ชม 2 ภู…ดูน้ำตก จังหวัดบึงกาฬ

บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามกระจายอยู่ทั่วจังหวัด หากเพื่อนๆ ยังไม่เคยไป แอดมีแหล่งท่องเที่ยว 3 แห่งมานำเสนอ
.
ภูสิงห์ เขตป่าสงวนที่มีหินสวยๆ ซ่อนอยู่ รอให้ไปค้นหา
ภูทอก บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูเขาแห่งธรรม
น้ำตกถ้ำพระ สไลเดอร์ธรรมชาติ ถ่ายภาพยังไงก็สวย
.
อยากรู้เป็นยังไง ตามแอดไปดูกันเลย

ที่แรกที่แอดจะแนะนำก็คือ “ภูสิงห์” สถานที่ท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นภูเขาหินทรายสีชมพูล้อมรอบไปด้วยป่าไผ่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู มีเนื้อที่ 12,000 ไร่
.
ที่ตั้ง : ต.นาสิงห์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ
เปิดทุกวัน 05.00 – 17.00 น. (ขาลงเที่ยวสุดท้ายไม่เกิน 18.30 น.)
ติดต่อเจ้าหน้าที่ สอบถามข้อมูล หรือบริการนำเที่ยว โทร. 080 196 1631
ททท. สำนักงานอุดรธานี โทร. 042 325 406-7

สิ่งอำนวยความสะดวก

– มีจุดกางเต็นท์อยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รองรับได้ประมาณ 1,000 หลัง หากใครไม่ได้นำอุปกรณ์กางเต็นท์มาเช่าได้ที่นี่เลย สอบถามราคาได้ที่เจ้าหน้าที่ ส่วนค่าธรรมเนียมในการกางเต้นท์ แล้วแต่เพื่อนๆ จะบริจาคกันตามใจ
**ไม่อนุญาตให้กางเต็นท์ด้านบนภูสิงห์**
– มีร้านอาหารตามสั่ง ขนม และเครื่องดื่มอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
– สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเช่ารถโฟร์วีลขึ้นไปเที่ยวตามจุดต่างๆได้ ค่าบริการคันละ 500 บาท นั่งได้ 10 คน

**นักท่องเที่ยวสามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้ แต่แอดแนะนำให้ใช้บริการของภูสิงห์จะดีกว่า เนื่องจากทางค่อนข้างซับซ้อน**

ไฮไลท์แรกของภูสิงห์ที่แอดจะแนะนำ ได้แก่

“ลานธรรมภูสิงห์” ลานกว้างขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปหลวงพ่อพระสิงห์ประดิษฐานอยู่ หากเพื่อนๆ สังเกตดู จะเห็นว่าหินทรายด้านหลังพระพุทธรูปนั้นดูคล้ายกับสิงโตหมอบ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูสิงห์” นั่นเอง ที่นี่เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์และฆราวาสใช้จัดกิจกรรมทางศาสนาและสวดมนต์ภาวนาเป็นประจำทุกปี

จุดต่อมาคือ “หินสามวาฬ” แลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูปสวยๆ กัน มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายวาฬ 3 ตัว พ่อ แม่ ลูก แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสีเขียว

โดยปกติเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ขึ้นเฉพาะหินวาฬพ่อและแม่เท่านั้น เนื่องจากหินวาฬลูกมีลักษณะเป็นสันเขาแหลม อาจทำให้เกิดอันตรายได้

แอดไปแล้วได้ภาพสวยๆมาเยอะเลย เพื่อนๆ คนไหนไปมาแล้ว เอาภาพมาอวดแอดได้นะ

จากบนนี้เราจะมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลถึงแม่น้ำโขงและเมืองปากกระดิ่ง ประเทศลาวเลย ส่วนพื้นที่สีเขียวๆ ด้านล่างนี้คือสวนยางพารา ซึ่งบึงกาฬถือเป็นจังหวัดที่ปลูกต้นยางมากที่สุดในภาคอีสานเลยทีเดียว

มาต่อกันที่ “หินหัวช้าง” เป็นโขดหินขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายหัวช้าง พอขึ้นมาแล้วเหมือนเรานั่งอยู่ตรงหัวช้างเลย

“หินช้าง” อยู่ตรงข้ามกับหินหัวช้าง มีลักษณะคล้ายช้างยืนเต็มตัว ซึ่งหินช้างนี้เราไม่สามารถขึ้นไปได้นะ ดูได้อย่างเดียว

“ส้างร้อยบ่อ” (“ส้าง” เป็นภาษาถิ่น แปลว่า “บ่อ”) จุดชมวิวริมผาที่มีลักษณะเป็นหลุมขนาดต่างๆ กัน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและการกัดกร่อนของลมฝน ในฤดูฝนในส้างจะมีน้ำขังด้วย

จากจุดนี้สามารถมองเห็นหนองกุดทิงได้ และนอกจากนี้ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกด้วย

สถานที่ต่อมาที่เราจะไปกันก็คือ “วัดภูทอก” สถานปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบที่มีความงดงามทางธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร โดยมีทางเดินเป็นสะพานไม้เวียนรอบเขาจนถึงชั้นบนสุด

ภูทอกน้อย เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ วัดภูทอก ดังนั้นเมื่อมาที่นี่ เพื่อนๆ ก็ต้องแต่งกายให้เรียบร้อยและปฏิบัติตามกฎของวัดกันด้วยนะ

ที่ตั้ง : บ้านคำแคน ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
เปิดทุกวัน 08.00 – 18.00 น.
ททท.สำนักงานอุดรธานี โทร. 042 325 406-7

จุดท้าทายของภูทอก คือการปีนป่ายขึ้นไปยังยอดเขาที่สูงชัน โดยชั้นที่ 1-3 จะเป็นบันไดไม้ขึ้นไป เมื่อมาถึงสุดทางของชั้นที่ 3 จะมีบันไดแยกเป็น 2 ทาง ทางขวามือระยะทางสั้นกว่าแต่ทางค่อนข้างชัน ส่วนทางซ้ายนั้นเมื่อขึ้นไปแล้วจะมีทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้ แต่ทางขึ้นไปยังชั้น 5 เป็นบันไดที่ค่อนข้างชัน และต้องเดินผ่านซอกหินแคบๆ ขึ้นไป

เมื่อถึงชั้น 5 เราจะพบกับ “ถ้ำวิหารพระ” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและสังขารของพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้บุกเบิกสถานที่แห่งนี้ จุดนี้ถือเป็นจุดแวะพักที่ร่มรื่นและมีทัศนียภาพที่สวยงามไม่น้อยเลย

วิวของภูทอก ก็จะเป็นอะไรประมาณนี้

จุดท้าทายของภูทอก คือการปีนป่ายขึ้นไปยังยอดเขาที่สูงชัน โดยชั้นที่ 1-3 จะเป็นบันไดไม้ขึ้นไป เมื่อมาถึงสุดทางของชั้นที่ 3 จะมีบันไดแยกเป็น 2 ทาง ทางขวามือระยะทางสั้นกว่าแต่ทางค่อนข้างชัน ส่วนทางซ้ายนั้นเมื่อขึ้นไปแล้วจะมีทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้ แต่ทางขึ้นไปยังชั้น 5 เป็นบันไดที่ค่อนข้างชัน และต้องเดินผ่านซอกหินแคบๆ ขึ้นไป

เมื่อถึงชั้น 5 เราจะพบกับ “ถ้ำวิหารพระ” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและสังขารของพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้บุกเบิกสถานที่แห่งนี้ จุดนี้ถือเป็นจุดแวะพักที่ร่มรื่นและมีทัศนียภาพที่สวยงามไม่น้อยเลย

จากพุทธวิหารจะมองเห็นภูทอกใหญ่ได้อย่างชัดเจน และเมื่อเดินกลับไปตามทางเดิม เราก็จะเจอทางเดินไม้เวียนรอบเขาซึ่งนำทางไปยังบันไดขึ้นสู่ชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ 6 (จริงๆ มีชั้นที่ 7 ด้วย แต่สภาพเป็นป่าที่ค่อนข้างรก จึงไม่แนะนำให้ขึ้นไป)

การปีนป่ายขึ้นมายังภูทอกและเดินบนทางเดินไม้รอบหน้าผานั้น นอกจากจะทำให้ได้เสียเหงื่อแล้ว ยังต้องใช้ความระมัดระวังและมีสติในทุกย่างก้าวอีกด้วย สำหรับแอดแล้วถือว่าเป็นเหมือนการฝึกจิตอย่างหนึ่งเลยนะ และที่สำคัญแอดยังได้ความรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่สามารถพิชิตภูทอกได้สำเร็จแถมมาด้วย

บนชั้นที่ 6 นอกจากการเดินชมวิวรอบหน้าผาบนทางเดินไม้แล้ว อีกจุดที่แอดว่าน่าสนใจมากๆ ก็คือ “ถ้ำพญานาค” ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นช่องเล็กๆ อยู่ด้านหลังพระพุทธรูปนาคปรก ว่ากันว่าคือปากทางเข้าเมืองพญานาค และเมื่อแหงนมองขึ้นไปบนเพดานถ้ำ ก็จะเห็นหินสีเขียวติดอยู่ มองแล้วคล้ายกับดวงตาของพญานาคเลย

ข้อควรปฏิบัติก่อนขึ้นเขา

เนื่องจากภูทอกเป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม ผู้มาเยี่ยมชมจึงควรปฏิบัติตามกฎที่ทางวัดตั้งไว้อย่างเคร่งครัด ได้แก่

– ไม่ส่งเสียงดังรบกวนพระสงฆ์ที่กำลังปฏิบัติธรรม
– ห้ามขีดเขียนข้อความลงบนหิน
– แต่งกายสุภาพ (ห้ามใส่เสื้อแขนกุด เอวลอย กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น ฯลฯ)
– ห้ามนำอาหารขึ้นไปรับประทานด้านบนโดยเด็ดขาด (เพราะอาจมีลิงเข้ามาแย่งอาหาร)

ภูทอกจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้น ระหว่างวันที่ 10 -16 เมษายนของทุกปี 

ที่สุดท้ายที่เราจะไปกันก็คือ “น้ำตกถ้ำพระ”

การเดินทางไปยังน้ำตกถ้ำพระ เราจะต้องนั่งเรือเข้าไป ซึ่งที่นี่มีท่าเรือให้บริการอยู่ 2 ท่า คือท่าเรือ 1 และท่าเรือ 2 ค่าเรือไป-กลับสำหรับผู้ใหญ่คนละ 30 บาท สามารถซื้อตั๋วได้บริเวณท่าเรือเลย เรือจะล่องไปตามคลองห้วยบังบาตร ประมาณ 10 นาทีก็ถึงจุดขึ้นเรือหน้าน้ำตกแล้ว

บริเวณท่าเรือทั้ง 2 ท่า จะมีร้านขายของ ร้านอาหารตามสั่ง ห้องน้ำ และลานจอดรถไว้คอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย

ข้อห้ามในการเที่ยวน้ำตกถ้ำพระ

– ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่มที่บรรจุในขวดแก้ว และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเข้ามาบริเวณน้ำตก
– ห้ามนำอาวุธและของมีคมทุกชนิดเข้ามาบริเวณน้ำตก
– ห้ามประกอบอาหารบริเวณน้ำตก
– ห้ามขีดเขียนบนก้อนหินและหน้าผาบริเวณน้ำตก
– ห้ามนำกล้วยไม้ หรือของป่าออกนอกบริเวณน้ำตก
– แต่งกายให้เหมาะสม ไม่ล่อแหลม
– ทิ้งขยะในบริเวณที่จัดไว้ให้เท่านั้น

จากท่าเรือเดินเท้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตก ระหว่างทางเราจะได้เห็นภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปทีละนิด ลองมองดูดีๆ จะเห็นดอกหงอนนาคด้วย

น้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น มีน้ำมากในช่วงฤดูฝน น้ำตกชั้นแรกมีลักษณะเป็นแอ่ง น้ำค่อนข้างลึก วัยรุ่นจึงนิยมไปกระโดดน้ำเล่นกัน เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็นเท่านั้น 

ที่บริเวณชะง่อนผาใกล้กับน้ำตกชั้นที่ 2 เราจะเห็นพระพุทธรูป 2 องค์ประดิษฐานอยู่ ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า “ถ้ำพระ” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระนั่นเอง พระพุทธรูปนี้สร้างโดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถไปกราบไหว้ขอพรได้

อย่าเพิ่งเล่นน้ำเพลินจนหมดแรงนะ ยังมีชั้นที่ 3 ที่อยู่เหนือฝายให้ขึ้นไปอีก ถ้ามองขึ้นไปบนเนินแล้วเห็นธงแล้วละก็…นั่นแหละ! เดินขึ้นไปเลย

บนชั้นนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง สวยงามมากๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ที่แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่หน้าผา เกิดเป็นแสงเงาที่พอเหมาะพอดี ดูราวกับภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้เลยล่ะ

ใกล้ๆ กันจะมี “สไลเดอร์ธรรมชาติ” ซึ่งเป็นร่องน้ำที่ไหลไปตามโขดหิน เพื่อนๆ สามารถสไลด์ตัวลงมาตามร่องน้ำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังกันซักนิดและควรเล่นในช่วงที่น้ำไม่แรงมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงแล้วล่ะก็ มาถ่ายรูปแล้วโพสอวดเพื่อนแบบแอดดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ

แอดขออวดหน่อยนะ เพราะประทับใจที่นี่จริงๆ…อยากให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองมากๆ

การเดินทาง

ภูสิงห์
– จากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 (บึงกาฬ-นครพนม) ต่อด้วยเลี้ยวขวา เข้าทางหลวงชนบทบึงกาฬหมายเลข 3007 ตรงไปราว 5 กิโลเมตร จะพบทางเข้าภูสิงห์ ให้เลี้ยวซ้านตรงไปอีก 6 กิโลเมตร ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ภูทอก
– จากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 (บึงกาฬ-นครพนม) จากนั้นต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 222 ทางไป อำเภอ อ.ศรีวิไล จากนั้นเลี้ยวเข้าทางแยกซ้าย ผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอก

น้ำตกถ้ำพระ
– จากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 (บึงกาฬ-นครพนม) จนถึงสี่แยกบ้านชัยพร ให้เลี้ยวขวา ใช้ทางหลวงชนบทบึงกาฬหมายเลข 3009 (ทางไปภูทอก น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกถ้ำพระ บึงโขงหลง หาดคำสมบูรณ์)
– ใช้ทางหลวงชนบทบึงกาฬหมายเลข 3009 ตรงไปจนถึงบ้านต้อง เลี้ยวขวาตรงสามแยก ผ่านบ้านโสกก่าม จนถึง สภ.โสกก่าม จะพบทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปจนสุดทางจะพบสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ตามทางหลวงชนบทบึงกาฬหมายเลข 4015 จนถึงท่าเรือไปน้ำตกถ้ำพระ

เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 ตุลาคม 2562

Scroll to Top
Send this to a friend