิโลเมตร หากมาเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ก็จะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งสวยงามไปทั่วทั้งดอยผาตั้งด้วย บริเวณทางขึ้นไปจุดชมวิวดอยผาตั้ง มีที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกให้บริการมากมาย  การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1233 (เชียงราย-เวียงชัย) และทางหลวงหมายเลข 1173 (เวียงชัย-พญาเม็งราย) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1152 (พญาเม็งราย-บ้านต้า) จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 (บ้านต้า-บ้านท่าเจริญ) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1155 (บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด) และทางหลวงชนบท ชร. 4029 จนถึงดอยผาตั้ง 5. จุดชมวิวดอยช้างมูบที่ตั้ง : ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จุดชมวิวดอยช้างมูบตั้งอยู่ที่ “ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ” ในพื้นที่กองร้อยทหารม้าที่ 2 บนความสูง 1,485 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง  เป็นจุดชมวิวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ใกล้แนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา ในยามเช้ามักพบทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาเบื้องล่าง และมีสายลมเย็นพัดผ่านตลอดทั้งปี บริเวณจุดชมวิวยังมีแปลงไม้ดอกไม้ประดับเล็ก ๆ ให้ถ่ายรูปด้วย บริเวณจุดชมวิวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นผู้ดูแลฐานปฏิบัติการ หรือหากใครพักบริเวณดอยตุง ก็สามารถขึ้นมาชมทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่ได้

5 จุดดูหมอกสุด FIN IN CHIANGRAI อ่านเพิ่มเติม

Viewpoint “ดอยผาตั้ง”

เพื่อนๆ เคยเป็นมั้ยคะ? เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวทีไร สถานที่ท่องเที่ยวที่นึกถึงมักจะหนีไม่พ้นภูเขาสักที วันนี้แอดจึงจะมาชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสอากาศหนาวบนภูเขากันที่ “ดอยผาตั้ง” ค่ะ รับรองว่าฟินสุดๆ  เพราะเพื่อนๆ สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศามีทั้งทะเลหมอกในยามเช้าและพระอาทิตย์ตกในยามเย็น ดอยผาตั้ง ตั้งอยู่ที่ บ้านผาตั้ง หมู่ 14 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายhttps://goo.gl/maps/VWvwLRfAXJ22 เนื่องจาก “ดอยผาตั้ง” มีลักษณะเป็นสันเขาคดเคี้ยว จึงทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม และดูแปลกตากว่าที่อื่นๆ ค่ะ ดอยผาตั้ง เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียวค่ะ  สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบบรรยากาศในยามเช้า ก็จะได้สัมผัสกับทะเลหมอก ที่งดงามสุดอลังการ แต่ถ้าใครชื่นชอบบรรยากาศในยามเย็น ก็จะได้พบกับพระอาทิตย์อัสดง ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยค่ะ เพื่อนๆ เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าทำไมสถานที่เดียวกันแต่ต่างเพียงช่วงเวลา จึงสามารถทำให้เราพบกับมุมมองใหม่ๆ ที่สวยงามได้  คำตอบของคำถามนี้ไม่สามารถนำอะไรมาวัดหรือกำหนดได้ เพราะนี่คือ “ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ” ค่ะ  นอกจากจุดชมวิวบริเวณดอยผาตั้งแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถท่องเที่ยวตามจุดชมวิวอื่นๆ บนดอยผาตั้งได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งก็มีความสวยงามและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ จุดชมวิวผาบ่องประตูสยาม มีลักษณะเป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ตรงกลางมีช่องเขาเหมือนประตู  ตามตำนานว่ากันว่าบริเวณนี้เป็นประตูรักแห่งขุนเขา เต็มไปด้วยพลังรักอันบริสุทธิ์ หากจับมือกับคนรักและเดินก้าวข้ามผ่านไปด้วยกัน จะช่วยส่งเสริมให้ความรักให้แข็งแกร่งดั่งภูผา ฮั่นแน่ แอบสนใจกันอยู่ใช่ม้าาาา  จุดชมวิวช่องผาขาด จุดนี้อยู่ไม่ไม่ไกลจากจุดชมวิวผาบ่องประตูสยามมากนัก มีลักษณะเป็นผาหินที่แยกขาดจากกัน ทำให้สามารถมองลอดผ่านช่องนี้ไปได้ค่ะ  ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆ ได้พบกับทิวทัศน์ของประเทศลาว และความสวยงามของแม่น้ำโขงค่ะ  นอกจากจุดชมวิวที่แอดแนะนำมา ก็ยังมีจุดชมวิวอีกหลายจุด ที่คอยให้เพื่อนๆ ได้ออกเดินทางไปสัมผัส และชมความงดงามเหล่านั้นผ่านดวงตาของเพื่อนๆ อยู่นะคะ ลองออกไปสัมผัสดู แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงและชวนให้เราหลงใหลอีกมากมาย

Viewpoint “ดอยผาตั้ง” อ่านเพิ่มเติม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ : 14 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) 1 พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน.พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่พรุไม้เสม็ดขาว มีกก หญ้ากระจูด กระจูดหนู ขึ้นอยู่หนาแน่น ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา .ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ.เป็นบึงน้ำจืดที่มีลักษณะแคบยาว เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน โดยน้ำในบึงจะไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม ก่อนไหลออกแม่น้ำโขง ในพื้นที่มีเกาะกลางบึง ได้แก่ ดอนแก้ว ดอนสวรรค์ ดอนโพธิ์ ดอนน่อง และนอกจากนี้บนเกาะยังมีป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์อีกด้วย.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  3 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย.เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบเชียงแสน มีการสำรวจพบพันธุ์ไม้ในพื้นที่กว่า 185 ชนิด เช่น ผักบุ้ง บอน หญ้าไซ บัวหลวง กก เป็นต้น เป็นพืชต่างถิ่น 15 ชนิด เช่น กระถินยักษ์ หญ้าชน บัวบก และมะระขี้นก เป็นต้น.ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง .บริเวณนี้มีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยสังคมพืชในพื้นที่ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน และจัดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบรูณ์ของหญ้าทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยอีกด้วย.ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 5 พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ .กุดทิงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สำคัญหลายชนิด และยังพบปลาที่อยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เช่น ปลายี่สก หรือปลาเอิน ฯลฯ นอกจากนี้กุดทิงยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดงด้วย .ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 6 หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา.จุดเด่นของที่นี่คือแนวปะการังน้ำลึก ที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังมากกว่าที่อื่น มีการสำรวจพบแนวปะการังที่เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ เกาะกลาง เกาะเมี่ยง เกาะตารี และเกาะอื่นๆ โดยที่เกาะสุรินทร์มีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ที่อ่าวช่องขาด และอ่าวแม่บาย ปะการังที่พบมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังดาวใหญ่ และปะการังไฟ เป็นต้น.ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 7 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา .เป็นอ่าวตื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 132,381 ไร่ โดยบริเวณอ่าวพังงาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาดเฒ่า เกาะมะพร้าว เกาะปันหยี เกาะเขาพิงกัน เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆ ไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี ก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของแนวป่าชายเลนและหมู่เกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน.ที่ตั้ง : อำเภอเมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 8 พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ .มีพื่นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุสานหอย 75 ล้านปี เขตผังเมืองกระบี่ ป่าชายเลนหาดเลน เขาขนาบน้ำ หาดทรายลำคลองน้อมใหญ่หน้าเมืองกระบี่ ไปจนถึงป่าชายเลนและหญ้าทะเลผืนใหญ่ในบริเวณเกาะศรีบอยา  ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของนกอพยพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พบนกอย่างน้อย 101 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นอย่างน้อย 53 ชนิด เช่น นกยางเขียว นกนางนวลแกลบหงอนใหญ่ เหยี่ยวขาว เป็นต้น .ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 9 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี.หมู่เกาะอ่างทองประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 42 เกาะ ทั้งหมดเป็นเกาะขนาดเล็กและขนาดกลางตั้งอยู่เป็นกลุ่มเกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนมีแนวหน้าผาสูงชันตั้งดิ่งจากพื้นที่น้ำทะเล นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลแล้ว ป่าไม้บนแนวเขาก็ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 100 ชนิดเช่นกัน .ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10 พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม .ดอนหอยหลอดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำกลอง ทำให้แผ่นดินขยายออกไปในทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร.จุดเด่นของที่นี่คือหาดเลน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยหลอด เอกลักษณ์สำคัญของพื้นที่ และยังมีหอยอีกหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและในภูมิภาค.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 11 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส .พรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยและการท่องเที่ยว ท้องถิ่นและชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงจากการเก็บของป่า เช่น หวาย หลุมพี น้ำผึ้ง เพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงทั้งพืชและสัตว์ มีการสำรวจพบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกตะกรุม นกฟินฟุท นกเปล้าใหญ่ เต่าหับ เต่าดำ ตะโขง และจระเข้น้ำเค็ม เป็นต้น.ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 12 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .เพื่อนๆ หลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวที่สามร้อยยอดกันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งระบบนิเวศบก ป่าเขาหิน และระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำได้แก่ บึงน้ำจืด ป่าชายเลน หาดโคลน และหาดทรายชายทะเล  โดยป่าชายเลนจะอยู่บริเวณปากคลอง ซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่เป็นแนวแคบๆ ตามชายคลองบริเวณทางออกทะเล เช่น แสมทะเล โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก ลำพู เหงือกปลาหมอดอกขาว หญ้าน้ำเค็ม ฯลฯ ส่วนบริเวณที่ลุ่มน้ำกร่อยจะมีสังคมพืชทนเค็ม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย 1. ทะเลสาบเชียงแสน .ถ้าอยากจะหาสถานที่สูดอากาศดีๆ ต้องมาที่นี่เลย “ทะเลสาบเชียงแสน” หรือ “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย” ที่นี่เป็นแหล่งดูนกน้ำและนกอพยพที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยานชมวิว และพายเรือแคนูรับลมเย็นๆ ในทะเลสาบ เป็นต้น.พิกัด : https://goo.gl/maps/ioQXJixTJc32 2. ดอยสะโง้.ขึ้นมาดอยสะโง้ มาชมวิวทะเลหมอกสามแผ่นดิน ไทย ลาว และเมียนมา ถ้ามาฤดูฝนจะได้ลุ้นชมหมอกลอยสวยๆ แต่ถ้ามาฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม สามารถเข้าไปเที่ยวชมแปลงเกษตรสาธิต แปลงดอกเก๊กฮวย ทุ่งดอกคาโมมายล์ และพืชเมืองหนาวชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย.พิกัด : https://goo.gl/maps/qbQy2eA7PTL2 3. สามเหลี่ยมทองคำ.เป็นจุดที่แผ่นดินของทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และเมียนมา มาบรรจบกันโดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดนธรรมชาติ มาเที่ยวที่นี่แนะนำให้มานมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดินหรือพระพุทธนวล้านตื้อ นั่งเรือหางยาวเที่ยวชมทิวทัศน์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ชอปปิงในร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกทั้งจากประเทศไทย ลาว เมียนมา และจีน.พิกัด : https://goo.gl/maps/HznLXtfzrCH2 พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือพระพุทธนวล้านตื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยู่บนเรือแก้วกุศลธรรมขนาดใหญ่ ใกล้กับองค์พระยังมี ตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 อีกด้วย 4. หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ.ที่นี่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับฝิ่น ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของฝิ่นในสามเหลี่ยมทองคำ ต้นกำเนิดฝิ่น สงครามฝิ่น ผู้นำฝิ่นเข้ามาในเอเชีย และผลกระทบของฝิ่น ผ่านนิทรรศการสมัยใหม่ วีดิทัศน์ และสิ่งของจัดแสดงต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ .เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 08.30-16.00 น..พิกัด : https://goo.gl/maps/Za4ks4FnTQn 5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน.ในอดีตเชียงแสนเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เพราะมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขง ถ้ามาเที่ยวเชียงแสนลองแวะเข้ามาดูร่องรอยอารยธรรมและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน .พิกัด : https://goo.gl/maps/zyBRR8rNGzk ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ได้รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุต่างๆ ในเมืองเชียงแสนและบริเวณใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นศิลปะล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและพะเยา ศิลปะของชาวไทยใหญ่ ไทลื้อ และชาวเขาหลายชนเผ่า ทั้งเครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ รวมทั้งยังมีการจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาวล้านนาและการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดของภาคเหนืออีกด้วย พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (ปิดวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท 6. วัดพระธาตุเจดีย์หลวง.วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงแสนที่มีอายุกว่า 670 ปี โบราณสถานที่สำคัญภายในวัด ได้แก่ พระธาตุเจดีย์หลวง เจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน และวิหารเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะ โดยการสร้างหลังคาคลุมไว้ เป็นการอนุรักษ์เพื่อไม่ให้โครงสร้างเดิมเสียหาย.พิกัด : https://goo.gl/maps/FW9kzTmP7g62 7. วัดป่าสัก.อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุเจดีย์หลวง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าแสนภูทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1838 และรับสั่งให้ปลูกต้นสักล้อมกำแพงวัดไว้จำนวน 300 ต้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดป่าสัก”.ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงมณฑป ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรงดงาม ภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตร.พิกัด : https://goo.gl/maps/2K6iSiVLa9s 8. วัดพระเจ้าล้านทอง.“พระเจ้าล้านทอง” พระประธานเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวง หล่อขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ที่มีน้ำหนัก “ล้านทอง” หรือ ประมาณ 1,200 กิโลกรัม จึงเป็นที่มาของชื่อพระเจ้าล้านทองนั่นเอง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระเจดีย์อิฐศิลปะล้านนา ที่ได้รับการบูรณะให้ยังคงอยู่ในสภาพใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด .พิกัด : https://goo.gl/maps/dfb8racFN9z 9. วัดพระธาตุจอมกิตติ.วัดพระธาตุจอมกิตติ มีตำนานว่าพระเจ้าพรหมมหาราชสร้างขึ้น เพื่อฉลองเนื่องในโอกาสที่พระองค์สามารถกอบกู้เอกราชจากขอมได้สำเร็จ พระธาตุจอมกิตติ จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการประกาศชัยชนะและความเป็นอิสระ โดยปัจจุบันยังคงมีการจัดพิธีบวงสรวงพระธาตุจอมกิตติเป็นประจำทุกปี และมีการทำพิธีเสริมดวงชะตาให้กับประเทศไทยอีกด้วย.พิกัด : https://goo.gl/maps/QPjxWebAKpq 10. วัดพระธาตุผาเงา.ถ้าใครชอบงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ที่นี่เป็นอีกหนึ่งวัดในเชียงแสนที่ต้องแวะมาชมให้ได้.พิกัด : https://goo.gl/maps/3dUyUhc6kxQ2 วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่นอกเขตกำแพงเมือง มีพระอุโบสถประดับด้วยภาพแกะสลักบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตามแบบฉบับล้านนา และเจดีย์โบราณสามองค์ที่ได้รับการบูรณะโดยการสร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครอบพระธาตุเจดีย์องค์เดิมไว้ นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์คือ ที่วัดนี้ยังมีจุดชมวิวเมืองเชียงแสนและวิวแม่น้ำโขงอีกด้วย

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามคำขวัญ : เชียงราย

การเดินทางไปจังหวัดเชียงราย สามารถไปได้ 3 วิธี ดังนี้ รถประจำทาง  “เหนือสุดในสยาม” อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นอำเภอที่อยู่ตอนเหนือสุดของประเทศไทย ในช่วงนี้เพื่อนๆ อาจจะรู้สึกคุ้นเคยกับอำเภอนี้เป็นพิเศษ ก็เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนนั่นเอง จังหวัดเชียงรายเป็นดินแดนแห่งขุนเขา ถ้ำ แหล่งต้นน้ำ และป่าไม้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปท้าทายความสูงและสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ ได้แก่ ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ดอยผาตั้ง ดอยผาหมี เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีไร่ชาที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม เช่น ไร่ชา 101 ไร่ชาวังพุดตาล และไร่ชาฉุยฟง เป็นต้น “ชายแดนสามแผ่นดิน” บ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน เป็นจุดที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกไหลมารวมกัน เป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นแบ่งไทย ลาว และเมียนมาร์ออกจากกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นจุดเชื่อมพรมแดน 3 ประเทศ ที่เรารู้จักกันในนาม “สามเหลี่ยมทองคำ”  ในอดีตสามเหลี่ยมทองคำคือแหล่งค้ายาเสพติดระดับโลก แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่มาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย นอกจากชมวิวบริเวณสามเหลี่ยมทองคำและล่องเรือชมแม่น้ำโขงแล้ว บริเวณนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีก ได้แก่  “ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา”  เชียงรายเป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เคยเป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณเชียงแสน จึงทำให้มีร่องรอยทางโบราณคดีและโบราณสถานหลงเหลืออยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรมล้านนา ทุกปีจะมีประเพณีและกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมอย่างหลากหลาย เช่น ประเพณียี่เป็งลอยกระทง ประเพณีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเจียงฮาย งานไหว้สาพญาเม็งรายหรืองานพ่อขุนเม็งรายมหาราช งานประเพณีแห่โคมไฟ ไหดอก งานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด (ตักบาตรเที่ยงคืน) เป็นต้น “ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง” พระธาตุดอยตุงเป็นพระธาตุสำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงรายตามตำนานกล่าวว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.1454 สมัยนครโยนกนาคพันธุ์ เพื่อประดิษฐานพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า ต่อมาพญามังรายโปรดให้สร้างเจดีย์ขึ้นอีกองค์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาใหม่ พระธาตุดอยตุงจึงมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง 2 องค์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ในเดือนมีนาคมของทุกปี (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และเดือน 6) จะมีประเพณีเดินเท้าขี้นไปสรงน้ำพระธาตุดอยตุง วัดพระธาตุดอยตุงเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 053 767 015-7 การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 1149 ผ่านสถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง ให้สังเกตทางขึ้นวัดพระธาตุดอยตุงทางขวามือ ทางขึ้นค่อนข้างแคบและชัน ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังพิกัด : https://goo.gl/maps/oacGK2VYU1t นอกจากที่กล่าวไปแล้ว จังหวัดเชียงรายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น

เที่ยวตามคำขวัญ : เชียงราย อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน 1. บ้านแม่กลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บ้านแม่กลางหลวงเป็นชุมชนเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ หมู่บ้านจะอยู่ระหว่างเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ ภายในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์บริการอยู่หลายจุด ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของวิวนาขั้นบันไดที่สวยงาม เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงนาขั้นบันไดแล้วละก็ หลายๆ คนน่าจะคิดถึงที่นี่เป็นที่แรกเลย พิกัด : https://goo.gl/maps/ExtxUZL2D9y 2. บ้านผาหมอน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บ้านผาหมอนเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวนาขั้นบันได ที่อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ โดยจากทางขึ้นดอยอินทนนท์ บ้านผาหมอนจะอยู่ถึงก่อนบ้านแม่กลางหลวง หมู่บ้านอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ประมาณ 8 กิโลเมตร พิกัด https://goo.gl/maps/QSJSS1nuoFo 3. บ้านกองกาน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่อำเภอแม่แจ่มก็มีจุดชมวิวนาขั้นบันไดอยู่หลายจุด อย่างเช่นที่บ้านกองกาน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอแม่แจ่มมากนัก เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวนาขั้นบันไดที่แอดแนะนำ ช่างภาพสายแลนด์ต้องห้ามพลาด พิกัด https://goo.gl/maps/HPCuRYDhq7B2 4. อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ การเดินทางเข้าไปชมนาขั้นบันไดที่นี่จะลำบากกว่าที่อื่นๆ พอสมควร แต่ถ้าใครชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย นาขั้นบันไดในอำเภออมก๋อยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แอดแนะนำ ด้วยการเดินทางที่ไกล ทำให้ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ พิกัด https://goo.gl/maps/xJoBgprpAb32 5. ป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ป่าบงเปียงเป็นหนึ่งในนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศด้วยสภาพพื้นที่ที่อยู่บนเขาสูง มีแนวเขาเรียงรายสลับซับซ้อน ทำให้เห็นนาขั้นบันไดในมุมกว้างลดหลั่นกันไปตามระดับ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเช้าๆ ของฤดูฝน จะมีสายหมอกจางๆ ลอยเป็นฉากหลังอีกด้วย พิกัด https://goo.gl/maps/HJmddtF17UL2 6. อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน จากเชียงใหม่ แอดพามาดูนาขั้นบันไดที่แม่ฮ่องสอนกันบ้าง…หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของนาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อยกันมาบ้างแล้ว นาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อย เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นอกจากนาข้าวแล้ว ที่แม่ลาน้อยยังมีแปลงผักปลอดสารพิษที่ปลูกตลอดทั้งปีอีกด้วย  พิกัด https://goo.gl/maps/6S9o24kAbuL2 7. บ้านดง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน นาขั้นบันไดที่บ้านดง เป็นอีกหนึ่งจุดชมนาขั้นบันไดในอำเภอแม่ลาน้อย โดยที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองร้อยนา” เพราะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่งนา ที่ปลูกข้าวตามสภาพภูมิประเทศ  พิกัด https://goo.gl/maps/rahazwJtnm72 8. ดอยแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน บนดอยแม่สะเรียงเป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า ที่มีชาวพุทธ คริสต์ และอิสลาม อาศัยอยู่รวมกัน หลายๆ คนอาจจะเคยไปเที่ยวนาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อยกันมาบ้างแล้ว ถ้ามีโอกาสลองแวะมาที่ดอยแม่สะเรียงกันดูบ้าง รับรองว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน พิกัด https://goo.gl/maps/hc2XVYfaUZ82 9. หมู่บ้านปางขอน อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากไร่กาแฟและดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว ที่นี่ยังมีนาขั้นบันไดที่ปลูกตามสภาพพื้นที่ในช่วงฤดูฝนอีกด้วย ถึงแม้ว่านาขั้นบันไดที่นี่อาจจะไม่ได้มีพื้นที่มากเหมือนที่อื่นๆ แต่ก็สวยงามไปอีกแบบนะ พิกัด https://goo.gl/maps/6H5hRo88c1S2 10. บ้านสะจุกสะเกี้ยง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ที่สุดท้ายแอดพามาชมนาขั้นบันไดที่ บ้านสะจุกสะเกี้ยง-เปียงซ้อ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยทรงมีพระราชดำริให้จัดสร้างโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่  พิกัด https://goo.gl/maps/hKkG5zNK6Zq

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top