นครราชสีมา

นครราชสีมา

คำแนะนำการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ

การท่องเที่ยวสายเดินป่าตั้งแคมป์กำลังมาแรง หลาย ๆ คนอยากหลีกหนีความวุ่นวายไปสัมผัสความสงบ และธรรมชาติอันสวยงาม ดังนั้น อุทยานแห่งชาติจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติไปเที่ยวแล้ว อย่าลืมปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานฯ กันด้วยนะ จะได้เที่ยวอย่างสนุกตลอดทริปค่ะ.1. เนื่องจากทางอุทยานฯ มีมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการ ดังนั้น นักท่องเที่ยวจึงต้องลงทะเบียนจองคิวการเข้าอุทยานฯ ผ่าน Application QueQ 2. ศึกษาข้อมูลก่อนท่องเที่ยวอุทยานฯ แต่ละแห่ง เช่น เวลาเปิด/ปิด หรือฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว 3. เดินตามเส้นทางที่อุทยานฯ กำหนด ไม่ออกนอกเส้นทาง เพราะอาจหลงทาง หรือเจอสัตว์ดุร้ายที่เป็นอันตรายได้ 4. ไม่ขีดเขียนบนหินและต้นไม้ 5. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่น 6. ไม่พกอาวุธ ไม่ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ 7. ไม่นำสิ่งใด ๆ ออกจากเขตอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน พืชพรรณ หรือสัตว์ป่า 8. ไม่ก่อกองไฟในเขตอุทยานฯ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และหากต้องก่อกองไฟ ควรก่อไฟเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติ 9. ไม่ดื่มสุราและของมึนเมาระหว่างท่องเที่ยวในอุทยานฯ เพราะอาจนำไปสู่การขาดสติ และเกิดการทะเลาะวิวาทได้ 10. ไม่ทิ้งขยะในเขตอุทยานฯ และช่วยกันลดการสร้างปริมาณขยะ ด้วยการใช้ภาชนะที่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้

คำแนะนำการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน

นครราชสีมา หรือ เมืองโคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย และยังถือเป็นประตูสู่ภาคอีสานอีกด้วย จุดแรกเรามาที่ “ทุ่งกังหันลมห้วยบง” ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอด่านขุนทดและอำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย เราจึงมองเห็นกังหันลมเรียงรายกันอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาแวะชมภูมิทัศน์โดยรอบ และพักผ่อนชิลๆ ได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นสบาย เดินทางสู่อำเภอเมือง แวะสักการะ “อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี” หรือ “ย่าโม” เมื่อ พ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช คุณหญิงโมได้รวบรวมชาวบ้านเข้าสู้รบและต่อต้านกองทัพเจ้าอนุวงศ์ไม่ให้ยกมาตีกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี” วันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน ของทุกปี จะมีการจัดงานวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เราเดินไปต่อกันที่ร้าน “Yellow Pumpkin Cafe” ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนจอมพล อาจจะดูลึกลับไปสักหน่อย แต่ไม่น่ากลัวนะคะ ฮ่าๆ ร้านนี้โดดเด่นในเรื่องของขนม ที่ใช้ฟักทองมาเป็นวัตถุดิบหลัก ภายในร้านตกแต่งด้วยของสะสมสไตล์วินเทจ เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้และผนังอิฐสีขาวเท่ๆ ดูสบายๆ สไตล์เอิร์ธโทน เปิดวันจันทร์-พุธ และวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี) เราเดินทางสู่อำเภอปากช่อง แวะถ่ายรูปกันที่ “Toscana Valley” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมสไตล์อิตาลี ที่เรียกได้ว่าอลังการจริงๆ มีทั้งหอเอนปิซ่าจำลองขนาดเท่าของจริง และยังโอบล้อมไปด้วยภูเขา บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอกยังไงยังงั้น ถ้าใครมีโอกาสมาปากช่อง ต้องอย่าลืมแวะมาเซลฟี่นะ ขับรถต่อมาไม่ไกล เราก็จะพบกับ “Primo Piazza” อีกหนึ่งจุดต้องเช็คอิน ที่นี่เป็นสถานที่จำลองหมู่บ้านโบราณของอิตาลี มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝาก และยังมีมุมถ่ายรูปเพียบเลยล่ะ เหมือนอยู่เมืองนอกกันเลยทีเดียว มาที่นี่แอดแนะนำว่าชุดต้องแน่นนะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้เราทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารแกะ ลา หรือจะเดินเล่นชิลๆ ก็ยังได้ เปิดทุกวันเวลา 09.00-18.00 น.ค่าเข้าชมชาวไทย : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ออกจาก Primo Piazza ก็มาแวะจิบกาแฟกันที่ “The Birder’s Lodge” ที่่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดของเหล่าวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ แอดก็เลยต้องมาเช็คอินซะหน่อย มีมุมเก๋ๆ สำหรับเหล่าฮิปสเตอร์เยอะมาก ห้ามพลาดนะ เปิดทุกวันเวลา 08.30-18.00 น. ที่สุดท้ายก่อนกลับ เรามากันที่ “ไร่องุ่น PB Valley” สวรรค์ของคนรักไวน์ ภายในมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย ตามนี้เลย กิจกรรมไวน์ทัวร์ ราคาคนละ 350 บาท– นั่งรถรางชมไร่ รับฟังเรื่องการปลูกองุ่นและกระบวนการผลิตไวน์จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมชิมไวน์แบบสดๆกิจกรรมตัดองุ่น ราคาคนละ 400 บาท-นั่งรถรางชมไร่ พร้อมกิจกรรมตัดองุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้องุ่นกลับบ้านไปเลยคนละ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านอาหาร ที่พัก จักรยานให้เช่า และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากองุ่น ไม่ว่าจะเป็นไวน์ องุ่นสด น้ำผลไม้ และแยม เป็นต้น เปิดทุกวันเวลา 07.30-16.30 น.โทร. 081 733 8783, 085 481 1741 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 25 กันยายน 2562

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน . จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่นี่เป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวของใครหลาย ๆ คน เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย . ทริปนี้แอดจะพาเที่ยวเมืองโคราชแบบรวบรัด 2 วัน 1 คืน ถึงจะเป็นทริปสั้น ๆ แต่รับรองว่าเพื่อน ๆ จะต้องอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand …………………………………………………………………………………………………… วันที่ 1– อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี– วัดศาลาลอย– จุดชมวิวกังหันลม โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา– วัดป่าภูหายหลง วันที่ 2– สวนกุหลาบกลางพนา– อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ………………………………………………………………………………………………….. วันที่ 1 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวีรกรรมอันกล้าหาญของ “ย่าโม” อนุสาวรีย์ตั้งอยู่บนฐานสูง เหนือขึ้นไปเป็นประติมากรรมย่าโมในท่ายืน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน มือขวาถือดาบ ปลายจรดลงพื้น หล่อด้วยทองแดงรมดำ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช และกวาดต้อนผู้คนรวมถึงคุณหญิงโมไปด้วย คุณหญิงโมได้คิดอุบายหาทางช่วยเหลือชาวบ้านโดยถ่วงเวลารอให้กำลังมาสมทบ จากนั้นจึงได้ช่วยกันต่อสู้จนกองทัพแตกพ่ายและเลิกทัพกลับเวียงจันทน์ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี” …………………………………….. ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเป็นที่ตั้งของประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก มีลักษณะเป็นประตูทรงไทย ศิลปะอยุธยา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา เดิมประตูเมืองมีทั้งหมด 4 ประตู แต่ปัจจุบันเหลือประตูชุมพลเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ชาวโคราชเชื่อว่า หากลอดประตูชุมพล 1 ครั้ง จะได้กลับมาโคราชอีก ถ้าลอด 2 ครั้งจะได้ทำงานหรืออาศัยอยู่ที่โคราช แต่ถ้าลอดถึง 3 ครั้งจะได้แฟนเป็นคนโคราช.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีที่ตั้ง : ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมาพิกัด : https://goo.gl/maps/K73AC538o2ow4eH19 …………………………………….. วัดศาลาลอย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2370 โดยท้าวสุรนารีและพระยาสุริยเดช ปลัดเมืองนครราชสีมา สามีของท่าน ชื่อวัดศาลาลอยนั้นมีที่มา… หลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ที่ทุ่งสัมฤทธิ์แล้ว ท้าวสุรนารีก็ยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ระหว่างที่แวะพักบริเวณท่าตะโก ท่านได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาลอยไปตามลำตะคอง เพื่อเสี่ยงทาย โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าแพรูปศาลานี้ลอยไปติดที่ไหน ก็จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ที่นั่น ปรากฎว่าแพลอยไปติด ณ ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดศาลาลอยในปัจจุบัน …………………………………….. ภายในวัดมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น อุโบสถหลังเก่า อุโบสถหลังใหม่ และเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม.อุโบสถหลังเก่า เป็นอุโบสถขนาดเล็ก ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง และมีประตูเข้า-ออกทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว หรือที่เรียกว่า ‘โบสถ์มหาอุด’ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะล้านช้าง ที่ท้าวสุรนารีได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการรบชนะเจ้าอนุวงศ์ …………………………………….. อุโบสถหลังใหม่สร้างใน พ.ศ. 2510 ผลงานการออกแบบของ รศ. ดร.วิโรฒ ศรีสุโร เป็นศิลปะไทยประยุกต์ ที่ออกแบบเป็นรูปสำเภา และใช้กระเบื้องดินเผา ของดีจากตำบลด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง อุโบสถหลังนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 …………………………………….. ภายในประดิษฐานพระประธานนามว่า “พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวปางห้ามสมุทร …………………………………….. บริเวณหน้าอุโบสถหลังเก่ามีเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม และอนุสาวรีย์ย่าโมที่จำลองมาจากของจริงที่บริเวณลานย่าโมด้วย.วัดศาลาลอยที่ตั้ง : ซอยท้าวสุระ 3 ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมาพิกัด : https://goo.gl/maps/8ovrHAT8AFYPxnrD6 …………………………………….. จุดชมวิวกังหันลม โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา อ่างพักน้ำตอนบน โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ตั้งอยู่บนเขายายเที่ยง เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย …………………………………….. ไฮไลท์ของที่นี่คือ การปั่นจักรยานไปตามถนนรอบ อ่างพักน้ำเพื่อชมวิวเขื่อนลำตะคองและกังหันลมยักษ์ โดยสามารถเช่าจักรยานได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ราคาชั่วโมงละ 40 บาท …………………………………….. ถ้าใครไม่ปั่นจักรยาน ก็สามารถเดินชมวิวไปเรื่อยๆ ได้ แอดแนะนำให้มาเที่ยวช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ เพราะแดดจะไม่ร้อนมากเท่าไหร่ …………………………………….. นอกจากนี้ บริเวณอ่างเก็บน้ำยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิริสัตตราช หรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าสามารถบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลได้.ที่ตั้ง : ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/EcXiDwNUbYPCpFZz8โทร. 084 829 2365, 093 121 0208 …………………………………….. จากจุดชมวิวกังหันลม เราเดินทางต่อไปยังอำเภอปากช่อง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง.ที่สุดท้ายของวันแรก เราจะไปเที่ยวกันที่ วัดป่าภูหายหลง วัดป่าภูหายหลงตั้งอยู่บนภูเขาสูงท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ด้านบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของอุโบสถ และเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวอำเภอปากช่องได้แบบ 360 องศา …………………………………….. ทิวทัศน์จากด้านบนเขา ชื่อวัดป่าภูหายหลง เป็นชื่อที่พระอาจารย์ประพันธ์ อนาวิโล อดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้ตั้งขึ้น ซึ่งมีความหมายว่า ดินแดนแห่งความหลุดพ้นจากความหลงทั้งปวง.ที่ตั้ง : หมู่ 11 บ้านซับสำราญ ต.วังกะทะ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 05.30-17.00 น.พิกัด

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จ.นครราชสีมา.อารยธรรมขอมเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ และได้ทิ้งร่องรอยไว้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือปราสาทหินในแถบอีสานใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ .วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยอารยธรรมขอมที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและความสวยงามของปราสาทหินอย่างแน่นอนค่ะ.ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand อุทยานประวัติศาสตร์พิมายที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/YFFmQd7uDTA3m7e39โทร. 044 471 568.อุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีโบราณสถานที่งดงาม นั่นก็คือ ปราสาทหินพิมาย ซึ่งเป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คำว่า “พิมาย” น่าจะเป็นคำเดียวกันกับคำว่า “วิมายะ” ที่ปรากฎอยู่ในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินกรอบประตูโคปุระระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหิน.ปราสาทหินพิมายเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าสร้างก่อนปราสาทนครวัดเสียอีก ตัวปราสาทมีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวน จึงเชื่อกันว่าหลังคาของปราสาทหินพิมายเป็นต้นแบบในการก่อสร้างปราสาทนครวัดนั้นเอง เมื่อเข้าไปในบริเวณปราสาทหิน จะพบกับพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ทางด้านซ้ายมือ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะใช้เป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงเป็นที่จัดของถวายต่าง ๆ เดินถัดมา จะพบสะพานนาคราช เป็นสะพานที่ทำด้วยหินทราย ราวสะพานเป็นรูปปั้นพญานาค 7 เศียร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว ทำหน้าที่เปรียบเสมือนองครักษ์ที่คอยปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ เมื่อผ่านสะพานนาคราชและกำแพงชั้นนอกเข้ามาแล้ว จะเป็นส่วนของ “ชาลาทางเดิน” ซึ่งเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปถึงระเบียงคดและกำแพงชั้นใน มีไว้สำหรับพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น.จากการขุดค้น พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผาจำนวนมาก จึงสันนิษฐานว่าในสมัยก่อน ทางเดินนี้มีหลังคา และหลุม 4 หลุมที่อยู่ตรงชาลาทางเดิน มีไว้สำหรับระบายน้ำจากหลังคาของทางเดินนั่นเอง โคปุระที่สลักลวดลายสวยงาม และระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธานและปรางค์สำคัญที่อยู่ใกล้กัน เมื่อเข้ามาบริเวณลานชั้นใน เราจะได้เห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทประธาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาสถานแห่งนี้ โดยมีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑปและเรือนธาตุ (องค์ปราสาท) มณฑปมีลักษณะเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมต่อกับองค์ปราสาท มีหน้าบันเป็นรูปสลักพระศิวนาฎราช องค์ปราสาทมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม สลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง และซุ้มหลังคา เป็นต้น ภายในมีห้องครรภคฤหะ ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุดของศาสนสถาน ซึ่งรูปเคารพดังกล่าวสูญหายไป ถูกแทนที่ด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรก นอกจากปราสาทประธานที่สวยงามอลังการแล้ว ปรางค์พรหมทัตก็เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม ปรางค์พรหมทัตตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาทประธาน สร้างด้วยศิลาแลง ภายในมีประติมากรรมจำลองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวพรหมทัต โดยองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย อ่านเพิ่มเติม

ธารา คาเฟ่

TARA Cafe : ธารา คาเฟ่ ตั้งอยู่ภายในบ้านหนึ่งธารารีสอร์ท เขาใหญ่ บ้านหนึ่งธารา รีสอร์ท เพิ่งเปิดโซนคาเฟ่มาได้ประมาณ 4 เดือนเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่น้องใหม่แกะกล่องเลยล่ะ หากใครมาที่นี่แล้วเกิดอยากจะพักค้างคืน ก็สามารถติดต่อทางคาเฟ่ได้เลย ชื่อ “ธารา” มาจากที่ตั้งที่อยู่ติดกับลำธารเล็กๆ ตรงนี้นี่เอง น้ำใสและเย็นสบายมาก แอดสัมผัสมาเรียบร้อยแล้ว เพราะที่นี่เค้ามีเรือคายัคให้พายเล่นฟรี! ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชอบมากๆ รวมถึงแอดด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่าทางร้านห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลย มีบริเวณกว้างขวาง มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายมุม รองรับนักท่องเที่ยวได้เพียบ แถมยังเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ บรรยากาศร่มรื่นมาก ไม่ร้อนเลยค่ะ  อีกอย่างคือมุมถ่ายรูปเยอะมาก สายเขียวธรรมชาติต้องไปโดน ที่นั่งมีทั้งโซนห้องแอร์ และเอาท์ดอร์หลายมุม ไม่ว่าจะเป็นริมลำธาร หรือบนชั้น 2 ที่สามารถชมวิวด้านล่างได้อย่างสวยงาม เลือกไม่ถูกเลย ส่วนตัวแอดชอบมุมนี้ที่สุดเลยแหละ เป็นโต๊ะเล็กๆ ริมลำธาร มีเบาะรองนั่งพร้อมหมอนสามเหลี่ยมให้นั่งพิง นั่งจิบเครื่องดื่มไป ชมธรรมชาติไป ชิลสุดๆ มุมนี้แอดถ่ายจากชั้นบนค่ะ เห็นหมดเลยใครทำอะไร…555 ล้อเล่น ตอนที่แอดไป ฝนเพิ่งหยุดตกค่ะ ท้องฟ้าก็เลยดูจะครึ้มๆ หน่อย แต่ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ จริงมั้ยคะ มุมนี้ก็น่ารัก มีฉากกรอบรูปและชิงช้าให้นั่งเล่น แอดอยากเอาไปไว้ที่บ้านบ้างจัง เมนูคลายร้อนจ้า…เริ่มต้นที่ “ชาเขียวเย็น” ชาและนมแบ่งเป็นชั้นสวยงาม หลังจากคนให้เข้ากัน ก็อร่อยพร้อมดื่ม ตามมาด้วย “นมสดเย็น” รสชาติกำลังดี ไม่หวานมาก เฮลท์ตี้เบาๆ และแก้วสุดท้ายเป็น “ชาไทยเย็น” ถึงชื่อเมนูจะดูเบสิกแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลย ราคาแก้วละ 60 บาทเท่านั้น  นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเเนะนำหลายอย่างเลย เช่น มะพร้าวธารา, ฮันนีโทสต์, พิซซ่าโฮมเมด, สลัดอกไก่, ข้าวหมูอบ น่าทานทั้งนั้น แต่เสียดายที่แอดไม่มีภาพมาฝาก เพราะว่าตอนไปถึงครัวก็ปิดแล้ว อย่าโกรธกันนะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไปลองแล้ว ก็ถ่ายรูปมาให้แอดดูบ้างน้าา  ทางร้านยังมีแปลงผักสดๆ ปลอดสารพิษ 100% สำหรับนำมาใช้ประกอบอาหารอีกด้วยนะ รับรองสดอร่อยแน่นอน เจ้าถิ่นเค้ามานั่งรับลูกค้าด้วย น่ารักมากๆ  ไม่ว่ามุมไหนของร้านจะมีคุณคนนี้อยู่กับต้นไม้ คอยแอบมองเราอยู่เกือบทุกต้นเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าหลอนอะไรนะคะ ดูอาร์ตๆ เท่ดี แอดชอบ ธารา คาเฟ่  ที่ตั้ง : เลขที่ 1 หมู่ 5 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โทร. 082 140 9310 เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร ยกเว้นวันอังคารที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)– วันจันทร์ และวันพุธ-ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ไปทางสระบุรี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ไปทางปากช่อง สังเกตเทสโก้โลตัส สาขาปากช่อง ทางซ้ายมือ ชิดซ้ายเตรียมขึ้นสะพาน เพื่อกลับรถไปยังถนนธนะรัชต์ จากนั้นตรงไปประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2049 (ถนนโยธาธิการ) ตรงไปอีก 5 กิโลเมตร ผ่านวัดพระขนงใต้ไปประมาณ 500 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ

ธารา คาเฟ่ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามคำขวัญ : นครราชสีมา

เที่ยวตามคำขวัญ : นครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า” ท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช คุณหญิงโมได้รวบรวมชาวบ้านเข้าสู้รบและต่อต้านกองทัพเจ้าอนุวงศ์ไม่ให้ยกมาตีกรุงเทพฯ ได้เป็นผลสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี”  ในเวลาต่อมา ย่าโมกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวโคราช จึงเป็นที่มาของอีกชื่อที่เรียกขานนครราชสีมาว่า “เมืองย่าโม” นั่นเอง  อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2477 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของท้าวสุรนารี วีรสตรีไทยผู้อยู่ในหัวใจของชาวโคราชทุกคน ทุกปีในวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน จะมีการจัดงานวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาร่วมงานอันยิ่งใหญ่นี้ได้ พิกัด : https://goo.gl/maps/ztHWmetefzJ2 “ผ้าไหมดี” ผ้าไหมโคราชนั้นไม่เป็นสองรองใคร อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เป็นอำเภอหนึ่งที่เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมและผลิตผลจากรังไหมที่มีชื่อเสียงมากในภาคอีสาน  ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมีร้านผ้าไหมมากมาย และมีหลายเนื้อผ้าให้เลือก ทั้งผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมพิมพ์ลาย ผ้าไหมหางกระรอก และผ้าพื้น ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด นับเป็นภูมิปัญญาของชาวปักธงชัยที่ได้รับความนิยม จนสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ในปริมาณมาก ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีการจัดงานผ้าไหมปักธงชัยและของดีเมืองโคราช ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการออกร้านจำหน่ายผ้าไหม การประกวดธิดาผ้าไหม การแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไหม การออกร้านผลิตภัณฑ์ของดีปักธงชัยและของดีเมืองโคราช การประกวดผ้าไหมประเภทต่างๆ และการแสดงดนตรี เป็นต้น “หมี่โคราช” หมี่โคราช หนึ่งในเมนูสุดขึ้นชื่อ ที่เมื่อมาโคราชก็ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก หมี่โคราชนั้นหน้าตาอาจจะดูคล้ายกับผัดไทย แต่ความแตกต่างอยู่ที่ ผัดไทยใช้เส้นเล็กหรือเส้นจันท์ในการผัด และใส่เครื่องเยอะกว่า  ส่วนหมี่โคราชจะใช้เส้นที่เรียกว่า เส้นหมี่โคราช และจะไม่ใส่ไข่ กุ้งแห้ง ถั่ว และเต้าหู้ แบบผัดไทย นอกจากนี้ความโดดเด่นของหมี่โคราชที่ไม่เหมือนใครก็คือ ตัวเส้นที่นุ่มเหนียว ไม่แฉะ และรสชาติที่เข้มข้น จัดจ้าน ปัจจุบันเราสามารถหาซื้อหมี่โคราชไปเป็นของฝาก หรือนำกลับไปทำทานเองที่บ้านได้ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์แบบกึ่งสำเร็จรูปวางขายอยู่ทั่วไปนั่นเอง “ปราสาทหิน” นครราชสีมาเป็นที่ตั้งของปราสาทหินหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทยและมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรขอมโบราณ ปราสาทหินพิมาย เป็นพุทธสถานในนิกายมหายานที่ตั้งอยู่กลางเมืองพิมาย มีลักษณะพิเศษคือ สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหลังอื่นที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้รับกับเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองพระนคร เมืองหลวงของอาณาจักรขอมนั่นเอง อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เปิดทุกวัน เวลา 07.30 – 18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท (มีบริการนำชมฟรีจากนักเรียนโรงเรียนพิมายวิทยา) พิกัด : https://goo.gl/maps/EzfLeNjHsF92 “ดินด่านเกวียน” บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัย เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่ความแข็งแกร่ง ทนทาน และพื้นผิวที่มีความมันวาวสวยงามไม่เหมือนที่ไหน เพราะดินที่ชาวด่านเกวียนนำมาใช้ในการปั้นนั้นเป็นดินเนื้อละเอียดที่มีแร่เหล็กและแร่ธาตุอื่นๆ เจือปน  เมื่อผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แร่เหล็กและแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นส่วนผสมในดินจะหลอมละลายและเคลือบผิวภาชนะ จนทำให้ได้ชิ้นงานที่มีสีดำมัน สีน้ำตาลแดง หรือสีเลือดปลาไหล ซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมว่าสวยที่สุด นอกจากนี้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนยังมีความน่าสนใจอยู่ที่ มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่แปลกใหม่อยู่เสมอ

เที่ยวตามคำขวัญ : นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

4 ที่ขี่ม้าวิวธรรมชาติ ใกล้เมืองกรุง

ฟาร์มหมอปอ จ.นครราชสีมา ฟาร์มม้าในอำเภอปากช่องแห่งนี้ เป็นสถานที่รวบรวมม้าสวยงามหลายหลายสายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์หายากด้วย และยังเปิดสอนขี่ม้าให้แก่ผู้สนใจ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ขี่ม้าชมบรรยากาศโดยรอบฟาร์ม ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้และทิวเขาร่มรื่น  นอกจากม้าแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆ เช่น กระต่าย แพะ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถให้อาหารได้ รวมทั้งยังมีแม่ไก่ให้เราเก็บไข่ไก่สดๆ จากเล้าได้อีก และสำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมและอยากพักผ่อนสบายๆ ที่นี่เค้าก็มีที่พักไว้บริการด้วยนะ  บ้านคอกม้าบางพลี จ.สมุทรปราการ ฟาร์มม้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขี่ม้า เปิดสอนขี่ม้าสำหรับทุกเพศทุกวัย และเนื่องจากที่นี่มีสนามซ้อมทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม จึงสามารถฝึกได้ในทุกสภาพอากาศ สำหรับผู้ที่อยากขี่ม้าแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ทางฟาร์มก็มีบริการขี่ม้าไปชมทุ่งหญ้าเขียวขจีและบ่อปลา ซึ่งอยู่ใกล้กับฟาร์ม และยังสามารถชมวิถีชีวิตชนบทของชาวบางพลีได้ด้วย  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอาชาบำบัด ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กพิเศษที่มีปัญหาต่างๆ ทั้งสมาธิสั้น ออทิสติก ฯลฯ และยังมีบริการอื่นๆ เกี่ยวกับม้า ไม่ว่าจะเป็น จำหน่ายอุปกรณ์ขี่ม้า รับฝากเลี้ยงม้า หรือเพาะพันธุ์ม้าสายพันธุ์ดีด้วย วัลลภาฟาร์มสเตย์ จ.ลพบุรี ห่างจากตัวเมืองลพบุรีไป 15 กิโลเมตร ใกล้สถานีรถไฟโคกมะขาม ยังมีฟาร์มเลี้ยงม้าและสวนเกษตรอินทรีย์ที่น่าสนใจ นั่นก็คือ วัลลภาฟาร์ม กิจกรรมหลักของที่นี่คือการสอนขี่ม้าให้ผู้ที่สนใจตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น และยังมีบริการขี่ม้าชมธรรมชาติของฟาร์มที่แวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ลำคลอง และภูเขา  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ นั่งรถม้าไปไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประทานพรกาญจนาภิเษก สำนักบวรบรรพต (วัดศาลาแดง) หรือนั่งรถอีแต๋นชมสวนเกษตรอินทรีย์และควายทุ่งที่เชื่องมากๆ รวมทั้งทดลองทำการเกษตร เช่น ทำนาปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ เก็บไข่เป็ดไข่ไก่ในฟาร์ม ทำไข่เค็มดินสอพอง และทำของที่ระลึกจากดินเผา นอกจากนี้ยังมีที่พักไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่อยากพักค้างแรมด้วย ฟาร์มเชาวณัฎ จ.กาญจนบุรี  ฟาร์มม้าชานเมืองกาญจนบุรี กับบรรยากาศธรรมชาติที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ที่นี่เปิดสอนขี่ม้าให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีกิจกรรมป้อนอาหารม้า ขี่ม้าชมธรรมชาติ นั่งรถม้าชมรอบๆ ฟาร์ม และยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น ขี่เจ็ทสกี ขับรถเอทีวี และดำนาปลูกข้าวตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านกาแฟไว้ให้บริการด้วย

4 ที่ขี่ม้าวิวธรรมชาติ ใกล้เมืองกรุง อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี

วันหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากพาคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เส้นทางนครราชสีมา-สระบุรี เป็นหนึ่งเส้นทางที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวานกันค่ะ เพราะในทริปนี้คุณแม่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งแอดเชื่อว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ คุณแม่ของเพื่อนๆ จะมีภาพความประทับใจและเรื่องเล่ามากมายกลับไปอวดข้างบ้านแน่นอน!!! วันแรก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พาคุณแม่ไปเที่ยวทั้งทีเราก็ควรเริ่มต้นทริปดีๆ ด้วยการพาท่านไปไหว้พระเพื่อเป็นฤกษ์งามยามดีในการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ และนอกจากนี้การไหว้พระยังถือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย วัดที่แอดจะแนะนำก็คือ “วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ชาวบ้านใหญ่มักเรียกกันว่าหลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเขาใหญ่ แอดแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!! ที่อยู่: 9 หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 081 294 3982 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/6v2gsUPM7b92 บ้านไม้ชายน้ำ หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาพาคุณแม่ไปย้อนเวลาหาอดีตกันที่ “บ้านไม้ชายน้ำ” ค่ะ ที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้มีบรรยากาศและการตกแต่งแบบย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในสมัยก่อน มีมุมถ่ายภาพสวยๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านไม้ชายน้ำที่เป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงของโบราณไว้ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น แถมยังสามารถนำบัตรผ่านประตูไปแลกชาและกาแฟด้านในได้ด้วยนะคะ ที่สำคัญที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้ยังมีอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ ไว้คอยให้บริการมากมายค่ะ ที่อยู่: 21 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 044 314 236, 081 660 2826 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/Yxw5rv7tBLL2 ฟาร์มโชคชัย เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ แอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคคาวบอยแน่นอนค่ะ แต่น้อยคนนักจะรู้จักวิถีแห่งคาวบอยที่แท้จริง การเป็นคาวบอยนั้นไม่ใช่แค่บู๊ยิงปืนกันสนั่นเมือง แต่จริงๆ แล้วคาวบอยเค้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการรับจ้างเลี้ยงสัตว์และต้อนวัวค่ะ ถ้าพูดถึงสถานที่สวยงามสไตล์คาวบอยต้องยกให้ที่ “ฟาร์มโชคชัย” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีการแสดงวิถีคาวบอย การต้อนแกะและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ จะได้รับความสนุกสนานและความอิ่มเอมใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แอดขอแอบกระซิบว่าสเต็กของที่นี่อร่อยมากเลย อยากให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ลองไปทานดูค่ะ^^ ที่อยู่: 169 หมู่ 2 ถ.มิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 935 504-5, 089 949 4631, 098 513 8857 เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมเป็นรอบ วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00 น. วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10.00 และ 14.00 น. ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท เด็กสูง 90-140 เซนติเมตร ราคา 150 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/KuQAVM7gVmr ดี โอลด์ เล้ง หลังจากเดินทางทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นและพักผ่อนกันแล้วค่ะ แอดขอแนะนำ “ดี โอลด์ เล้ง” เพราะมีทั้งที่พักและร้านอาหารไว้คอยให้บริการรวมอยู่ในที่เดียวค่ะ ที่นี่ตกแต่งในบรรยากาศแบบย้อนยุคโดยประยุกต์นำเอาของเก่าของสะสมมาประดับประดา ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคเก่าๆ แถมห้องพักก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้รู้สึกน่าค้นหาและพาให้เราหลงใหลไปในบรรยากาศของอดีตค่ะ^^ ที่อยู่: 299/12-14 หมู่  18 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 082 234 7206 ราคาที่พัก: 900 – 1,200 บาท/ห้อง เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/PFWDqYMoi162 วันที่สอง น้ำตกเหวสุวัต เช้าวันนี้แอดแนะนำให้พาคุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่เขาใหญ่กันค่ะ เขาใหญ่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย แอดเชื่อว่าสมัยสาวๆ คุณแม่หลายๆ ท่านต้องเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่และมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาใหญ่แน่นอนค่ะ สำหรับการเริ่มต้นทริปในวันที่สองนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “น้ำตกเหวสุวัต” ค่ะ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีจุดชมวิวบริเวณหน้าผาและด้านล่างของน้ำตก น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเหมาะสำหรับการถ่ายรูปและพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ ที่อยู่: 9 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 086 092 6527 เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผูใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/V2i6HfdkhSQ2 ครัวกำปั่นเขาใหญ่ เที่ยงนี้แอดแนะนำให้ไปฝากท้องที่ “ร้านครัวกำปั่นเขาใหญ่” ค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งที่เมื่อมาเขาใหญ่ต้องไม่พลาด บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในรูปแบบบ้านทรงไทยสวยงาม บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก แอดการันตี!!! ที่อยู่: 94-94/1 หมู่ 6 ต.หมูสี อ,ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 929 949, 093 514

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น”

ฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการทำนา ในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้ไปเดินเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย และเนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อถวายให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ยามค่ำคืนตลอดช่วงเวลาของการเข้าพรรษา การนำเทียนไปถวายนั้น จะให้เดินไปถวายแบบปกติมันก็จะธรรมดาไป โลกไม่จำค่ะ ชาวบ้านจึงจัดขบวนแห่กันอย่างเอิกเกริกสนุกสนาน และปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษาแล้ว จังหวัดแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น จ.อุบลราชธานี เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการแกะสลักเทียนเป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ในวรรณคดี บุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ และอื่นๆ อีกมากมาย  งาน “ฮีตศรัทธาราชธานีแห่งแสงเทียน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 28 กรกฎาคม 2561 ภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียงสุดอลังการ โดยขบวนแห่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน – แห่เทียนกลางคืน ในช่วงค่ำของวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีขบวนแห่เทียนและการแสดงประกอบแสงเสียง เรื่อง “เกิดแต่อุบล” บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยวันที่ 27 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม เริ่มประมาณ 18.00 น. – แห่เทียนกลางวัน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไปค่ะ “มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง” ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ชาวสุรินทร์ภาคภูมิใจ เพราะเป็นวัฒนธรรมการแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ตักบาตรบนหลังช้างทำยังไง? ทำได้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากรู้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะคะ^^  งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมภายในงานมีดังนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ชมริ้วขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนฟ้อนรำศิลปวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับขบวนแห่ช้างกว่า 80 เชือก  วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. จะมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางค่ะ โคราช เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาที่มีความสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ โดยมีการจัดงานทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะมีการแห่เทียนพรรษาของอำเภอโชคชัยและอำเภอพิมายค่ะ (เริ่มแห่ตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) โดยจะเป็นการประกวดต้นเทียนพรรษา เมื่อได้ผู้ชนะของแต่ละอำเภอแล้วทั้งหมดก็จะไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีค่ะ  งานแห่เทียนพรรษาที่อำเภอโชคชัย ใช้ชื่องานว่า “เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย” ส่วนที่อำเภอพิมายใช้ชื่องานว่า “ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอพิมาย” ภายในงานของทั้ง 2 อำเภอจะมีมหรสพการแสดง และกิจกรรมต่างๆ มากมายค่ะ วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัด “งานแห่เทียนพรรษาโคราช” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ของชาวโคราชค่ะ (ขบวนแห่เริ่มวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.) โดยจะนำต้นเทียนพรรษาที่ชนะจากทั้ง 2 อำเภอมาแห่ และจัดแสดงให้ชมกันค่ะ  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของดีเมืองโคราช สินค้าโอท็อปต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชอปเลือกชิมกันตลอดงานเลยค่ะ “ประเพณียายดอกไม้” ครั้งแรกที่แอดได้ยิน็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่านี่คือประเพณีอะไร? ประเพณียายดอกไม้เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ คำว่า “ยาย” นั้นเพี้ยนมาจาก คำว่า “หย่าย” ในภาษาลาว แปลว่า การแจกจ่ายหรือการให้ คำว่า “ยายดอกไม้” จึงหมายถึงการให้ หรือถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์ เพื่อนำไปบูชาพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ  และในปีนี้ชาวจังหวัดสิงห์บุรีก็ได้จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้ธีม “ตักบาตรยายดอกไม้ นุ่งซิ่นไทย-ลาวเวียง” ณ วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น.  ภายในงานมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การทอดผ้าป่าดอกไม้ ถวายเทียนพรรษา ชิมอาหารถิ่นสิงห์บุรี ชมการแสดงเต้นบาสโลป และอื่นๆ อีกมากมาย แอดอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ดูนะคะ ว่าจะมีความงดงามแตกต่างจากวัฒนธรรมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยมากน้อยแค่ไหนค่ะ ^^ สำหรับใครที่คิดว่าการแห่เทียนพรรษาทางบกธรรมดาไป ต้องมางานนี้เลยค่ะ “ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำ” ณ คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในอยุธยา  งานจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจะเริ่มแห่ประมาณ 11.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดบ้านสวนริมคลอง การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด การจัดแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตบ้านริมน้ำอีกด้วยนะคะ “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารจ.สระบุรี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของ จ.สระบุรี นับเป็นประเพณีที่แปลกไม่เหมือนใคร และมีเพียงแห่งเดียวอีกด้วย  โดยในยามเช้าพระสงฆ์จะเดินรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมาใส่บาตร ดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเข้าพรรษาพอดี จึงได้ชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ และแอบไปเสิร์ชหารูปจากอินเตอร์เน็ตดู แต่เชื่อเถอะค่ะว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ ต้องลองไปสัมผัสดูค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินทางไปต่างจังหวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดกิจกรรมเข้าพรรษาค่ะ

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น” อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก

“ลพบุรีน่ะมีแต่ลิง แต่ถ้าคนรักจริงคงจะมีแต่เรา” “รักชาติให้ยืนตรง ถ้าอยากรักมั่นคงให้มายืนข้างๆ กัน” “อยากรวยต้องลงทุน อยากสร้างอนาคตกับคุณต้องทำไง” อ่ะ โพสแคปชั่นอ่อยก็แล้ว ลงรูปให้ดูว่าโสดก็แล้ว ยังนก!!! ได้!! ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา!!!  ใครสายนกมาทางนี้ วันนี้แอดมินมีวัดที่เชื่อกันว่า หากไปไหว้บูชาขอพร แล้วอานิสงส์จะช่วยส่งไปหนุนนำความรักให้สมหวังดังใจ แต่เดี๋ยวก่อนคนที่มีแฟน หรือเป็นคู่รักก็ไปไหว้บูชาขอพรได้เหมือนกันนะ อานิสงส์จะยิ่งทำให้คู่ของคุณนั้นยืนยาวและมั่นคงต่อๆไป ใครที่เคยไปที่ไหนแล้วสมหวังดังใจ มาบอกต่อได้เลยนะ แบ่งปันกัน เพื่อนๆคนอื่นจะได้สมดังใจบ้าง  ศาลท่านท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่ทรงมีเมตตา สามารถบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก ชีวิต การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสี เจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ไม่มีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิฐานขอพรจากท่านมักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติบางคนถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การสักการะนั้นให้ใช้ ธูป 12 ดอก เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัย 4 พวง โดยเริ่มไหว้พระพรหมด้านที่ตรงกับประตูทางเข้าเป็นด้านแรก แล้วเดินเวียนขวาจนครบทั้งสี่ด้าน (ใช้ธูป พระพักตร์ละ 3 ดอก พวงมาลัย 1 พวง) บทบูชานะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ) บทสวดหลัก (นิยมใช้มากที่สุด)โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ  ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวง เนื่องจากเป็นวันครบรอบการตั้งศาล พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร หากผู้ใดที่ยังไร้คู่หรืออับโชควาสนาในด้านความรัก ถ้าได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตใจอธิฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่หรือรักแท้แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา ซึ่งรวมทั้งเรื่องของชีวิต และการงานอีกด้วย เชื่อกันว่าเวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ ทุกคืนวันพฤหัสฯ เวลา 21.30 น. บูชาท่านด้วยธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองไปด้วย คำสวดบูชาพระตรีมูรติ คือ คำว่าโอม แค่เพียงเอ่ยว่า โอม ก็เหมือนการเอ่ยนามของเทพเจ้าทั้งสาม ซึ่งโอม มาจาก โอมะ(พระพรหม) อะ(พระวิษณุ) อุ(พระศิวะ) ถือเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสนาพราหมณ์ เป็นการรวมกันของมหาเทพ 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ(พระนารายณ์) และพระศิวะ(พระอิศวร) ที่ถือเป็นผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย การรวมอานุภาพของมหาเทพทั้ง 3 ไว้ในองค์เดียวกัน ผู้บูชาย่อมบังเกิดความเป็นสิริมงคล และความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิต ดุจดังพลานุภาพของเทพทั้ง 3  วันบวงสรวง ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี เวลาที่ดีที่สุดที่จะขอพรคือ วันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.เชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับคำและประทานพรให้แก่ผู้ขอ วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวโคราชและประชาชนทั่วไปนิยมเดินทางมาสักการะรูปปั้นและเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโมที่วัดศาลาลอยนี้ เพื่อบนบานขอพรย่าโมให้ปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะในเรื่องของความรักและคู่ครอง มีความเชื่อว่าย่าโมจะสามารถดลบันดาลให้สมหวังได้ในที่สุด และเมื่อได้รับความสำเร็จดังอธิษฐานแล้ว ก็มักจะแก้บนด้วยเพลงโคราชที่มีทั้งนักร้องและนักรำแต่งตัวสวยงาม เพราะเชื่อว่าย่าโมนั้นชอบฟังเพลงโคราชเป็นชีวิตจิตใจ วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้นภายหลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้งนั้น จะได้ตามปรารถนาทุกประการ และถ้ามาขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป ข้อปฏิบัติที่ควรทราบ คือไม่ควรแต่งกายชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง และไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและรองเท้าขึ้นไปบนพระธาตุ สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต(เวียงจันทร์) ศาลเจ้าแม่สามมุข ใกล้หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี ด้วยตำนานรักที่อมตะ เจ้าแม่สามมุขจึงเป็นที่พึ่งทางใจของหนุ่มสาวที่พากันเดินทางมาอธิษฐาน ขอพรให้สมหวังในความรักและคู่ครองอยู่เสมอ เชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกัน หากนำว่าวที่เขียนชื่อตนเองกับคนรักมาไหว้เจ้าแม่ แล้วนำไปแขวนบริเวณศาลนั้น เจ้าแม่จะอวยพรให้มีความสุขสมหวัง และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ในที่สุด นอกจากนี้แล้วชาวประมงที่ให้ความเคารพนับถือ จะมาสักการะด้วยการจุดประทัดถวายทุกครั้งก่อนออกเรือ เพื่อให้เดินทางปลอดภัยและจับปลาได้มาก ตำนานเล่าว่า ศาลแห่งนี้สร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งรักแท้ของสาวมุก และนายแสน ที่กระโดดหน้าผาและตายไปตามกัน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาว่าจุอุทิศชีวิตให้ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหน้าผาว่า สามมุข และตั้งชื่อชายหาดริมทะเลที่อยู่เบื้องล่างว่า บางแสน และได้มีการสร้างศาล เจ้าแม่สามมุข ขึ้นที่บริเวณเชิงผา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วัดลุ่มหาชัยชุมพล) อ.เมือง จ.ระยอง ความเชื่อ เชื่อกันว่าพระบารมีของพระองค์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสุขเป็นสิริมงคล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและยังเชื่อกันว่าสามีภรรยาที่มีบุตรยาก หากมาขอพรจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้แล้ว มักจะสมดังใจปรารถนา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ซึ่งมีผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้เอกราชให้ผืนแผ่นดินไทยอยู่เสมอ มีการจัดงานสมโภชศาลแห่งนี้เป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายพวงมาลาและเครื่องสักการะ เพราะเป็นคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่นับถือในหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลในชีวิตนอกจากนี้ในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมความหวัง เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาสักการะขอพรหลวงพ่อแล้วมักจะได้ลูกชายและเมื่อสมดังใจอธิษฐาน จะนิยมถวายหลวงพ่อโสธรด้วย ละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย บทบูชา(ท่องนะโม 3 จบ) กาเยนะ วาจายะ เจตสา วา โสธะรัง นามะ อิทธิปะฏิหาริกะรัง พุทธะรูปัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ เดิมชื่อว่า วัดหงส์ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top