🌿🍀 เที่ยวธรรมชาติ ชิมอาหารถิ่น เช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์ @เพชรบูรณ์ 🍀🌿

เมื่อพูดถึงเพชรบูรณ์ ระยะหลังมานี้ หลายคนคงนึกถึงในฐานะที่เป็นจุดหมายในการไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งเต็มหุบเขา แต่จริง ๆ เพชรบูรณ์ไม่ได้มีแค่นี้ ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่แอดอยากมานำเสนอเพิ่มเติม ทั้งแนวชมธรรมชาติ แนวชิมอาหารอร่อย และแนวชื่นชอบประวัติศาสตร์ ลองตามมาอ่านดูกัน

  • ตารางเที่ยว
  • วันที่ 1
    • 1. เที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดสวย วิวดี มีมุมถ่ายรูปเยอะ
    • 2. ชิมขนมจีนหล่มเก่าเจ้าอร่อย ที่ร้านขนมจีนบุญมี
    • 3. ศึกษาเส้นทางธรรมชาติและสูดอากาศที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
  • วันที่ 2
    • 4. ไก่ย่างข้าวเบือ อาหารถิ่น กินอร่อย
    • 5. พุทธอุทยานเพชบุระ ที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา
    • 6. ท่องอดีตที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

✨ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ✨

ริ่มทริปกันที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดยอดนิยมที่ใครมาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วเป็นต้องมา ไม่เพียงความสวยงามของวัดที่ร่ำลือกัน แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้วัดนี้มีวิวที่สวยสุด ๆ จุดหนึ่งของเพชรบูรณ์

ที่มาของคำว่า ผาซ่อนแก้ว เกิดขึ้นจากเรื่องเล่าขานที่ว่า มีชาวบ้านเคยเห็นลูกแก้วลอยอยู่บนฟ้าและหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และเชื่อว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ จึงเรียกตามกันมาว่า “ผาซ่อนแก้ว”

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 องค์ ที่มีองค์พระสีขาวนั่งลดหลั่นซ้อนกันลงมา และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต ซึ่งภายในเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนาสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ความโดดเด่นอีกจุดหนึ่งของวัดนี้ ก็คือการนำกระเบื้องหลากสี เครื่องประดับ สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ ลูกปัดประดับตกแต่งไป ทั่วบริเวณวัด สวยทั้งเมื่อมองจากไกล ๆ หรือดูใกล้ ๆ เลยทีเดียว

  • 📍 : 95 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67280
  • ⏰ : เปิดทุกวัน 07.00-17.00 น.
  • 📞 : 06 3359 1554

✨ ขนมจีนหล่มเก่า ✨

ขับรถจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วไปไม่เกิน 40 นาที เข้าสู่อำเภอหล่มเก่า แอดจะพาไปกินขนมจีน อาหารขึ้นชื่อของที่นี่

ร้านขนมจีนบุญมี เป็นขนมจีนเส้นสด เน้นทำใหม่ ๆ แล้วยกมาเสิร์ฟ แอดกำลังหิวเลยสั่งแบบชุดมากิน ประกอบด้วย น้ำยากะทิเนื้อปลาทับทิมคั่วกับเครื่องแกง น้ำยาป่ารสแซบกำลังดี และน้ำพริก รสเปรี้ยวอมหวาน จัดมาในภาชนะหม้อดิน มีเครื่องเคียงเป็นผักสด ผักต้ม และผักกาดดอง ที่สำคัญเป็นขนมจีนที่หน้าตาดีมาก มีหลากสีสันจากอัญชัญ บีทรูท ฟักทอง ฯลฯ ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลได้เลย แต่หากใครกลัวกินไม่หมด ก็สั่งเป็นจานได้เช่นกัน

หน้าร้าน จะมีการทำขนมจีนกันสด ๆ แอดไปยืนด้อม ๆ มอง ๆ ดู คุณป้าใจดีเลยอธิบายวิธีการทำให้ฟังเพลินเลย

  • 📍 : หมู่ 3 ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 67120
  • ⏰ : เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น.
  • 📞 : 08 9643 2775

✨ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ✨

หลังจากอิ่มท้องแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมวิวธรรมชาติ และพระอาทิตย์ตกดินกันที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งอยู่บนรอยต่อของสาม
จังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ที่นี่เคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ภาคเหนือ ปัจจุบัน ภายในอุทยานฯ ก็ยังเก็บรักษาหลักฐานและร่องรอยต่าง ๆ ของฐานที่มั่นแห่งนี้ไว้เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาหาความรู้

จุดแรกที่แอดจะพามาชม ก็คือ ทุ่งดอกกระดาษ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

จากลานจอดรถเดินไม่ถึง 20 ก้าว เพื่อน ๆ ก็จะได้เจอกับแปลงดอกกระดาษที่ ตั้งอยู่ในโซนโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้าโดยดอกกระดาษจะบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

ถึงแม้เพื่อน ๆ จะมาไม่ตรงช่วงดอกกระดาษบาน แต่บริเวณนี้ก็ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก มีหน้าผาเล็ก ๆ ให้ยืนชมวิวถึง 5 ผาด้วยกัน แต่อย่าเพิ่งชิงกลัวความสูงไปนะ เพราะผาที่ว่านี้ แอดว่าคล้ายเนินหินมากกว่า ทางเดินก็ค่อนข้างกว้าง สามารถเดินลงไปเก็บรูปสวย ๆ ได้หลายมุมเลย อ้อ…ที่นี่ขึ้นมาได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นนะ

จุดต่อไปคือ “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่นี่จะมีห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล ครัว สร้างเป็นบ้านไม้แยกกันเป็นหลัง ๆ กระจายตัวอยู่ประมาณ 30 หลัง ตามแนวต้นไม้ ในช่วงเดือนมกราคม ใบเมเปิ้ลบริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสวยงาม

ต่อไปคือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม- ผาชูธง เส้นทางนี้จะเป็นวงกลม ระยะทางราว 3.7 กิโลเมตร ระหว่างทางเดิน เพื่อน ๆ จะได้เห็นก้อนหินรูปร่างประหลาดเป็นระยะ ทั้ง “ผาหินกบ” ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน “ผาหัวใจหิน” รูปร่างคล้ายหัวใจ และ “ผานาคราช ” ที่เป็นเนินหินสูง มีรูปร่างคล้ายงูใหญ่

จากทางเข้าไม่เกิน 2 กิโลเมตร เราจะมาเจอกับ “ผาชูธง” หน้าผาสูงแห่งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้เป็นจุดชูธงแดงรูปค้อนและเคียวเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล ปัจจุบัน บนผาชูธงมีธงชาติไทยปักอยู่ จากจุดนี้ เราสามารถมองเห็นวิวป่ามุมสูงได้กว้างไกลสุดสายตาเลย

เส้นทางการเดินไม่ยาก สามารถเดินได้แบบสบาย ๆ นอกจากธรรมชาติสวย ๆ แล้ว ระหว่างทางจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ รวมทั้งมีจุดนั่งพักด้วย

จากผาชูธงไปราว ๆ 500 เมตร ก็คือ ลานหินปุ่ม ลานหินขนาดใหญ่ริมหน้าผาสูง มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่เต็มลาน เห็นแดดแรงแบบนี้ก็มีลมพัดมาเรื่อย ๆ นะ ช่วยให้หายร้อนไปได้เยอะเลย

ไฮไลต์ของลานหินปุ่ม คือวิวพระอาทิตย์ตก สวยประทับใจแอดมาก ใครอยากเห็นต้องรีบมาเร็วหน่อย เพราะทางอุทยานฯจะปิดประตูเวลา 16.00 น. ส่วนคนที่เข้าไปแล้วก็สามารถอยู่จนดูพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้าได้ ขากลับ แอดเดินจากลานหินปุ่มมาที่ทางเข้า ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที

  • ในการเข้าชมอุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน อย่างน้อย 2 เข็มขึ้นไปแก่เจ้าหน้าที่ (1เข็มสำหรับวัคซีน Johnson & Johnson) และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด 19 D-M-H-T-T-A โดยทางอุทยานฯ มีการจำกัดจำนวนคนดังนี้
    • 1.ลานกางเต็นท์ 400 คน/วัน
    • 2. ลานหินแตก 500 คน/ช่วงเวลา
    • 3. ลานหินปุ่ม 500 คน/ช่วงเวลา
    • 4. โรงเรียนการเมืองทหาร 200 คน/ช่วงเวลา
  • อัตราค่าบริการ
    • คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
    • ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
  • 📍 : 2331 ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก 65120
  • 📞 : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 08 1596 5977, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.พิษณุโลก (ดูแลจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์) 0 5525 2742-3

วันที่ 2

✨ ไก่ย่างข้าวเบือ ✨

มื้อเช้าของวันที่ 2 แอดจะพาเพื่อน ๆ มาชิมอาหารถิ่นของ จ.เพชรบูรณ์อีกอย่าง นั่นก็คือ ไก่ย่างข้าวเบือ ลักษณะเป็นไก่เสียบไม้ที่พอกด้วยข้าวเหนียวบดละเอียดคลุกกับเครื่องแกงแล้วนำไปย่าง รสชาติจะออกเค็มและเผ็ดเล็กน้อย

ร้านไก่ย่างข้าวเบือส่วนใหญ่จะเป็นร้านรถเข็น พบได้ตามเส้นทางเขาค้อ-เพชรบูรณ์ ราคาเพียงไม้ละ 10 บาท แต่บอกเลยว่าอร่อยคุ้มราคามาก ๆ เริ่มขายกันตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 06.30 น.

✨ พุทธอุทยานเพชบุระ ✨

จุดหมายแรกในวันนี้ของเราคือ พุทธอุทยานเพชบุระ ในอำเภอเมืองนี่เอง หากเพื่อน ๆ ขับรถผ่านหน้ามหาวิทลัยราชภัฏแล้ว ให้สังเกตทางด้านซ้ายมือไว้ เมื่อเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในท่านั่งก็เลี้ยวเข้าไปได้เลย

พุทธอุทยานเพชบุระ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา หรือองค์พระใหญ่ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเพชรบูรณ์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เนื้อเป็นโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ หน้าตักกว้าง 11.964 เมตร และสูงถึง 16.5899 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 84 พรรษา

รอบ ๆ ฐานขององค์พระใหญ่ มีพระพุทธมหาธรรมราชาองค์เล็กอยู่รอบๆ มีศาลาสำหรับนั่งพักอยู่ทั้งทางด้านซ้ายและขวา มีลิฟ์ต์สำหรับผู้ใช้ wheelchair

ด้านหลังองค์พระ มีสระน้ำและศาลา นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปรับลมได้

ใต้ฐานองค์พระใหญ่เป็นเหมือนอาคาร 3 ชั้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ จากทางเข้า เราจะเจอชั้น 3 ก่อน เป็นห้องที่มีพระพุทธรูปและรูปปั้นหลวงพ่อสำคัญ ๆ ในประเทศไทยมากมาย เช่น หลวงพ่อพระไส พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธโสธร พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต หลวงปู่มั่น หลวงปู่เงิน หลวงปู่แหวน ในการเข้าชม อย่าลืมถอดรองเท้ากันด้วยนะ

ส่วนชั้น 2 และชั้น 1 จะเป็นห้องสำนักงานและห้องรวบรวมข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมไปถึงข้อมูลโทรศัพท์ของหน่วยงาน และที่พักต่าง ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียง

  • 📍 : ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000
  • ⏰ : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง (กลางคืนจะมียามคอยดูแล)
  • 📞 : 0 9627 1877

✨ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ✨

ที่สุดท้ายที่แอดจะพามา คือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เมืองขนาดใหญ่ในอดีต ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายต่อเนื่องจนถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 8-18) ด้านในมีโบราณสถานมากมายที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ โดยโบราณสถานเหล่านี้มีรูปแบบศิลปะทั้งแบบทวารวดี และเขมรโบราณ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 11

เมืองโบราณศรีเทพมีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,889ไร่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เมืองส่วนใน (1,300 ไร่) และเมืองสวนนอก (1,589 ไร่) โดยทั้งสองส่วนต่อเชื่อมกัน มีสระน้ำและโบราณสถานกระจายอยู่แบบเดียวกัน ซึ่งจากการขุดค้นพบว่า เฉพาะส่วนด้านในมีสระน้ำ หนองน้ำกระจายอยู่กว่า 70 บ่อและมีซากโบราณสถานกว่า 48 แห่ง

ภายในอุทยานฯ มีรถรางนำเที่ยวชมรอบอุทยานฯ (นั่งได้ไม่เกินคันละ 20 คน) สามารถติดต่อเพื่อขอไกด์นำบรรยายได้ โดยจุดแรกที่รถรางจะพาเราไปชมก็คือ อาคารหลุมขุดค้นทางโบราณคดี เป็นอาคารจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์และโครงกระดูกช้างที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ. 2531

จากนั้นจะเป็นการพาชม 3 โบราณสถานที่สำคัญของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โดยระหว่างทางเราจะพบกับ “ทางดำเนิน” ทางที่ใช้สัญจรในอดีตไปสู่เทวสถาน และซากของอาคารที่คาดว่าน่าจะเป็น “ห้องเปลื้อง” ที่สันนิษฐานกันว่าเป็นที่ปลดผ้าของผู้วายชนม์ก่อนนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

โบราณสถานจุดแรกคือ ปรางค์สองพี่น้อง ศาสนสถานในกลุ่มโบราณสถานกลางเมืองใน เป็นศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่คู่กัน 2 หลัง มีลักษณะเหมือนกัน ต่างกันที่ขนาด ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีประตูทางเข้าทางเดียว ตรงกึ่งกลางห้องมีแท่นศิลาแลงสำหรับประดิษฐานรูปเคารพ

ปรางค์ศรีเทพ เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู สถาปัตยกรรมเป็นแบบศิลปะขอม ส่วนบนก่อด้วยอิฐ ฐานเป็นศิลาแลงฉาบปูน หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ลานด้านหน้าองค์ปรางค์มีบรรณาลัย 2 หลัง เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน

ด้านหน้ามีบ่อน้ำตามความเชื่อแบบขอมโบราณในการสร้างศาสนสถาน ซึ่งบ่อน้ำแห่งนี้เเป็นแหล่งตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย

ต่อมาคือ โบราณสถานเขาคลังใน ตั้งอยู่ฝั่งเมืองส่วนใน แอดมองดูแล้วคล้าย ๆ กับพีรามิดที่ประเทศอียิปต์ ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สร้างด้วยศิลาแลงฉาบปูน บริเวณฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีลวดลายปูนปั้นรูปคนแคระที่มีหัวเป็นคน ลิง สิงห์ ช้าง และควายอยู่ในลักษณะท่าแบกหรือค้ำโบราณสถานอยู่ นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่เป็นปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษาและลายเรขาคณิต ประดับอีกด้วย ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นสู่ด้านบน แต่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ขึ้นไป เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างที่งดงามจากอดีตที่ก้าวผ่านเวลามากว่าพันปีและเหลือให้เห็นได้ที่นี่ โบราณสถานลักษณะนี้ เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติจึงเรียกว่า “เขาคลัง”

จุดต่อไปก็คือ โบราณสถานเขาคลังนอก อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเมืองส่วนนอก ทางด้านทิศเหนือของเมืองโบราณศรีเทพ ชื่อเขาคลังนอกเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน เพราะที่นี่มีรูปร่างลักษณะคล้ายภูเขา โดยเชื่อกันว่ามีสมบัติและอาวุธเก็บรักษาอยู่ภายใน ประกอบกับในเขตเมืองโบราณศรีเทพ มี “เขาคลังใน” จึงได้เรียกโบราณสถานแห่งนี้ว่า “เขาคลังนอก” นั่นเอง

จุดเด่นของโบราณสถานแห่งนี้ อยู่ที่ฐานอาคาร ซึ่งสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นสถูปที่ตั้งอยู่บนฐานขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่ามีการใช้พื้นที่ด้านบนประกอบศาสนพิธี มีรูปแบบศิลปกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แอดได้รู้จักอุทยานฯ แห่งนี้ ยิ่งได้มาชมพร้อมมีวิทยากรให้ความรู้ ยิ่งทำให้รู้สึกประทับใจ บอกเลยว่า อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ตามมาเที่ยวกันให้ได้ นอกจากจะมีความยิ่งใหญ่น่าทึ่งแล้ว ที่นี่ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก ๆ โดยปัจจุบัน อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

  • ค่าบริการ
    • ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท
    • ชาวต่างชาติ 100 บาท
    • รถยนต์คันละ 50 บาท
  • สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรบรรยาย (มีวิทยากรบรรยายภาษาอังกฤษ) ติดต่อโดยตรงได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
  • 📍 : ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ เพชรบูรณ์ 67170
  • ⏰ : เปิดทุกวัน 08.30-16.30 น.
  • 📞 : 0 5692 1322, 0 5692 1317
Scroll to Top
Send this to a friend