เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา

“เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา”
.
บุรีรัมย์…จากเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี ปัจจุบันกลับกลายเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่น และน่าสนใจในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดินแดนภูเขาไฟเมืองไทย แหล่งรวมอารยธรรมขอมโบราณ มีงานศิลปหัตถกรรมลือเลื่องคือผ้าไหมและผ้ามัดหมี่นาโพธิ์ และปัจจุบันยังมีสนามกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยว ที่มักจะแวะเวียนไปถ่ายรูปคู่กับป้ายสนามเป็นที่ระลึกอยู่เสมอ
.
ถ้าใครที่ไปบุรีรัมย์แล้วไม่รู้จะเริ่มเที่ยวที่ไหนก่อนดี ลองเที่ยวตามคำขวัญดูสิ แอดว่าเราจะได้สัมผัสจังหวัดนั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งเลยล่ะ วันนี้เราไปเที่ยวตามคำขวัญจังหวัดบุรีรัมย์กัน! 

“เมืองปราสาทหิน”

ในอดีตจังหวัดบุรีรัมย์เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมสู่เมืองพระนครที่เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรขอม จึงทำให้มีการสร้างปราสาทขอมน้อย-ใหญ่ มากมายในบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์แห่งนี้

ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด เพราะความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิท ทำให้ปราสาทหินแห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

ปราสาทหินพนมรุ้ง
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 
เวลา 06.00-18.00 น. 
ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท 

การเดินทาง
จากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 218 (บุรีรัมย์-นางรอง) ระยะทาง 50 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 24 ไปอีก 14 กิโลเมตร จนถึงบ้านตะโก จากนั้นเลี้ยวขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 2177 ทางไปบ้านตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตรงไปอีก 12 กิโลเมตร ถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ระยะทางจากตัวเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 63 กิโลเมตร 
พิกัด : https://goo.gl/maps/VPfJTzKcP8F2

“ถิ่นภูเขาไฟ”

บุรีรัมย์ คือ แผ่นดินมหัศจรรย์เชิงธรณีวิทยาโบราณ เพราะมีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วอยู่ไม่น้อยกว่า 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” ใน อ.เมืองบุรีรัมย์นั่นเอง ปัจจุบันเป็นภูเขาสูง 256 เมตรปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ใครมาเมืองนี้ต้องแวะเที่ยวให้ได้

บนเขากระโดงยังมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ รอยพระพุทธบาทจำลอง พระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคนในท้องถิ่น ยังมีสะพานแขวน และจุดขึ้นไปชมทิวทัศน์ของตัวเมืองบุรีรัมย์ด้วยนะ

วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 
เวลา 06.00-18.00น.
ไม่เสียค่าเข้าชม

สามารถนำรถขึ้นไปถึงจุดชมวิวและพระสุภัทรบพิตรด้านบน และมีทางเดินขึ้นเป็นบันไดด้วย ประมาณ 290 ขั้น

การเดินทาง 
จากจังหวัดบุรีรัมย์ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าวนอุทยานฯ
พิกัด : https://goo.gl/maps/UrRuL5sxH862

“ผ้าไหมสวย”

จังหวัดบุรีรัมย์มีผ้าไหมลวดลายสวยงามหลายแบบ แต่ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ ผ้าไหมซิ่นตีนแดงและผ้าฝ้ายภูเขาไฟ ภูอัคนี 

ผ้าซิ่นตีนไหมแดง เป็นผ้าไหมเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวอำเภอพุทไธสงและอำเภอนาโพธิ์ ที่สืบทอดมาเป็นเวลา 200 กว่าปี ตามแบบผ้าซิ่นลาว คือ ทอด้วยไหมทั้งผืน หัวซิ่นและตีนซิ่นเป็นสีแดงสด 

ส่วนผ้าฝ้ายภูเขาไฟ ภูอัคนี เป็นผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟของชุมชนบ้านเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยนำดินภูเขาไฟอังคารมาย้อม เป็นสีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลแดง เนื้อผ้านุ่ม เบา เย็นสบายและสีคงทน

หากใครสนใจที่จะเข้าไปชมกระบวนการทำผ้าไหม สามารถเข้าไปชมได้ที่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข (ผ้าฝ้ายภูเขาไฟ) นอกจากนั้นยังสามารถเลือกซื้อสิ้นค้าต่างๆ ไปเป็นของฝาก ของที่ระลึกได้อีกด้วย

กลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข 
เปิดให้เข้าชมทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น.
โทร. 044 686 157

การเดินทาง
วิ่งตามถนน หมายเลข 24 (โชคชัย – เดชอุดม) เลี้ยวถนนหมายเลข 2117 ขับต่อไปประมาณ 7 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้าย ขับต่อประมาณ 2.9 กิโลเมตร จะถึงกลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข 
พิกัด : https://goo.gl/maps/1J9sbtkDcTK2

“รวยวัฒนธรรม”

จังหวัดแห่งนี้ได้ผสมผสานความเป็นชุมชนดั้งเดิม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน และความทันสมัยของเทคโนโลยีกิจกรรมกีฬาสมัยใหม่ เข้ากันได้อย่างลงตัว

ซึ่งกิจกรรมหรือประเพณีต่างๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นก็มีมากมาย เช่น งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง งานประเพณีขึ้นเขากระโดง งานประเพณีกวนข้าวทิพย์และตักบาตรเทโว งานกาชาดและงานประจำปีจังหวัดบุรีรัมย์ งานเทศกาลนมัสการพระเจ้าใหญ่วัดหงส์ งานมหกรรมว่าวอีสาน งานข้าวมะลิหอม ปลาจ่อมกุ้ง ชมทุ่งนกประโคนชัย ฯลฯ

ส่วนกิจกรรมกีฬาก็มีให้ได้ร่วมชม ร่วมสนุกกันแทบจะตลอดทั้งปีเลยล่ะ

“เลิศล้ำเมืองกีฬา”
วลีนี้ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญ และประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 ที่ผ่านมานี่เอง

จังหวัดบุรีรัมย์ในปัจจุบัน เป็นเมืองกีฬา หรือ sport city ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในระดับประเทศ 

มีสนามช้างอารีนา (เดิมคือ สนามฟุตบอลไอโมบาย สเตเดียม) สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานระดับสากลของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกแบบโดยการนำเทคโนโลยีและความทันสมัยของสโมสรฟุตบอลเชลซีกับเลสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ มาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพอากาศของเมืองไทย สามารถจุผู้ชมได้ 32,600 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย และยังปรับปรุงภูมิทัศน์รอบสนามให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนและออกกำลังกายอีกด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/gNTmJKzQCQ12

และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามมอเตอร์สปอร์ตมาตรฐานโลก บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ มีระยะห่างต่อรอบยาวกว่า 4 กิโลเมตร จำนวน 12 โค้ง เป็นสนามเดียวในไทยที่ได้รับรองมาตรฐานระดับ FIA Grade 1 และ FIM Grade A และเป็นสนามเดียวในโลกที่ผู้ชมบนแกรนด์สแตนด์สามารถมองเห็นภาพการแข่งขันได้ทุกโค้งสนามเลยทีเดียว

ภายในสนามยังมีโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งจุดเด่นที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ คือ สามารถมองเห็นพื้นที่สนามแข่งขันทั้งหมดได้จากห้องพักเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/usw3irSHa6A2

Scroll to Top
Send this to a friend