พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ 
Life Community Museum Buengkan
.
ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดบึงกาฬ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆ แต่มีแนวคิดสุดยิ่งใหญ่ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต” โดยคุณขาบ สุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย 
.
ด้วยความที่คุณขาบเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านศิลปะและการออกแบบ จึงได้นำเอาศิลปะร่วมสมัยเข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้แก่ชุมชน ทั้งยังให้คำแนะนำในเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร นำไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนได้ในอนาคต
.
บรรยากาศภายในชุมชนจะเป็นยังไง ตามแอดมาดูกันเลย!!

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ

ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
พิกัด: https://goo.gl/maps/nBxfdciSLnAPHjyt9
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.
Facebook : พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ
โทร. 086 229 7626, 081 612 8853

กิจกรรมต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ
– พักค้างคืนที่โฮมสเตย์ ราคา 300 บาท/คน (พักได้ 20 คน มีแอร์ทุกห้อง)
– ท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬแบบ One day trip ราคา 599 บาท/คน (รับตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
– เช่าจักรยานปั่นชมภาพวาดพญานาคภายในชุมชน ราคา 20 บาท/คัน
– เช่าชุดพื้นบ้านอีสานใส่เที่ยวเก๋ๆ (โสร่งสำหรับผู้ชาย และผ้าซิ่นสำหรับผู้หญิง) ราคา 100 บาท/คน
– ชมศูนย์อาชีพชุมชนยั่งยืน ได้แก่ เครื่องจักสาน ลูกประคบสมุนไพร และยาหม่องกลิ่นตะไคร้หอม
– นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งศึกษาดูงานด้วย

เงื่อนไขการเข้าชม
– จ่ายเงินก่อนเข้าชม (คนละ 50 บาท)
– ไม่หยิบจับเคลื่อนย้ายสิ่งของ
– ถ่ายภาพให้เต็มที่
– สำรวมกายใจเมื่ออยู่ในห้องพระ 

เมื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน เราจะเห็นภาพวาดพญานาคตามผนังบ้านหลายหลังตลอดสองข้างทาง เมื่อเข้าไปจนสุดทาง ก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัด บึงกาฬ ซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงไทยอีสานหลังเก่าแก่กว่า 60 ปี ของคุณขาบ ที่ได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์

บริเวณด้านข้างของตัวบ้านที่ต่อเติมออกมาเป็นลานอเนกประสงค์นั้น ก็มีผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านในชุมชนมาวางจำหน่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารูปทรงต่างๆ กระติ๊บข้าวเหนียว เสื้อผ้า ฯลฯ รวมทั้งยังมีเวทีให้ศิลปิน นักออกแบบ และนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาจัดแสดงผลงานอีกด้วย 

หากเพื่อนๆ ลองสังเกตดูตามตัวบ้าน จะเห็นบันไดและประตูหน้าต่างทาด้วยสีเขียว “ตั้งแช” ซึ่งเป็นสีเขียวน้ำทะเลที่สบายตา สื่อความหมายถึงต้นไม้และธรรมชาติ เพิ่มสีสันให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น 

ชั้นบนของบ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดับอยู่ทุกห้อง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีมุมจัดแสดงเครื่องแต่งกายเวลาไปวัดของชาวอีสานในสมัยก่อนให้ชมด้วย โดยชาวบ้านนิยมสวมเสื้อขาว ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นไหมและผู้ชายนุ่งโสร่ง

อีกด้านของตัวบ้าน มีห้องครัวพื้นบ้านแบบอีสาน ที่มีเครื่องครัวต่างๆ ที่เคยใช้งานจริงจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย ที่สำคัญมีไหปลาร้าที่คุณขาบบอกให้แอดลองเปิดดมดูด้วยนะ ถ้าอยากรู้ว่ากลิ่นเป็นยังไง เพื่อนๆ ต้องไปลองดมเอง 

พื้นที่ด้านนอกตรงข้ามบ้านเป็นลานวัฒนธรรมกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีแคร่ไม้ให้นั่งพัก ด้านบนมีโคมไฟสุ่มไก่สุดเก๋ไก๋ และยังมีภาพวาดสีสันสดใสบนกำแพงสังกะสีด้วย สายถ่ายรูปห้ามพลาดเลย เพราะมีพร็อพของจริงให้ถ่ายได้อย่างเต็มที่ ทั้งสุ่มไก่ สุ่มปลา เชือกจูงควาย ใครไปแล้วได้ภาพสวยๆ มาโพสอวดแอดได้เลยนะ

ใกล้ๆ กับบ้านมียุ้งข้าว ซึ่ง “Alex Face” ศิลปิน Graffiti Street Art ชื่อดังระดับโลก เพิ่งมาสร้างสรรค์ผลงานสุดเจ๋งเอาไว้!! คราวนี้มาในธีม “น้องมาร์ดี กับ พี่นาค” น่ารักน่าชังมาก ใครชอบน้องมาร์ดีต้องมาให้ได้นะ 

หากเพื่อนๆ มีเวลา แอดแนะนำให้เดินชมภาพพญานาคที่กระจายอยู่รอบชุมชนให้ทั่วเลยนะ ภาพวาดมากมายเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างชาวบ้านกับนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ได้ปรับให้มีความทันสมัยแต่ก็ยังสะท้อนความเป็นชุมชนได้เป็นอย่างดี

 ภาพพญานาคส่วนใหญ่ที่ปรากฏจะเกี่ยวข้องกับอาชีพและความชอบของเจ้าของบ้านหลังนั้นๆ เช่น พญานาคกับไอศกรีมซันเดย์ พญานาคตำส้มตำ พญานาคกำลังตัดผม พญานาคกับจักรยาน เป็นต้น

ถ้าเดินกันเหนื่อยแล้ว สามารถมาแวะเติมพลังกันได้ที่พิพิธภัณฑ์ (แต่ต้องจองล่วงหน้านะ) ที่นี่เค้ามี “พาแลง” ที่นำเอาอาหารถิ่นมาจัดรวมกันเป็นชุด สำหรับแอดแล้วไม่มีคำไหนที่ไม่อร่อยเลย รสมือแม่ครัวนัวและวัตถุดิบดีมาก ที่สำคัญได้รับรางวัลเกียรติยศชนะเลิศของโลก Local Table จากเวที Gourmand Awards ประเทศฝรั่งเศสมาแล้วด้วย 
.
หากเพื่อนๆ มาตรงกับวันเสาร์ สามารถมาเดินเล่นที่ตลาดชุมชนพอเพียง บริเวณลานวัฒนธรรมตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ มาอุดหนุนอาหารและพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านได้ด้วย

การเดินทาง 

เครื่องบิน: จากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี มีบริการรถเช่าทั้งรถยนต์และรถตู้ 

 รถยนต์ : จากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 สู่จังหวัดหนองคาย จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ไปจนถึงแยกโพนพิสัย เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2267 ไปจนถึงแยกบ้านตูม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 4022 ขับไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นป้ายบอกทางไป อ.โซ่พิสัย ทางขวามือ ระยะทางรวม 146 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ

– จาก อ.เมืองบึงกาฬ ใช้เส้นทางลัดผ่านวัดป่าดานวิเวก (ทางหลวงชนบทหมายเลข 3013) และทางหลวงหมายเลข 2095 ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที

– จากสถานีรถไฟหนองคาย นั่งรถขนส่งประจำจังหวัดไปยัง อ.โซ่พิสัย ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 ตุลาคม 2562

Scroll to Top
Send this to a friend