กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู

สัมผัสเสน่ห์ย่านชุมชนเก่าแก่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แวะไหว้พระ เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ตามหาของอร่อยๆ ทานให้หนำใจ ที่ “ย่านวังหน้า – บางลำพู” .บอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่เดินไม่เหนื่อย เข้าไปไหว้พระสงบจิตสงบใจ ถ้าใครกลัวแดดร้อนก็สามารถเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในพิพิธภัณฑ์ หรือจะหามุมนั่งเล่นพักผ่อนในร้านกาแฟก็ย่อมได้  สถานที่กิน ที่เที่ยว – ร้านปาท่องโก๋ คาเฟ่– วัดบวรนิเวศวิหาร– ร้าน ณ บวร– พิพิธบางลำพู– ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ– พิพิธภัณฑ์เหรียญ– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร– วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร– นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว– ร้าน A pink rabbit + Bob ก่อนเริ่มทริป เราไปเติมพลังกันที่ร้าน “ปาท่องโก๋ คาเฟ่” กันก่อน ร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา อยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศพอดี ภายในร้านไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋นะ แต่ยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกทานเลย ทั้งเมนูของคาวและของหวานที่ใช้ปาท่องโก๋มาประยุกต์ เช่น ปาท่องโก๋หน้าไก่ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่อง และอีกมากมาย แอดทานแบบเบาๆ กับเมนูปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูหยอง บอกเลยอร่อยมากๆ อิ่มกำลังพอดี ปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันด้วย อีกเมนูก็คือ ปาท่องโก๋ไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้ก็เก๋ไม่แพ้กัน เพราะเป็นปาท่องโก๋ที่โปะด้วยไอศกรีม 1 สกู๊ปอยู่ด้านบน ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด มีหลายรสชาติทั้งชาไทย กาแฟ วานิลลา และลิ้นจี่ น่าลองทุกรสเลย ปาท่องโก๋ คาเฟ่ที่ตั้ง : 246 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ (อยู่ตรงหัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ)เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 281 9754 หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินข้ามถนนมาที่ “วัดบวรนิเวศวิหาร” วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2367-2375 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง ต่อมา พ.ศ.2379 รัชกาลที่ 3 ได้เชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส มาจำพรรษาที่วัดนี้ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช แล้วพระราชทานนามวัดว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงตรีมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางเป็นตราพระมหามงกุฏและพระแสงขรรค์ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีใบเสมาศิลาติดอยู่ที่ผนังด้านหน้า ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวช ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์องค์หน้าคือ “พระพุทธชินสีห์” อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก องค์หลังคือ “พระสุวรรณเขต” หรือ หลวงพ่อโต อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จ.เพชรบุรี ที่ฐานพุทธบัลลังก์ของพระพุทธชินสีห์ยังเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วย เจดีย์ประธานของวัดสร้างสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ หุ้มกระเบื้องสีทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ บนฐานทักษิณชั้นบน ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ มีซุ้มปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 องค์จำลอง ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 (ส่วนองค์จริงทำจากปูนปลาสเตอร์ ประดิษฐานอยู่ภายในตำหนักเพ็ชร)  เดินไปอีกนิดจะพบ “วิหารพระศาสดา” ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2402 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในวิหารแบ่งเป็น 2 ตอน ทิศตะวันออกประดิษฐาน “พระศาสดา” พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ทิศตะวันตกประดิษฐาน “พระไสยา” พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองปางไสยาสน์ สมัยสุโขทัย ที่ฐานบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในวัดยังมีตำหนัก วิหาร และอาคารต่างๆ ที่สวยงามและน่าชมอยู่อีกมากเลยล่ะ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/mKqHQMqkr7n หลังจากไว้พระ เดินชมวัดเรียบร้อยแล้ว แอดก็มานั่งพัก หาอะไรดื่มกันที่ร้าน “ณ บวร” ร้านกาแฟโมเดิร์นคลาสสิกประยุกต์ ตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณ ริมถนนพระสุเมรุ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร คำว่า “ณ บวร” มีความหมายตามหลักภาษาไทย ดังนี้“ณ” หมายถึง ที่นี่“บวร” หมายถึง ประเสริฐ เลิศล้ำ แต่สำหรับร้านนี้ คำว่า “ณ บวร” ยังซ่อนความหมายและเจตนารมย์ของร้านเอาไว้ในตัวอักษรด้วย นั่นก็คือ “บ” คือ บ้าน สถานที่อบอุ่นผ่อนคลาย“ว” คือ วัด เขตของความสุข สงบ สบาย“ร” คือ ร้านกาแฟ อันหมายถึงศูนย์กลางเล็กๆ ของชุมชนที่พร้อมบริการเครื่องดื่ม ขนม และบริการที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายและร่วมสมัย น่านั่งมากๆ เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร่างกายต้องการคาเฟอีน แอดเลยสั่ง คาราเมล แมคเคียโต้เย็น (Iced Caramel Macchiato) รสชาติเข้มข้น หอมคาราเมล ไม่หวานเกินไป ชอบมากกก อีกเมนูคือ ช็อกโกแลตร้อน (Hot Chocolate) เข้มข้นถึงใจมากๆ […]

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู อ่านเพิ่มเติม

ถนนเยาวราช ชื่อนี้มีที่มา

ถนนเยาวราช สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยเห็นว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งค้าขายสำคัญของชาวจีนกับต่างชาติ จึงสนับสนุนให้สร้างถนนเพื่อรองรับการค้าและความเจริญที่จะเกิดขึ้น ครั้งแรกใช้ชื่อว่า ถนนยุพราช แต่ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่เป็น “ถนนเยาวราช”.ถนนเยาวราชใช้เวลาสร้างนานถึง 8 ปี ทั้งที่มีความยาวเพียง 1.5 กิโลเมตร เนื่องจากแนวถนนนั้นผ่านชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้การตัดถนนเป็นเรื่องยากและมีอุปสรรคมากมาย.อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์มิให้ตัดถนนถูกที่ดินของชาวบ้าน โดยให้ใช้แนวเดิมที่เป็นทางเกวียนหรือแนวทางเดินมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ส่งผลให้ถนนเส้นนี้คดเคี้ยวคล้ายมังกร จนได้สมญานามว่า “ถนนมังกร” โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เปรียบเสมือนหัวมังกร บริเวณตลาดเก่าเยาวราชเป็นท้องมังกร ไปจนถึงสุดถนนบรรจบกับถนนจักรเพชรคือหางมังกร.ปัจจุบัน ถนนเยาวราช หรือ ไชน่าทาวน์เมืองไทย ถือเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญที่คึกคักทั้งกลางวันกลางคืน เต็มไปร้านค้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นจีน ร้านทอง ธนาคาร วัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง รวมทั้งสตรีทฟู้ดและร้านอาหารเลิศรสที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาท่องเที่ยวไม่ขาดสาย

ถนนเยาวราช ชื่อนี้มีที่มา อ่านเพิ่มเติม

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อีกหนึ่งช่องทางติดต่อสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกดูเมนูต่าง ๆ ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ดาวน์โหลดE-Brochures ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย( SHA ) และโทรสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่Call Center 1672 ตลอด 24 ชั่วโมง  ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสารและสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่นี่ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง on Line

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง

วันหยุดว่างๆ แอดเลยปิ๊งไอเดีย  นั่งเรือไปหาอะไรกินดีกว่าเดินทางง่าย ราคาไม่แพงด้วย .แอดเลือกไปที่ท่าดินแดง หนึ่งในย่านการค้าดั้งเดิมของกรุงเทพฯ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี เป็นที่ตั้งของชุมชน มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ.แอดใช้บริการเรือข้ามฟากจากท่าเรือท่าราชวงศ์มาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น .ท่าดินแดงมีร้านไหนน่าชิม ลิ้มลอง เข้ามาอ่านได้เลย ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจในเรื่องของอาหารอร่อยห้ามพลาดที่ต้องตามไปทาน ที่เดียวได้ทั้งของคาวและของหวานเลยล่ะ อิ่มท้องแถมยังประหยัดอีกด้วย การเดินทางมาที่ท่าดินแดงในครั้งนี้ แอดใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือท่าราชวงศ์ จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น ใครมาท่าดินแดงคราวนี้จะอิ่มท้องและมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน เริ่มกันที่ ร้านนมสดท่าดินแดง ร้านนี้เต็มไปด้วยเมนูนมค่ะ มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ไม่ว่าจะเป็นนมสด กาแฟ ชาไทย นมชมพู นอกจากนี้ยังมีขนมปังหน้าต่างๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีเช่นกันทั้งขนมปัง นมสดพร้อมดื่ม สังขยาเยิ้มๆ น่าทานมากๆ เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าแอดสั่งอะไรมาทานบ้าง ทางร้านแนะนำ ชุดสังขยาใบเตย มีสังขยาให้เลือก 2 รสชาติด้วยกันคือสังขยาใบเตยและสังขยาไข่ ขนมปังนุ่มๆ จิ้มกับสังขยาเยิ้มๆ ละมุนสุดๆ เลยค่ะราคาชุดเล็ก 40 บาท / ชุดใหญ่ 60 บาท ต่อด้วยเค้กนมสด ชิ้นละ 15 บาท แป้งเค้กนุ่มฟู ที่สำคัญคือหอมมาก ทานคู่กับเครื่องดื่มเข้ากันมากๆ เลยล่ะ เมนูนี้แอดอยากให้ทุกคนลองชิม แนะนำๆ  – เปิดทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.– โทร. 02 863 1361– พิกัด : https://goo.gl/maps/htFQEcYrVXkG3KYY6  หลังจากดื่มนมกันแล้ว เดินต่อมาอีกนิดจะเห็นซอยท่าดินแดง 11 เดินเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 30 เมตรก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า) ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดขายมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ แต่ลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องแบบไม่ขาดสายเลยนะจะบอกให้ ก๋วยจั๊บที่ทางร้านขายจะเป็นก๋วยจั๊บน้ำข้น ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท หรือใครชอบทานเกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ แอดบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นมาก ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่มกำลังดี หมูกรอบชิ้นใหญ่ เลือดก็นุ่มกัดไปมีความ juicy เบาๆ – เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.– โทร. 085 905 3552– พิกัด : https://goo.gl/maps/YjbnubJXkZBaZi5J9 จัดเต็มกันต่อด้วยร้านตี๋ หมูสะเต๊ะ เจ้าดังของย่านนี้กันเลย ตั้งอยู่ริม ถ.ท่าดินแดง เดินตรงจากท่าเรือมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเตาหมูสะเต๊ะยาวๆ กำลังย่างไฟอยู่ น่าทานซะเหลือเกิน หมูสะเต๊ะของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ หมูติดมัน หมูไม่ติดมัน และยังมีตับสะเต๊ะด้วย หน้าตาของเตาย่างหมูสะเต๊ะ เรียงกันแบบนี้เลยค่ะ หอมมากกกก แอดสั่งมา 10 ไม้เบาๆ ทั้งแบบหมูติดมันและไม่ติดมันเลย บอกเลยว่าหมูนุ่มมากๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำจิ้มก็ดี เข้มข้นและหอมถั่วมากกกกก ซึ่งแอดโปรดปรานที่สุด ทานคู่กับอาจาดก็อร่อยเข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แตงกวาสด กรอบ แอดจัดการเรียบเลย ฮ่าๆๆ นอกจากหมูแล้วยังมีตับสะเต๊ะอีกด้วยนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ไม้ละ 7 บาท  พร้อมแล้วลุยเลย! หมูสะเต๊ะน้ำและจิ้มยั่วๆ จ้า หากใครแวะไปแถวท่าดินแดงต้องห้ามพลาดเลยนะ.ตี๋หมูสะเต๊ะ ท่าดินแดง– เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.30-23.00 น.(ปิดวันจันทร์เว้นจันทร์)– โทร. 02 437 1172– พิกัด : https://goo.gl/maps/gXHMZWUgrSfzCEeK7 มาต่อกันที่ ร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตี๋ หมูสะเต๊ะ เป็นร้าน street food ริมถนนท่าดินแดงค่ะ ร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี เรียกได้ว่าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเฮียไช้ ปัจจุบันได้ส่งต่อให้กับรุ่นหลานและยังเป็นร้านที่ลูกค้าติดใจไม่น้อยเลยล่ะ ร้านนี้เป็นสูตรโบราณและหาทานได้ยากแล้ว แอดได้เห็นกระบวนการห่อและส่วนประกอบต่างๆ ทุกอย่างสด ใหม่ น่าทานมากๆ แอดจัดมา 1 กล่อง บอกเลยว่าไส้แน่น ครบเครื่องและแป้งนุ่มไม่เหมือนร้านอื่น น้ำราดจะออกหวานๆ ทานคู่กับพริกมีรสชาติเปรี้ยวหน่อยๆ ตัดกันได้ดีเลยค่ะ ราคากล่องละ 50 บาท เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ท่าดินแดง– เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-14.00 น. (ปิดวันจันทร์)– โทร. 098 967 3343– พิกัด : https://goo.gl/maps/jGmbMrawDgNS3QWr5  จากร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ปิดท้ายกันที่ ข้าวพระรามลงสรงท่าดินแดง เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ร้านตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ข้าวพระรามลงสรงเป็นเมนูอาหารจีนโบราณ ที่ปัจจุบันหากินได้ค่อนข้างยาก แต่ละร้านรสชาติของอาหารก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งแอดเองก็เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาหลายครั้ง เพิ่งได้ลองชิมก็ที่นี่เจ้าแรกนี่แหละ  ส่วนประกอบในเมนูนี้มี ข้าวสวย ผักบุ้งลวก และเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดคล้ายๆ น้ำสะเต๊ะ ปิดท้ายด้วยพริกเผา ราคาจานละ 40-50 บาท รสชาติจะออกหวานนิดๆ รับประทานกับน้ำพริกเผาแล้วเข้ากันมากๆ แอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาทาน เพราะทุกวันนี้หาทานได้ยากจริงๆ ค่ะ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับกุนเชียงสูตรเด็ดของร้าน นุ่ม หวาน อร่อยมากกก ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดง– เปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 06.30-15.30 น. (ปิดวันเสาร์)– โทร. 02 437 4513, 081 774 4124– พิกัด :

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง.วันนี้เรามาเยือนถิ่นคลองบางหลวง ชมหุ่นละครเล็กกันที่ “บ้านศิลปิน” สถานที่ท่องเที่ยวชิคๆ ริมคลอง เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ยังอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ บ้านศิลปิน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้นริมคลองบางหลวง (หรือคลองบางกอกใหญ่) เดิมเป็นของ “ตระกูลรักสำหรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งกลุ่มศิลปินนำโดยคุณชุมพล อักพันธานนท์ ได้ขอซื้อต่อจากทายาท และบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งที่นี่จะมีกลุ่มคนรักงานศิลปะรวมทั้งนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอ ทำให้ชุมชนคึกคัก และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย ภายในบ้านก็จะเก๋ๆ หน่อย ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโล่งๆ จัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ของศิลปินมีฝีมือหลายคน มีทั้งภาพวาดและภาพถ่ายสวยๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้ปลุกความอาร์ตในตัวคุณแน่นอน อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านศิลปินก็คือ จะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้เราชมด้วยค่ะ ใครมาเที่ยวบ้านศิลปินก็ต้องห้ามพลาดนะคะ  เดินออกจากบ้านศิลปินมานิดเดียวก็จะพบกับ “บ้านของเล่น” ซึ่งเป็นร้านขายกาแฟโบราณและร้านขายของเล่นที่เราเคยเล่นกันสมัยก่อน เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเลย แอดแฮปปี้มาก เสร็จแล้วก็มานั่งชิลริมคลอง ให้อาหารปลากัน บอกเลยว่าปลาเพียบจ้า หากใครอยากท่องเที่ยวแบบชิลๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ เหมือนได้ชาร์จแบตไปในตัว ที่นี่ก็ตอบโจทย์อยู่นะ

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง อ่านเพิ่มเติม

Chu Chinese Bangkok : บุกสุขุมวิท ชิมอาหารสไตล์ Home Cooked

Chu Chinese Bangkok คำว่า chu (ฉู่) เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า ตึกแถว ซึ่งร้าน Chu นั้นก็เป็นร้านที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึกแถวในซอยสุขุมวิท 49 ที่อดีตเคยเป็นร้านขายบักกุ๊ดเต๋มาก่อน ชั้นแรกเป็นมุมคาเฟ่ที่ให้บริการเครื่องดื่มและขนมหลายอย่าง มีเมนูแนะนำคือ ชานมไข่มุก และน้ำแข็งไส 9 รส ชั้นสองของร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศเหมือนอยู่ในฮ่องกงยุค 70-80 พร้อมเสิร์ฟอาหารแบบ Home Cooked เมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นกับข้าวที่ไว้ทานกับข้าวต้ม ครั้งนี้แอดชิมไป 4 เมนู ต้องขอบอกว่าอร่อยทุกเมนูเลยล่ะ เมนูแรก “บักกุ๊ดเต๋+ปาท่องโก๋กรอบ” บักกุ๊ดเต๋ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ เพราะที่นี่เคยเป็นร้านขายบักกุ๊ดเต๋มาก่อน เมื่อร้านปิดตัวลง ทางร้านจึงชวนคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านเดิมมาเป็นเชฟด้วย จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ตรงซี่โครงหมูชิ้นโตที่ต้มจนเปื่อยได้ที่ และน้ำซุปที่ทำจากเครื่องยาจีนถึง 13 ชนิด ส่วนปาท่องโก่ให้ทานพร้อมน้ำซุปนะ แอดลองแล้ว มันเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ!! เมนูต่อมา “ปอเปี๊ยะสด” ปอเปี๊ยะไส้แน่น โรยหน้าด้วยไข่หั่นซอยและเนื้อปูเป็นชิ้น ทานคู่กับน้ำซอสรสชาติเข้มข้น อร่อยสุดๆ  มาร้านอาหารจีน ไม่สั่ง “ขนมจีบหมู” ไม่ได้นะจ๊ะ ขนมจีบหมูของร้าน Chu พิเศษตรงที่เป็นสูตรของอาม่า และทางร้านบดหมูเอง ปั้นขนมจีบแบบไม่ได้พิถีพิถันมาก ซึ่งเข้ากับคอนเซ็ปต์ Home Cooked ของร้าน เมนู “ยำไข่เยี่ยวม้า” ยำไข่เยี่ยวม้ารสแซ่บ เหมาะจะทานกับข้าวต้มมากๆ ไข่เยี่ยวม้าของทางร้านมีความพิเศษ เพราะใช้ “ไข่เยี่ยวม้าสีทอง” ที่ปลอดสารตะกั่ว  อย่าลืมสั่งชาจีนร้อนๆ มาจิบให้คล่องคอด้วยนะ ที่นี่มีชาให้เลือก 2 แบบคือ ชาอู่หลงและชาดอกหอมหมื่นลี้ ปิดท้ายมื้อนี้ของเราด้วย “เฉาก๊วยนมสด” ซึ่งเฉาก๊วยนี้ทางร้านทำเอง ก็เลยมีความนุ่มเหนียวหนึบหนับมากๆ นอกจากเฉาก๊วยนมสด ก็ยังมีเมนูของหวานอีกมากมาย เช่น น้ำแข็งไสสไตล์จีนที่มีให้เลือกกว่า 9 รส เต้าฮวยนมสด และพุดดิ้งนมสด เป็นต้น ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น.โทร 061 056 5636, 02 120 4199

Chu Chinese Bangkok : บุกสุขุมวิท ชิมอาหารสไตล์ Home Cooked อ่านเพิ่มเติม

ร้านอร่อย…สามย่าน-สี่พระยา

สำหรับร้านแรกเรามาเริ่มกันที่ “ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดสามย่านเจ้าเก่า” แอดเลือกสั่งข้าวหน้าเป็ด ซึ่งพอได้ลองทานแล้วต้องบอกเลยว่าในเรื่องของรสชาตินั้นดีงามสุดๆ และที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นคาวเลย สำหรับจานนี้แอดให้ 3 ผ่านไปเลยจ้า นอกจากข้าวหน้าเป็ดแล้ว ที่นี่ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่แอดอยากแนะนำให้ลอง เพราะน้ำซุปมีความเข้มข้น อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มกันเลยทีเดียว.ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดสามย่าน เจ้าเก่าที่ตั้ง ซอยจุฬาลงกรณ์ 50 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.โทร 02 215 4435 ถัดมาเป็นร้าน “บ้านสามย่าน” ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งอยู่หัวมุมถนนสี่พระยา ใกล้แยกสามย่าน ภายในร้านมีบรรยากาศสบายๆ โปร่งๆ รอบร้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้ทำรู้สึกสดชื่น เหมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่ในสวนเลยทีเดียว เนื่องจากยังเช้าอยู่ แอดเลยเลือกดื่มอเมริกาโน่ รสชาติติดเปรี้ยวนิดหน่อย เรียกความสดชื่นได้ดี ใครที่ชอบกาแฟคั่วกลางแอดแนะนำเลย แก้วนี้ราคา 75 บาท และในส่วนของสปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้งจานนี้ ก็อร่อยไม่แพ้ใคร ราคาอยู่ที่ 140 บาทค่ะ ร้านบ้านสามย่านที่ตั้ง ถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.โทร 02 101 8875 เดินต่อมาไม่ไกล ก็จะเจอกับร้าน “เพลินชัย” ร้านเพลินชัย เป็นร้านขายขนมปังเก่าแก่ ที่อยู่คู่ถนนสี่พระยามายาวนานกว่า 50 ปี เมนูยอดฮิตเลยก็คือ ขนมปังอบเนย-นม-น้ำตาล ขนมปังอบร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ทาด้วยมาการีนหอมกรุ่น ราดนมข้นหวาน โรยด้วยน้ำตาล บอกเลยว่าอร่อยฟินสมคำเล่าลือ ขนมปังของทางร้านทำสดใหม่ทุกวัน ใครที่ผ่านมาแถวถนนสี่พระยา แอดแนะนำให้ลองแวะทาน แล้วจะติดใจ ร้านเพลินชัยที่ตั้ง ถนนสี่พระยา (ติดกับธนาคารกรุงเทพ) แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.00-16.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 02 236 2661 มาต่อกันที่ “ร้านก๋วยเตี๋ยวแคะสี่พระยา” ซึ่งต้องบอกเลยว่าดูเผินๆ อาจจะเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ถ้าได้ลองชิมแล้วละก็ รับรองจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อย.สำหรับชามนี้มีชื่อว่า “แปดเซียนเหยียบเมฆา” ราคา 80 บาท ซึ่งนอกจากรสชาติจะดีแล้ว แอดยังชอบตรงที่ใส่ไข่ดาวนี่แหละ เพราะมันดูแปลกดี นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวแล้ว เพื่อนๆ ต้องไม่พลาดที่จะทาน “ขนมจีบ” ด้วยนะคะ เพราะว่ามันอร่อยมาก ไส้เน้นๆ หมูเน้นๆ ฟินเฟ่อร์.ร้านก๋วยเตี๋ยวแคะสี่พระยาที่ตั้ง ถนนพระรามที่ 4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-15.00 น.โทร 089 769 6092 ปิดท้ายกันที่ถนนเจริญกรุง แอดแวะมานั่งชิลที่ “ร้าน MaLet’s Cafe (เมล็ด คาเฟ่)” ร้านคาเฟ่เล็กๆ แต่บรรยากาศอบอุ่น มีการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งร้าน ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นเล็กๆ วันนี้แอดตระเวนชิมมาทั้งวันจนเหนื่อย ก็เลยต้องขอเติมความสดชื่นด้วย แอปเปิ้ล โซดา ราคา 65 บาท ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ ไหนๆ ร้านก็มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแล้ว แอดเลยสั่ง “Iced Premium Matcha Kagoshima” ราคา 110 บาท เป็นมัทฉะแท้ 100% นำเข้าจากเมืองคาโกชิม่า ประเทศญี่ปุ่น รสชาติชาเขียวเข้มข้น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ร้านเมล็ด คาเฟ่ที่ตั้ง ศูนย์การค้า โอ พี การ์เด้น ปากซอยเจริญกรุง 36 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.โทร 094 264 9289, 084 692 4595

ร้านอร่อย…สามย่าน-สี่พระยา อ่านเพิ่มเติม

ไหว้พระเสริมสิริมงคล ต้อนรับวันตรุษจีน

ไหว้พระเสริมสิริมงคล ต้อนรับวันตรุษจีน ปีนักษัตรที่ชงในปี 2563 มีดังนี้ – ปีชง ได้แก่ ปีนักษัตร มะเมีย– ปีชงร่วม ได้แก่ ปีนักษัตร ชวด ระกา และเถาะ.ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์จีนแบ่งประเภทของปีชงออกเป็น 4 ประเภทดังนี้ – ปีชง คือ ปีที่ได้รับผลเสียมากที่สุด หรือที่เรียกกันว่าชงโดยตรง (ปีมะเมีย) – ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้นๆ (ปีชวด) – ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม (ปีเถาะ) – ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ (ปีระกา) สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เกิดในปีชง ก็สามารถไปไหว้ขอพรกับเทพเจ้าได้เช่นกัน ถือเป็นการเสริมดวงของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น วิธีแก้ปีชงมีหลายวิธี เช่น – ไหว้เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปี และสามารถบรรเทาเคราะห์กรรมให้เบาบางลงได้ – ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ ปล่อยนกปล่อยปลา ช่วยเหลือผู้ป่วย บริจาคโลหิต หรือทำบุญโลงศพ – ไหว้พระ 9 วัด เสริมสิริมงคลให้ชีวิต วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) สร้างเมื่อ พ.ศ.2414 สมัยรัชกาลที่ 5 ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเทพเจ้ารวม 58 องค์ เทพเจ้าที่ผู้คนนิยมมาขอพรได้แก่ เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา “ไท่ส่วยเอี๊ย” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “ไฉ่ซิงเอี๊ย” เทพเจ้าเห้งเจีย หรือ “ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว” และพระเมตไตรยโพธิสัตว์หรือ “ปู๊กุ่ยฮุกโจ้ว” เป็นต้น.วิธีฝากดวงชะตากับเทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ยที่วัดเล่งเน่ยยี่ – เตรียมของไหว้ (ได้แก่ ส้ม น้ำมันสำหรับเติมตะเกียง กระดาษหงิ่งเตี๋ย (กระดาษเงินกระดาษทอง) และซองบรรจุกระดาษดวงชะตา) สามารถซื้อที่วัดได้เลย – เขียนชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิด ลงในใบฝากดวงสีแดง – นำชุดฝากดวงปีชง พร้อมธูป 3 ดอก ไปไหว้อธิษฐานต่อองค์เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย – นำชุดฝากดวงปีชงปัดออกจากตัวเอง 12 ครั้ง เป็นการปัดรังควาญ หากปีไหนมีเดือนตามปฏิทินจันทรคติจีน 13 เดือน ก็ต้องปัด 13 ครั้ง (สังเกตง่ายๆ ว่ากระดาษที่ได้มาปัด มีกี่คู่ ให้ปัดตามจำนวนนั้น) – หลังจากปัดตัวเสร็จแล้ว อย่านำชุดฝากดวงไปเผา แต่ให้วางไว้หน้าองค์เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย เพื่อฝากดวงชะตาให้ท่านคุ้มครอง ซึ่งทางวัดจะสวดมนต์ให้ตลอดทั้งปี.ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 022 223 975, 022 266 533 วัดบำเพ็ญจีนพรต (วัดย่งฮกยี่) เป็นวัดจีนแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2338 และได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ.2430 ภายในวัดนอกจากจะประดิษฐานพระพุทธเจ้า 3 พระองค์เป็นพระประธานแล้ว ยังมีพระสังกัจจายน์ พระเมตไตรยโพธิสัตว์ พระสกันทะโพธิสัตว์ เทพกวนอู และพระอรหันต์ 18 องค์ ที่ทำจากผ้าป่านลงรักปิดทอง เป็นต้น.วิธีฝากดวงชะตากับเทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ยที่วัดบำเพ็ญจีนพรต – เขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิดลงในใบฝากดวง – จุดธูป 3 ดอกบูชาเทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย และกล่าวคำอธิษฐานตามที่เขียนไว้ในใบฝากดวง – นำใบฝากดวงและกระดาษเงินกระดาษทองทั้งชุดปัดจากศีรษะลงมา 13 ครั้ง เป็นการปัดรังควาญ – นำใบฝากดวงไปใส่ไว้ในกล่องฝากดวง.ที่ตั้ง ถนนเยาวราช ซอย 8 (ตรอกเต๊า) แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 022 224 789 วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) วัดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 9 ตามแบบสถาปัตยกรรมจีนในยุคราชวงศ์หมิง-ชิง โดยจำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง ภายในประกอบด้วย วิหารพระอวโลกิเตศวร พระกวนอิมโพธิสัตว์ วิหารหมื่นพุทธเจ้า วิหารบูรพาจารย์ ห้องปฏิบัติธรรม ที่พำนักสงฆ์ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม.วิธีฝากดวงชะตากับเทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ยที่วัดเล่งเน่ยยี่ 2 – เตรียมของไหว้ (ได้แก่ ส้ม น้ำมันสำหรับเติมตะเกียง กระดาษหงิ่งเตี๋ย (กระดาษเงินกระดาษทอง) และซองบรรจุกระดาษดวงชะตา) สามารถซื้อที่วัดได้เลย – เขียนชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิด ลงในใบฝากดวงสีแดง – นำชุดฝากดวงปีชง พร้อมธูป 3 ดอก ไปไหว้อธิษฐานต่อองค์เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย – นำชุดฝากดวงปีชงปัดออกจากตัวเอง 12 ครั้ง เป็นการปัดรังควาญ หากปีไหนมีเดือนตามปฏิทินจันทรคติจีน 13 เดือน ก็ต้องปัด 13 ครั้ง (สังเกตง่ายๆ ว่ากระดาษที่ได้มาปัด มีกี่คู่ ให้ปัดตามจำนวนนั้น) – หลังจากปัดตัวเสร็จแล้ว อย่านำชุดฝากดวงไปเผา แต่ให้วางไว้หน้าองค์เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย เพื่อฝากดวงชะตาให้ท่านคุ้มครอง ซึ่งทางวัดจะสวดมนต์ให้ตลอดทั้งปี.ที่ตั้ง 75 ถนนเทศบาลสาย 9 ตำบลโสนลอย

ไหว้พระเสริมสิริมงคล ต้อนรับวันตรุษจีน อ่านเพิ่มเติม

ร้านอร่อย…เจริญนคร

กลับมาอีกครั้งกับการตามหาร้านอร่อยในกรุงเทพฯ ครั้งนี้แอดจะพาทุกคนไปตามล่าความอร่อยกันถึงฝั่งธนบุรี แถวถนนเจริญนครและท่าเรือคลองสาน ซึ่งเป็นย่านที่มีของอร่อยเยอะแยะมากมาย ไม่แพ้ย่านอื่นๆ ในกรุงเทพฯ เลย ร้านก๋วยเตี๋ยวห้าใบเถา เรามาเริ่มกันที่ร้านแรก ขึ้นชื่อตำนานความอร่อยกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้าใบเถา ที่เปิดมานานกว่า 40 ปี ที่มาของชื่อร้านมาจาก 5 สาวพี่น้องที่ได้รับมรดกจากรุ่นสู่รุ่น จุดเด่นของร้านอยู่ที่หมูกรอบแสนอร่อย ที่มีสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ทำให้หมูกรอบอร่อยไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ เนื้อไม่แข็ง หนังกรอบ แถมไม่อมน้ำมันอีกด้วย  เมนูมีหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็น เกาเหลาเลือดหมู กวยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวแห้ง หมูกรอบ และลูกชิ้น เสียดายที่แอดไม่มีภาพหมูกรอบเน้นๆ มาให้ชมกัน เพราะหมูกรอบร้านนี้หมดไวมาก ใครอยากกินต้องรีบไปกันแต่เช้าเลยนะ  อีกอย่างหนึ่งที่มาแล้วต้องห้ามพลาดก็คือ ลูกชิ้นหมูล้วน ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน แอดบอกเลยว่าต้องสั่ง!! ที่ตั้ง ซอยเจริญนคร 20 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 05.30-14.30 น. (ปิดวันจันทร์)โทร 085 353 559 ร้านตี๋อ้วน ป.ปลา ร้านเก่าแก่ของย่านเจริญนคร เปิดขายมานานกว่า 20 ปี เดิมขายน้ำเต้าหู้ เต้าฮวย บัวลอยน้ำขิง และขนมปังสังขยา แต่ปัจจุบันมีเมนูใหม่ๆ มาเพิ่ม เช่น เกี๊ยวซ่า ขนมจีนหม่าล่า และก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เป็นต้น มาทานร้านนี้ต้องห้ามพลาดเมนูเกี๊ยวซ่าไส้รวม 4 สี 4 รส คือ ไส้หมู ไส้ไก่ ไส้ไก่ชีส และไส้กุ้ง ตัวแป้งใช้สีจากธรรมชาติ โดยสีเขียวทำมาจากชาเขียว สีดำทำมาจากชาร์โคล และสีเหลืองทำมาจากขมิ้น แป้งเกี๊ยวบางนุ่ม ไส้แน่น หอมเครื่องเทศ อย่าลืมเพิ่มความอร่อยด้วยการจิ้มน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่ว และน้ำจิ้มเผ็ดสไตล์ยูนนานนะ ใครชอบทานพริกหม่าล่า ต้องลองเมนูนี้ “ขนมจีนหม่าล่า” เป็นก๋วยเตี๋ยวสไตล์จีนยูนนาน น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม ทีเด็ดอยู่ที่พริกหม่าล่าที่เผ็ดร้อน จนถึงกับต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว อ๊ะ อ๊ะ!! อย่าลืมชิมบัวลอยงาดำน้ำขิง เมนูดั้งเดิมของร้านด้วยนะคะ ไส้งาดำลาวารสชาติกลมกล่อม หวานกำลังดี ส่วนน้ำขิงก็เข้มข้น หวานน้อย ทานแล้วโล่งคอมากๆ ใครเป็นหวัดทานแล้วต้องหายแน่ๆ ที่ตั้ง ซอยเจริญนคร 17 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น.โทร 086 544 7778, 02 860 3861 ร้านเฮงหอยทอดชาวเล “ออลั่วะหอยนางรม” เมนูชื่อแปลกที่ทางร้านแนะนำว่าต้องลอง!! “ออลั่วะ” คือ ออส่วนหอยนางรมผสมกับแป้งทอด มีแป้งกรอบสูตรของทางร้านโรยอยู่รอบๆ ในจานมีทั้งกรอบทั้งนิ่ม เข้ากันได้ดีมากๆ ยิ่งราดซอสพริกด้วยนะ บอกเลยว่าฟินสุดๆ ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท อีกเมนูที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหวก็คือ หอยเชลล์ทรงเครื่องอบเนย บอกเลยว่าน้ำจิ้มเด็ดมาก หอยเชลล์พอดีคำ อบเนยหอมๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ฟินสุดๆ  เฮงหอยทอดชาวเลมี 3 สาขา ได้แก่สาขาเจริญนคร ซอย 17-19สาขาโชคชัย 4 ซอย 4-6สาขา The Market Bangkok ชั้น 3  ที่ตั้ง ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.30-22.30 น.โทร 091 806 4901, 091 505 0317 ร้านพรเจริญ ไอศกรีมไข่แข็ง ร้านไอศกรีมไข่แข็งกะทิสดที่ใครได้ลองแล้วต้องติดใจ เป็นอีกร้านที่ขายดิบขายดี เพื่อนๆ ต้องห้ามพลาดเลยนะ ไอศกรีมกะทิสดเป็นสูตรแบบดั้งเดิม ใส่เครื่องได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ลูกชิด มัน วุ้นมะพร้าว โรยด้วยถั่วลิสง รสชาติหวานมัน หอมกะทิ ทานแล้วชื่นใจ คลายร้อนได้ดีทีเดียว ทีเด็ดของร้านนี้คงหนีไม่พ้นไข่แข็ง แต่เขาไม่ได้นำไข่ไปคลุกในไอศกรีมเลยหรอกนะคะ เขาจะตอกไข่แล้วราดไปรอบๆ ถังไอศกรีมแล้วรอให้ไข่แข็ง จากนั้นก็จะตักออกมาเป็นก้อนๆ แบบในรูป แล้วโปะลงบนไอศกรีม เท่านี้เราก็จะได้ทานไข่แข็งแบบเต็มๆ คำแล้ว ที่ตั้ง ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.โทร 02 860 3183, 086 396 6681 ร้านบัวลอยไข่เค็ม-ไข่หวาน ท่าน้ำคลองสาน บัวลอยเจ้าดังย่านคลองสานที่ต้องห้ามพลาด ความโดดเด่นของร้านนี้ก็คือ มีบัวลอยที่ใส่ทั้งไข่หวานและไข่เค็ม โดยร้านนี้เป็นเจ้าแรกที่ใส่ไข่เค็ม เปิดขายมานานกว่า 20 ปีแล้ว สีที่ใช้ผสมแป้งบัวลอยเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ฟักทอง ใบเตย อัญชัน เผือก บีทรูท และแครอท โดยจะนวดแป้งและปั้นบัวลอยด้วยมือ รับรองว่าสดใหม่ทุกวันเลยจ้า ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท ที่ตั้ง ตลาดคลองสานพลาซ่า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ (ท่าน้ำคลองสาน)เปิดทุกวัน เวลา 13.00-19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์ อาทิตย์เว้นอาทิตย์)โทร 081 697 5971

ร้านอร่อย…เจริญนคร อ่านเพิ่มเติม

เจ๊เอ็ง หมูสะเต๊ะ ตำนานความอร่อยย่านเยาวราช

ร้านสะเต๊ะเจ้าเด็ดย่านเยาวราชเจ้านี้ เป็นร้านรถเข็นริมทาง คนเยอะทุกวัน ยิ่งช่วงเย็นๆ หลังเลิกงาน ต้องต่อแถวรอเลยแหละ ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมูสะเต๊ะ แต่นอกจากหมูสะเต๊ะแล้ว ก็มีกุ้ง ไก่ ตับ ไส้ และเนื้อสะเต๊ะขายด้วยนะ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสะเต๊ะ ทางร้านใช้เนื้อหมูส่วนที่มีมันแทรก เพื่อทำให้เนื้อหมูไม่แห้งจนเกินไป จากนั้นนำเนื้อหมูไปหมักกับผงขมิ้นและเครื่องเทศอีกหลายชนิด  ระหว่างปิ้งเนื้อหมู ก็ทาน้ำกะทิลงไปให้ทั่ว เพื่อเพิ่มความหอมและเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น  ถึงตอนนี้แอดบอกเลยว่า ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ อยากทานแล้ว มาแล้ว หมูสะเต๊ะที่เรารอคอย เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มรสเข้มข้น และอาจาด หลังจากทานแล้ว แอดไม่มีอะไรจะพูด นอกจากคำว่า อร่อยเว่อร์ เนื้อหมูนุ่ม ไม่แห้ง หอมกลิ่นเครื่องเทศที่ใช้หมัก ส่วนน้ำจิ้มก็ข้นกำลังดี รสชาติกลมกล่อม ยิ่งทานคู่กับขนมปังปิ้ง ยิ่งฟิน อื้มมมม จิ้มน้ำจิ้มแบบเต็มเหนี่ยว ฟินสุดๆ ไปเลย ราคา หมูสะเต๊ะ ไม้ละ 7 บาท ขนมปังปิ้ง แผ่นละ 5 บาท ยิ่งดูรูปยิ่งหิว แอดขอตัวไปกินหมูสะเต๊ะก่อนนะ เจ๊เอ็ง หมูสะเต๊ะที่ตั้ง : หน้าศาลเจ้ากวางตุ้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 15.00-22.00 น.

เจ๊เอ็ง หมูสะเต๊ะ ตำนานความอร่อยย่านเยาวราช อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top