วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาดูของดีของเด็ดจาก จ.ราชบุรี ที่บัดดี้มีโอกาสไปมาไม่นานมานี้ ใครมีแพลนจะไปราชบุรีลองตามมาอ่านและตามรอยบัดดี้ได้เลย
มาเริ่มกันที่การเรียนรู้ของดีของเด็ดขึ้นชื่อจนเป็นที่มาของฉายาเมืองแห่งโอ่งที่ “เรื่องของโอ่ง” ศูนย์เรียนรู้สินค้าประจำ จ.ราชบุรี ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ที่ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นที่มีความเฉพาะตัวสูง แถมยังบ่งบอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมชาวราชบุรีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ภายในแบ่งเป็นหลายห้อง มีวิทยากรของสถานที่นำชม ทั้งวิดีโอประวัติความเป็นมาของโอ่ง ขั้นตอนการทำโอ่ง เครื่องมือและเตาเผาโอ่ง ข้อมูลของโอ่งประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงกิจกรรม Workshop ปั้นโอ่ง และเพ้นท์โอ่งมังกร
ชาวไทย 190 บาท / เด็ก 100 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 380บาท / เด็ก 200 บาท
สถานที่ต่อมา คือ “พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน” สถานที่เก็บ “หนังใหญ่” สมบัติทางวัฒนธรรมไทยที่ถือว่าเป็นการแสดงชั้นสูง เป็นการแสดงที่รวมศิลปะหลายแขนง เช่น หัตถศิลป์ นาฏศิลป์ คีตศิลป์ ดุริยางคศิลป์และวรรณศิลป์ ปัจจุบันมีตัวหนังทั้งหมดกว่า 313 ตัว
นอกจากการดูหนังใหญ่แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงเชิดหนังใหญ่ในวันเสาร์ ช่วงเวลา 10.00-11.00 น. และ
วันอาทิตย์ ช่วงเวลา 11.00-12.00 น. แบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการทำพวงกุญแจหนังใหญ่ ที่บอกเลยว่าต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างมาก พอเห็นหนังใหญ่สวย ๆ ในโชว์แล้ว บัดดี้รู้สึกทึ่งในฝีมือของคนทำมาก ๆ เลยล่ะ
หากใครชอบภาพศิลปะตามวัด บัดดี้ขอแนะนำที่นี่เลย “วัดคงคาราม” ที่แต่เดิมชื่อว่า “วัดกลาง” (ภาษามอญจะเรียกว่า “เภียโต้” แปลว่า วัดกลาง)
วัดคงคารามเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยชาวมอญกลุ่มรามัญ 7 หัวเมือง ที่ย้ายถิ่นโดยการล่องแม่น้ำมาตั้งถิ่นฐานบริเวณริมแม่น้ำแม่กลองในเขต อ.บ้านโป่ง และ อ.โพธาราม ต่อมาที่ได้เกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่และได้มีการสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธี และเป็นศูนย์รวมของชาวมอญในตัวชุมชน โดยเจ้าอาวาสของวัดคงคารามจะมีตำแหน่งเป็นพระครูรามัญญาธิบดี
สิ่งที่ห้ามพลาดชมภายในวัดนี้สำหรับบัดดี้ก็คือ พระอุโบสถเจดีย์ทรงรามัญ 7 องค์ ที่ประตูทุกบานเป็นงานจำหลักไม้ฝีมือประณีต บานหน้าต่างด้านนอกเป็นลายรดน้ำ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังงานศิลปะแบบชาวมอญ ที่ใช้สีสกัดจากเปลือกไม้และดอกไม้ในสมัยนั้น โดยภาพวาดจะเป็นเรื่องราวพุทธประวัติและทศชาติชาดก สวยงามสุด ๆ
https://maps.app.goo.gl/XZbpJikc1apd18L58
สถานที่ต่อมาอยู่ไม่ไกลจากตัว อ.โพธาราม โดยบัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาชมค้างคาวที่ “ถ้ำค้างคาว” ณ วัดเขาช่องพราน โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ในช่วงเย็นจะมีฝูงค้างคาวนับล้านตัวพากันบินออกจากถ้ำนานกว่าชั่วโมงในทุกเย็น เวลาประมาณ 17.30-18.00 น. ซึ่งในช่วงฤดูร้อนฝูงค้างคาวจะบินไปทางทิศตะวันออก ในช่วงฤดูหนาวฝูงค้างคาวบินไปทางทิศตะวันตก
วันที่บัดดี้ไปมีฝนตกเล็กน้อย หลังจากฝนหยุดก็ได้เวลาค้างคาวบินออกมาพอดี เลยได้ดูฝูงค้างคาวบินบนฟ้าโดยมีฉากหลังเป็นสายรุ้ง สวยมาก ๆ เลยล่ะ
มาต่อกันที่อีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำแม่กลอง “ศาลเจ้าแม่เบิกไพร” ที่มีเรื่องเล่ามาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ว่ากันว่าในสมัยนั้นพ่อค้าชาวจีนที่เข้ามาทำการค้าขายในไทยที่บ้านเบิกไพร ชุมชนการค้าขายในสมัยนั้น มีความศรัทธาต่อองค์เจ้าแม่เทียงโหวเชี้ยบ้อ (เจ้าแม่ทับทิม) มาก ๆ ประกอบกับบริเวณนั้นในอดีตเป็นป่าค่อนข้างมาก จึงมีการตั้งศาลเล็ก ๆ ในบริเวณนั้น โดยมีคนในพื้นที่เข้ามากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่องและมีการสร้างเสริมเติมแต่งศาลเจ้าเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ที่สำคัญศาลเจ้าแม่เบิกไพร ได้รับรางวัล “ศาลเจ้าดีเด่น” ในเขตภาคกลางด้วยนะ
สำหรับสถานที่สุดท้ายที่บัดดี้จะมาแนะนำวันนี้ก็คือ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์” ที่ก่อสร้างขึ้นโดยเทศบาลเมืองท่าผา เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับประชาชนที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับเมืองโกสินารายณ์ โดยเปิดให้เข้าชมครั้งแรกปี พ.ศ. 2557
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 ส่วน
ส่วนที่ 1 แรกรับวัฒนธรรม นำเสนอการค้นพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์และหลักฐานที่แสดงถึงการติดต่อรับวัฒนธรรมจากภายนอกภูมิภาคในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา
ส่วนที่ 2 อารยธรรมเขมรในลุ่มน้ำแม่กลอง นำเสนออารยธรรมเขมร ที่แผ่อิทธิพลครอบคลุมบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแม่กลองทางภูมิภาควันตกของประเทศไทย
ส่วนที่ 3 เมืองโกสินารายณ์ มีไฮไลต์คือรูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังจัดแสดงหลักฐานการขุดค้นโบราณสถานจอมปราสาทกลางเมืองโกสินารายณ์อีกด้วย
ส่วนที่ 4 โกสินารายณ์สมัยอยุธยาและสมัยมณฑลราชบุรี จัดแสดงข้อมูลช่วงที่มีการเปลี่ยนที่ตั้งเมืองหลวงมาเป็นกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ รวมไปถึงนโยบายการปกครองและการย้ายเมืองท่า รวมไปถึงการสร้างเส้นทางรถไฟอีกด้วย
ส่วนที่ 5 สายน้ำแห่งศรัทธา นำเสนอความเชื่อของประชาชนที่มีต่อสระโกสินารายณ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำรักษาโรค ตลอดจนเรื่องปลาตะเพียนยักษ์ เป็นต้น ซึ่งใกล้ ๆ พิพิธภัณฑ์ จะเป็นที่ตั้งของสระโกสินารายณ์ เป็นโบราณสถานอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่กลอง
