อุทัยทริป : 10 จุดห้ามพลาดเมืองอุทัยธานี

Spread the love

อุทัยทริป : 10 จุดห้ามพลาดเมืองอุทัยธานี

1. ชุมชนเรือนแพ แม่น้ำสะแกกรัง
.
มนต์เสน่ห์บนสายน้ำสะแกกรัง สะท้อนวิถีชีวิตชาวอุทัยธานี ที่ยังคงความเรียบง่ายไม่เปลี่ยนแปลง…ไม่ว่าจะมีโอกาสมาอุทัยกี่รอบก็แล้วแต่ การล่องเรือเที่ยวชมชุมชนเรือนแพบนแม่น้ำสะแกกรัง ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมหลักที่แอดไม่เคยพลาด หรือถ้าใครไม่สะดวกล่องเรือ ก็สามารถยืนชมบรรยากาศชุมชนเรือนแพได้ตลอดสองฟากฝั่งริมแม่น้ำสะแกกรัง
.
สมัยก่อนเวลาพ่อค้าล่องเรือผ่านมาถึงแม่น้ำสายนี้ จะเห็นต้นสะแกที่ออกดอกเล็กๆ ชูช่อยาวสีเขียวอมเหลือง ห้อยระย้าลงมาตามริมฝั่งน้ำ ถึงแม้ว่าวันนี้ดอกสะแกอาจไม่ค่อยมีให้เห็นกันเยอะเหมือนสมัยก่อน แต่เรายังคงสัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ของแม่น้ำสะแกกรังผ่านเรือนแพไม้ไผ่ ที่ตั้งอยู่เรียงรายไปตามลำน้ำ
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/U4JX8cp7hLu

ค่าบริการกิจกรรมล่องเรือ
.
– บริการเรือหางยาวมีหลังคา ล่องแม่น้ำสะแกกรัง นั่งได้ 10-12 คน ล่องเรือภายในเขตเทศบาล ราคา 250 บาท หากไปถึงวัดท่าซุงราคาประมาณ 800 บาท
– สำหรับเรือขนาดใหญ่ นั่งได้ 40 คน ราคาเหมาประมาณ 4,000 บาท (ไม่รวมอาหารเย็น)

2. วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์)

วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ริมน้ำสะแกกรัง ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวอุทัยธานีมาหลายร้อยปี ด้วยความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็น “มณฑปแปดเหลี่ยม” ศิลปะผสมระหว่างไทย จีน และตะวันตก “เจดีย์สามสมัย” เจดีย์ 3 องค์ ทีมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งเจดีย์หกเหลี่ยมแบบอยุธยา เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบรัตนโกสินทร์ และเจดีย์ทรงลอมฟางแบบสุโขทัย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/ktPxicCU3wy

นอกจากนี้ทั้งด้านในและด้านนอกพระอุโบสถและพระวิหาร ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ เริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน ที่วาดโดยฝีมือของช่างหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อีกหนึ่งศิลปะล้ำค่าที่บอกเล่าความผูกพันของชาวบ้านกับพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี

3. วัดสังกัสรัตนคีรี

หากขับรถเข้ามาจากทางหลวงหมายเลข 32 เข้าเมืองอุทัยธานี ยังไม่ทันถึงตัวเมืองดีเราจะเห็นยอดเจดีย์ของวัดสังกัสรัตนคีรีตั้งโดดเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล นอกจากการมากราบสักการะ “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานีที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของวัดแห่งนี้ก็คือ งานประเพณีตักบาตรเทโว ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ประเพณีสำคัญของจังหวัดที่มีชื่อเสียงมายาวนาน กับภาพของพระสงฆ์ราว 500 รูป เดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรังมารับบิณฑบาตร ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนรอใส่บาตรอยู่ที่ลานวัดทางด้านล่าง

พิกัด : https://goo.gl/maps/axEb5Ra2PhT2

ภาพจากจุดชมวิววัดสังกัสรัตนคีรี

4. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
.
อีกหนึ่งวัดที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คสำคัญของอุทัยธานี มาเที่ยววัดท่าซุงต้องไม่พลาดชมวิหารแก้ว ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ตามกำแพง เสา และเพดานวิหารประดับด้วยแก้วที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เป็นภาพที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/92Xm48JffMQ2

ความอลังการของปราสาททองคำก็เป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี

5. เกาะเทโพ
.
หนึ่งในเส้นทางในฝันของนักปั่นบนหลังอาน ที่อยากจะนำสองล้อคู่ใจมาปั่นลัดเลาะรอบเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดชื่น ผ่านเส้นทางทุ่งนา ไร่สวนส้มโอ 
.
เกาะเทโพเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำสะแกกรัง และแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันทางจังหวัดยังได้จัดทำเส้นทางจักรยานปั่นเที่ยวตัวเมืองและเกาะเทโพ เพื่อเป็นการช่วยลดมลภาวะ และยังเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนต่างๆ บนเกาะได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/rcCwPhhaCx32

6. บ้านจงรัก
.
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ ไล่ไปตั้งแต่ของเล่น ของใช้ภายในบ้าน เครื่องครัว ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในสมัยโบราณ ซึ่งล้วนเป็นของสะสมของบรรพบุรุษมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างทำเป็นคาเฟ่ร่วมสมัย มีทั้งชา กาแฟสด ขนมหวานต่างๆ รวมไปถึงน้ำสมุนโพรโฮมเมดสูตรโบราณด้วย
.
สำหรับใครที่ชอบสะสมของเก่า ถ้ามาเที่ยวอุทัยธานีอย่าลืมแวะมาเยี่ยมชม เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความทรงจำในอดีตกันได้ที่นี่ “บ้านจงรัก” 
.
เปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ เวลา 07.30 – 17.00 น. (พิพิธภัณฑ์ เปิดเวลา 09.00 น.)
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/qJeAh35aiVP2

7. บ้านนกเขา
.
ห้องแถวโบราณขนาดหนึ่งคูหาแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมของเก่าของสะสมมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายในอดีต เช่น ภาพถ่ายโรงฝิ่น ซึ่งการสูบฝิ่นเคยเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายจีนในสมัยก่อน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของชาวอุทัยธานี
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/nGFC7Dbu7LR2

8. ถนนคนเดินตรอกโรงยา (ตลาดเก่าบ้านสะแกกรัง)
.
ภาพของตรอกโรงยาในอดีต ก่อน พ.ศ.2500 ที่เคยเป็นแหล่งซื้อขายและสูบฝิ่นกันอย่างเสรี ค่อยๆ ซบเซาลง และเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน หลังจากการประกาศให้ฝิ่นกลายเป็นสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย
.
ในปัจจุบันตรอกโรงยาถูกปลุกขึ้นมาจากความทรงจำอีกครั้งในรูปแบบของถนนคนเดินใจกลางเมืองอุทัยธานี ที่มีของให้เลือกชอปเลือกชิมกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน อาหารถิ่น ของกินเล่นต่างๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ความเจริญรุ่งเรืองของตรอกโรงยาในอดีต ก็ยังคงปรากฎร่องรอยผ่านบ้านไม้เก่าๆ ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้าต่างๆ 
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/8YpFcos8tt42

9. หุบป่าตาด
.
ออกนอกตัวเมืองมาหลงป่าดงดิบ เดินเข้าสู่ยุคดึกดำบรรพ์กันที่ หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
.
ทางเข้าหุบเป็นถ้ำมืดสนิทต้องใช้ไฟฉายส่องทาง แต่ระยะทางไม่ไกลมากนัก เมื่อเดินลอดผ่านเข้ามาภายในหุบมีสภาพเป็นป่าดงดิบ ที่อากาศเย็นและชื้น พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยต้นตาด พืชยุคดึกดำบรรพ์ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นปาล์ม มีใบเป็นแฉก ชอบขึ้นในพื้นที่ป่าดงดิบหนาทึบ
.
เดินเข้าไปเกือบสุดเส้นทางจะพบกับถ้ำอีกหนึ่งถ้ำ มีลักษณะเป็นโถงแบบเปิดโล่ง ตรงจุดนี้ถ้าอยากถ่ายภาพให้สวย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือระหว่าง 11.00-13.00 น. ซึ่งแสงจะส่องลงมายังหุบป่าตาดมากที่สุด (เพื่อนๆ สามารถเข้าชมหุบป่าตาดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.)
.
หุบป่าตาดสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน จะมีโอกาสได้เห็นกิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์ป่าดึกดำบรรพ์ ซึ่งพบได้ที่นี่เพียงที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น
.
พิกัด : https://goo.gl/maps/xzhcfradnt22

10. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
.
หนึ่งในผืนป่ามรดกโลกของพวกเรา ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากที่นี่ประกอบไปด้วยป่าถึง 5 ใน 7 ชนิด ที่พบในเขตร้อนชื้น ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ก่อให้เกิดความหลากหลายของพืขพันธุ์และสัตว์ต่างๆ บางชนิดเป็นสัตว์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน ไก่ป่า นกยูงไทย และยังมีแมลงต่าง ๆ อีกมากมาย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/3a6R2BaPyBQ2

ถึงแม้ว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้เข้าชมทั่วไป เนื่องจากอยู่ในเขตอนุรักษ์ที่มีความเปราะบาง แต่ก็มีการกำหนดจุดผ่อนปรนให้ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาและชมธรรมชาติได้ ดังนี้
.
– บริเวณสำนักงานเขตฯ อำเภอลานสัก ซึ่งมีกิจกรรมเดินป่าตามรอยเส้นทางของเสือ และอนุสรณ์สถาน “สืบ นาคะเสถียร” 
– บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าไซเบอร์ อำเภอห้วยคต ซึ่งมีกิจกรรมตั้งแคมป์ริมน้ำตกไซเบอร์ 
– บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี อำเภอบ้านไร่ มีกิจกรรมตั้งแคมป์ตามโครงการห้องรับรองแขกห้วยขาแข้ง และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้รองรับ
.
เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ดังนั้นการเดินทางไปศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จึงต้องติดต่อขออนุญาตเสียก่อน โดยสามารถยื่นคำขอได้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน

Scroll to Top