เกาะหมาก 2 วัน 1 คืน Slow Life … Low Carbon

วันที่ 1

การเดินทางไปเกาะหมากสามารถทำได้หลายวิธี

-นั่งรถโดยสารประจำทางหรือรถตู้ เส้นทางกรุงเทพฯ-แหลมงอบ จากสถานีขนส่งเอกมัยหรือสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

-ขับรถยนต์ส่วนตัวไปยังท่าเรือแหลมงอบ จังหวัดตราด สามารถจอดรถไว้ที่ท่าเรือได้ ค่าบริการคันละประมาณ 50 บาท/คืน
ท่าเรือแหลมงอบ : https://goo.gl/maps/wenQwGjxasTaE2rq7

-เดินทางโดยเครื่องบิน สายการบิน Bangkok Airways ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถสองแถวต่อมายังท่าเรือแหลมงอบ

เมื่อมาถึงท่าเรือแหลมงอบแล้ว เราก็นั่งสปีดโบ๊ทต่อไปยังเกาะหมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45-60 นาที

โดยปกตินักท่องเที่ยวมักจะซื้อแพ็กเกจทัวร์จากรีสอร์ท ซึ่งรวมที่พักและการเดินทางไว้แล้ว แต่หากเพื่อนๆ ไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า ก็สามารถดูเที่ยวเรือและซื้อตั๋วที่ท่าเรือนี้ได้เลย

แอดแนะนำว่าควรซื้อแบบไป-กลับไว้เลยนะคะ เพื่อความสะดวกและป้องกันเรือเต็มในวันกลับ และที่สำคัญอย่าลืมโทรแจ้งกับที่พักด้วย เมื่อถึงเกาะหมากแล้วทางที่พักจะได้ส่งคนมารับที่ท่าเรือค่ะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.kohmakboat.in.th/

เย้ ถึงเกาะหมากแล้ว ถ้ามากันหลายคน แอดแนะนำให้เช่ารถไฟฟ้าเลย แต่ต้องจองล่วงหน้านะ เพราะรถมีแค่คันเดียว ส่วนใครที่อยากปั่นจักรยาน หรือขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว บนเกาะก็มีร้านให้เช่าอยู่หลายจุดด้วยกัน สามารถไปเช่าได้ด้วยตัวเองหรือให้ทางที่พักช่วยประสานให้ก็ได้ค่ะ

แอดเลือกพักที่ “Naivacha Tent เกาะหมาก”

Naivasha เป็นชื่อเมืองหนึ่งในประเทศเคนยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณอ้น เจ้าของที่พักชอบมาก จนนำมาตั้งเป็นชื่อที่พักสุดชิล ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เต็นท์ติดแอร์ท่ามกลางธรรมชาติและหาดสวยๆ ของทะเลเกาะหมาก
.
Naivacha Tent เกาะหมาก
โทร. 081 443 1294

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/Onnkohmak/
http://www.naivacha-aodaengkohmak.com/

ไฮไลท์ของเกาะหมากคือ “Low Carbon” ซึ่งทุกคนบนเกาะต่างร่วมมือร่วมใจช่วยกันลดขยะจากพลาสติก และใช้ของที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก แม้แต่ในที่พักเองก็มีถุงผ้าให้ยืมใช้ระหว่างอยู่บนเกาะด้วยค่ะ

บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าที่พักมี “พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่คุณอ้นได้ดัดแปลงบ้านเก่าของครอบครัว มาจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ รวมทั้งประวัติความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวเกาะในอดีต

หากวันไหนเพื่อนๆ โชคดี ได้เจอกับคุณอ้นละก็ แอดรับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะได้ทราบประวัติความเป็นมาของเกาะหมาก ผ่านคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในทุกช่วงเหตุการณ์แบบคุณอ้นกันอย่างจุใจแน่นอน
.
พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/WdSMFkCk9te9aCte8

หลังจากซึมซับบรรยากาศของอดีตกันแล้ว เราก็ไปที่ “Blue Pearl Bar” ภายใน Cococape Resort ซึ่งเป็นจุดที่เราจะขึ้นเรือไปเกาะขามกัน

แม้จะเป็นช่วง Low Season แต่ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวมาไม่น้อยเลย แอดแนะนำว่าระหว่างรอเรือ ลองไปนั่งชิลในบาร์ดูก็ดีนะ เมนูยอดนิยมของที่นี่มีทั้ง “กล้วยปั่น” และ “แตงโมปั่น” ซึ่งแก้ว หลอด และอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อช่วยลดขยะบนเกาะด้วยค่ะ

สำหรับการข้ามเรือไปเกาะขามนั้น เพื่อนๆ สามารถติดต่อผ่านที่พักที่เพื่อนๆ พักได้เลยนะคะ ซึ่งเค้าจะพามาขึ้นเรือที่นี่ค่ะ

เอาล่ะ เรือพร้อม คนพร้อม ก็ลงเรือกันเลย
.
Cococape Resort
โทร. 081 937 9024
พิกัด : https://goo.gl/maps/wgqY1QDDp2S6U6QV6

เกาะขาม อยู่ห่างจากจุดที่เราขึ้นเรือราวๆ 1.6 กิโลเมตร ตอนแอดไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เก็บค่าขึ้นเกาะคนละ 200 บาทด้วย ซึ่งสามารถเอาบัตรไปแลกเครื่องดื่มบนเกาะได้ค่ะ

เกาะขามนี่สวยจริงๆ เลย น้ำใส หาดทรายขาว แถมยังนุ่มละเอียดสบายเท้า สำหรับใครที่อยากจะพายเรือเล่น ก็สามารถเช่าเรือได้ที่ศาลาหน้าเกาะเลยค่ะ

มาเที่ยวช่วง Low Season ก็ดีไปอย่าง คนไม่พลุกพล่าน เล่นน้ำ ถ่ายรูปได้สบายใจ แอดปลื้มมากกก แต่ต้องระวังอย่าเล่นเพลินจนลืมเวลานะคะ เพราะเกาะจะปิดตอน 16.00 น. ค่ะ

เล่นน้ำได้สักพัก เราก็กลับมายัง Blue Pearl Bar เกาะหมาก เพื่อดำน้ำตื้นและรอดูพระอาทิตย์ตก บริเวณนี้มีฝูงปลาอยู่เพียบเลย แถมน้ำก็ใสมากด้วยค่ะ

นั่งดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับฟังเพลงชิลๆ ไปด้วย มันฟินแบบนี้นี่เอง

วันที่ 2

อากาศบนเกาะตอนเช้าสดชื่นมาก แอดรีบทานอาหารเช้าแล้วไปที่ “Roja Studio of Art” สตูดิโอจำหน่ายผ้ามัดย้อมและของฝากเก๋ๆ

ที่นี่เพื่อนๆ สามารถทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเองได้ ทั้งผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ และเสื้อ โดยสีที่ใช้นั้นล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นครามหรือกาบมะพร้าวเผา นอกจากนี้ก็ยังมีการคิดค้นสีสันใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ

ค่าใช้จ่ายในการทำผ้ามัดย้อมคนละ 1,000 บาท (รวมอาหารว่าง) เสร็จแล้วนำกลับบ้านได้เลย หรือหากใครไม่มีเวลา ก็สามารถซื้อผ้าพันคอหรือเสื้อผ้าแบบที่ย้อมสำเร็จแล้วกลับไปได้ค่ะ
.
Roja Studio of art
โทร. 085 447 4028
พิกัด : https://goo.gl/maps/QXcZv8x3UNYyw8AA7

หากเพื่อนๆ เป็นสายบู๊ และไม่ถนัดสายอาร์ต แอดขอแนะนำที่นี่เลย สนามมวย “Phoenix Muay Thai Gym Koh Mak” มาลองออกกำลังเบาๆ สักชั่วโมง หรือจะลงเรียนมวยไทยคลาสเล็กๆ ก่อนกลับก็สนุกดีค่ะ มีเทรนเนอร์คอยดูแลตลอดด้วย
.
Phoenix Muay Thai Gym Koh Mak
โทร. 081 711 1428
พิกัด : https://goo.gl/maps/HP1sbc4LBcSrf9fF6

หรือใครสนใจที่จะสำรวจเกาะ ก็สามารถขับรถเที่ยวได้ มีหลายจุดที่วิวสวยมาก แต่ที่สำคัญอย่าเที่ยวเพลินจนลืมเผื่อเวลากลับไปขึ้นเรือนะคะ 
.
แอดขึ้นเรือรอบ 11.30 น. ที่อ่าวนิด เมื่อมาถึงแล้วเราต้องยื่นตั๋วให้แก่พนักงานที่ท่าเรือก่อน จากนั้นเค้าจะให้บัตรคิวมา ซึ่งในบัตรคิวจะระบุหมายเลขเรือที่เราจะได้นั่งนั่นเอง รอบนี้ใช้เวลาแค่ 45 นาที ก็ถึงท่าเรือแหลมงอบแล้วค่ะ

กลับมาถึงฝั่ง แอดก็หิวขึ้นมาทันที ต้องหาอะไรทานซะหน่อยแล้ว

เรามากันที่นี่เลย หนึ่งในร้านที่มีคนบอกแอดว่า มาจังหวัดตราดต้องห้ามพลาด ก็คือร้าน “ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท” ร้านเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาร้านนี้

เมนูเด็ดคือ “ข้าวพริกเกลือ” และ “ก๋วยเตี๋ยวปู” ใครที่มาอาจจะต้องรอหน่อยนะคะ เพราะลูกค้าเค้าเยอะจริงๆ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะอาหารที่นี่จานใหญ่ ของทะเลก็สด ที่สำคัญราคาเริ่มต้นที่ 50 บาท เท่านั้นค่ะ
.
ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท
เปิดทุกวัน เวลา 08.30-14.30 น.
โทร. 039 511 972
พิกัด : https://goo.gl/maps/2DEc3ZNjqKQH2hck9

ใครว่าเกาะหมากไม่มีอะไรน่าสนใจ แอดบอกเลยว่าไม่จริง ที่นี่มีความเงียบสงบ มีมนต์วิเศษที่ทำให้เราหลุดจากความยุ่งเหยิงมาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่แอดสัมผัสได้ก็คือ ผู้คนบนเกาะน่ารัก เป็นกันเอง และมีน้ำใจมากๆ

อยากให้เพื่อนๆ ลองเปิดใจ ออกไปทำความรู้จักชุมชนดู ไม่แน่ว่าอาจจะได้มุมมองและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ก็เป็นได้

Sea me again & Sea you again

เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 สิงหาคม 2562

Scroll to Top
Send this to a friend