✨ ดูดาวเต็มฟ้า ดอกไม้ป่าเต็มทุ่ง @ ภูสอยดาว ✨

ถ้าช่วงนี้ เพื่อน ๆ เป็นเหมือนแอด ร่างกายรู้สึกโหยหาธรรมชาติสุด ๆ นึกถึงแต่ภาพเดินป่า ดูหมอก ส่องดาวแล้วละก็ เราอยู่สายเดียวกัน วันนี้แอดมีจุดหมายที่น่าจะถูกใจทุกคนมานำเสนอ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อน ๆ เก็บกระเป๋าออกเดินทางกัน

ทริปนี้ แอดจะพาไปเที่ยว “อุทยานแห่งชาติ
ภูสอยดาว”สถานที่ ๆ มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์มาก
ซึ่งสำนักงานของอุทยานฯ ตั้งอยู่ใน จ.อุตรดิตถ์ แต่มีพื้นที่ครอบคลุมจาก จ.อุตรดิตถ์ ไปถึง จ.พิษณุโลก โดยมีช่วงท่องเที่ยวที่แนะนำคือ

ช่วงหน้าฝน (กรกฎาคม-ตุลาคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน เพื่อดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน

ช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน เพื่อดูดาว ดูดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเดินขึ้นยอดสูงสุดของภูสอยดาวซึ่งติดกับชายแดนลาวได้

การเดินทาง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถไปตามโลเคชั่นนี้ได้เลย : https://goo.gl/maps/9a8g1kgVDbdCvySq7

หากเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอื่น ๆ สามารถมาลงได้ที่
1. ขนส่งน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
2. ขนส่ง จ.พิษณุโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
3. สถานีรถไฟ จ. พิษณุโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)

แล้วหารถเหมาไปอุทยานฯ โดยตรง ราคาเหมาคันละประมาณ 800-1000 บาท (ปัจจุบันไม่มีรถประจำทางไปที่อุทยาน)

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดให้เข้ามาท่องเที่ยว 2 วิธี

วิธีที่ 1 จองล่วงหน้าผ่านแอป QueQ โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ถึง 15 วัน เมื่อมาถึงที่ภูสอยดาว ให้ลงทะเบียน ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เวลา 08.00-13.00 น. เพื่อยืนยันตัวตนได้เลย

วิธีที่ 2 สามารถ Walk in เข้าไปได้ตามปกติ แต่แอดขอแจ้งไว้ก่อนว่า ทางภูสอยดาวจะรับนักท่องเที่ยวที่จองผ่านแอปพลิเคชัน 70% นักท่องเที่ยววอล์คอิน 30% โดยแบ่งเป็น
จุดที่ 1 ที่ทำการอุทยานฯ และน้ำตกภูสอยดาว ไม่เกิน 150 คน/วัน (QueQ 105 คน/ Walk in 45 คน)
จุดที่ 2 ลานสนภูสอยดาว ไม่เกิน 350 คน/วัน (QueQ 245 คน/ Walk in 105 คน)

หลังจากลงทะเบียนแล้ว เพื่อน ๆ สามารถสอบถามเรื่องการเช่าเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหาร หรือจ้างลูกหาบ แล้วไปรับของบนลานสนได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพาไปขึ้นรถอีแต๋นเพื่อไปจุดเริ่มต้นเดินป่า ซึ่งแอดแนะนำให้กินอาหารและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะระหว่างทางไม่มีร้านอาหาร ไม่มีห้องน้ำ และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ควรพกขนมและน้ำไปกินระหว่างทางด้วย (ที่สำคัญอย่าลืมเก็บขยะกลับมาด้วยห้ามทิ้งไว้ระหว่างทางนะ!)

ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นลานสนภูสอยดาวได้ ตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น. เท่านั้น โดย
หลัง 16.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่เดินขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ เพื่อเช็คจำนวนนักท่องเที่ยว ว่ามีใครตกหล่นอยู่ระหว่างทางไหม และมีจำนวนคนตรงกับที่ลงทะเบียนไหม เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวจะปิดรับนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 15 มกราคม-31 มิถุนายนของทุกปี เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู

เอาล่ะ เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันเลย!!!!

ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

หลังจากนั่งรถของเจ้าหน้าที่มาตรงจุดเริ่มต้น เพื่อน ๆ จะพบกับ “น้ำตกภูสอยดาว” เป็นเหมือนสถานที่ต้อนรับในตอนแรก โดยน้ำตก่จะมีทั้งหมด 5 ชั้น ชื่อไพเราะคล้องจองกันว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สภาพป่าโดยรอบน้ำตกจึงมีความชุ่มชื้นมาก มีมอสส์ขึ้นปกคลุมตามก้อนหินริมน้ำสวยงาม

น้ำตกภูสอยดาว

จากนี้ต้องตั้งใจเดินแล้วละนะ จุดหมายของแอดคือ “ลานสนสามใบภูสอยดาว” ซึ่งแอดขอแนะนำ ว่าควรออมแรงกันไว้หน่อยนะ เพราะกว่าจะถึงจุดหมาย ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ผ่านเนินต่าง ๆ ถึง 5 เนิน ที่มีชื่อแสนจะไม่ต้อนรับ คือ เนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ

ลักษณะทางเดินจะมีความชันขึ้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีดอกไม้ป่าที่สวยงามเป็นระยะ

จากเนินแรก (เนินส่งญาติ) ไปลานสน จะใช้เวลาจะประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง แล้วแต่กำลังของแต่ละคน อ้อ…อย่าไปยึดติดกับคำว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ในตอนเราเหนื่อยล่ะ ถ้าบ่าวบอกเหนื่อยก็พักก่อนได้ อาจจะนั่งเล่น จิบน้ำชมวิวเพื่อซึมซับความรู้สึกในป่าระหว่างรอกำลังกายกลับมา ก็เป็นความคิดที่ดีมากเลยนะ ระหว่างแต่ละเนินทางจะชันขึ้นเรื่อย ๆ ความยากแตกต่างกันไป ตามลักษณะภูมิประเทศ ระหว่างเดินแอดแทบไม่ได้พูดเลย ตั้งใจเดินเป็นหลัก (จริง ๆ กลัวเหนื่อยกว่าเดิมนั่นแหละ) แต่พอมองวิวข้างทางที่สวยแล้ว ก็หายเหนื่อยไปได้เยอะเลย

ในที่สุดก็มาถึง “เนินมรณะ” เนินสุดท้ายก่อนถึงจุดหมาย ทางเดินค่อนข้างแคบและชัน ต้องใช้สมาธิในการเดินมาก ๆ ขณะเดิน มีลูกหาบที่เดินสวนลงมาคอยให้กำลังใจเป็นระยะ ๆ ด้วยนะ ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะได้เห็นลานสน
.
แต่หลังจากผ่านเนินมรณะแล้ว อย่าเพิ่งเฮ เพราะจะยังไม่ถึงลานสน ต้องเดินต่อไปอีกราว 500 เมตร ยังดีที่เป็นทางราบที่เดินได้ง่าย เอ้าฮึบบบ… อีกนิดเดียวจะถึงจุดกางเต็นท์แล้ว

ในที่สุดก็ถึง “ลานสนสามใบภูสอยดาว” สักที แอดใช้เวลาเดินเกือบ 6 ชั่วโมง

ลานสนนี้มีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ เป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาว มีเนินสูงต่ำสลับกันไป ซึ่งทางภูสอยดาว ได้จัดทำห้องน้ำให้อย่างดี แยกชายและหญิง รวมทั้งแยกโซนห้องน้ำสำหรับปลดทุกข์ กับโซนสำหรับอาบน้ำไว้อย่างชัดเจน (หากจะอาบน้ำ ต้องตักน้ำจากลำธารใกล้ ๆ มาใส่ถังน้ำที่ทางภูสอยดาวเตรียมไว้เพื่ออาบเอง)

สำหรับผู้ที่จ้างลูกหาบให้ขนของมาให้ จองเต็นท์ หรือเช่าอุปกรณ์ทำอาหารต่าง ๆ สามารถติดต่อที่เจ้าหน้าที่ แจ้งชื่อและรับเต็นท์มากางได้เลย

หากเพื่อน ๆ มาช่วงฤดูฝน (เดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน) จะพบกับทุ่งดอกไม้าที่ชูช่อแย่งกันออกดอก เช่น ดอกหงอนนาคที่มีดอกสีม่วง ดอกสร้อยสุวรรณาสีเหลืองสดใสและดอกหญ้ารากหอมสีม่วงเข้ม

หากเพื่อน ๆ มาในฤดูหนาว จะพบกับดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่เปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงาม

บริเวณลานสนในวันที่แอดไป แม้ช่วงค่ำ ๆ หมอกจะเริ่มลง แต่บรรยากาศค่อนข้างคึกคักเลย

ส่วนแอดที่ทั้งหิวและเหนื่อยจากการเดินขึ้นมา ก็รีบเอาอาหารสำเร็จรูปที่เตรียมไว้ ออกมาปรุงร้อนแล้วกินทันทีเลยล่ะ

แต่แอดขอย้ำอีกครั้ง ขยะ เศษอาหารต่าง ๆ อย่าทิ้งเรี่ยราด ช่วยกันเก็บลงไปทิ้งข้างล่างด้วยนะ (ด้านบนไม่มีจุดทิ้งขยะ)

ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ตกกลางคืน เพื่อนๆ จะได้พบกับความอลังการบนฟากฟ้าของที่นี่ นั่นคือทางช้างเผือกที่ใกล้และใหญ่มาก ยิ่งถ้ามาเดือนมืด จะยิ่งเห็นชัด ดาวมีเยอะจนคิดว่าถ้ามีไม้คงสอยดาวลงมาตามชื่อ “ภูสอยดาว” เลยทีเดียว

อีกหนึ่งสิ่งที่แอดเห็นว่าน่าประทับใจไม่แพ้ความอลังการของดาวบนฟ้า ก็คือการได้นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องเส้นทางและความเหนื่อยที่เดินมาก่อนหน้านี้ ถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่แอดเจอได้ไม่บ่อยในชีวิตประจำวันเลยล่ะ

ไฟฟ้าจะมีถึงแค่ 2 ทุ่มเท่านั้น อย่าลืมทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

ตื่นเช้ามาหลังจากนอนพักเอาแรงจนเต็มอิ่ม คนที่มาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม สามารถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรง “จุดชมวิวตรงป้ายผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว” ได้นะ ติดต่อที่เจ้าหน้าที่เพื่อให้นำทางได้เลย แต่ถ้ามาช่วงหน้าฝน ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้น เพราะทางที่ค่อนข้างชันจะมีความลื่น ส่วนตัวแอดแค่เดินเล่นแถว ๆ จุดกางเต็นท์ก็ฟินแล้ว

บริเวณนี้มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า ๆ เพื่อน ๆ สามารถ ชมความงามของต้นสนสามใบ ดอกไม้ป่าตามฤดูกาล หรือจะไปจุดชมวิวเลาะเลียบผา และ “หลักเขตชายแดนไทย-ลาว” หรือหลักเขต 2 แผ่นดิน ที่อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ไปประมาณ 1 กม.กว่า ๆ

หลักเขตชายแดนไทย-ลาว

*ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ถ้าสนใจอยากไปเที่ยวน้ำตก ก็สามารถไปที่น้ำตกสายทิพย์ได้ มีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาเดินจากลานสนไม่เกิน 20 นาที ทางไปน้ำตกเป็นหุบเขา ค่อนข้างลาดชัน

ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน ใครเพลีย ๆ แล้วตื่นสายก็ยังสามารถชมดอกหงอนนาคบานได้

หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติและถ่ายรูปเล่นสักครู่ แอดก็เดินลงมาที่ทำการอุทยานฯ เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า หากใครเหนื่อยสามารถอาบน้ำ ทานข้าวเติมพลังบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ได้เลย

เอาล่ะ จบแล้วสำหรับทริป “ภูสอยดาว” แบบ 2 วัน 1 คืนของแอดที่ทั้งเหนื่อยและสนุกมาก ๆ แต่ถ้าใครมีเวลาเยอะและอยากดื่มด่ำกับธรรมชาติให้เต็มที่ ก็สามารถมาเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืนได้ โดยใช้เวลาเดินขึ้นภูในวันแรก วันที่สองเดินชมธรรมชาติให้เต็มอิ่ม แล้วค่อยเดินลงภูในวันที่สาม ซึ่งก่อนจากกัน แอดมีรายละเอียดเพิ่มเติมมาแจ้งเพื่อน ๆ ดังนี้

ราคาค่าบริการต่าง ๆ

– ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ = 40 บาท/คน
– ถุงนอน = 30 บาท/คืน (ราคายังไม่รวมค่าลูกหาบ)
– แผ่นรองนอนราคา = 20 บาท/คืน (ราคายังไม่รวมค่าลูกหาบ)
– หมอนราคาใบละ = 10 บาท/คืน (ราคายังไม่รวมค่าลูกหาบ)
– ค่าลูกหาบ = 30 บาท/กิโลกรัม
– มัดจำขยะ 200 บาทต่อคณะ ตอนลงนำขยะลงมารับเงินมัดจำคืน

คำแนะนำเพิ่มเติม

– ฝึกเดินระยะทางไกล ๆ ฟิตร่างกายให้พร้อม
– สัญญาณโทรศัพท์มือถือจะมีแค่บางจุด
– เต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน ทางอุทยานฯมีให้เช่าก็จริง แต่จะต้องเตรียมผ้ายางคลุมเต็นท์ และผ้ายางรองเต็นท์เพื่อป้องกันความชื้นหรือน้ำฝนไปเอง
– ด้านบนมีเตาอั้งโล่ให้เช่า แต่ต้องเตรียมถ่านไม้ไปเอง แนะนำให้ใช้หัวแก๊สจะสะดวกกว่า
– อย่าลืมอุปกรณ์ป้องกันยุงและแมลงรวมไปถึงยาต่าง ๆ
– วัตถุดิบทำอาหาร ต้องเตรียมไปเอง
– ด้านบนจะมีการเตรียมน้ำที่เจ้าหน้าที่รองไว้ให้ใช้ และมีน้ำในลำธารที่นำมาต้มดื่มได้ หากกลัวไม่พอสามารถซื้อที่ร้านค้าสวัสดิการก่อนขึ้นภูสอยดาวได้
– อย่าลืมไฟฉายหรือตะเกียงให้ความสว่างตอนกลางคืน
– เตรียมเสื้อกันฝนไปด้วยหากเที่ยวในหน้าฝน
– รองเท้า ควรเป็นรองเท้าที่มีดอกยาง หรือรองเท้าที่ใช้สำหรับปีนขึ้นเขา มีเดินลุยน้ำตื้น ๆ บางช่วง

⭐อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว⭐
📍 : อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
🕗 : เปิดให้เดินขึ้นเขา เวลา 08.00 – 14.00 น.
📱 : โทร. 09 5629 9528, 09 5024 7633, 09 1024 7633

Scroll to Top
Send this to a friend