เพื่อนร่วมทาง

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨

คนชอบรับประทานขนมหวานน่าจะรู้จักสาคูเป็นอย่างดี เพราะนำมาใช้ทำของว่างและขนมหวานหลายชนิด แต่ทราบไหมว่า เม็ดสาคูนั้นมี 2 ชนิด คือเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งมันสำปะหลัง” และเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งสาคูต้น” วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักสาคูทั้งสองประเภทนี้ว่าแตกต่างกันยังไง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง หาซื้อได้ง่าย มีวางขายตามตลาดทั่วไป ปกติเรานำมาทำขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็น ตะโก้สาคู สาคูไส้หมู สาคูเปียกน้ำกะทิ เม็ดสาคูชนิดนี้เมื่อต้มสุกแล้วจะใส ไร้กลิ่นและรส หากทิ้งให้เย็นจะจับตัวเป็นก้อนเหนียวติดมือ เป็นลักษณะของ ‘แป้งมัน’ ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งสาคูต้น เม็ดสาคูแบบนี้เรียกว่า สาคูแท้ เป็นผลผลิตจาก “ต้นปาล์มสาคู” พืชท้องถิ่นของภาคใต้ โดยพื้นที่ที่พบและปลูกมากอยู่ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ลำต้นมีเปลือกหนา ภายในประกอบด้วยเส้นใยและเเป้งเป็นจำนวนมาก สาคูแท้ถือเป็นของพิเศษ หารับประทานยาก เพราะการผลิตต้องอาศัยความชำนาญ การจะล้มต้นสาคูเพื่อขูดเอาเนื้อปาล์มได้ ต้นสาคูต้องมีอายุราว 8 ปี กรรมวิธีการผลิตคือหลังจากการโค่นต้นสาคูแล้ว จะนำมาเลื่อยให้เป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 เมตร แล้วจึงผ่าลำต้น ขูดเอาเนื้อภายใน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดด้วยวิธีการต่างๆ แล้วนำไปแช่น้ำจนนิ่ม นำมาคั้นน้ำและกรองเอาเนื้อแป้งมาตาก หรืออบจนแห้งสนิท สาคูแท้นั้นมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้แห้ง เนื้อนุ่มหนึบหนับ ชาวพัทลุงนิยมนำไปประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นข้าวยำสาคู ข้าวต้มสาคู โจ๊กสาคู หรือขนมหวาน เช่น สาคูเปียกกะทิ สาคูกวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกต้นปาล์มสาคูแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมากมาย เช่น อุทยานนกน้ำทะเลน้อย คลองปากประ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์เรียนรู้นาโปแก ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส แอดอยากชวนไปชิมสาคูและท่องเที่ยวกันสักครั้งค่ะ

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์ ✨

สำหรับเพื่อน ๆ ที่พาครอบครัวมาเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ แอดมีจุดหมายใหม่มานำเสนอ เหมาะมากสำหรับผู้มองหาความสงบทางใจแม้เพียงชั่วขณะ นั่นก็คือ “วัดธรรมยาน” วัดธรรมยาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการบูชาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง สมัยที่เป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถระ และเนื่องจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระอาจารย์ที่ให้ความรู้ทางธรรมมาตลอดจึงมีการนำคำว่า ธรรมยาน มาตั้งเป็นชื่อวัด ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่เปรียบเสมือนยานพาหนะ (เรือ) ในการนำพาให้เข้าถึงธรรมนั่นเอง วัดธรรมยานสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยมีสถาปนิกอาวุโสจากบริษัท เอสซีจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและควบคุมการสร้าง บรรยากาศในวัดร่มรื่น รอบด้านมองเห็นวิวสีเขียว สบายตา อุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยสีขาวสวยงาม ภายในอุโบสถนอกจากจะมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานซ้อนกันอยู่ 2 องค์แล้ว ยังมีรูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย ภายในตกแต่งด้วยลายไม้เรียบ ๆ ไม่เน้นภาพจิตรกรรมและการประดับกระจกตกแต่งสีสันสดใสเหมือนหลาย ๆ วัด ใครไปก็ต่างชอบในความงามเรียบ ๆ แบบนี้ บริเวณสระน้ำด้านหน้าอุโบสถ มีประติมากรรมพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตนอยู่คู่กัน คือ พญาศรีสุธนและพญาศรีสุนันท์ เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและสักการะขอพร เชื่อว่าหากเดินผ่านละอองน้ำจะมีโชคลาภและอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ภายนอกพระอุโบสถมีระเบียงคด ซึ่งประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ตลอดจนรูปหล่อพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกยาวตลอดแนวกำแพง สามารถเดินชมความงามพร้อมสักการะ หรือเดินทำสมาธิได้ บริเวณโดยรอบ มีทั้งรูปเคารพขององค์เทพ และพระพุทธรูป สามารถขอพรได้ตามความศรัทธา หรือเพื่อน ๆ จะเดินเล่นรอบวัดเพื่อชมความงามของสถานที่และสัมผัสความร่มรื่นของต้นไม้ต่าง ๆ ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อย จากแนวคิดในการสร้างวัดที่สร้างขึ้นเพื่อขัดเกลาจิตใจตนเอง และเพื่อให้ผู้ใฝ่ความสงบหาทางพ้นทุกข์มาพบกัน ที่นี่จึงมีสถานที่สำหรับรองรับผู้ปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจมาปฏิบัติ แต่ต้องรอสถานการณ์โควิดดีขึ้นก่อนนะ ถึงจะไปปฏิบัติธรรมแบบค้างคืนได้  : 400 หมู่ 8 บ้านห้วยน้ำบ่อ ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67220  : เปิดให้เข้าชม : 06.30-18.00 น.  : 06 4632 0233

✨ วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

ม่วนซื่น…อุดรธานี

ฮัลโหลลล แฟนเพจทุกคน แอดมีข่าวดีมาบอก ในปี พ.ศ. 2569 นี้ จังหวัดอุดรธานีถูกเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกค่ะ ใครที่ยังไม่ค่อยรู้จักจังหวัดอุดรธานี เริ่มได้เลยจะว่าไปแล้ว อุดรธานีนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมถึงอาหารอร่อย ๆวันนี้แอดเลยมีเส้นทางท่องเที่ยวมาให้อ่านกันเพลิน ๆ จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย วันที่ 1 สัมผัสผ้าทอโบราณ ย้อมสีจากดอกบัวธรรมชาติ ณ ชุมชนบ้านโนนกอก ชมเรื่องราวความเป็นมาของอุดรธานี ณ พิพิธภัณฑ์อุดรธานี ชมบรรยากาศยามเย็นที่ หนองประจักษ์ วันที่ 2 ชมก้อนหินรูป เรือสำเภาและสักการะพญานาคสีทองที่ วัดภูตะเภาทอง อร่อยกับอาหารหลากวัฒนธรรมที่ร้าน มาดามพาเท่ห์ ชุมชนบ้านโนนกอก บ้านโนนกอก กลุ่มทอผ้าโบราณที่เรากำลังจะไปเยี่ยมชมในวันนี้ เดิมนั้นก็มีอาชีพทอผ้ากันอยู่แล้ว แต่ได้ต่อยอดด้วยการนำวัตถุดิบธรรมชาติที่มีมากในท้องถิ่นคือดอกบัวมาใช้เป็นสีย้อมจนประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ เรายังจะได้ชมการทอผ้าทอลายขิดที่มีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดอุดรธานีอีกด้วย ซึ่งกรรมวิธีการทอก็จะเป็นแบบดั้งเดิมคือการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณ โดยไม่ใช้เครื่องจักร ส่วนกิจกรรมในชุมชนก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะเราจะได้ทำผ้ามัดย้อม ออกแบบลวดลายกันได้เองเลยนะ โดยจะใช้สีย้อมจากดอกบัวและดาวเรืองนั่นเองค่ะ อย่างที่กล่าวไป เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำดอกบัวแดงที่ขึ้นเยอะในพื้นที่มาใช้เป็นวัตถุดิบย้อมสี ย้อมเส้นฝ้าย และเส้นไหม ซึ่งแต่ละส่วนของดอกบัวก็จะให้สีที่แตกต่างกัน ส่วนดอกบัวตากแห้งจะให้สีน้ำตาลทอง สายบัวให้สีเทาเงิน กลีบบัวให้สีชมพู เพื่อทำให้ได้สีหลากหลาย จึงมีการนำส่วนผสมอื่น ๆ เข้าใช้ร่วม เช่น หากใช้น้ำปูนกับน้ำมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า เป็นต้น แต่ที่นิยมมากในตอนนี้ก็คือนำมาหมักโคลน นอกจากนำดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อมแล้ว ที่นี่ยังใช้ดอกดาวเรืองตากแห้งอีกด้วย ซึ่งสีที่ได้คือสีเหลือง ใครอยากได้ผ้าสวย ๆ ก็สามารถเลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  โทร. 06 1942 8808 https://goo.gl/maps/iVM5tbY3rh4g8Lfs5 พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องห้ามพลาดนั่นคือ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อาคารสีเหลืองสวยงามเห็นมาแต่ไกล สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมใช้เป็นโรงเรียนสตรี ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นสถานที่ทำการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในการบูรณะใหญ่ครั้งล่าสุดนั้น ได้มีการเปิดผิวปูนอาคารบางส่วน และทิ้งไว้ให้ประชาชนได้เห็นรายละเอียดภายในเพื่อเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา อาคารพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวของอุดรธานี ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาถึงการกำเนิดเมือง และเรื่องราวของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พ่อเมืองคนแรก จนถึงยุคสงครามเย็นที่สหรัฐฯเคยใช้อุดรธานีเป็นฐานทัพ นอกจากนี้ยังมีห้องที่รวบรวมเรื่องราวของบุคคลสำคัญในจังหวัดอีกด้วย  ถนนโพศรี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์)  โทร. 0 4224 5976 https://goo.gl/maps/bWzJBZKgqvpjEUuh6 หลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรกันแล้ว ขอแนะนำให้ไปเดินเล่นรับลมชิลล์ ๆ กันที่หนองประจักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ยามเย็นจะเห็นผู้คนมาออกกำลังกาย เดินเล่นชมบรรยากาศกันเยอะเลยล่ะ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง มีหลายมุมให้เราได้ถ่ายรูปสวย ๆ รวมถึงไฮไลท์ที่ไม่ว่าใครได้มาหนองประจักษ์ก็ต้องเจอ น้องเป็ดเหลืองริมบึงน้ำนั่นเอง  5-7 ถนนเทศา ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/BL6vNihT28qs2z5M9 วัดภูตะเภาทอง วัดภูตะเภาทองเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน พื้นที่โดยรอบของวัดส่วนใหญ่เป็นลานหิน และก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่า 30 ลูก แต่ไฮไลท์คือ หินก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “เรือสำเภา” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ชาวบ้านเชื่อกันว่า ถ้าหากได้มาลอดใต้ท้องหินจะเป็นสิริมงคล เจริญในหน้าที่การงาน ประสบโชคดี หากสังเกตดี ๆ จะเห็น “รอยฝ่ามือแดง” ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ สำหรับรอยฝ่ามือแดงนี้ ทางกรมศิลปากรได้เข้าไปตรวจสอบและมีผลยืนยันแล้วว่ามีอายุประมาณ 2,500 ปี โดยมีอายุใกล้เคียงกับผาแต้มที่จังหวัดอุบลราชธานีทีเดียว จุดเด่นอีกจุดของที่นี่คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสได้สร้างขึ้นตามนิมิต มีประชาชนไปสักการะเพื่อสิริมงคลกันไม่ขาดสาย แอดบอกเลยว่าสายบุญไม่ควรพลาดค่ะ ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/ZgZLBkhoyg9sAHWE9 มาดามพาเท่ห์2515 เติมพลังกันที่ร้านมาดามพาเท่ห์2515 เดิมร้านนี้ชื่อ คอฟฟี่ ปัตเต้ เป็นร้านกาแฟและขายอาหารเช้า ปัจจุบันได้ต่อยอดให้เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ สำหรับ 2515 ก็ยังมีความหมายอีกด้วย เพราะเป็นช่วงปีที่มีชาวลาว ชาวเวียดนาม รวมถึงชาวจีนทยอยย้ายถิ่นฐานเข้ามามาก จนเกิดวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย มาดามพาเท่ห์มี 2 สาขา สาขา 1 ถนนตำรวจ โทร. 0 4224 1991 สาขา 2 ถนนประจักษ์ศิลปาคม โทร. 0 4211 9669 เมนูในร้านส่วนใหญ่จึงเป็นเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานกันของอาหารไทย ลาว จีน เวียดนาม ฝรั่งเศส เลือกสั่งเลือกอร่อยกันได้เลยค่ะ

ม่วนซื่น…อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

ภูเก็ต ในย่านเก่าที่เรารัก

“ไม่ได้ชอบทะเล เป็นคนแพ้แดด แล้วก็ไม่อยากเปียกน้ำ ถามว่าจะไปเที่ยว ภูเก็ต ได้มั้ย ?” เราขอใช้ภาพของอาคารบ้านเรือนที่เรียงรายกันทั้งสองฟากฝั่งถนนหนทางในตัวเมืองแห่งนี้ แทนคำตอบ นอกจากมอบความสดชื่นให้กับผู้คนทั่วโลกผ่าน หาดทรายขาว ผืนน้ำสีคราม จังหวัดนี้ ยังจัดเต็มไปด้วยความงามจากสถาปัตยกรรมในสไตล์ “คนละครึ่ง” ซึ่งมีทั้งศิลปะลวดลายการตกแต่งอ่อนช้อยแบบจีนกับโครงสร้างอาคารอันแข็งแรงจากชาติตะวันตก ผสมผสานกันจนออกมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามที่เห็นในปัจจุบัน และกลายเป็นเส้นทางสำคัญของนักเดินเล่นแต่จริงจังเป็นอย่างยิ่งกับการถ่ายภาพเพื่ออัพลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ ได้ เหล่าอาคารเก่าแก่ที่บางหลังตอนนี้อาจจะมีสีสันสดใสเพราะมีการทาสีใหม่แต่ยังแฝงไปด้วยความคลาสสิคยืนตั้งตระหง่านอยู่ตลอดสองฝั่งถนน บ้างก็เป็นตึกยาวสูง 2 ถึง 3 ชั้น มีซุ้มประตูโค้งสวย บ้างก็ถูกดัดแปลงกลายเป็นร้านหนังสือสุดแนว ร้านขนมน่ารัก ๆ หรือจะเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่แบบไม่ต้องไปเข้าวัดเข้าวาที่เขาเรียกว่า Graffiti รับรองว่าทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสีสันกับจำนวนภาพถ่ายให้กับการเดินเล่นในย่านเมืองเก่าแห่งนี้เป็นอย่างดี และตรงนี้คุณก็จะมีคำตอบ เวลาคนถามว่า “ไม่ได้ชอบทะเล เป็นคนแพ้แดด แล้วก็ไม่อยากเปียกน้ำ ถามว่าจะไปเที่ยว ภูเก็ต ได้มั้ย ?

ภูเก็ต ในย่านเก่าที่เรารัก อ่านเพิ่มเติม

#สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅

สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅 มหัศจรรย์ธรรมชาติ จ.อุบลราชธานี 🌊 อันซีนแก่งหินขนาดใหญ่ ถ่ายรูปปัง 100% 📷✨ สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี #แกรนด์แคนยอนเมืองอีสาน ความสวยงามของแก่งหินขนาดใหญ่กลางลำน้ำโขงที่ถูกกัดเซาะกลายเป็นแอ่งและหลุมขนาดต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงขนาดใหญ่ มองดูแล้วอัศจรรย์มาก ๆ ซึ่งคำว่า “โบก” หมายถึง “แอ่ง” หรือ “บ่อน้ำลึก” และบริเวณนี้มีมากกว่าสามพันแอ่งจึงเรียกกันว่าสามพันโบกนั่นเอง 🌀 จากจำนวนแอ่งหินมากมายทั้งแบบเว้า โค้ง หม้อกลม โพรงถ้ำ หรือเส้นเชื่อมกัน บางแอ่งได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต มุมสุดชิคไว้อัพอวดโซเชียล เช่น หลุมรูปมิกกี้เม้าส์ รูปหัวใจ โขดหินรูปหัวสุนัข ฯลฯ ซึ่งสามารถเข้าชมได้ช่วงฤดูแล้งของปีเท่านั้น คือประมาณเดือนธันวาคม – เดือนพฤษภาคม เพราะในฤดูน้ำหลาก น้ำจะท่วมแก่งหินตรงนี้ จึงไม่สามารถเข้าชมได้นั่นเอง 🍂💦 🗺 พิกัด : สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี 34340🌤 แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เพราะบริเวณสามพันโบกไม่มีที่หลบแดด จึงทำให้ช่วงเที่ยงร้อนมาก!

#สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅 อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้อควรระวังก่อนนวดแผนไทย ✨

การนวด ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะรู้สึกดีขึ้นจนทำให้หลาย ๆ คนติดใจและบอกต่อ ๆ กัน แต่ในข้อดีก็มีข้อควรระวังอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดแผนไทย หลายคนอาจนึกไม่ถึง วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำข้อควรระวังก่อนการนวด เพื่อให้คนที่กำลังจะไปนวดได้รีเช็คอาการกันก่อน 1. บาดเจ็บจากเล่นกีฬา หากมีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เช่น แผลฟกช้ำ กล้ามเนื้ออักเสบ เอ็นอักเสบ ฯลฯ ควรรอให้หายดีก่อนประมาณ 1-2 อาทิตย์จึงค่อยไปนวด เพราะการนวดในขณะที่ยังไม่พร้อมอาจเพิ่มอาการบาดเจ็บใหม่ได้ 2. ผู้ป่วยกระดูกหัก หากเคยประสบอุบัติเหตุ มีประวัติกระดูกแตกหัก ร้าว เคลื่อน ฯลฯ ไม่ควรนวดแผนไทย เพราะเมื่อประสบอุบัติเหตุ ร่างกายจะสร้างลิ่มเลือดขึ้นเพื่อห้ามเลือดในเนื้อเยื่อที่ฉีกขาดหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการนวดแผนไทยอาจจะทำให้ลิ่มเลือดหลุดออกมาในกระแสเลือด และเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง อาจเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ รวมถึงผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง หรือมีสภาวะข้อต่อหลวม ควรหลีกเลี่ยงการนวดแผนไทยเช่นกัน 3. ผู้มีโรคประจำตัวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไม่ควรไปนวด เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตจากการกดจุดหรือนวดตามเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้ เช่น โรคงูสวัด อีสุกอีใส วัณโรค ก็ไม่ควรไปนวดแผนไทย เพราะอาจเกิดการแพร่เชื้อหรืออาการหนักกว่าเดิม รวมถึงผู้ที่เพิ่งผ่าตัดมา และแผลยังปิดไม่สนิท เพราะการนวดอาจทำให้แผลปริแตก หรือเกิดการอักเสบขึ้น 4. สตรีมีครรภ์ สตรีมีประจำเดือน สุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์หรือช่วงมีประจำเดือน มักมีอาการปวดเมื่อย ทำให้หลายคนอยากไปนวด แต่การนวดแผนไทยที่ต้องใช้แรงหรือมีการกดจุด อาจกระทบกระเทือนต่อการตั้งครรภ์ได้ และการนวดที่ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ในช่วงมีประจำเดือนอาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติ หรืออาจทำให้เป็นไข้ทับระดูได้ 5. ผู้ที่มีปัญหากระดูกสันหลัง สำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง หรือเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่ควรไปนวดแผนไทย เพราะมีการกดจุดและดัดตัว อาจทำให้กระดูกสันหลังมีการเคลื่อนตัว เกิดความเจ็บปวดและอันตรายต่อกระดูกสันหลัง หากต้องการนวด แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะด้านจะดีกว่า ทั้งนี้ส่วนสำคัญของการนวดคือ ผู้เข้ารับบริการไม่ควรปกปิดประวัติความเจ็บป่วยต่อผู้ให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการนั่นเอง

✨ ข้อควรระวังก่อนนวดแผนไทย ✨ อ่านเพิ่มเติม

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️ 📌 ยกเลิกการแสดงผลตรวจ RT-PCR ที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง สำหรับการเข้าประเทศทุกมาตรการ 📌 ลดระยะเวลาพำนักในพื้นที่ Sandbox เหลือ 5 วัน (สำหรับมาตรการ Sandbox) 📌 ลดระยะเวลากักตัวของมาตรการ AQ เหลือ 5 วัน สำหรับทั้งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ และได้รับวัคซีนไม่ครบ / ไม่ได้รับวัคซีน 📌 มาตรการ Test and Go ตามเดิม ………………………………………………… ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ Source : https://www.facebook.com/ThaiConsular/posts/322529129973944

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️ อ่านเพิ่มเติม

เกาะขายหัวเราะ : ตราด🌊🌞

เกาะขายหัวเราะ…เพื่อน ๆ เคยได้ยินชื่อนี้กันไหมคะ หากใครเคยอ่านการ์ตูนขายหัวเราะ ต้องเคยเห็นแก๊กตลกที่มีฉากเป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเล มีต้นมะพร้าวยืนต้นเด่นอยู่หนึ่งต้นกันมาบ้าง แต่ใครเลยจะคิดว่าเกาะลักษณะที่ว่านี้มีให้เห็นจริง ๆ กลางท้องทะเลตราด ไปดูกันเลย เกาะขายหัวเราะ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเกาะกระดาดแห่งท้องทะเลตราด เดิมเกาะนี้ไม่มีชื่อ แต่ด้วยลักษณะของเกาะ ทำให้มีนักท่องเที่ยวตั้งฉายาให้ว่าเกาะขายหัวเราะ ต่อมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานตราด ร่วมกับขายหัวเราะ โปรโมทเกาะไร้ชื่อแห่งนี้ให้กลายเป็น “เกาะขายหัวเราะ” อย่างเป็นทางการ ทำให้หลาย ๆ คนอยากมาติดเกาะกันเป็นแถวเลยล่ะ โดยปกติแล้วเกาะขายหัวเราะมักจะถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของการไปเที่ยวเกาะหมากและเกาะกระดาด สามารถเดินทางแบบวันเดย์ทริปได้ โดยเริ่มต้นที่เกาะหมาก แล้วซื้อทริปเที่ยวเกาะขายหัวเราะจากที่พักบนเกาะหมากได้เลย ราคาประมาณ 700 บาทต่อคน (สอบถามราคาและช่วงเวลาโดยตรงกับที่พักได้เลย) ทริปจะเริ่มจาก นั่งเรือไปยังเกาะกระดาด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที แล้วต่อรถแทรกเตอร์เที่ยวดูกวางและสวนมะพร้าวบนเกาะเรื่อย ๆ ไปจนถึงท้ายเกาะ หากเป็นช่วงน้ำลง จะมีสันทรายปรากฏ นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามทะเลผ่านเกาะนกในและนกนอกไปถึงเกาะขายหัวเราะได้เลย แต่หากเป็นช่วงน้ำขึ้นจะใช้เรือไปส่ง ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวหมู่เกาะในท้องทะเลตราด จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคมสำหรับคนที่จะไป อย่าลืมเช็คระดับน้ำขึ้นน้ำลงกันให้ดี เกาะขายหัวเราะจะสวยสุดตอนระดับน้ำทะเลอยู่ที่ระดับ 1.7-2.1 เมตร ของระดับน้ำทะเลที่แหลมงอบ และอย่าลืมสวมใส่รองเท้าที่กระชับพร้อมลุยน้ำ โขดหิน และพื้นทรายมากันนะ เช็คระดับน้ำได้ที่นี่ https://bit.ly/3NaW6kF*** ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศในแต่ละวัน *** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259

เกาะขายหัวเราะ : ตราด🌊🌞 อ่านเพิ่มเติม

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากหัวหินถิ่นดังที่เราคุ้นหูกันอยู่แล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ ทั้งทะเล ป่าเขา วนอุทยานฯ หากเพื่อน ๆ ยังไม่เคยสำรวจที่อื่น ๆ นอกจากหัวหิน วันนี้แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวในระยะเวลาสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน มาฝากค่ะ  วันที่ 1 1. ชมทัศนียภาพประจวบฯ ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” 2. ส่องสัตว์ป่า ณ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” 3. ชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ “อ่างเก็บน้ำยางชุม”  วันที่ 2 4. รับแสงแรกของวัน ที่ “หาดปากน้ำปราณ” พร้อมถ่ายรูปชิค ๆ กับ “ต้นตาลสามต้น” 5. ชมป่าชายเลนและพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ณ “วนอุทยานปราณบุรี” 6. อิ่มอร่อย ที่ Eureka Beach Cafe  วันที่ 1 จุดชมวิวเขาแดง  จุดชมวิวเขาแดง ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของประจวบฯ อยู่ในเขตอุทยานสามร้อยยอด ขับรถจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” นี้สามารถมองเห็นได้ทั้งวิวเขาสามร้อยยอด ชายหาดสามพระยา และบ้านเรือนต่าง ๆ ที่บริเวณทางขึ้นจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามข้อมูลได้ จุดชมวิวเขาแดง เป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงชัน แนะนำให้เพื่อน ๆ ใส่รองเท้าที่กระชับและเดินสบาย ระยะทางเดินโดยรวมประมาณ 500 เมตร โดยจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เมื่อเดินมาถึงด้านบนสุด เราจะได้เห็นวิวสวย ๆ แบบพานอรามากันเลย หามุมเหมาะ ๆ แล้วถ่ายรูปมาอวดกันได้เลยจ้า แต่ต้องระมัดระวังกันด้วย ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย  หากใครมีโอกาสมาที่นี้ในตอนเช้าตรู่ สามารถมารอชมได้ แต่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อน เนื่องจากในเวลาปกติจะเปิด 08.00 น. เป็นต้นไป  ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.30 น.  032 821 568 (อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด) https://goo.gl/maps/HPB8RisMsBkPBPJ76 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” แอดจะพาไปแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางกันก่อน แถว ๆ สถานีรถไฟกุยบุรี หรือตลาดสดกุยบุรี มีร้านอาหารให้เลือกเยอะเลย อิ่มแล้วก็ไปชมธรรมชาติในป่าใหญ่กัน อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 อำเภอด้วยกัน สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ามากมาย สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและระบบนิเวศน์  ไฮไลต์ของที่นี่คือการมาส่องสัตว์ ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่สัตว์ป่าเริ่มออกมาหากิน แนะนำให้มาถึงที่นี่ไม่เกิน 14.00 น. เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวเข้าพื้นที่ และใช้เวลาเดินทางไปยังจุดชมประมาณ 30 นาที  สัตว์ป่าที่มีมากของที่นี่ได้แก่ ช้างป่า กระทิง แต่หากจังหวะดี เพื่อน ๆ อาจจะได้ชมสัตว์ป่าอื่น ๆ อีก เช่น วัวแดง นกเงือก และสุนัขจิ้งจอก  ในการเที่ยวชม สามารถใช้บริการรถนำชมของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ  โดยกิจกรรมชมสัตว์ป่า จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมาก และกระจายออกหากินทั่วพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้นอกจากนี้ ยังมีข้อปฏิบัติอื่น ๆ อีก เช่น หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทางจะต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้ช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ห้ามเปิดแฟลช ไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า  ค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท (ชาวต่างชาติ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท)  ค่าบริการรถโฟร์วีลรวมไกด์นำชม 850 บาท/คัน นั่งได้ 7-8 คน  บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  081 776 2410, 032 510 453 https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 อ่างเก็บน้ำยางชุม  ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาก นั่นคือ “อ่างเก็บน้ำยางชุม” โครงการในพระราชดำริ ที่สร้างขึ้นเป็นแหล่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่ากุยบุรี ตลอดจนส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ แอดมาถึงช่วงเย็น ๆ ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย ไม่เพียงแค่ชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่สำหรับนักดูดาวก็สามารถมารอเก็บภาพดาวบนท้องฟ้ายามราตรีกันได้นะ  ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/briq7qHqeSgkEU1c8  วันที่ 2 หาดปากน้ำปราณ – ต้นตาล 3 ต้น  เช้าวันที่ 2 แอดจะพาไปชมแสงแรกของวันกันที่ริมหาดปากน้ำปราณ ชายหาดแห่งนี้มีทั้งพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย รวมทั้งเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของชาวปากน้ำปราณอีกด้วย หากมาในช่วงเย็น อีกฝั่งถนนจะมีสตรีทฟู้ดตั้งร้านเรียงราย มีอาหารอร่อยมากมายให้เราเลือกซื้อ ไฮไลต์ที่ใครมาก็จะต้องมาเช็คอิน และถ่ายรูปคู่กับ “ต้นตาล 3 ต้น” ที่เอียงตัวโน้มเข้าหาทะเล   ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/2JWAawzyfiV1xbFd7 วนอุทยานปราณบุรี  จุดต่อไป เราจะไปที่ “วนอุทยานปราณบุรี” พื้นที่ป่าโกงกางขนาดใหญ่

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨

เข้าหน้าร้อนแบบนี้ มีใครคิดแบบแอดบ้าง ที่นึกอยากจะกินข้าวแช่ขึ้นมาทุกครั้งไป ในฐานะคนชอบกินข้าวแช่ เลยอยากจะนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับข้าวแช่ พร้อมแนะนำพิกัดร้านข้าวแช่แสนอร่อยมาฝากกัน ข้าวแช่แต่เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ ในอดีตการหุงข้าวแช่เป็นพิธีกรรมในการบูชาเทวดาอย่างหนึ่ง นิยมทำในวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ชาวมอญ เป็นโอกาสที่ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกล ได้กลับมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อทำข้าวแช่ไปทำบุญและตั้งศาลของบ้านขึ้นมาเพื่อเซ่นไหว้เทวดา และถือโอกาสนำข้าวแช่ไปให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและกราบไหว้ขอพร การทำข้าวแช่แบบมอญนั้น มีพิธีและขั้นตอนการทำมากมาย เริ่มตั้งแต่คัดข้าวสารเม็ดสวย มาซาวน้ำ 7 ครั้ง ให้สะอาด หุงโดยตั้งเตาไฟบนลานโล่ง ส่วนน้ำที่จะกินร่วมกับข้าวแช่ ต้องเป็นน้ำสะอาดต้มสุก เทลงหม้อดินเผาใบใหญ่ อบควันเทียนและดอกไม้หอม เช่น มะลิ กุหลาบมอญ กระดังงา ทิ้งไว้หนึ่งคืน เครื่องเคียงข้าวแช่หลัก ๆ มี 5 ชนิด ได้แก่ ปลาแห้งป่น เนื้อเค็มฉีกฝอย หัวไชโป๊เค็มผัดไข่ ไข่เค็ม และกระเทียมดอง ต่อมาข้าวแช่เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระนครคีรี ทรงโปรดปรานข้าวแช่สูตรเมืองเพชรเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีเครื่องเคียงเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดทำข้าวแช่ เป็นข้าวแช่เสวยขึ้นถวาย ซึ่งมีการปรับสูตรเครื่องเคียงเป็นลูกกะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน รวมถึงผักสดแกะสลัก ร้อนนี้ ลองแวะไปหาข้าวแช่รับประทานกัน แอดมีพิกัดแนะนำหลายแห่ง เช่น เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถือเป็นแหล่งรวมข้าวแช่ขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น ร้านข้าวแช่คุณแดง (เปิดขายช่วงสงกรานต์) ร้านข้าวแช่ป้าสุดจิตร สูตรชาววัง ร้านข้าวแช่ลุงแดง เป็นต้น จังหวัดเพชรบุรี มีร้านข้าวแช่ชื่อดังหลายร้าน เช่น ข้าวแช่ป้าเอื้อน ที่เปิดขายมานานกว่า 60 ปี อยู่ตรงข้ามสถานีกาชาดที่ 8 อำเภอเมือง ร้านข้าวแช่แม่เล็ก สะกิดใจ อำเภอท่ายาง ในบริเวนเกาะรัตนโกสินทร์ มีข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู ข้าวแช่บ้านวรรณโกวิท ถนนตะนาวนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยอีกหลายร้านในกรุงเทพฯที่มีเมนูข้าวแช่ขายในช่วงหน้าร้อน ดูพิกัดของร้านแล้ว ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งนั้น ไปร้านข้าวแช่อย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยแล้วล่ะ

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top