ประกาศราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับ Phuket Sandbox

เผยแพร่บน FB ศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ต วันที่ 30 มิถุนายน 2564

.

ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 26)

ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

.

คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 7/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 11)

ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

.

คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 8/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 12)

ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

.

รายละเอียดคำสั่งที่สำคัญ

มาตรการป้องกันโรคสําหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แนบท้ายคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 7/2564 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2564

.

1. การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารหรือผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (12) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กําหนดให้เป็นจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล

มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

1) ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน

2) เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ซึ่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดโดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกําหนด ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พํานักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้

– หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry – COE)

– ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19 (Medical Certificate with a laboratory result indicating that COVID – 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

 – กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

– หลักฐานการชําระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR โดยระบุระยะเวลาการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วัน ในโรงแรมหรือสถานที่พัก ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกําหนด สําหรับกรณีที่ผู้เดินทางพํานักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุห้วงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักร หลักฐานการชําระเงินค่าที่พัก และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในห้วงเวลาดังกล่าว

– เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกําหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้น ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ สําหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19 (Medical Certificate with a laboratory result indicating that COVID – 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

3) ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง (Exit screening)

.

มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร

1) มาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

1.1) กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงมายัง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

1.2) กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยสายการบินที่ไม่มีเที่ยวบินตรง และต้องเดินทางโดยทางอากาศต่อไปยังท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว ให้ผู้เดินทางดําเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

ก.ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศจุดแรกที่มีการเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักร ก่อนเดินทางต่อไปยัง ท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว

ข. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศหรือในพื้นที่ของท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเที่ยว

2) ให้ใช้ระบบติดตามหรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกําหนด โดยให้เปิดระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังหรือติดตาม อาการระหว่างที่ผู้เดินทางพํานักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว

3) ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใด ๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก

4) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกําหนด โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

4.1) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR จํานวน 1 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงราชอาณาจักร โดยห้ามเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักจนกว่าจะมีผลการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19

4.2) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมจากข้อ 4.1) ดังนี้

ก. กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 – 7 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด

ข. กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 10 – 14 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 – 7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 – 13 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด

ทั้งนี้ ในกรณีพบว่าผู้เดินทางมีการติดเชื้อโรคโควิด – 19 ให้โรงแรมหรือสถานที่พักดําเนินการประสานส่งตัวผู้เดินทางไปยังสถานพยาบาล คู่สัญญาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกําหนดโดยเร่งด่วนเพื่อทําการตรวจหรือรักษาต่อไป โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างโรงแรมหรือสถานที่พักกับผู้เดินทาง

5) กรณีผู้เดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักหลังจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19 ให้ผู้เดินทางรายงานตัวเมื่อกลับมา ยังโรงแรมหรือสถานที่พักทุกวันตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกําหนด โดยห้ามไปพํานักค้างคืนในสถานที่อื่นนอกเหนือจากโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้กําหนดไว้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ราชการกําหนด อย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่พํานักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว

6) กรณีผู้เดินทางพํานักอยู่ในจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ห้ามผู้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวเด็ดขาด และเมื่อครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรทันที

7) กรณีผู้เดินทางพํานักอยู่ในจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ให้สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวได้ เมื่อครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว

มาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักรหรือเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร

– ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกําหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

– ในกรณีผู้เดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ให้ผู้เดินทางแสดงหลักฐานการพํานักที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว พร้อมหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR ตามข้อ 4.2) ข. ต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทางตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกําหนด

หมายเหตุ :

1. ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้กรมธรรม์โดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ภายใต้การกํากับและรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย โดยกรมธรรม์ประกันภัยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีการติดเชื้อโรคโควิด – 19 ที่ไม่แสดงอาการด้วย

2. การเริ่มนับระยะเวลาที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่ที่ผู้เดินทางอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ณ ช่องทางเข้าออก ระหว่างประเทศ

   2.1 ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา ให้นับวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day 1)

   2.2 ตั้งแต่เวลา 18.01 นาฬิกา ถึง 00.00 นาฬิกา ให้นับวันถัดจากวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day 1)

.

——————————————————————————

ศูนย์ข้อมูลอย่างเป็นทางการของจังหวัดภูเก็ต (Official Phuket Information Center) เพื่อป้องกันข่าวปลอมหรือข่าวที่ทำให้เกิดการแตกตื่นตระหนก ท่านสามารถติดตามข่าวสารจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการของจังหวัดภูเก็ตได้จากอีก 2 ช่องทางหลัก ปชส. จังหวัดภูเก็ต และ สสจ.ภูเก็ต

.

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมควบคุมโรค 1422 หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต โทร 094-5938876, 062-2435116

.

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ต

Link : https://web.facebook.com/phuketinfocenter/posts/335676738087509

Scroll to Top
Send this to a friend