7 สถานที่ล่องแก่ง..การผจญภัยในหน้าฝน

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ มีกิจกรรมผจญภัยที่มาพร้อมกับสายฝนและสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก แวดล้อมไปด้วยป่าเขาสีเขียว นั่นก็คือ..กิจกรรมการล่องแก่งสุดมันส์ซึ่งมีหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย วันนี้แอดมินรวบรวม 7 สถานที่ล่องแก่งยอดนิยมมาฝากนักผจญภัยทั้งหลาย ที่ต้องไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต รับประกันความสนุกสนานที่คุณจะไม่มีวันลืมแน่นอน

1.ล่องแก่งลำน้ำแม่กลอง อ.อุ้มผาง จ.ตาก

ในบรรดาสายน้ำเพื่อการล่องแก่งทั่วประเทศไทย ต้องยกให้ลำน้ำแม่กลองแห่งอุ้มผางนี่แหละ คือสุดยอดของเส้นทางล่องแก่งที่มีธรรมชาติสวยงาม เพราะตลอดเส้นทางทั้งสองฟากฝั่งจะผ่านป่าเขียวขจี โตรกผาสูง และยังมีฝูงนกป่า ฝูงลิง และสัตว์ป่ามากมายให้เห็นอีกด้วย 

การล่องแก่งน้ำตกทีลอเลนั้น ก็คือการล่องแก่งต้นแม่น้ำแม่กลอง ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาสูงไหลลงมากลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง ไหลไปยัง จ.กาญจนบุรีและไปออกทะเลอ่าวไทยที่ จ.สมุทรสาคร

จุดเริ่มต้นล่องแก่งอยู่ที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงปะหละทะ ผ่านแก่งน้อยใหญ่ถึง 11 แก่ง ระดับปานกลาง–ยากมาก ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องแก่ง 5–6 ชั่วโมงไปสิ้นสุดที่แก่งอกแตก ซึ่งเป็นหินก้อนใหญ่ขวางลำน้ำ ก่อนจะได้เห็นน้ำตกทีลอเล (เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า น้ำตกหิน) ซึ่งมีลักษณะเป็นผาหินมีน้ำไหลอาบเป็นม่านทิ้งตัวสู่ลำน้ำแม่กลอง ในช่วงเช้าแดดจะสาดส่องเข้าหาตัวน้ำตกเกิดเป็นมิติสวยงาม 

เมื่อสิ้นสุดการล่องแก่งต้องค้างแรมนอนริมลำน้ำ รุ่งเช้าสามารถนั่งช้างหรือเดินเท้าผ่านป่ากลับไปยังหมู่บ้านปะหละทะ ระยะทางเดินเท้า 35 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะต้องนอนกลางป่าอีก 1 คืน 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งลำน้ำแม่กลองที่สุดคือเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ถ้าใครชอบความหวาดเสียว กระแสน้ำเชี่ยวกรากมากๆ ก็ต้องมาช่วงเดิอนกรกฎาคม-สิงหาคม 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตาก โทร.055 514 341-3 หรือติดต่อผ่านรีสอร์ทที่ อ.อุ้มผาง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบริการล่องแก่งแม่กลองด้วย
 

2.ล่องแก่งน้ำว้า อุทยานแห่งชาติแม่จริม อ.แม่จริม จ.น่าน

ลำน้ำว้า จัดว่าเป็นที่สุดแห่งการล่องแก่งในเมืองไทย และยังติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชียอีกด้วย แบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจาก
– ลำน้ำว้าตอนบนระยะทาง 35 กิโลเมตร ผ่านโขดหินใหญ่ น้ำวน และน้ำตกเป็นระยะ 
– ลำน้ำว้าตอนกลางระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องถึง 2 วัน ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเกาะแก่งและวังน้ำน้อยใหญ่ไหลผ่านหุบเขา กระแสน้ำแรง บางช่วงมีน้ำวน จึงเหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์ล่องแก่งเท่านั้น 
– ส่วนลำน้ำว้าตอนล่างระยะทาง 12 กิโลเมตร สามารถล่องแก่งได้ทั้งปี เป็นช่วงล่องแก่งที่เล็กและเบาที่สุด เหมาะสำหรับนักผจญภัยทุกคน คล้ายๆ ล่องเรือยางชมทิวทัศน์ของป่าเขามากกว่า

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งน้ำว้าคือ ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานแพร่ โทร.054 521 118, 054 521 127

3.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

ลำน้ำเข็ก เป็นลำน้ำที่ไม่ใหญ่มากแต่มีแก่งมากมายถึง 18 แก่ง น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลขุ่นในช่วงหน้าฝน แต่ในช่วงหน้าแล้งจะเป็นสีเขียวใส ความรุนแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับระดับน้ำ ถ้าเป็นช่วงที่ฝนตกชุกความรุนแรงของกระแสน้ำจะมากตามไปด้วย การเดินทางไปล่องแก่งค่อนข้างสะดวกเพราะลำน้ำจะอยู่ใกล้ถนน ลงจากรถก็ลงเรือต่อได้เลย 

การล่องแก่งลำน้ำเข็กมีระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องประมาณ 3 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสกับความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจตลอดเวลา ได้ชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่ปกคลุมไปด้วยไม้ใหญ่ร่มรื่น และผ่านเกาะแก่งมากมายที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับ 1-5 สลับกันตลอดเส้นทาง 

นอกจากจะได้สนุกสนานการล่องแก่งลำน้ำเข็กแล้ว ยังจะได้ชิมกาแฟแก่งซอง ซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นพันธุ์อาราบิก้าต้นตำรับแท้ๆ ที่มีความเข้มข้นหอมละมุน ปลูกอยู่ทั่วไปบริเวณตำบลแก่งโสภา จึงมีชื่อเรียกติดปากว่า กาแฟแก่งซอง ปัจจุบันกาแฟแก่งซองเป็นกาแฟขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลกและเป็นที่ยอมรับของคอกาแฟอย่างแพร่หลาย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งลำน้ำเข็กคือ เดือนกรกฎาคม-กันยายน 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานพิษณุโลก โทร. 055 252 7423

4.ล่องแก่งหินเพิง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี

แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินขนาดใหญ่อยู่ในลำน้ำใสใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.นาดี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เหมาะแก่การล่องแก่งเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หากพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้วที่นี่จะกลายสภาพเป็นลานโขดหินกว้างใหญ่ 

การล่องแก่งหินเพิงจะผ่านแก่งต่างๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า ใช้เวลาในการล่องประมาณ 45 นาที 

นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถติดต่อบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมล่องแก่งหินเพิง และสามารถพักค้างแรมแบบแคมป์ปิ้ง หรือจะพักรีสอร์ทในเขตอำเภอนาดีก็ได้

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งหินเพิงมากที่สุดคือ เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณน้ำกำลังพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมผู้ประกอบการล่องแก่งหินเพิง โทร. 062 524 9698 หรือ ททท. สำนักงานนครนายก โทร. 037 312 282, 037 312 284

5.ล่องแก่งต้นแม่น้ำนครนายก จ.นครนายก

แม่น้ำนครนายก มีต้นกำเนิดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกิดจากลำธารหลายสาย เช่น คลองตะไคร้ คลองนางรอง มารวมกันกลายเป็นแม่น้ำไหลผ่านจังหวัดนครนายก การล่องแก่งแม่น้ำนครนายก มีความยากตั้งแต่ระดับ 3-5 สร้างความสนุกได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดทั้งปี 

จุดเริ่มต้นการล่องแก่งจะอยู่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน (หลังเขื่อนคลองท่าด่าน หรือเขื่อนขุนด่านปราการชล) เลาะเลี้ยวไปตามลำน้ำนครนายก ผ่านแก่งต่างๆ ที่สร้างความสนุกตื่นเต้นตลอดการล่องแก่งราว 2 ชั่วโมง จนไปสิ้นสุดการล่องที่บริเวณบ้านวังยาว

แก่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการล่องแก่งที่นี่ก็คือ แก่งหินสามชั้นซึ่งเป็นแก่งสุดท้าย จะมีช่วงหนึ่งก่อนถึงตัวแก่งที่เป็นโค้งหักศอก ต้องใช้ความระมัดระวังในการบังคับฝีพาย เพราะแก่งหินสามชั้นมีลักษณะเทลาดเอียงลงมาเป็นขั้นบันได ระยะทางประมาณ 50 เมตร กระแสน้ำจะไหลวนลงมากระทบกับโขดหินใต้น้ำ เกิดเป็นคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร นับเป็นจุดท้าทายของนักล่องแก่งทั้งหลาย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการล่องแก่งแม่น้ำนครนายก ประมาณกระแสน้ำจะไหลแรงในฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม–ตุลาคม 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานนครนายก โทร.037 312 282, 037 312 284

6.ล่องแก่งน้ำตกโตนปริวรรต จ.พังงา

พังงาไม่ได้มีดีแค่หมู่เกาะและทะเลเท่านั้น แต่ยังมีป่าไม้และลำธารอันบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต ต.สองแพรก อ.เมือง ซึ่งมีน้ำตกโตนปริวรรต แหล่งต้นน้ำของคลองสองแพรก สายน้ำที่มีกิจกรรมล่องแก่งเรือยางให้สนุกสนานกันได้ตลอดทั้งปี 

เส้นทางล่องแก่งผ่านสายน้ำคลองสองแพรกที่ไหลมาจากน้ำตกโตนปริวรรตนั้น ตลอดเส้นทางจะเจอกระแสน้ำเชียวกรากที่ไหลผ่านโขดหินและแก่งต่างๆ มากมาย สร้างความสนุกตื่นเต้นและท้าทายให้แก่นักผจญภัยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งตลอดสองข้างทางยังมีธรรมชาติอันงดงามให้ได้ชมตลอดการล่องแก่งอีกด้วย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่งน้ำตกโตนปริวรรตคือ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานพังงา โทร. 076 413 400-2

7.ล่องแก่งหนานมดแดง ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง

แก่งหนานมดแดง เป็นแก่งที่บรรยากาศสองฝั่งคลองยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้นานาพันธุ์และนกประจำถิ่นนานาชนิด ในขณะล่องแก่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ตื่นเต้นกับบรรยากาศตลอดเส้นทางแล้ว ยังได้สัมผัสกับน้ำที่เย็นและใสจนสามารถมองเห็นปลาและสาหร่ายเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน หลังจากเพลิดเพลินกับการล่องแก่งแล้ว ก็สามารถขึ้นมาพักผ่อนในห้องอบยาสมุนไพรเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และยังสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ด้วย 

บริเวณใกล้เคียงยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกหนานสวรรค์ ถ้ำวังนายพุฒ สักการะหลวงปู่แสงที่วัดวังหอมพุทธาราม และชมอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส

แก่งหนานมดแดงสามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือเดือนกรกฎาคม-กันยายน 

รายละเอียดสามารถเข้าไปชมได้ที่ 
http://www.nhanmoddang.com/index-th.htm และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานนครศรีธรรมราช โทร. 075 346 515-6

Scroll to Top
Send this to a friend